ความคิดเห็นที่ 1 กินน้ำมะพร้าวแล้วลูกออกมาตัวขาวไม่จริงครับ ส่วนการอยู่ไฟเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยโบราณ ถ้าสามารถทำได้ก็ดีครับ (อยู่ไฟหลังคลอดไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะครับ ^^) จากคุณ : Ice-man - [ 28 พ.ค. 51 17:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หย่าครับ เอ้ยย..ล้อเล่นนะครับ (จะว่าไปแล้ว นิสัยแบบนี้น่าจะเห็นตั้งแต่ตอนคบกันนะเนี่ย ผมกับแฟนเก่าเถียงกันประจำเลย พวกเรื่องงมงายพวกนี้) สำหรับตอนนี้ก็หยวนๆไปก่อนครับ เอาใจเค้าหน่อย คนกำลังท้อง พยายามหาของมีประโยชน์อื่นๆให้เค้าทานละกันครับ ให้ทานน้ำมะพร้าวแต่พอดี บอกเค้าว่าทานมากไปก็อ้วน ไม่ดีทั้งลูกทั้งแม่ ไว้รอคลอดเสร็จค่อยมาอธิบาย(เถียง)กันอีกทีก็ได้ครับ ถ้าลูกตัวขาวจริงๆ คุณอาจจะเสียเปรียบหน่อย ถ้าลูกผิวคล้ำ คุณจะได้ข่มได้ ว่าไม่เห็นจะจริงเลย ถ้าลูกตัวดำ ผมหยิก คุณอาจจะต้องเคลียร์กับภรรยาชัดๆนะครับ อิอิ :D จากคุณ : มนุษย์บัตรผ่าน - [ 28 พ.ค. 51 17:20:35 A:146.23.250.105 X: TicketID:110995 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขาว ไม่ขาว อยู่กับกรรมพันธุ์ พ่อดำ แม่ดำ ออกมาขาวก็แปลก เคยได้ยินแต่กินน้ำมะพร้าวบ่อยๆระหว่างท้อง คลอดออกมา เด็กจะเนื้อตัวสะอาดไม่มีเมือก อะไรเนี๊ย จากคุณ : skybrigde - [ 28 พ.ค. 51 17:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่จริง  เรื่องนี้เถียงหัวชนฝาเลย แล้วก็สรรพคุณของน้ำมะพร้าว ทำให้ร่างกายเย็น  แฟนผมว่า ไม่ค่อยเหมาะกับคนท้องสักเท่าไหร่นะ  ตลอดเวลาที่เธอท้องจนคลอดลูกไม่เคยดื่มน้ำมะพร้าวสักแอะเลย  ยังไง ก็อยากให้ตรวจสอบคุณสมบัติดูให้แน่ใจก่อนดื่มนะครับ จากคุณ : สามทับหนึ่ง - [ 28 พ.ค. 51 17:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เค้าบอกว่า ห้ามเผาถ่านต่างหาก  ลูกออกมาจาตัวดำ จากคุณ : G (O-DED) - [ 28 พ.ค. 51 17:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่รู้แต่ว่าแม่ผมก็กินพวกน้ำมะพร้าวหรือน้ำเต้าหู้อะ ตอนผมคลอดออกมาตัวขาวโคตรๆเลยหมอยังถามเลยทำยังไงลูกถึงตัวขาวจัง แต่ตอนนี้ผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับยังเป้นทารกอยุ่เลยไม่รู้จิงรึป่าว แต่ว่าอย่ากินมากครับกินมากมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพกินแต่พอดีๆ จะดีกว่าครับ จากคุณ : mao_narak - [ 28 พ.ค. 51 17:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จริงครับ แม่ผมกินน้ำมะพร้าวตอนท้อง สีผิวผมเหมือนมะพร้าวเผาเลยครับ จากคุณ : jubchay - [ 28 พ.ค. 51 17:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องนี้ต้องคุยกันยาวครับ -*- แต่ที่แน่ๆการอยู่ไฟถ้าทำแบบถูกวิธีมีประโยชน์มาก เรื่องน้ำมะพร้าวนี่ แถวแอฟริกาไม่มีให้กิน มิน่าออกมาดำกันหมด จากคุณ : Mr.june - [ 28 พ.ค. 51 18:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มันเป็ฯความเชื่อครับ ... และความเชื่อหลายๆอย่างโดนฝังหัวและบอกต่อๆกันมาจนไม่รู้จะเชื่อได้ดีหรือไม่ ในเหตุผลของคนที่กิน ก็มักจะบอกว่าโบราณว่าไว้  และมีคนทำตามกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม ถ้าเป็นในทางสถิติเหมือนจะเชื่อได้ แต่คนที่เชื่อคำโบราณอาจจะลืมไปอย่างว่า อัตราการตายและพิการอันเกิดจากการคลอดในสมัยโบราณ มีมากกว่าปัจจุบันไม่รู้กี่ร้อยเท่า (ใช้คำว่าร้อยล่ะครับ ไม่ได้เขียนผิด) และอีกอย่างที่สำคัญกว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า "โบราณว่าไว้"นั้นเชื่อถือได้ เล่ากันมาถูก เรื่องน้ำมะพร้าว ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันครับ แต่เชื่อไหมว่ามันไม่เหมือนกันเลย ทั้งที่เป็นเรื่องในชุมชนเดียวกันแท้แท้ ความเชื่อมีตั้งแต่ - กินน้ำมะพร้าวและ เด็กจะคลอดง่ายเพราะน้ำมะพร้าวจะกลายเป็นไขเคลือบตัว - กินน้ำมะพร้าวแล้วจะไปช่วยล้างไขที่ติดตามตัวเด็กตอนแรกเกิด - กินน้ำมะพร้าวจะทำให้เด็กผิวขาว - ห้ามกินน้ำมะพร้าว เพราะจะทำให้ไขที่ตัวเด็กหลุด เด็กจะคลอดยาก - ห้ามกินน้ำมะพร้าว เพราะเด็กจะหัวกลมไม่สวย - ให้กินเนื้อมะพร้าว ไม่ให้กินน้ำ แล้วเด็กจะมีผิวขาว - ห้ามกินน้ำมะพร้าว เพราะจะทำให้แท้ง อำเภอเดียวกันครับ แต่ความเชื่อพื้นบ้านแผนไทยนี่แหละ แต่มีความแตกต่างมากมาย ในกรณีนี้ ผมว่าคุณน้ำปลาเดือนห้ายอมภรรยาแล้วกันครับ แต่ให้ยกความเชื่อโบราณเรื่องห้ามกินจุบจิบ ห้ามกินของหวานและอาหารแสลงจำพวกไขมันของหมักดองมาใช้ด้วย ... จะได้ถัวเฉลี่ยเรื่องพลังงานส่วนเกินที่จะได้รับไป จากคุณ : หมอแมว - [ 28 พ.ค. 51 18:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพื่อนผมพึ่งคลอดลูกตอนปลายปี ระหว่างตั่งครรถ์มันก็เมียดื่มน้ำมะพร้าวสดทุกวัน ตามที่เค้าบอกว่าผิวจะสวย (พ่อ-แม่ ไม่ขาวเท่าไหร่นะ กลางๆ) พอคลอดมาลูกก็ผิวดีอะครับ หลังจากนั้นสักเดือนก็ปกติเหมือนเด็กทั่วไป พวกผมยังแซวเลยไหนว่าได้ผลไง สรุปจากที่เห็นและพิสูจน์โดยเพื่อน ผมว่าน้ำมะพร้าวน่าจะทำให้เด็กแรกเกิดผิวสวยนะครับ คือเหมือนผิวมันๆคล้ายๆทาโลชั่น พอหลังจากเด็กปรับตัวได้สักระยะผิวก็เหมือนปกติ เป็นผมก็ให้ทานนะ อร่อยดี แต่คงไม่ยึดติดอะไรขนาดที่ว่าจะออกมาแล้วต้องขาวจั้วหรอก ของแบบนี้มันอยู่ที่พ่อ-แม่ด้วยครับ จากคุณ : โอพ่อพระ - [ 28 พ.ค. 51 18:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราไม่รู้ผลว่าจะเป็นจริงตามความเชื่อหรือไม่นะคะ เราเห็นอย่างอื่นคือ คุณขี้รำคาญจัง แค่ขอกินน้ำมะพร้าวทุกวันระหว่างท้องคุณก็หงุดหงิดแล้ว มะพร้าวผลละไม่กี่บาท ผลเสียจากการกินเป็นประจำน้อยมาก ภรรยาคุณน่าจะแอบงอนอยู่บ้างแล้วละ โอ้โฮ ถ้าเจอคนแพ้ท้องอยากกินอะไรแปลกๆ จะเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้ จากคุณ : anthurium - [ 28 พ.ค. 51 19:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาเล อินโด ฟิจิ และหมู่เกาะทะเลใต้ทั้งหลาย กินมะพร้าวกันเป็นว่าเล่น ผมก็เห็นดำเนียนเชียว จากคุณ : อะธีลาส - [ 28 พ.ค. 51 19:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อันนี้ตั้งใจตอบความเห็นที่ 11 .... ถ้าผมกำลังจะมีลูก ผมก็อยากให้ทั้งภรรยาและลูกของผมแข็งแรงครับ ที่สำคัญที่สุดคือการตามใจเท่าที่ทำได้โดยไม่เสียสุขภาพ จากคุณ : หมอแมว - [ 28 พ.ค. 51 19:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พบกันตรงครึ่งทางก็แล้วกัน เพราะมันไม่เหนื่อยดี จากคุณ : AW Milan - [ 28 พ.ค. 51 19:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ท้องอยู่ค่ะ แต่อยู่ญี่ปุ่น หามะพร้าวกินไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยคิดจะกินอยู่แล้วด้วยค่ะ ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ค่ะ อีกอย่าง เด็กแถวนี้ตัวขาวจั๊วะกันหมดทุกคนเลย เห็นแม่ๆ กินซีอิ๊วโชยุกันทุกวันเลย กินมะพร้าวเยอะ น้ำตาลอาจจะขึ้นเอาได้ด้วยค่ะ อยู่ญี่ปุ่นคนท้องห้ามน้ำหนักขึ้นเกิน 10 โลซะด้วย ส่วนเรื่องอยู่ไฟ ก็คงไม่ได้อยู่เหมือนกันค้า แต่คิดว่าคงไม่จำเป็นเหมือนกันค่ะ ตอนผ่าตัดรอบที่แล้ว แม่สั่งห้ามกินไข่ ตัวเองไม่เชื่อ แอบกินไข่ เกือบทุกวัน แผลก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ตอนนี้แม่โทรมากำชับอีกแล้วว่าตอนผ่าคลอด ห้ามกินไข่ ห้ามกินเนื้อวัว เดี๋ยวเป็นไทกอ ห้ามกินเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ แต่ไม่เคยเถียงนะคะ เฉยๆ แต่ก็กินตามปกติที่ตัวเองคิดว่าได้สารอาหารครบถ้วนค้า จากคุณ : zuling68 - [ 28 พ.ค. 51 19:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อย่างงี้สงสัยแม่เรากินโอเลี้ยงแน่ๆเลย เหอเหอ จากคุณ : zonier - [ 28 พ.ค. 51 20:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยได้ยินเหมือนกันตอนที่แม่ตั้งทองน้อง ก็เคยได้ยินแบบนี้ แต่พอได้เรียนชีววิทยา ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ สีผิวมันขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ส่วนเรื่องอยู่ไฟ มันก็ช่วย อะไรไม่รู้แต่มีประโยชน์จริงๆสำหรับคนท้อง เคยดูรายการอะไรซักอย่าง จะมีร้านที่ทำให้คนท้องอยู่ไฟด้วย มีข้อมูลการอยู่ไฟ จากเว็บนี้ http://www.thainewmom.com/u-fire-for-mom.html จากคุณ : Soul society - [ 28 พ.ค. 51 20:46:09 A:58.9.102.224 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 อีกเว็บ ประโยชน์ของการอยู่ไฟ 1. การอบสมุนไพรช่วยขับน้ำคาวปลา 2. ช่วยให้มดลูกแห้งและเข้าอู่เร็วขึ้น 3. ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย 4. ช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อจากการคลอด 5. ช่วยให้ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล http://www.ekrungthep.com/marketplace/Biz_ContentColumn.asp?ColumnID=409&SP=20501190048 จากคุณ : Soul society - [ 28 พ.ค. 51 20:59:37 A:58.9.102.224 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ้าว     น้ำมะพร้าวเนี่ยเค้าใช้กินกันหรือ ผมเอาไปล้างหน้าอยู่ตั้งนาน จากคุณ : ทิดโจ้ - [ 28 พ.ค. 51 21:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เอาที่กลัวก่อนนะครับ น้ำมะพร้าว มันมีน้ำตาลก็จริง  แต่น้อยครับ   เรื่องดื่มน้ำมะพร้าวกับคนท้องในเชิงวิชาการ  เคยเห็นหลายเวบและทางทีวี อย่างในทีวี คุณปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เคยไปบรรยายว่า ช่วงภรรยาท้องก็ให้ ทานน้ำมะพร้าวเป็นทะลายๆ เหมือนกัน เป็นเพราะเด็กที่คลอดผิวจะไม่เป็นไข ซึ่งบางข้อมูลก็จะบอกอีกแบบ อย่างเช่นที่หว้ากอนี่แหละ บอกว่าจริงๆผิวเป็นไขนี่แหละ แต่จะใสลอกง่ายกว่าปกติ ใรแง่ของแพทย์อินเดีย หรือพวกอายุรเวทก็แนะนำเหมือนกันครับว่าควรจะกินสด ๆอย่าเปิดทิ้งไว้นาน อีกเรื่อง อันนี้แนะนำอย่าว่าเด็กสอนผู้ใหญ่หรือว่าไง บอกด้วยความปราถนาดีจริงๆ นิสัยนักวิทยาศาสตร์คือการเอาเหตุผลมาชนะกัน แต่ในแง่ชีวิตจริงมันไม่ win-win หรอกครับ ถ้ากับคนนอกครอบครัวไม่เป็นไรหรอก อันนี้คงคิดต่อเองได้ จากคุณ : Panda-baker - [ 28 พ.ค. 51 21:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ของผมหม่ามี้ชอบกินโอเลี้ยงออกมาเลย ผิวมาตรฐานชายไทยเลย ส่วนน้องสาวนี่ ขาวเป็นอาหมวยเลย เดินด้วยกันตั้งแต่เด็กไม่มีใครเชื่อว่าเป็นพี่น้องเลยซักคน 66666 จากคุณ : monsungja - [ 28 พ.ค. 51 22:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 1. น้ำมะพร้าวประกอบไปด้วยอะไร น้ำตาลมากไหม ถ้าจะเทียบ ผมจะเทียบกับโค้ก ... โค้ก 1ลิตร มีน้ำตาลประมาณ 120กรัม (โค้กหนึ่งกระป๋อง มี 40กรัม) ส่วนน้ำมะพร้าวนั้นมีปริมาณน้ำตาลแตกต่างกันไปตามงานวิจัย - โดยอาจจะแตกต่างกันจาก สภาพที่อยู่ อายุของลูกมะพร้าว สภาพแวดล้อม มีตั้งแต่ 0.2กรัม ต่อลิตร ไปจนถึง 40 กรัมต่อลิตร (เท่าที่อ่านผ่านๆ ส่วนมากจะอยู่ที่20-30กรัมต่อลิตร) Vigliar R et al. Biochemical profile of coconut water. Jornal de Pediatria - Vol. 82, No.4, 2006 ส่วนงานวิจัยของไทย Chavalittamrong B, Pidatcha P, Thavisri U. Electrolytes, sugar, calories, osmolarity and pH of beverages and coconut water. Southeast Asian J Trop Med Public Health. 1982 Sep;13(3):427-31 ระบุว่าในน้ำอัดลมมีน้ำตาลประมาณ 87กรัมต่อลิตร  โดยที่น้ำมะพร้าวมีน้ำตาลที่ 11กรัมต่อลิตร ดังนั้นในน้ำมะพร้าวที่กินจะมีน้ำตาลมากหรือน้อยแค่ไหน ก็ต้องดูว่ากินไปเท่าไหร่ 2.  สีผิวของเด็กที่เกิดมา อันนี้ขึ้นกับพันธุกรรมครับ  ทีนี้จะมีหลายๆคนที่พ่อแม่ตัวดำ แต่ลูกเกิดมาตัวขาวจั๊วะ ... เกิดอะไรขึ้น ในทุกชนชาติ มนุษย์ที่เกิดมาจะมีสีผิวอ่อนกว่าปกติครับ เนื่องมาจากการเจริญของเม็ดสีที่ผิวยังไม่เต็มที่ / การไหลเวียนของเลือดที่ผิวหนัง  ทำให้เด็กทารกแรกคลอดจะมีสีอมชมพูปนไปกับสีผิวพื้นฐาน ... พออายุได้สักสัปดาห์นึง ก็จะเริ่มเข้มขึ้น และสีในตอนแรกคลอดกับสีในตอนที่โตขึ้นไม่มีความสัมพันธ์กัน ... ตอนแรกอาจจะขาวจั๊วะ แต่พอสัก5ขวบอาจจะตัวดำก็ได้ ทีนี้ในกรณีทั่วไปถ้าไม่ขาวเว่อร์มาก ก็มักไม่ค่อยแปลกใจ หรือบ้านไหนมีลูกหลานมากๆ ก็มักไม่แปลกใจ ... เพราะเห็นบ่อย แต่ถ้าบ้านไหนพ่อแม่สีผิวคล้ำ ทำงานกร้านแดด และมีลูกหลานในครอบครัวน้อย ... พอเด็กทารกเกิดมาตัวขาวอมชมพู ก็จะเป็นที่ฮือฮา แล้วพอโตขึ้นก็ดำขึ้นอยู่ดี 3. ไขที่ผิวเด็ก Vernix เป็นไขที่หุ้มเคลือบผิวเด็กทารกแรกคลอดไว้ โดยไขนี้จะเริ่มมีตั้งแต่อายุครรภ์5เดือน และพอครบกำหนด 9เดือนก็จะค่อยๆลดลง สมัยก่อนก็ไม่มีอะไร พอคลอดมาก็เช็ดออกเพราะดูเหมือนสกปรก แต่พอปัจจุบันมีงานวิจัยออกมาเรื่องประโยชน์ของไขที่ว่านี้มากมาย ทั้งในแง่ของการปกป้องผิวทารกจากการขูดขีด / ช่วยลดการเสียความร้อนทางผิวหนังที่ยังเจริญไม่เต็มที่ / มีสารต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ในโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้ก็เห็นหลายๆแห่งที่จะให้เด็กอาบน้ำหลังคลอดก็ต่อเมื่อเลย24ชั่วโมงไปแล้ว ไม่รีบอาบกัน โดยรวมแล้ว ปัจจุบันเรารู้ประโยชน์ของVernixหรือไขที่ว่านี้แล้วว่าไม่ได้แค่เปื้อนตัวเด็กเฉยๆ ... และไม่ได้สกปรกจนจะต้องไปสรรหาวิธีทำให้หลุดออกง่าย จากคุณ : หมอแมว - [ 28 พ.ค. 51 23:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ให้คนผิวดำแถวแอฟริกากินเข้าไป ออกมาขาวนี่สงสัยมีชู้แล้วมั้ง จากคุณ : Bluedonut - [ 28 พ.ค. 51 23:48:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดังนั้น เวลาจะแนะนำว่าให้ดื่มหรือไม่ดื่มน้ำมะพร้าว ก็ต้องชั่งน้ำหนักครับ ฟากหนึ่งคือเรื่องโภชนาการของคนท้อง อีกฟากคือเรื่องทางความเชื่อและสังคม สองอย่างนี้ต้องเฉลี่ยและไปด้วยกัน ถ้าแฟนคุณน้ำปลาเดือนห้า มีน้ำหนักตัวเริ่มต้นค่อนข้างมาก อายุค่อนข้างมาก กินเก่ง ที่บ้านบำรุงเยอะ ... หรือแพทย์บอกว่าเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ก็ต้องระวังเรื่องอาหาร ของหวาน รวมทั้งน้ำมะพร้าวด้วย (ถ้าเสี่ยงแล้วยังจะกิน ก็ต้องให้ตักข้าวออกจากมื้ออาหารนั้นๆ ประมาณ2-3ช้อน ต่อมะพร้าว1ลูก) ถ้ามะพร้าวหายากมาก มีความลำบากในการซื้อหรือราคาสูงมาก ... ก็ต้องชั่งน้ำหนักในการซื้อ รวมทั้งน่าจะคุยกันในเหตุและผล (กินวันละลูกพอนะจ๊ะ...ที่รัก) แต่ถ้าไม่มีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน ราคาไม่ได้แพงมาก ก็ให้กินไปเพื่อความสบายใจ จากคุณ : หมอแมว - [ 28 พ.ค. 51 23:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ส่วนอยู่ไฟ ผมไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องประโยชน์   และคิดว่าในไทยคงจะหางานวิจัยที่ใหญ่พอได้ยาก ... (เคยอ่านผ่านตาอยู่บ้าง) ประโยชน์ทางการแพทย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว - ช่วยลดความเจ็บปวดที่เกิดตามหลังการคลอด เนื่องจากหลังคลอด มดลูกจะหดรัดเป็นระยะๆเพื่อกลับเข้าอู่ (หดขนาด) ซึ่งจะมีความรู้สึกไม่สบายตัวและเจ็บปวดท้อง การใช้ความร้อนที่เหมาะสม จะทำให้ความเจ็บปวดน้อยลง (อธิบายได้โดยกลไกที่เรียกว่า Gate Control Theory) - อาจจะลดภาวะซึมเศร้าหลังการตั้งครรภ์ (Postpartum blue) แง่มุมอื่นๆ ... (ไม่เชิงว่าเป็นโทษ)ของการอยู่ไฟ - เรื่องการช่วยแก้ความหนาวๆร้อนๆหลังจากคลอดบุตร อาการหนาวๆร้อนๆหลังคลอดบุตรและประจำเดือนมาไม่ปกติ ที่พบในผู้หญิงสมัยก่อน ส่วนมากเป็นอาการที่เกิดจากโรค Sheeham's syndrome ซึ่งเกิดจากการเสียเลือดมากระหว่างการคลอด ทำให้ร่างกายขาดเลือดและเกิดภาวะต่อมบางชนิดสร้างฮอร์โมนน้อยลง จะมีผลทำให้ไม่มีน้ำนม และเกิดอาการวัยทองเร็วกว่าผู้หญิงวัยเดียวกัน - เรื่องน้ำหนักลด การอยู่ไฟ เป็นการใช้ความร้อน ... ดังนั้นน้ำหนักที่เสียไปคือน้ำหนักของน้ำ ในการอยู่ไฟ หลายตำรับจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ... ดังนั้นน้ำหนักตัวต้องลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งโดยสรุปแล้วน้ำหนักที่ลดลงจากการอบความร้อนนี้ ไม่มีประโยชน์เลยในการลดน้ำหนัก ... เพราะไปเอาคนที่ไม่ได้อยู่ไฟ กับอยู่ไฟ มาเทียบกันที่ระยะหนึ่งเดือน ... น้ำหนักที่จะลดได้ก็ไม่ต่างกัน แต่ถ้าใช้อย่างไม่ระวัง ผลที่ตามมาคือมารดาจะทรุดโทรมและอาจจะเกิดอันตรายร้ายแรงจากการขาดน้ำและจากความร้อน - เรื่องการขับน้ำคาวปลา ในทางการแพทย์ การขับน้ำคาวปลาไม่มีประโยชน์ ... เพราะน้ำคาวปลาไม่ใช่ของเสีย หากแต่เป็นเลือดที่ยังไหลอยู่เพราะว่าในมดลูกยังมีraw surface หรือพื้นที่ที่เป็นแผลที่เกิดตามหลังการคลอดและการลอกหลุดของรก ดังนั้น ต้องชี้ให้เห็นเสียก่อนว่าน้ำคาวปลา ส่วนใหญ่คือ "เลือด" ไม่ใช่ของเสีย ในยาสตรีนานาชนิด รวมไปถึงยาขับน้ำคาวปลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ "แอลกอฮอล์"  ซึ่งเจ้าแอลกอฮอล์นี่แหละที่ไปทำให้เส้นเลือดขยายตัว น้ำคาวปลาออกเยอะ ... และยังสามารถข้ามไปที่ต่อมน้ำนม เข้าปากเด็กทารกได้ด้วย ดังนั้นยาขับโลหิต ยาสตรี ยาขับน้ำคาวปลา ถือเป็นของแสลง สำหรับหญิงที่คลอดบุตรใหม่ๆครับ และในรพ.ระดับจังหวัดแทบทุกปี จะมีคนไข้ที่มาด้วยเรื่องตกเลือดหลังคลอดมากอันเกี่ยวเนื่องจากยาขับน้ำคาวปลา และในระบบสถิติ ยังมีชื่อรหัสอัตราการตายของมารดาหลังคลอดว่า "อัตราตายในการตั้งครรภ์ การคลอด การอยู่ไฟ" และ "ภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ การคลอด การอยู่ไฟ" ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเรื่องผิวพรรณเปล่งปลั่ง หรือขับของเสีย ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าจริงครับ ปล. ว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์นะครับ หากมีข้อผิดพลาดตรงจุดใดสามารถติงได้ทันที จากคุณ : หมอแมว - [ 29 พ.ค. 51 00:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่รู้ข้อมูลแน่ชัดอ่ะ แต่พี่สาวตอนท้องแม่กินแต่โอเลี้ยง ออกมาตัวดำ - - พอถึงเราแม่เอาใหม่กินแต่น้ำมะพร้าว ออกมาขา่วมาก - -a จากคุณ : ะะ - [ 29 พ.ค. 51 06:05:55 A:124.120.17.21 X: TicketID:116756 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ผมอ่ะผู้ชายครับ สงสารพี่สาวจังเลย - - จากคุณ : ะะ - [ 29 พ.ค. 51 06:07:54 A:124.120.17.21 X: TicketID:116756 ]

ความคิดเห็นที่ 29 น้ำมะพร้าวสดๆ จากลูกมะพร้าวเลย มีน้ำตาลน้อยครับ กินไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นน้ำมะพร้าว ที่ขายเป็นขวดหรือเป็นถุงนี่ น้ำตาลเพียบเลยอ่ะ (แต่เดี๋ยวนี้ น้ำตาลก็แพงอะเนาะ) จากคุณ : น้องลูกหมู - [ 29 พ.ค. 51 06:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เ่อ่อ...ขอตอบ คห.11 นะครับ ผมไม่ได้เรื่องมาก จุกจิกอะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่า ภรรยาผม นน.ขึ้นไป 17 กก.แล้วครับ เพราะ ตอนท้อง อยากกินทุกอย่างที่มันหายาก.... - ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก็ต้องขับรถไปจากบ้าน 8 กิโลเพื่อไปหาซื้อ - อยากกินข้าวต้มมัด ก็ต้องไปเดินหาตามตลาดสด บางเจ้าก็ขายน้อย ไม่ขายบ้าง หาซื้อยาก - อยากกินทุเรียนเยอะๆ ....อันนี้อ้วนแหลก - อยากกินมะพร้าวสด....สดแบบว่า  ต้องเด็ดออกมาจากทะลายเดี๋ยวนั้น และ ปอกเดี๋ยวนั้น กินเดี๋ยวนั้น ด้วย.....มะพร้าวติดทะลาย หาซื้อย่านลาดพร้าว ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ ผมต้องฝากคนงานหน้างาน ไซท์บางเลน ซื้อติดรถบรรทุกมาให้ -*- ยากลำบากมา มะพร้าวเผาก็ไม่เอา มะพร้าวที่เขาปอกแล้วก็ไม่เอา จะเอาสดๆๆๆๆๆๆ เป็นระยะเวลา 7 เดือน ที่เหนื่อยจริงๆครับ.....นอกจากของกินแปลกๆ หายากแล้ว งานบ้านทุกชนิด ผมเหมาเองหมด (ไม่ได้บ่นนะ) ทั้ง รีดผ้า ซักผ้า ถูบ้าน ขัดห้องน้ำ ล้างจาน ทำกับข้าว หุงข้าว ฯลฯ ศรีภรรยาผม ที่ทำเอง คือ กิน กับนอน น่ะครับ นน.ท้อง 7 เดือน ขึ้นมา 17 กก.แล้วครับ ผมเลยพยายามบอกให้ลดอาหารหวานๆ น้ำตาลเยอะๆ ลงบ้าง ถ้าไม่อยากผ่าคลอดน่ะ....ก็เลยเป็นเหตุแบบนี้แหละครับ... แล้วเรื่องอยู่ไฟ เธอจะไปอยู่ไฟที่ ตจว. บ้านแม่เธอ ซื้ออยู่ห่าง กทม.ไป 600 กม. แล้วแถวบ้านก็ไม่มี รพ.เลย รพ.อยู่ในตัวจังหวัดออกมาจากบ้าน 30 กม. บ้านอยู่กลางทุ่งนา รถก็ไม่มี เวลาลูกเป็นอะไร หรือ แม่เป็นอะไรขึ้นมา ใครจะดูแลอะครับ อยู่กับพ่อแม่ แก่ๆ อายุ 60 กว่าๆแล้วเป็นโรคอะไรๆก็ให้กินแต่ กฤษณากลั่น+ฟ้าทะลายโจร(รักษาทุกโรค) แบบนั้นจะดีหรือครับ.....ลูกเมียผมนะ ผมก็ห่วงสิครับ.... ผมเลยคัดค้านการกลับบ้านไปอยู่ไฟ ถ้ากลับไป คงนอนไม่หลับแน่..วิตกจริต ผมเลยแนะนำให้กินผลไม้ที่น้ำตาลต่ำๆ เช่น ชมพู่ แอปเปิ้ล แตงโม กินแทน ทุเรียน,น้ำมะพร้าว,ลางสาด,เงาะ แต่......ดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจเราเลย....คิดว่าเราเรื่องมาก แบบ คห.11 ซะงั้น......-*-...... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 29 พ.ค. 51 08:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กระทู้นี้ประโยชน์มากมาย เก็บเข้าคลัง นะครับ ปล. คุรน้ำปลาเดือนห้า ลองคุยกันด้วยเหตุผลสิครับ  ภรรยาน่าจะเข้าใจนะ จากคุณ : vn, man - [ 29 พ.ค. 51 10:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คห30 แค่จุกจิกเรื่องกินยังดีน่า ต้องเจอแบบของเพื่อนผมนี่ ตอนท้องเป็นโรค เหม็นผัว เข้าใกล้ไม่ได้ เหม็น ห้ามเข้าใกล้ระยะ 3 ม.  666666 จากคุณ : monsungja - [ 29 พ.ค. 51 10:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จขกท. เป็นสามีที่น่ารักนะค่ะ ช่วยทำงานบ้านทุกอย่างเลย เราก็ท้องอยู่ (ท้องที่ 2)  ตอนนี้ 5 เดือนแล้วน้ำหนักขึ้นมา 3.5 โล ค่อย ๆ พูดกับภรรยาน่าจะเข้าใจนะค่ะว่าคุณเป็นห่วงเค้ากับลูก คนท้องมักขี้ใจน้อยนะ ฮอโมนมันเปลี่ยน เข้าใจเนอะ จากคุณ : แม่ปัณณ์ - [ 29 พ.ค. 51 10:34:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ยังไงก็ระวังเบาหวานช่วงตั้งครรภ์ด้วยนะครับ แล้วที่คุณ จขกท.บอกว่าภรรยากินกับนอนอย่างเดียวนี่ระวังจะคลอดยากนะครับ ออกกำลังเบาๆบ้างก็ดี ภรรยาผมตอนท้องก็ทำงานยันวันสุดท้ายเลยครับ(นี่ก็งกเกิน ผมบอกให้หยุดก็ไม่ยอม) แต่งานที่ทำก็ไม่หนักมากครับ คุมร้านเสริมสวย งานส่วนใหญ่ก็ให้ลูกน้องทำ ตอนท้องนี่พี่สาวผมก็บอกให้กินน้ำมะพร้าวเหมือนกันครับ ภรรยาผมก็ชอบเหมือนกัน แต่ผมขี้เกียจซื้อให้ครับ มีซื้อให้กินแค่2-3ครั้งเอง ลูกออกมาผิวไม่ขาวแต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะป็นลูกชาย คลอดออกมาปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกก็ดีใจแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 13:37:33 จากคุณ : Dead Drunk - [ 29 พ.ค. 51 13:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ คห.11 ขอน้อมรับทั้งสองความเห็นนะคะ ที่เขียนเช่นนั้น เพราะนึกถึงสมัยที่ตัวเองท้อง โดยไม่อิงศาสตร์อะไรเลย แค่สื่อว่าคนกำลังท้องรู้สึกอย่างไร พออายุเกินสี่เดือนก็เริ่มอึดอัดมาก หิวแต่ทานอาหารได้น้อยเพราะจะรู้สึกแน่นจุก จะนั่งจะนอนก็ได้แต่บางท่า เคยนอนหลับรวดเดียวถึงเช้า ก็ต้องมาตื่นเป็นช่วงๆ เพราะกระเพาะปัสสาวะโดนกดทับ ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ซึ่งก็คงต่างกันไปในรายละเอียดสำหรับแต่ละคน แต่น่าจะเหมือนกันคืออะไรที่ใครบอกมา แล้วคิดว่าจะเป็นผลดีต่อตัวเองและลูกจะเชื่อไว้ก่อน ตัวเองนั้นช่วงท้องจะขี้ร้อนมาก เหงื่อท่วมตัวทั้งวัน ไม่สามารถอยู่ในที่อากาศธรรมชาติได้ จึงรับประทานไอศกรีมตลอดเก้าเดือน เพราะรู้สึกว่าอิ่ม เย็นสบายขึ้น ปากสดชื่น แต่คนรอบข้างก็ต้องเตือนด้วยความห่วงเป็นธรรมดา ใจคนท้องซึ่งแปรปรวนง่ายนั้นแอบงอนนึกว่า อย่าอะไรกับชั้นนักเล๊ย ขอล่วงผ่านช่วงเวลานี้ก่อนเถอะ จึงเขียนทำนองว่า หย่อนเหตุผลลงหน่อยน่ะค่ะ จากคุณ : anthurium - [ 29 พ.ค. 51 15:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 #11 ครับ มันต้องคำนึงถึงสุขภาพจิตด้วย ไม่ใช่ว่าเอาโภชนาการเข้าว่าอย่างเดียว ผมค่อนข้างเชื่อในธรรมชาติของร่างกายเองครับ การเลือกกินก็คือการแสดงความต้องการ สารอาหารนั้นๆ ถ้าแน่ใจว่าไม่มีอันตรายก็ควรลองกินดู ถ้าสารอาหารอะไรที่ มากเกินไปร่างกายก็จะปฏิเสธเอง.... จากคุณ : Tire Tracks Studio - [ 29 พ.ค. 51 16:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขำ ความคิดเห็นที่ 7 ลูกของเราหวังว่าคงได้ผิวสามีนะ จากคุณ : meaw_1985 - [ 29 พ.ค. 51 18:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ของคุณเจ้าของกระทู้ยังน้อยเกินไปนะคะ ตัวเราเองเลยล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าสามีทนมาได้ยังไง ตั้งแต่ตั้งคลอด ยัน คลอด  น้ำหนักขึ้น 30 โล - ตอนแพ้ไม่เท่าไหร่ เพราะกินอะไรไม่ได้ อยากนอนอย่างเดียว อยากกินปลาทูที่อิเซตัน ย้ำ อิเซตันเท่านั้น ที่อื่นไม่ได้ พอไม่ได้กิน ร้องไห้มันตรงนั้นเลย กินข้าวปลาทูคลุกน้ำพริกอยู่เป็นเดือน ๆ ด่าสามีอย่างไม่มีเหตุผล เป็นลมในห้องน้ำบ่อย ๆ - พอหายแพ้ เริ่ม กิน ค่ะ กินแบบ สามีห้าม แต่ชั้นไม่สน หัวใจมันเรียกร้อง ทำงานอยู่พัฒนาการ ทุกวัน ย้ำนะคะ ทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนกว่า ๆ กลางวัน ชั้นต้องกินข้าวขาหมู มาบุญครอง + ส้มตำปูปลาร้า (สุก ) ให้ได้ +เป๊ปซี่แก้วใหญ่ ตบท้ายด้วย กล้วยบวชชี 2 ถ้วย ล้างปากด้วย มะละกอ กะ ชมพู่อย่างละแพ็ค แล้วก็นมสตอเบอรี่อีก 1 ขวดใหญ่ ๆ  สามีหาที่จอดรถมาบุญครองไม่ได้ ต้องไปจอดเซ็นทรัลเวิล์ด เราก็ไม่หวั่นค่ะ เดินมันไปค่ะ ไกลแค่ไหนก็ไป ขากลับบ้าน น้ำมะพร้าวสดอีก 2 ลูก มันจะไม่ถึง 30 โลได้ไงคะ สุดท้ายต้องผ่าคลอด เพราะน้ำคร่ำเดิน แต่ปากมดลูกไม่เปิดเลย - ส่วนงานบ้าน ก่อนท้องเราเป็นคนทำค่ะ พอท้องปุ๊ปช่วงแพ้ กับ ท้องแก่เนี่ย ชี้นิ้วอย่างเดียว อารมณ์ขี้เกียจอย่างรุนแรง วัน ๆ คิดสรรหาแต่ของกินค่ะ บางวันอยากกินยาคูลท์ หาซื้อที่ไหนไม่ได้ หากวันนี้ชั้นไม่ได้กิน ชั้นจะไปซื้อหน้าโรงงานเลย อารมณ์มันเฟี้ยวฟ้าวค่ะ พอคลอดปุ๊ป ก็ไม่ได้อยู่ไฟ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีค่ะ ปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ เอาตามความเข้าใจเรานะ น้ำหนักก็ไม่ลง อืดซะ เคลื่อนไหวก็ช้าลง ขี้หนาวจริง ๆค่ะ เอาใจหน่อยเถอะค่ะ ผลลัพท์ออกมา คุณจะปลื้มใจเมื่อเห็นตัวเล็กออกมาแล้ว ** เรากะสามีสีผิวกลาง  ๆ ขาว-เหลือง แต่ลูกออกมา ขาวอมชมพู ไม่รู้เกี่ยวกับน้ำมะพร้าว หรือเปล่านะคะ แต่คิดบ้า ๆ ว่า อาจจะมาจาก นมสตอเบอรี่ที่โด๊ปทุกวันค่ะ จากคุณ : ajh - [ 30 พ.ค. 51 00:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณจขกท.เป็นคุณสามีที่น่ารักจริง ๆ นะเนี่ย ความเชื่อมันก็เป็นสิ่งที่แฝงมากับชีวิตของเราแต่ละคนน่ะแหละค่ะ คิดว่าความเชื่อเรื่องกินน้ำมะพร้าวตอนท้องหรืออยู่ไฟหลังคลอดนี่ยังเป็นความเชื่อไทย ๆ ที่ไม่แปลกเท่าไหร่ (จริงไม่จริงไม่พูดถึงนะคะ) เอาเป็นว่าค่อย ๆ พยายามหาทางดึงความคิดภรรยาให้เอนเอียงออกมาดีกว่าค่ะ ถ้าจะไปบอกตรง ๆ โครม ๆ จะขัดใจกันเปล่า ๆ อาจลองใช้เหตุผลด้านสุขภาพ สวัสดิภาพ หรืออะไรก็ตาม อย่างเรื่องอยู่ไฟ ถ้าต้องไปไกลแล้วน่าเป็นห่วงขนาดนั้น ก็น่าจะลองหาโรงพยาบาลหรือคลินิกที่น่าเชื่อถือ ดูน่าอยู่น่าสบาย มาตะล่อมภรรยาดูนิคะ จากคุณ : atihasita - [ 30 พ.ค. 51 08:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พยายามอย่าทำให้ภรรยาหงุดหงิดครับ มีผลถึงลูกในท้อง เพราะคนท้องขี้น้อยใจ ให้เขากินไปเถอะ เพราะร่างกาย ต้องการมากในการสร้างคนขึ้นมาในคนอีกคนหนึ่ง จากคุณ : อินทรีย์ผยอง - [ 30 พ.ค. 51 22:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณจขกท.ให้ภรรยามาอ่านของคุณหมอแมวซิคะ ตอนเด็กๆได้ยินแบบนี้ แต่โลกเราไปไกลแล้วค่ะ ไม่เคยเห็นประเทศอื่นอยู่ไฟค่ะ แต่การอยู่ไฟน่าจะเ็ป็นการพักฟื้นทางอ้อมมังคะ ส่วนตัวเองไม่เคยทั้งสองอย่าง จากคุณ : แม่ของอ๊บ (obst) - [ 2 มิ.ย. 51 03:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 43 วิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์ มันคั่นกลางระหว่างเส้นบางๆ 1 เส้น ที่เรียกว่า ความเชื่อ จากคุณ : TJTIGER2 - [ 6 มิ.ย. 51 13:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ดิฉันมีลูกสามคน พิสูจน์แล้วเรื่องน้ำมะพร้าว  ไม่ได้กินเลยค่ะ อะไรที่เขาให้ทำจะลองต้านหมดเลย   นมควรจะดื่ม ก็ไม่ดื่มเลยเพราะรู้สึกเลี่ยนตั้งแต่เห็น เขาห้ามเตรียมผ้าอ้อม ชุดเด็ก ดิฉันเตรียมหมด         เขาห้ามสระผมก็สระ เพราะเชื่อหมอมั่นของเรา ท่านว่าไงเราเชื่อหมด นายแพทย์ภิเษก ลุมพิกานนท์ค่ะ ดิฉันทานปลาเล็กทั้งก้าง หางกุ้งฯลฯ  ลูกคลอดมา สามโลห้า สามโลหกทุกคนค่ะ จากคุณ : ชอบท้าทาย (ลิมมานนท์) - [ 6 มิ.ย. 51 21:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอนนี้ท้องอยู่ 5 เดือนแล้วแต่ไม่เคยกินน้ำมะพร้าวเลยกินแต่น้ำส้มวันละแก้ว และนม เพราะเห็นจากเพื่อนกินลูกออกมาผิวดีมาก จากคุณ : ก้อย ศรีราชา - [ 15 มิ.ย. 51 17:57:13 A:202.91.18.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 กินไข่สิคะ ดีต่อทุกอย่าง ทั้งผิว ทั้งหัวใจ ทั้งสมอง เจ๋งเลยค่ะ ไม่เชื่อก็ลองไป search หาคุณประโยชน์ของไข่ดูสิคะ ^^ จากคุณ : ฟหกด (Jingle bell'e) - [ 26 ส.ค. 51 23:38:15 ]