ความคิดเห็นที่ 1 Fallacy of accident - ละทิ้งข้อยกเว้น การสรุปเหตุผลโดยไม่สนใจข้อยกเว้น เป็น fallacy ที่ดูออกง่ายที่สุด แต่ก็ยังมีคนใช้อยู่เนืองๆ เช่น กระทู้ถามว่าเราไม่ควรฆ่าสิ่งมีชีวิตใดๆเลยเพราะการฆ่าสิ่งมีชีวิตเป็นการทำความชั่ว ดังนั้นจุลินทรีย์ แบคทีเรีย เชื้อราต่างๆเราก็ไม่ควรฆ่าใช่หรือไม่ กระทู้ดังกล่าวจัดเป็น Fallacy of accident แบบหนึ่ง “เราไม่ควรฆ่าสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเราไม่ควรกินยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าแบคทีเรีย” “เราไม่ควรฆ่าสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเราไม่ควรช่วยตัวเองครับ”   (อันนี้ไม่เกี่ยวครับ) Fallacy of relative to absolute - เหมารวม การสรุปแบบเหมารวม เป็นการสรุปตามโลกทัศน์ของผู้พูด เมื่อผู้พูดประสบกับเหตุการณ์หนึ่งๆเป็นประจำก็มักจะมองหาภาพรวมหรือรูปแบบของเหตุการณ์นั้นๆ ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่ผู้พูดประสบมาไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแทนของความจริงทั้งหมดก็ได้ ตรงข้ามกับอันแรก อันนี้ก็เจอบ่อยมากๆในเว็บบอร์ดเช่นกัน กระทู้ถามว่าจบจากมหาวิทยาลัยไหนดีที่สุด เก่งที่สุด จัดเป็นกระทู้ล่อเป้า และจะล่อ fallacy ชนิดนี้เข้ามาตอบ “ที่ทำงานผมมีแต่คนจบจากมหาวิทยาลัย A ซึ่งเก่งๆกันทุกคนเลย ดังนั้นคนที่จบจากมหาวิทยาลัย A เก่งทุกคน” ในบางครั้ง เมื่อเราเข้าไปอ่านกระทู้ในห้องหนึ่งๆ บ่อยครั้งเข้า เราจะตัดสินภาพรวมของห้องนั้นจากประสบการณ์ที่เราเห็น ซึ่งแท้จริงแล้วอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด “เปิดเข้าไปดูกระทู้ห้องเฉลิมไทยทีไรก็เจอแต่หน้าม้าทุกที ห้องเฉลิมไทยเป็นห้องของพวกหน้าม้า อย่าไปเข้าไปเสียเวลาอ่าน” “ห้องราชดำเนินมีแต่เสื้อแดงและพวกหัวรุนแรง” หรืออาจจะกล่าวได้ว่าการเหมารวมคืออคติในอีกรูปแบบหนึ่งก็ได้ “โทรศัพท์ยี่ห้อนี้ออกมากี่รุ่นๆก็แย่ไปหมด รุ่นที่เพิ่งออกใหม่ก็คงเหมือนกัน แย่แบบไม่ต้องรีวิว” “นักการเมืองที่ผมเคยพบเห็นมีแต่พวกหาประโยชน์ใส่ตน นักการเมืองเป็นพวกโกงกินและทำลายชาติบ้านเมือง” ในเชิงสังคมศาสตร์ถือว่าข้อความดังกล่าวข้างต้นเป็น มายาคติ (Myth) คือสิ่งที่เราเชื่อว่ามันเป็นจริงอยู่วันค่ำทั้งที่ความจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปก็ได้ “คนไม่มีศาสนาที่ฉันเจอมีแต่พวกหัวรุนแรงทั้งนั้น ดังนั้นคนไม่มีศาสนาเป็นพวกหัวรุนแรง” แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 17:54:18 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Fallacy of begging question- เอาคำถามเป็นคำตอบ การนำเอาสิ่งที่เป็นประเด็นของคำถามมาเป็นคำตอบโดยทางตรงหรือทางอ้อม คาดคะเนบทสรุปจากข้อคำถามโดยไม่มีการพิสูจน์ใดๆทั้งสิ้น หรืออาจเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นการให้เหตุผลแบบวกวน ใช้ข้อเสนอพิสูจน์บทสรุป และแล้วก็ใช้บทสรุปพิสูจน์ข้อเสนอ กระทู้ห้องเฉลิมไทยถามว่าทำไมถึงแต่งตั้งให้นางสาวไทยเป็นผู้ประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศไทย “เพราะนางงามจะทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น” ห้องสมุดหมวดปรัชญามีคนตั้งกระทู้ถามว่า ทำไมเราจึงต้องกตัญญูต่อบิดามารดา “ การกตัญญูเป็นคุณธรรมที่ลูกต้องมี” การตอบแบบนี้จะทำให้บทสนทนาเหมือนการพายเรือในอ่าง ถามเท่าไรก็ไม่ได้คำตอบที่แท้จริง จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Fallacy of false cause (post hoc ergo propter hoc) - เพราะว่าสิ่งนี้เกิด สิ่งนั้นจึงบังเกิด คือการสรุปว่าเหตุการณ์ A เป็นสาเหตุของเหตุการณ์ B โดยอาศัยแค่ว่า B เกิดขึ้นตาม A เท่านั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วอาจจะเป็นแค่ความบังเอิญหรือมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง (fallacy of ignoring a common cause) ซึ่งความจริงควรมีการทดลองภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมก่อนที่จะสรุป เช่น กระทู้นำเสนอข่าวอาชญากรรม เด็กฆาตกรรมคนข้างบ้านโดยเลียนแบบพฤติกรรมในเกมที่เล่นเป็นประจำ “เด็กคนนี้ติดเกมที่มีความรุนแรงสูงและฆ่าคนโดยเลียนแบบพฤติกรรมในเกม ดังนั้น เกมเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นฆาตกร” กระทู้สร้างความชอบธรรมให้หนัง AV ญี่ปุ่น “ในประเทศญี่ปุ่นมีทัศนคติเปิดกว้างอย่างมากเกี่ยวกับหนังโป๊ ประเทศญี่ปุ่นมีอาชญากรรมทางเพศต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ดังนั้นหนังโป๊ช่วยลดอาชญากรรมทางเพศ” (ในกรณีดังกล่าว จขกท.แค่ยกตัวอย่างการสรุปแบบไม่สมเหตุสมผลโดยไม่มีข้อมูลยืนยัน ณ ขณะที่ความจริงมีงานวิจัยออกมารองรับประโยคข้างต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยทางสังคมอื่นของประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วย) post hoc ergo propter hoc ยังคงถูกใช้อีกมากตามหน้าหนังสือพิมพ์ประเทศสารขัณฑ์โดยเฉพาะเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวง ที่มักโยงเหตุการณ์ธรรมชาติบางอย่างกับเหตุการณ์ประหลาด ความบังเอิญที่นานๆเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง เช่น พบงูเผือกในบ้านแล้วถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ จึงสรุปว่างูเผือกเป็นผู้นำโชคมาให้เป็นต้น หรือแม้แต่ข่าวนี้ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 False dilemma – ทางเลือกลวง ผู้ให้เหตุผลสร้างทางเลือกขึ้นมาสองทางและบังคับให้เลือกทางใดทางหนึ่งเท่านั้นสำหรับแก้ปัญหา และเนื่องจากทางเลือกหนึ่งในนั้นไม่เป็นที่น่าปรารถนา จึงเป็นการบีบบังคับโดยกลายๆให้อีกฝ่ายเลือกทางที่ตนเองต้องการ ทั้งที่ในความจริงแล้ว คำถามดังกล่าวมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้นจริงหรือ? จากกระทู้ประวัติศาสตร์ คุณ coffeecompany หลงป่าประเทศอูกันดา มีผู้ให้ข้อสงสัยและจับผิดเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก โดยที่ผู้ไม่เชื่อถือนั้นมีจำนวนมากกว่า เมื่อสมาชิกบางคนออกมาแสดงความเห็นว่า เป็นการจับผิดกันเกินจริงหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ ก็มีคนออกมากล่าวว่า ความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับการจับผิดเป็นสาวกคุณคอฟฟี่ที่คอยออกมาแก้ต่าง ทำให้เกิด false dilemma ขึ้นว่าในเว็บบอร์ดมีคนอยู่เพียงสองประเภทเท่านั้นคือ คนที่ไม่เชื่อคุณคอฟฟี่ กับ สาวกคุณคอฟฟี่ อีกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในประวัติศาสตร์พันทิปก็คือ เหตุการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นกับบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ได้ออกมายึดถนน ชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาล ทำลายงานประชุมอาเซียน แล้วอ้างว่าเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย สมาชิกหลายคนในพันทิปกล่าวว่า หากไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนปช.ก็แสดงว่าเป็นพวกพันธมิตร แต่แท้จริงแล้วเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนปช.จำเป็นต้องเห็นด้วยกับพันธมิตรหรือไม่ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Irrelevant conclusion (ignoratio elenchi) – สรุปมั่วซั่ว การสรุปแบบไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม นำประเด็นใดประเด็นหนึ่งมาสรุปผลอย่างที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับประเด็นของกระทู้ถาม ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้ตอบรู้สึกสบายใจในการให้เหตุผล fallacy นี้มีการใช้บ่อยมากในเว็บบอร์ด โดยมากถูกใช้โดยผู้ไม่มีวุฒิภาวะทางความคิด เนื่องจากยังไม่มีวุฒิภาวะทางความคิดจึงสรุปเป็นเหตุเป็นผลไม่ได้ เมื่อติงว่าการใช้ภาษาวิบัติในอินเตอร์เน็ตนั้นไม่เหมาะสม ในเว็บเด็กดื้อมีผู้ให้เหตุผลว่า “ในเมื่อใช้ภาษาวิบัติก็อ่านรู้เรื่องเหมือนกัน การสื่อสารนั้นแค่เข้าใจกันก็ถือว่าพอแล้ว” “การใช้ภาษาวิบัติ เป็นการประดิษฐ์คำใหม่ให้ดูสร้างสรรค์ แปลกแหวกแนว ไม่เห็นจะไม่เหมาะสมตรงไหน” “การใช้ภาษาวิบัตินั้นเหมาะสมแล้ว เพราะทำให้พิมพ์ได้สะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลา” ลองพิจารณาดูว่าเหตุผลเหล่านี้เหมาะสมหรือไม่ในการสรุปความ *รูปภาพประกอบยกตัวอย่างเหมือนกับตัวอย่างข้างต้น แต่ลบออกไปเพราะมีคนให้ความเห็นว่าอาจจะมีเรื่องเสื่อมเสีย ดังนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 16:36:35 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 16:36:13 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Slippery slope – ทางลาดชันสู่หุบเหวหายนะ ผู้พูดนำพาผู้ฟังไปสู่ชุดของเหตุและผลจำนวนมาก และสรุปไปสู่ผลลัพธ์สุดท้ายที่แย่ที่สุด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบเอาจริงเข้าแล้ว เหตุการณ์สุดท้ายไม่จำเป็นต้องเกิดจากเหตุการณ์แรกสุด เช่น กระทู้ไม่สนับสนุนเสื้อผ้าขนสัตว์ “การใช้เสื้อผ้าขนสัตว์เป็นการสนับสนุนการฆ่าสัตว์ หากเราฆ่าสัตว์เพื่อเอาขนสัตว์มาใช้ แสดงว่าเราไม่เคารพสัตว์ ถ้าเราไม่เคารพสัตว์ ก็เท่ากับว่าเราไม่เคารพสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ถ้าเราไม่เคารพสิ่งมีชีวิต เราก็เริ่มฆ่ากันเอง สุดท้ายเราก็ฆ่ากันตายหมด ดังนั้นเราไม่ควรใช้เสื้อผ้าขนสัตว์” กระทู้การุณยฆาต “การอนุญาตให้กระทำการุณยฆาตจะนำไปสู่ การเปลี่ยนทัศนคติความคิดของแพทย์ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการลดคุณค่า ให้ความสำคัญกับชีวิตน้อยลง โดยให้ดูกระแสสถานะของการแพทย์ใน US ที่การบีบบังคับด้านการเงินทำให้ลำบากในการดูแลรักษาจัดการซึ่งเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์แพทย์-คนไข้ ในวิถีทางที่ย่ำแย่ทางศีลธรรม สำหรับระบบการดูแลสุขภาพการตัดสินเรื่องค่าใช้จ่ายจะครอบงำการตัดสินใจของแพทย์ที่จะปฏิบัติอย่างเหมาะสมต่อผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยป่วยมากๆ หรือ ย่ำแย่มากๆ และการดูแลที่พิเศษและค่าใช้จ่ายที่แพงสำหรับคุณภาพชีวิตที่ลดน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นทัศนะนี้จะเป็นการเย้ายวนกดดันให้แพทย์ถามถึงการุณยฆาตหรือบางทีก็ฆ่าพวกเขา(ผู้ป่วย)ซึ่งฝืนโดยตรงกับเจตจำนงของพวกเขา” (ประโยคข้างต้นเป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริงในบทความ Do Physicians Have an Inviolable Duty Not to Kill? ของ Gary Seay) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Fallacy of questionable analogy – การเปรียบเทียบอย่างไม่เหมาะสม เมื่อสิ่งหนึ่งเปรียบเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งก็นำไปเปรียบเทียบกับอีกสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกันได้ เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนได้ข้อสรุปที่ไม่เหมาะสมในที่สุด เช่น กระทู้การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือความเร็วแสง “แต่ก่อนไม่มีใครคิดว่าจะมีคนวิ่งเป็นระยะทางหนึ่งไมล์ภายในเวลาสี่นาทีหรือความเร็วเสียงจะถูกทำลายลงได้ แต่เราก็ทำได้ในที่สุด เพราะฉะนั้น เราอาจกล่าวได้ว่าความเร็วแสงที่หลายคนเคยเชื่อว่าทำลายไม่ได้ ก็น่าจะเป็นไปได้ในอนาคตข้างหน้า” จะเห็นว่าเป็นการเปรียบเทียบระหว่างความเร็วนักวิ่ง ความเร็วเสียงและมาจบที่ความเร็วแสงซึ่งไม่น่าจะเปรียบเทียบกันได้ “หากเรายอมให้กฎหมายรองรับการแต่งงานระหว่างรักร่วมเพศผ่านมติ ต่อไปเราคงยอมให้มีกฎหมายรองรับการแต่งงานระหว่างคนกับสัตว์ด้วยกระมัง” น่าเศร้าใจที่ตัวอย่างข้างต้นถูกนำมาใช้ในโลกแห่งความจริงโดยพวกต่อต้านรักร่วมเพศ (If we legalize gay marriage, what's stopping us from legalizing so-called "marriages" based on bestiality?) ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ถูกเปรียบเทียบอยู่ในระดับเดียวกัน จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Double standard – สองมาตรฐาน คือการใช้มาตรฐานการตัดสินหรือการปฏิบัติต่างกันในสถานการณ์ที่เหมือนกัน ทั้งๆที่ในสถานการณ์นั้นไม่มีเหตุผลที่สมควรที่จะทำให้มีการใช้มาตรฐานต่างกันเลย ตัวอย่างสุดคลาสสิค เมื่อมีผู้ตั้งกระทู้ต่อว่าล็อกอินที่คอยเข้ามาโพสว่า “ผ่านมาอ่าน” ทุกความคิดเห็นที่หกสิบห้า มีผู้ให้แสดงความเห็นว่าก่อนหน้านี้ก็มีสมาชิกคนหนึ่งที่คอยเข้ามาโพสว่า “ เข้ามาแล” เฉยๆทุกกระทู้ ไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย “ไม่รู้สิครับ ผมว่ามันต่างกันนะ คุณ Mr.X เขาอยู่มาก่อน และก็โพสอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ส่วนใครจะมาเลียนแบบนั้นรับไม่ได้หรอกครับ” หรือเมื่อมีคนถามว่า ทำไมกระทู้นอกเรื่องที่ตั้งโดยสมาชิกท่านหนึ่งถึงยังอยู่ได้โดยไม่ถูกลบ ขณะที่ถ้าเป็นคนอื่นตั้งกระทู้ในลักษณะเดียวกันกลับถูกลบ ก็มีคนให้ความเห็นว่า “คุณ N เขาเล่นเว็บบอร์ดนี้มาตั้งนานแล้วนะครับ ที่ผ่านมาก็ตอบกระทู้ดี ช่วยเหลือผู้อื่นตั้งมากมาย แค่ตั้งกระทู้นอกเรื่องกระทู้เดียวจะเป็นไรไป” น่าเศร้าใจอีกครั้งตรงที่ ตัวอย่างทั้งสองที่ยกขึ้นมานั้น เกิดขึ้นจริงเสมอในโลกพันทิป จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Argumentum ad Misericordiam – อ้างความน่าเห็นใจ การขอความเห็นใจเป็นวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความสงสารหรือเห็นอกเห็นใจในเรื่องที่ผู้พูดประสบ แล้วสรุปเหตุผลตามความเห็นใจนั้น แทนที่จะใช้หลักตรรกะในการพิสูจน์ความ การช่วยเหลือ เห็นใจกันเป็นเรื่องดีจริง แต่ต้องแยกแยะให้ถูกและคำนึงถึงสิ่งอื่นๆด้วยเช่น ความยุติธรรม ความถูกต้อง มาตรฐานสังคม หากเรายอมรับเหตุผลด้วยความเห็นใจในครั้งนี้ จะเป็นผลให้เรายอมรับเหตุผลอื่นๆในสถานการณ์เดียวกันด้วยหรือไม่ เช่น มีผู้ตั้งกระทู้ถามว่า เด็กผู้หญิงจากชนบทที่มาขายบริการในกรุงเทพฯถือว่าผิดไหม “เด็กที่มาขายตัวในกรุงเทพนั้นไม่ผิดหรอก เพราะไม่มีการศึกษา บ้านก็ฐานะยากจน หากไม่ขายตัวแล้วเขาจะทำอะไรกิน ใครจะเลี้ยงดูครอบครัวของเขา” แต่จริงหรือไม่ที่ว่าหากมีเหตุผลที่น่าเห็นใจแล้ว การกระทำนั้นจะถูกต้อง ถ้าเป็นเช่นนั้น การเป็นมือปืนฆ่าคนเพราะความจนก็คงไม่ผิด หรือหากมีคนมาปล้นเงินที่ได้มาจากการขายตัวของคนพูดข้างต้นด้วยเหตุผลเรื่องความจน คนพูดก็ต้องบอกว่าคนปล้นไม่ผิดเช่นกัน อีกตัวอย่างหนึ่งที่ฟังดูตลกไปเลย เคยมีคดีว่าเด็กคนหนึ่งกำลังถูกไต่สวนในคดีอาชญากรรมที่ทารุณโหดร้ายที่สุด โดยเขาได้เอาขวานจามศีรษะมารดา และบิดาของตนเสียยับเยิน เมื่อมาถึงศาล เห็นว่าศาลมีพยานหลักฐานต่างๆ มากมายที่รัดตัวจนดิ้นไม่หลุด จึงได้ขอความกรุณาต่อศาลให้ลดหย่อนผ่อนโทษให้ โดยอ้างว่าเพราะตนเป็นกำพร้าทั้งพ่อ และแม่อยู่แล้ว การร้องขอความเห็นใจพบได้มากในพันทิป สำหรับห้องหว้ากอต้องบอกว่าส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ผล (เช่น ตั้งกระทู้ผิดหมวด โดนกดลบแล้วอ้างว่าหว้ากอใจดำ) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Intentional fallacy – อ้างเจตนา คือการให้เหตุผลกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์หนึ่งๆว่ามีความชอบธรรมแล้ว เพราะทำไปด้วยเจตนาดี เช่น เมื่อถามว่าแต่งตัวโป๊ไม่กลัวอันตรายหรือ แล้วคนตอบว่าไม่ได้แต่งเพื่อยั่วใคร แต่จริงหรือไม่ที่หากไม่มีเจตนาให้เกิดผลอย่างใดแล้ว ผลอย่างนั้นจะไม่เกิด หากเป็นเช่นนั้น เวลาใส่ทองเส้นโตไปเดินที่โจรชุมก็คงไม่ต้องกลัวอะไรกัน เพราะคนที่ใส่ทองไม่ได้มีเจตนาให้โจรปล้น มีการตั้งกระทู้บทความดีๆแต่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาของห้องหว้ากอ ผู้ตั้งกระทู้ได้ชี้แจงว่า ได้พบบทความดีๆก็อยากจะแบ่งปันให้ชาวหว้ากออ่านกัน แม้จะนอกเรื่องและไม่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สักกระผีกเลยก็ตาม ในเมื่อเจ้าของกระทู้มีเจตนาดีอย่างนี้แล้วผิดตรงไหน ทำไมกระทู้นี้ถึงจะถูกลบ จริงหรือไม่ที่เมื่อมีเจตนาดีแล้วการกระทำนั้นจะไม่ผิด หากทุกคนตั้งกระทู้ผิดหมวดโดยอ้างว่ามีเจตนาดี เนื้อหาของห้องหว้ากอจะยังคงเป็นวิทยาศาสตร์อยู่หรือไม่ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 21:33:05 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Argumentum ad Ignorantiam – การอ้างความไม่รู้ เมื่อไม่รู้จึงสรุปแบบไม่รู้ (ทางศาสนาพุทธเรียกว่า อวิชชา) แม้สำมัญสำนึกแล้วเราอยู่แล้วว่าอ้างไม่ได้แต่ก็ยังมีคนอ้าง วิธีนี้มักอ้างอยู่ในรูป “ไม่มีใครรู้หรือพิสูจน์ได้ว่าสิ่งหนึ่งจริง ฉะนั้นสิ่งนั้นเท็จ หรือในทางกลับกัน ไม่มีใครรู้หรือพิสูจน์ได้ว่าสิ่งหนึ่งเท็จ ฉะนั้นสิ่งนั้นจริง” เป็นข้ออ้างที่ใช้กันอย่างมากทั้งทางฝั่งวิทยาศาสตร์และศาสนา ดังนั้นจึงพบได้มากที่สุดในกระทู้ความเชื่อปะทะวิทยาศาสตร์ ในเมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า วิญญาณมีอยู่จริงไม่ ดังนั้นวิญญาณไม่มีอยู่จริง ในเมื่อไม่มีหลักฐานว่าตายแล้วสูญ ดังนั้นโลกหลังความตายมีอยู่จริง เห็นได้ว่าข้อบกพร่องของ fallacy ชนิดนี้คือการด่วนสรุปโดยที่ยังไม่รู้ความจริง ไม่ว่าวิญญาณจะมีอยู่จริงหรือไม่ เราไม่สามารถสรุปแบบฟันธงลงไปได้ ตราบใดที่ยังไม่มีการพิสูจน์เด่นชัด จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Argumentum ad Baculum – ใช้อำนาจเข้าข่ม Fallacy ชนิดนี้มักถูกใช้ในกรณีที่ผู้ถกเถียงเอาชนะด้วยเหตุผลไม่ได้ ง่ายที่สุดคือการใช้อำนาจเข้าข่มเพื่อให้ยอมรับในเหตุผล จัดเป็นเหตุผลวิบัติที่เล่นกับความกลัวของผู้อื่น (Appeals to fear) โดยที่ผู้พูดอาจมีอำนาจนั้นอยู่ในมือจริงหรือไม่ก็ได้ครับ อย่างเช่น มิสเตอร์พลังงานกล่าวว่าเขาสามารถออกแบบเครื่องจักรนิรันดร์ที่ให้พลังงานได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ผู้ฟังกลับต่างรู้สึกกังขาและกล่าวว่าผิดกฎเทอร์โมไดนามิกส์ ทุกคนต่างเรียกร้องให้มิสเตอร์พลังงานออกมาชี้แจง มิฉะนั้นก็เป็นพวกลวงโลกดีๆนี่เอง มิสเตอร์พลังงานเถียงด้วยเหตุผลสู้ไม่ได้จึงขู่ว่าจะฟ้องร้องทุกคนที่กล่าวหาว่าเขาเป็นพวกลวงโลก ในกรณีดังกล่าว มิสเตอร์พลังงานไม่ได้ตอบคำถามผู้ฟัง แต่กลับยกประเด็นเรื่องการฟ้องร้องขึ้นมาเพื่อให้อีกฝ่ายยอมจำนน (หรือเปล่า?) อีกตัวอย่างที่น่าสนใจของ Argumentum ad Baculum เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อประธาณาธิบดีเชอร์ชิลได้บอกที่ประชุมว่าโป๊ปได้เสนอทางที่ควรปฏิบัติบางประการ แต่สตาลินไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และได้ถามว่า “ท่านว่าโป๊ปมีมีทหารพอจะส่งออกปฏิบัติการในแนวรบได้สักกี่กองพล” สตาลินได้ยกอำนาจ(ทางทหาร)ของตนที่เหนือกว่าเพื่อข่มความเห็นของโป๊ปให้ตกลงไป หรืออย่างในรูปก็จัดเป็น Argumentum ad Baculum ครับเนื่องจากเป็นการเล่นกับความกลัวของมนุษย์ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Argumentum ad Populum – อ้างคนหมู่มาก การเคารพความเห็นของผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งดี การช่วยกันตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็เป็นสิ่งดี ความเห็นที่พิจารณาจากคนส่วนใหญ่นั้นมักเป็นสิ่งที่เหมาะสม แต่เสมอไปหรือไม่? หรือบางครั้งการอ้างความเห็นคนส่วนมากอาจไม่ถูกต้องเพราะคนส่วนมากอาจไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆก็ได้ หรือบางครั้งคนส่วนมากก็อาจเป็นฝ่ายที่ไม่ถูกต้อง เช่น การอ้างว่าใครๆก็ทำกันทั้งนั้น กระทู้รณรงค์เลิกซื้อขายของละเมิดลิขสิทธิ์ ”ผมคิดว่าเรื่องของเถื่อน ผิดลิขสิทธิ์กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้ว อย่าว่าแต่ในบ้านเราเลย จีนนี่ก็ตัวดี มีประชากรกี่ล้านคนล่ะ ใช้ของก็อปกันทั้งนั้น พวกมะกันเองก็เถอะ ” กระทู้นอกเรื่อง “ใครๆก็ตั้งกระทู้นอกเรื่องกันทั้งนั้น ทำไมเราจะตั้งกระทู้นอกเรื่องไม่ได้ล่ะ ถ้าจะว่าก็ต้องว่าคนทั้งห้องสิ” จะเห็นได้ว่าการกระทำหรือความเชื่อของคนหมู่มากไม่จำเป็นต้องถูกต้องหรือดีงามเสมอไป เราควรพิจารณาว่าเมื่อใดควรอ้างคนส่วนมาก ไม่ควรอ้างพร่ำเพรื่อ มิฉะนั้น เราจะไม่สามารถละทิ้งความคิดที่ผิด ค่านิยมที่ไม่เหมาะสมได้ (อันนี้นอกจากจะเป็นการใช้ตรรกะไม่เหมาะสมแล้ว ยังส่งเสริมให้เกิดปัญหาสังคมอีกด้วย) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Fallacy of accent (Quoting out from context) – ตัดข้อความเพียงส่วนหนึ่งมาอภิปราย เป็น fallacy ที่น่าเกลียดมากแต่กลับใช้กันเยอะ คือการเถียงแบบศรีธนญชัย ตัดเพียงข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งมาวิพากษ์ การยกเพียงข้อความส่วนหนึ่งของหนังสือ หรือของคำพูดใครก็ตามมาโดยไม่พิจารณาบริบทที่อยู่รอบข้างมีผลทำให้สรุปความแบบผิดๆได้สูงมาก และถือเป็นเทคนิคหนึ่งของ Propaganda อย่างหนึ่ง ลักษณะการใช้เหตุผลดังกล่าวพบมากในห้องราชดำเนิน จนเว็บมาสเตอร์ต้องออกกฎว่าห้ามถกเถียงกันแบบเจ้าถ้อยหมอความ ตีความทีละประโยค เพื่อลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในห้องอื่นก็ใช่ว่าจะไม่มี ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดเอย (ตีความหนังสือโดยยกมาเพียงหนึ่งประโยค) ห้องศาสนาเอย (ตีความพระคัมภีร์หรือพระไตรปิฎกจากข้อความเพียงส่วนเดียว-ทั้งที่ฉบับจริงยาวหลายร้อยหน้า) ห้องเฉลิมไทยเอย (ตีความคำพูดดาราโดยการยกมาเพียงประโยค-ไม่ต่างจากนิสัยที่หนังสือพิมพ์หัวสีของไทยชอบใช้กัน-ยกตัวอย่างเช่นกระทู้ดีเจนายหนึ่งเรียกยศสิบเอก, สอ. เป็นสูบอึ) หรือแม้แต่ห้องหว้ากอเองก็มีสมาชิกคนหนึ่งที่ปรากฏตัวเกือบทุกครั้งเมื่อมีกระทู้วิวัฒนาการ สมาชิกคนดังกล่าวจะพยายามตีข้อความ หลักฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการให้ตกลงไปโดยการยกข้อความของความคิดเห็นอื่นมาแย้งทีละประโยคๆ โดยไม่มองภาพรวมทั้งหมดที่ความคิดเห็นต้องการจะสื่อ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Argumentum ad Hominem – โจมตีบุคคล กล่าวคือการนำประเด็นของคุณลักษณะ ประวัติส่วนตัวของบุคคลมาร่วมในประเด็นการโต้เถียง ในการโต้แย้งกันนั้นเราต้องการพิสูจน์ว่าเหตุผลของใครถูกขอใครผิด และเหตุผลจะถูกหรือผิดนั้นไม่ได้ขึ้นกับว่าใครเป็นผู้พูด หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า หากสิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักเหตุผล ไม่ว่ามันจะออกมาจากปากของใครมันก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกอยู่วันยังค่ำ ดังนั้น การโจมตีที่ตัวผู้พูด จึงไม่ใช่เหตุผลว่าสิ่งที่กำลังตัดสินกันอยู่ถูกต้องหรือไม่ "ความจริงของประโยค ไม่ขึ้นกับผู้ที่พูดประโยคนั้น และไม่ขึ้นกับเจตนาในการพูดประโยคนั้น" การโจมตีบุคคลจะเล่นกับประเด็นที่กำลังตัดสินกันอยู่หรือไม่ก็ได้ เช่น มีคนให้ความเห็นการรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ดีต่อสุขภาพ ก็มีผู้ออกมาแย้งว่าผู้พูดเป็นพวกมังสวิรัติจึงพูดอย่างนี้ (โจมตีเกี่ยวกับประเด็นที่ถกเถียง) หรือมีคนให้ความเห็นเกี่ยวกับระบบการสปอยของห้องเฉลิมไทยว่าไม่จำเป็นต้องขึ้นหัวกระทู้ทุกกรณีก็ได้ ก็มีผู้ออกมาแย้งว่าผู้พูดตอบเกรียนๆมาหลายกระทู้แล้ว ดังนั้นคำพูดในกระทู้นี้ก็เชื่อถือไม่ได้ (โจมตีไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ถกเถียง) การโจมตีบุคคลเป็น fallacy ที่พบได้บ่อยที่สุดในโลกไซเบอร์ เมื่อการทะเลาะถกเถียงเกิดขึ้นในเว็บบอร์ด สิ่งที่เราพบคือประวัติส่วนตัวของฝ่ายหนึ่งจะเริ่มถูกขุดคุ้ยและประจานให้เสื่อมเสีย หรือไม่ก็เล่นที่การใช้ภาษา (จัดเป็น Ad Hominem เช่นกัน เนื่องจากไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ถกเถียง) ทั้งนี้ไม่ได้กล่าวว่าความผิดที่กระทำไม่สมควรประจาน หรือภาษาที่ผิดไม่จำเป็นต้องตำหนิเพื่อแก้ไข แต่เราควรแยกแยะประเด็นให้ออกจากกันระหว่างการโจมตีที่ตัวบุคคลกับเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ เนื่องจากการโจมตีบุคคลจะทำให้การตัดสินมีอคติได้ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 16:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Argumentum ad Hominem Tu Quoque – แกก็เหมือนกัน ดังนั้นฉันไม่ผิด คือ Ad Hominem อีกรูปแบบที่พบได้มากไม่น้อยหน้ากัน พูดง่ายๆคือกล่าวว่าอีกฝ่ายเองก็(เคย)กระทำตรงข้ามกับสิ่งที่พูด ดังนั้นข้อความที่พูดออกมาจึงเชื่อถือไม่ได้ เช่น คุณหนุ่ยกล่าวว่าการดื่มเหล้านั้นไม่ดีต่อสุขภาพแต่ตัวคุณหนุ่ยเองก็ยังดื่มเหล้าอยู่ เด็กหญิงโหน่ยฟังแล้วก็คิดว่าสิ่งที่คุณหนุ่ยพูดนั้นไม่น่าจะถูกเพราะถ้าการดื่มเหล้าไม่ดีจริง ทำไมคุณหนุ่ยถึงยังดื่มล่ะ เมื่อเราพิจารณาดูแล้วอาจจะเริ่มคล้อยตามและมองว่าการให้เหตุผลของเด็กหญิงโหน่ยแบบนี้ไม่เห็นจะผิดตรงไหน จึงอยู่ที่ว่าการดื่มเหล้าทำให้คำพูดของนายหนุ่ยไม่น่าจะเชื่อถือแต่ไม่ได้พิสูจน์ว่าข้อความที่นายหนุ่ยพูดนั้นเป็นสิ่งที่ผิด ตัวอย่างกระทู้ห้องเฉลิมกรุงเกี่ยวกับการซื้อซีดีเถื่อน หรือโหลดเพลงจากอินเตอร์เนต นาย A : การซื้อซีดีเถื่อนเป็นสิ่งที่ผิด เราไม่ควรสนับสนุนทุกรูปแบบ นาย B : การโหลดเพลงจากอินเตอร์เนตก็มักง่ายเหมือนกัน ไม่ควรทำเพราะเป็นการส่งเสริมการละเมิดลิขสิทธิ์ นาย C : น่าจะมีกฎหมายที่ออกมาควบคุมเรื่องพวกนี้อย่างจริงจังเสียทีนะ นาย D : แหม อยากถามว่าพวกที่ไม่เห็นด้วยๆกันเนี่ย ใช้วินโดว์แท้กันหรือเปล่าครับ ถ้าเปล่าก็อย่ามาพูดดีกว่า นาย A, B, C : .. การซื้อซีดีเถื่อน หรือโหลดเพลงจากอินเตอร์เนตเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าผู้พูดจะเคยซื้อ เคยใช้ของผิดลิขสิทธิ์ใดมาก่อนก็ไม่ทำให้ความจริงนี้เปลี่ยนแปลงไปได้ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 17:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Strawman fallacy – หุ่นไล่กา Strawman เป็นการโจมตีที่ช่องโหว่ของเหตุและผล กล่าวคือพยายามเบี่ยงประเด็นจากสิ่งที่โต้แย้งได้ยาก ไปสู่สิ่งที่มีช่องโหว่เยอะๆ ที่สามารถเถียงได้ง่ายกว่า หรืออาจจะเป็นการโจมตีบุคคลโดยดึงประเด็นที่อ่อนไหวมาขยายความให้ดูใหญ่โตและโต้เถียงได้ยาก อันเป็น fallacy ที่พวกเทพในเว็บบอร์ดชอบใช้เพื่อให้ตัวเองชนะ และยังเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นอีกวิธีหนึ่งด้วย กระทู้รักชาติ นาย A : ความคลั่งชาติเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก่อให้เกิดความรุนแรงต่างๆตามมาได้ นาย B : เพราะชาติทำให้ผมมีชีวิตได้อยู่ทุกวันนี้ หากจะให้ทำอะไรเพื่อชาติผมทำได้ทั้งนั้น จะว่าคลั่งชาติก็ได้ แล้วตัวคนพูดล่ะรักชาติหรือเปล่า ถึงได้มากล่าวว่าคนอื่นคลั่งชาตินั้นไม่ดี จะเห็นได้ว่านาย A ไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่รักชาติ แต่ถูกยกเป็นเป้าโจมตีขึ้นมาเฉยๆ กระทู้เสียตัววันวาเลนไทน์ นาย A : ผมเห็นว่าเราคงห้ามไม่ให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์กันในวันวาเลนไทน์ไม่ได้ เราควรรณรงค์ให้มีการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคติดต่อและท้องก่อนวัยอันควร นาย B : อ๋อ จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นฟรีเซ็กส์ใช่ไหม แค่นี้ภาพลักษณ์ประเทศไทยก็แย่ไม่พอหรือไง! จะให้ยุให้เสียตัวกันในวันวาเลนไทน์เลยใช่ไหม นาย A ยังไม่ได้พูดเลยว่าสนับสนุนการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ เขาเสนอทางป้องกันอื่นที่อาจจะเหมาะสมกว่า แต่นาย B กลับยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่ทำให้นาย A ถูกมองในแง่ลบ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 17:41:36 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 17:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 References จำนง ทองประเสริฐ. ตรรกศาสตร์: ศิลปะแห่งการนิยามความหมายและการให้เหตุผล. 2517. พิมพ์ครั้งที่ 5. แพร่พิทยา. ปรีชา ช้างขวัญยืน. การใช้เหตุผล: ตรรกวิทยาเชิงปฏิบัติ. 2538. พิมพ์ครั้งที่ 4. สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชัชชัย คุ้มทวีพร. ตรรกวิทยา. 2534. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สมประสงค์ น่วมบุญลือ. หลักแห่งเหตุผล. เอกสารประกอบการสอนคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. ปกรณ์ สิงห์สุริยา. เหตุผลวิบัติ. Site: http://gotoknow.org/post/tag/fallacy David Roberts. Reasoning: Other Fallacies. Site: http://writing2.richmond.edu/WRITING/wweb/reason2d.html http://atheism.about.com/library/FAQs/skepticism/blfaq_fall_poisoningwell.htm http://www.nizkor.org/features/fallacies/index.html#index http://gotoknow.org/blog/neutral/206114 http://www.fallacyfiles.org ------------------------------------------------------------------------ สุดท้ายนี้จขกท.ก็ต้องขออภัย หากไปกัดจิกใครเข้าจนรู้สึกแสบๆคันๆ (ตัวอย่างที่เกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อ เรียนให้ทราบว่าจขกท.ไม่ได้คิดเองแต่ยกตัวอย่างมาจากตำราตรรกศาสตร์) ทั้งนี้ก็ขอให้เชื่อเถอะว่าพวกเราต่างใช้ fallacy ทุกๆวันโดยไม่รู้ ไม่รู้ว่าเป็นการใช้เหตุผลแบบไม่เหมาะสม ถามว่ามีข้อเสียไหม แน่นอนอยู่แล้ว การใช้เหตุผลอย่างไม่เหมาะสมจะนำไปสู่ข้อสรุปที่ผิดพลาด นำไปสู่คำตอบที่ไม่สมเหตุสมผล หรือคำตอบที่ได้มาโดยมิชอบ (กึ่งบังคับให้ความเห็นอีกฝ่ายยอมจำนน) กระทู้นี้ก็หวังแค่ว่า ก่อนที่เราจะโต้เถียงกันเรื่องอะไรก็ขอให้พิจารณากันก่อนว่าเราใช้เหตุผลอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 17:42:04 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 17:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพใหญ่เว่อร์ ตอนทำไม่ได้คิด ขออภัยหากโหลดโหด จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 17:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 งึมๆ ตามอ่านตาลาย  ขอบคุณครับ  ผมเองสงสัยจะอยู่ในหลายๆหมวดเลยนะนี่  - -" จากคุณ : CitizenShip - [ 2 มิ.ย. 52 17:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านกันตาแฉะ.......ลงชื่อให้กำลังใจไว้ก่อนครับ จากคุณ : Mine_Knight - [ 2 มิ.ย. 52 17:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแล้วนึกย้อนตอนที่เรียนวิชาการใช้เหตุผล (reasoning) ของคณะอักษรปีหนึ่งเลย แถมที่อ้างอิงยังมีหนังสือของอาจารย์ช้าง (อาจารย์ปรีชา ช้างขวัญยืน) ที่ใช้เรียนตอนนั้นด้วย แต่จะให้เรียนเป็นวิชาตรรกศาสตร์จริงๆ คงปวดหัวน่าดู และอีกอย่างคือบางเรื่องก็ไม่สามารถใช้ความเป็นเหตุเป็นผลเข้ามาตัดสินได้ โดยเฉพาะของที่ต้องใช้ "อารมณ์" และ "ความรู้สึก" เข้ามาตัดสิน เช่นวรรณคดี หรืองานศิลปะต่างๆ ที่เน้น "สุนทรียะ" มากกว่า "ความเป็นจริง" ซึ่งแต่ละคนจะมองหรือให้คะแนนต่างกัน จากคุณ : ภารตยุทธ (ภารตยุทธ) - [ 2 มิ.ย. 52 17:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เดี๋ยวมาอ่านเยอะมาก จากคุณ : b_b (blacklimpbizkit) - [ 2 มิ.ย. 52 17:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นได้ทั่วไปทั้งในบอร์ดและชีวิตจริง จากคุณ : Naruse_X - [ 2 มิ.ย. 52 17:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สนุกดีครับ จากคุณ : ศล - [ 2 มิ.ย. 52 17:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 การคิด การใช้เหตุผล และจริยธรรม Thinking, Reasoning and Ethics วิชาบังคับของเด็กมน. --' จากคุณ : Epinephrine - [ 2 มิ.ย. 52 17:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จริงอย่างที่เสนอมา จากคุณ : แขม่ว - [ 2 มิ.ย. 52 17:46:49 A:10.4.34.40 X:202.44.8.100 TicketID:218644 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โหวตก่อนไปทานข้าว เดี๋ยวจะกลับมาอ่านค่ะ ^ ^ จากคุณ : แมวบอส - [ 2 มิ.ย. 52 17:51:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กระทู้เนื้อหาดีมากครับ จากคุณ : IRQ5 - [ 2 มิ.ย. 52 17:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตามนั้นครับ ส่วนมากเวลาอ่านกระทู้เถียง (discussion) เวลาเจอเหตุผลแบบด้านบนผมก็ไม่ค่อยสนใจมากเท่าไหร่เหมือนกัน จากคุณ : angel13th - [ 2 มิ.ย. 52 17:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เนื้อหาดีมากเลยครับ แต่อ่าน Irrelevant conclusion (ignoratio elenchi) – สรุปมั่วซั่ว แล้วไม่เข้าใจน่ะครับ สมมติมีคนพูดว่า "ผมชอบใช้ภาษาวิบัติ เพราะคิดว่าสื่อความรู้สึกได้ดีกว่า" อย่างนี้ใช้เหตุผลเหมาะสมหรือไม่ครับ เพราะถ้าจะสรุปว่าการหาเหตุผลมาสนับสนุนการใช้ภาษาวิบัติเป็นสิ่งที่ผิด ก็คงเป็นการสรุปที่ไร้เหตุผลสิ้นดี จากคุณ : vandalism - [ 2 มิ.ย. 52 18:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #31 ที่ยกตัวอย่างเรื่องภาษาวิบัตินั้นเพราะภาษาเป็นเรื่องซับซ้อน การใช้ประเด็นใดประเด็นหนึ่งโดยเฉพาะเป็นคำตอบทั้งหมดของคำถามจึงไม่สมเหตุสมผล ต้องมีการถ่วงน้ำหนักของเหตุและผลค่อนข้างมาก (ยังไงก็ตาม จขกท.เองก็อาจจะยกตัวอย่างไม่เหมาะสมด้วย) สมมติมีคนพูดว่า "ผมชอบใช้ภาษาวิบัติ เพราะคิดว่าสื่อความรู้สึกได้ดีกว่า" ก็ต้องพิจารณาย้อนกลับดูว่า การสื่อความรู้สึกโดยใช้ภาษาวิบัตินั้นเป็นการให้เหตุผลที่เหมาะสมในการใช้ภาษาวิบัติหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 18:57:15 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 18:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Fallacy เป็นเรื่องการพิจารณาการให้เหตุผลครับ ว่าการให้หรืออ้างเหตุผลแบบนี้ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ ส่วนว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่ หรือได้รับการยอมรับจะเป็นอีกเรื่องครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะจริง แต่ก็ไม่ใช่ด้วยการให้เหตุผลแบบนี้ ลองดูกระทูู้เรื่อง คนไข้4คน v.s. คนปกติ1คนก็ได้ครับ แต่ละคนไม่ว่าจะเลือกคนไข้ หรือ คนปกติ ก็ให้เหตุผลที่ถูกต้องตามหลักการ แต่การเลือกยอมรับจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 18:52:07 จากคุณ : KL - [ 2 มิ.ย. 52 18:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ชอบเนื้อหากระทู้นี้มากค่ะ คนเล่นกระทู้ ท่องเนต น่าจะอ่านแล้วทำความเข้าใจให้ดี ก่อนจะอ่านกระทู้ ก่อนจะเชื่อกระทู้ และก่อนจะแสดงความเห็นในกระทู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระทู้แฉต่างๆ ^^" จากคุณ : Curiosity - [ 2 มิ.ย. 52 18:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านจบไป 1 รอบ เดี๋ยวหัวโล่งๆจะมาอ่านอีกหลายๆรอบครับ น่าสนใจดี ขอบคุณคุณคริปมากครับ ^^ จากคุณ : หมีอ้วนขนนิ่มสมัครอมยิ้มมาเฮฮา - [ 2 มิ.ย. 52 19:26:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เพราะฉะนั้น... เวลาที่ี่เล่นอินเตอร์เน็ต ผมจะท่องไว้เสมอว่า การเสียเวลาเถียงกับคนบ้าในกระทู้ ไม่มีประโยชน์... โหวตครับ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 2 มิ.ย. 52 19:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ยาวดีค่ะ อ่านแล้วขำหลายช่วงเลย แต่ไม่อยากพูดไรมาก เดี๋ยวเข้าตัวเอง555+ จากคุณ : มือปราบหน้าใส - [ 2 มิ.ย. 52 19:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38 +++  ผมว่าการถกเถียงกันนั้นเขาไม่ได้หวังเหตุผลที่เป็นจริงหรอกครับ   เพราะถ้าต้องการเหตุผล     ที่เป็นจริงนั้นเขาจะถามเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง  และคำตอบที่ถูกต้องนั้นก็หาได้ไม่ยาก         แต่การให้เหตุผลไม่ตรงคำถามนั้นเพราะมันเป็นการถกเถียงกันเพื่อให้อีกฝ่ายยอมจำนน     ในเหตุผลของอีกฝ่าย  และการยอมรับเหตุผลของอีกฝ่ายทำให้รู้สึกเหมือนกับการยอมรับ     ว่าเราโง่เสียจนไม่รู้เหตุผลง่ายๆแค่นี้เชียวหรือ  ธรรมชาติของคนคงปฏิเสธข้อนี้ยาก     เราจึงได้พบเหตุผลวิบัติอยู่ตลอดเวลาที่มีการถกเถียงกันแบบ จขกท.นำเสนอมา EX.  สามี.  ห้องนี้สกปรกแล้วนะเห็นทีต้องทำความสอาดแล้ว...(บอกและสั่ง)         ภริยา. (ตูรู้ว่ามันสกปรก และรูู้ความหมายของคำว่าสกปรก ตูไม่ได้โง่           สั่งให้ตูทำความสอาด ว่าตูบกพร่องละซิฯฯฯ... ตรงนี้พูดในใจครับ)           ส่วนที่พูดออกมาจริงๆเป็นเหตุผลวิบัติ ตามรูปใน #17 EX.    ก. การใช้ภาษาวิบัติในอินเตอร์เนตนั้นไม่เหมาะสมนะ(ตำหนิติเตียน)          ข. (ตูรู้ว่าไม่เหมาะสมตูเป็นคนไม่ดีละซิฯฯฯ) คำตอบจริงจะเป็นเหตุผลวิบัติ ตาม #5                        จขกท. ขยันจังครับกระทู้นี้ดีมากๆผมโหวตครับ จากคุณ : ตาเป๋า - [ 2 มิ.ย. 52 19:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มาลงชื่อจองที่ก่อนนะคะ ขอย้อนกลับไปอ่านแบบมีสมาธิอีกรอบก่อน.. จากคุณ : primjang - [ 2 มิ.ย. 52 19:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดีจังเลยครับ ชอบเนื้อหามากๆ โหวตๆ อ่านจบแล้วก็ได้รู้ว่าตัวเองก็ใช้ Fallacy บ่อยเหมือนกัน ได้เวลาปรับปรุงตัวละครับ สงสัยต้องเอาไปให้เพื่อนๆที่ชอบใช้ Fallacy อ่านบ้างซะแล้ว จากคุณ : monopod - [ 2 มิ.ย. 52 19:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โหวตครับ จากคุณ : Freethinker - [ 2 มิ.ย. 52 19:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านจนตาลายเลยค่ะ  ขำภาพประกอบ จากคุณ : ก้านดอกบัว - [ 2 มิ.ย. 52 19:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ..เก่งจริง ๆ เลยคุณคริปฯ ^^' ยอมรับว่า..ตัวเองก็เคยใช้เหตุผลแบบผิด ๆ หนึ่งในนั้นเหมือนกันค่ะ รู้ว่าผิด..แต่หลายครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้...เพราะไม่อยากเลี่ยง เอ๊ออ...อิอิอิ การยอมรับได้ว่าตัวเราเป็นแบบใด คงจะทำให้เราพยายามปรับแก้ให้ได้ค่ะ.. ส่วนการรู้ว่าคนรอบตัวใช้เหตุผลแบบใด ๆ แบบรู้เขารู้เรา..ก็คงดีนะคะ.. บางที...ก็อาจจะทำให้เราวิเคราะห์และอ่านคนได้ง่ายขึ้น ว่ามาไม้ไหน ส่วนใหญ่ที่เจอบ่อยในแต่ละวัน..คือแบบใช้อำนาจและการโวยวายเข้าข่มค่ะ การตอบโต้แบบใช้สติและปัญญา...อาจจะต้องฝึกอีกหน่อย เพราะขันติ..มักจะแตกกระเจิงก่อนทุกที.. แฮ่.. :) จากคุณ : คิมมี่ (*CriMy*) - [ 2 มิ.ย. 52 20:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อยากอ่านบทความแบบนี้มานานแล้ว ^ ^ จากคุณ : ซ่อนนาม - [ 2 มิ.ย. 52 20:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เวลาเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษดูมีเหตุผล แต่พอเป็นคำบาลี คำธรรมมะ มันดูเหมือนปะปนกับความศรัทธา คนเลยมีอคติ ทั้งๆที่คำสอนนั้นดีจะตาย แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคนกลับเชื่อก่อนว่ามันจริง เป็นเพราะอะไร??? จากคุณ : หลับตา - [ 2 มิ.ย. 52 20:10:47 A:58.64.66.106 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 46 โหวตไปดอกกกก จากคุณ : Lord BoBo Of Sarkhanland - [ 2 มิ.ย. 52 20:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จะบอกว่าตอนเรียนมหาลัย มีวิชานี้ด้วยครับ แล้วเรียนเป็นภาษาอังกฤษ โคตรยากกกกกกกกกก วิชานี้เปิดสอนมาเป็นสิบปี มีคนได้เอสี่คน สองคนแรกเป็นชาวต่างชาติ คนที่สามเป็นแขก คนสุดท้ายเป็นคนไทย .... ซึ่งบวชเป็นพระมานาน จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 2 มิ.ย. 52 20:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จขกท.เป็นพันธมิตรใช่ปะคะ v v v ล้อเล่นค่ะ เหอะๆ กระทู้นี้มีความรู้ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา - [ 2 มิ.ย. 52 20:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ฉึก ฉึก ฉึก ตรงใจใครหลายๆคนเลยนะเนี่ย จากคุณ : โกฏิดารา (เทราสเฟียร์) - [ 2 มิ.ย. 52 20:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ยอดเยี่ยมครับ  เรื่องอย่างงี้ต้องให้คิดได้เองด้วย  ถ้าเราไปพูดหรือไปบอก กลายเป็นโกรธกันอีกต่างหาก จากคุณ : Kross_ISC - [ 2 มิ.ย. 52 20:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาสูบ!!! จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ - [ 2 มิ.ย. 52 20:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เยี่ยมมากครับ ชอบเรื่องแบบนี้อยู่พอดี จากคุณ : donutpla2 - [ 2 มิ.ย. 52 21:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จั๋งซี่มันต้องโหวต!!!! นึกถึง2ปีก่อนตอนเรียนวิชานี้ บางอันยังมึนไม่หาย แยกไม่ออกว่าเป็นฟอลเลซี่แบบไหน น่าจะทำสื่อการสอนให้ฮาและเข้าใจง่ายอย่างนี้เนาะ จากคุณ : อันธพาลน้อย - [ 2 มิ.ย. 52 21:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อยากให้ชาวพันทิป ทุกคน ได้อ่านกัน จากคุณ : StreamRider - [ 2 มิ.ย. 52 21:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 55 จะเก็บเอาไปคิดเป็นการบ้านและปรับปรุงตัวค่ะ :) จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 2 มิ.ย. 52 21:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอยกตัวอย่างเพิ่ม Fallacy of questionable analogy – การเปรียบเทียบอย่างไม่เหมาะสม การเปรียบเทียบความสกปรกของบ้าน กับความไร้ประสิทธิภาพของการบริหารประเทศ เพื่อต่อต้านแนวคิดการออกไปอยู่ประเทศอื่น "บ้านเราสกปรก เราจะย้ายบ้านเหรอคะ" <---เห็นโคตรเยอะ คิดเข้าไปได้ยังไง ขอถามคำถามเพิ่มว่า "ถ้าเราไม่ทำ แล้วใครจะทำ" "เพราะคุณไม่มาเข้าเชียร์ คุณทำให้เพื่อนคุณเหนื่อย" ทั้งสองวลี น่าจะเคยได้ยินกันมาสำหรับผู้ที่ผ่านการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยทุกคน พวกนี้จัดอยู่ใน Fallacy ประเภทไหน? จากคุณ : powerconduit - [ 2 มิ.ย. 52 21:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านสนุกดี แต่ยังอ่านในจบ เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อครับ จากคุณ : poobas - [ 2 มิ.ย. 52 21:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ่านจบแล้ว เยี่ยมมากเลยครับ เราก็เผลอ ๆ กันไปมาก แทบจะทุกวันจริง ๆ ด้วยครับ ข้อมูลนี้น่าอ่าน โดยเฉพาะคนในสภา อิอิ เอ ผม fallacy ข้อไหนอีกรึปล่าว ... จากคุณ : Phoenix032 - [ 2 มิ.ย. 52 21:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เจ๋งจริง ! d~_~b จากคุณ : Sakuder - [ 2 มิ.ย. 52 21:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ศึกษาไว้ใช้เพิ่มเลเวลความเกรียนได้เหมือนกันนะเนี่ย ^^" จากคุณ : sleeper_j - [ 2 มิ.ย. 52 21:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มาช้าไปนิด อิอิ ดีมากๆเลยค่ะ เหมาะกับสังคมไทยสมัยนี้จริงๆ มีหลายแบบ จากคุณ : วัตถุต้องสงสัย - [ 2 มิ.ย. 52 21:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เป็นกระทู้ที่ให้ความรู้ดีครับ จขกท ศึกษามาได้ดีมากเลย เสริมนิดนึงครับ นอกจากจะต้องเป็นผู้ใช้เหตุผลเป็นแล้ว ต้องเข้าใจอารมณ์ด้วยครับ เพราะยังไงๆมันก็มีอยู่จริงบนโลกนี้ ^^ และมนุษย์เราอยู่ด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลกันมานานแล้ว เช่นความรักไงครับ  55 จากคุณ : suman - [ 2 มิ.ย. 52 21:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เป็นกระทู้ที่เยี่ยมมากๆครับ อารมณ์ตอนนี้อยากให้เพื่อนๆได้อ่านจัง เวียนหัวกับวิธีคิดเรื่องรับน้องมันจริงๆเลย ให้ตาย "ถ้าไม่ทำแบบนี้.... มันจะ...บลาๆๆๆ" ทั้งๆที่พี่ตัวดีแต่ละคนแทบจะมาเข้าเรียนเอากลางคาบ ปล. นางแบบในคห.5 ชื่อบัวครับ รุ่นน้องผมปีนึง (อิ_อิ ) จากคุณ : i.everyday - [ 2 มิ.ย. 52 21:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 64 การใช้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล มันเกิดจากกลไกการป้องกันตัว(defend mechanism) เืพื่อปกป้องความเชื่อ หรือปกปิดความผิดของตัวเอง แม้บางครั้งผู้พูดเองจะรู้ดีว่าสิ่งที่พูดไปไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่มันนึกออกได้แค่นั้นระหว่างพูดก็เลยต้องพูดออกไป โดยเฉพาะการข่ม หรือใช้อารมณ์ชี้นำ เพื่อให้ดูรุนแรง เพื่อกลบเหตุผลที่ด้อยกว่าของตัวเองไปซะ แต่การใช้เหตุผลและตรรกะในการโต้แย้งกัน มันก็ยังมีจุดอ่อน คือถ้าบางเรื่องเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตัว หรือประจักษ์มาด้วยสายตาตนเอง บางครั้ง ก็นำมาโต้แย้งได้ยาก เพียงเพราะมันไม่มีหลักฐานให้คนอื่นเห็น แต่จะให้ปฎิเสธว่ามันไม่จริงเพราะไม่สมเหตุสมผล มันก็คงขัดแย้งกับความเชื่อในใจอยู่ดี สุดท้ายแล้ว เราก็มักจะยึดเอาความเชื่อที่ประมวลผลจากประสบการณ์ตรง+ประสบการณ์แวดล้อมอื่นๆ มากกว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายยกมา สำหรับบางเรื่อง ก็ยอมรับว่า ผมเองมีการใช้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผล(Fallacy) อยู่จริงๆ แต่ก็มักเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยากหรือเกี่ยวข้องกับความรู้สึกซะมาก ก็พยายามจะหลีกเลี่ยงกระทู้แนวๆนั้น แม้หลายครั้งจะอดใจไม่ได้ แต่การตอบกระทู้บ่อยๆ ก็เป็นการฝึกการใช้เหตุผลเหมือนกันนะ บางทีเขียนไปซะยืดยาว อ่านอีกครั้งก่อนกดส่งข้อความ ก็รู้สึกแปลกๆ ก็ต้องแก้ไข มีโอกาสตรวจสอบความคิดตัวเองมากกว่าการพูด ที่มีโอกาสไตร่ตรองน้อยกว่าเยอะ จากคุณ : ....4จุด - [ 2 มิ.ย. 52 21:47:03 ]

ความคิดเห็นที่ 65 #63 เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า #5 อยู่มช. มีรุ่นน้องน่ารักขนาดนี้น่าอิจฉานะเนี่ย XD สังเกตสิ อ.ดิจิแอบเนียนให้กิฟที่ความเห็นนี้ด้วยนะ อิอิ (มหาวิทยาลัยเดียวกันอีกด้วยเนอะ คุณดิจิ) จากคุณ : Cryptomnesia - [ 2 มิ.ย. 52 21:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 66 รูปน่ารักและตลกดีจังค่ะ จากคุณ : _The Enjoy_ - [ 2 มิ.ย. 52 22:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เอ่อ - -" Informal fallacy ของแท้แต่ดั้งเดิม   >_<" http://topicstock.pantip.com/isolate/topicstock/2007/03/M5207204/M5207204.html ปล. จริงๆก็ไม่น่าจะถามเนอะ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 22:09:05 จากคุณ : Mr.Terran - [ 2 มิ.ย. 52 22:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 68 *65 บ่ใช่มช.กา   เขาอ่อนกว่าปีนึงเฉยๆ เขาเคยอยู่เตรียมอุดมและเป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที จากคุณ : i.everyday - [ 2 มิ.ย. 52 22:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แบบที่ครูชอบพูด "ไม้เรียวสร้างนายกมาแล้วหลายคน" แต่ไม่เคยพูดเลยว่า "ไม้เรียวก็สร้างโจรหลายคนเหมือนกัน" จากคุณ : เฮียมี่ - [ 2 มิ.ย. 52 22:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ประเทืองเป็นอย่างยิ่งครับ สุโค่ยยย!!~ จากคุณ : MlCHAEL - [ 2 มิ.ย. 52 22:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เพิ่งสอบเสร็จเองวิชานี้ ได้บีบวกด้วยแหละ   ไม่อยากเชื่อ ฮ่าๆ ๆ   แต่สนุกดีนะคะพวก logic เนี่ยะ จากคุณ : CutieAngel - [ 2 มิ.ย. 52 22:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ที่จริงเรื่องแถๆในสังคมเรามันมีหลักการอย่างงี้รองรับนี่เอง ดีจัง ความรู้เพียบ เรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดง กับ free sex นี่ ได้ใจมากๆค่ะ จากคุณ : เลดี้ลิลิ (LiliLolita) - [ 2 มิ.ย. 52 22:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เจ๋งครับพี่ ดีครับท่าน สุดยอดครับเจ้านาย จากคุณ : utd - [ 2 มิ.ย. 52 22:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขออนุญาตเผยแพร่จากข้อมูลในกระทู้นี้ต่อนะครับ ^^" จากคุณ : Dr-Zeratul - [ 2 มิ.ย. 52 22:32:50 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สุดยอดมาก โดนใจทั้งหมดเลยครับ ให้ 3กิ๊ฟ เลยครับ.. !! จากคุณ : Kooly - [ 2 มิ.ย. 52 22:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 2 มิ.ย. 52 22:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณค่ะ จขกท. อยากร้องไห้ เราเพิ่งเรียนวิชานี้ และสอบไปเมื่อเทอมที่แล้ว... โคตรยากเลย แต่มาอ่านใหม่ก็เหมือนทบทวนความรู้ไปอีก ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : หม้อแกงเมืองเพชร - [ 2 มิ.ย. 52 22:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ชอบจริง ๆ ครับ อ่านแล้วสนุก แถมได้ย้อนดูตัวเองมากขึ้น ต่อไปคงพูดอะไร ก็จะใช้ความรู้จากกระทู้นี้ ให้เป็นประโยชน์ครับ จะว่าไป Facally ก็คล้าย ๆ กับการเถียง"ข้าง ๆ คู ๆ" แต่เนียนหน่อย รึเปล่าครับเนี่ย ขอบคุณล่วงหน้า บัดนี้ และต่อไปครับผม จากคุณ : Excess - [ 2 มิ.ย. 52 23:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อืมมม มันเป็นอะไรที่เห็นบ่อยเหมือนกัน แต่ไม่เคยคิดหรือวิเคราะห์เลย พอนำมาบรรยายด้านทฤษฎีโดยละเอียดแบบนี้แล้ว ทำให้รู้สึกตะลึงเหมือนกันว่า โอ้โห มันเป็นแบบนี้นี่เองหรือ ไอ้เหตุผลข้าง ๆ คู ๆ หลายประเภทที่เคยเห็นบ่อย ๆ นี่ มันมีกลไกลึกซึ้งแบบนี้เชียว!? ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : Moonlight & Valentino - [ 2 มิ.ย. 52 23:13:22 ]

ความคิดเห็นที่ 80 กว่าจะอ่านจบ... โดนแทบทุกข้อ OTL มีข้อสงสัยข้อนึงครับ ก็คือ Fallacy พวกนี้ เป้าหมายคนพูดน่าจะพูดเพื่อต้องการเอาชนะคะคานฝ่ายตรงข้ามรึเปล่า (หรือภาษาชาวบ้านเรียก "แถ") เพื่อให้ตัวเองมี(สิ่งที่เชื่อว่า)เหตุผลได้น้ำหนักดี จากคุณ : เด็กวัดสะพานใหม่ - [ 2 มิ.ย. 52 23:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ผมว่า จริงๆแล้ว มีไม่กี่คนที่ใช้เหตุผลเหนืออารมณ์ได้ เหตุผลดี แต่ไม่อยากยอมรับก็มีเยอะ เมื่อไรคนเราจะสลัดอารมณ์ ความโกรธ ความขุ่นข้องใจ ออกไปจากการสนทนาได้ซักทีนะ จากคุณ : chidkido - [ 2 มิ.ย. 52 23:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 82 รูปในคห.5นี่มันโดน! ถ้าให้วิจารณ์ตัวเองอย่างยุติธรรม เรามักจะใช้เหตุผลวิบัติแบบ#6แหะ - - ส่วน#7นี่เป็นอะไรที่เราเหนื่อยใจที่สุด และเป็นอะไรที่พบเห็นง่ายที่สุด แถมเป็นการอ้างเหตุผลที่คนมักจะเชื่อกันมากที่สุดอีกต่างหาก ที่แย่ที่สุดของการใช้ fallacy คือกรณีที่คนใช้ไม่รู้ตัวว่าการอ้างเหตุผลมันผิดน่ะ คนพูดก็จะเชื่อจริงๆจังๆว่าความคิดของตัวเองถูก คนที่ใช้ fallacy โดยมากมักจะเป็นคนขึดความเห็นตัวเองเป็นใหญ่และไม่ค่อยฟังใครด้วยซี (เอ๊ะนี่ก็เป็น fallacy รึเปล่าหว่า ^^'a) จากคุณ : Ponyo - [ 2 มิ.ย. 52 23:42:43 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณคริปที่คลอดกระทู้ดีๆ แบบนี้(อย่างว่องมากๆ นับถือ นับถือ) ในฐานะที่ไม่เคยได้เรียนวิชาทำนองนี้เลย เราอ่านแล้วมีคำถามบางประการ ดังนี้ค่ะ 1) Fallacy of accident ถ้าเราไม่มีเจตนาละทิ้งข้อยกเว้น แต่เกิดจากการไม่รู้จริงๆว่าสิ่งนั้นคือข้อยกเว้น ตรรกะที่เราพูดจะยังเป็น Fallacy of accident อยู่หรือไม่ ในอีกแง่หนึ่งคือ การตัดสินว่าสิ่งใดเป็น Fallacy of accident ขึ้นอยู่กับความจริง หรือขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้พูด(ที่ต้องการละทิ้งข้อยกเว้นด้วยเหตุผลบางประการ) คะ ยกตัวอย่างเช่น เมืองไทยไม่เหมาะจะใช้พลังงานลม เพราะความเร็วลมต่ำทั้งประเทศ ทำไปก็ไม่คุ้ม ผู้พูดได้รับข้อมูลมาเช่นนั้น จึงสรุปเช่นนั้น ในขณะที่ความเป็นจริงในบางพื้นที่มีความเร็วลมปานกลางค่อนไปทางสูง อย่างนี้จะถือว่าเป็น Fallacy of accident หรือไม่คะ ป.ล. เราว่าที่ลูกเพนกวิ้นอ้างเหตุผลก็ถูกต้องตามหลักตรรกศาสตร์ที่เรียนตอนม.4(มั้ง)แล้วนะคะ   ถ้า A แล้ว B เป็นจริง เพราะฉะนั้น A แล้ว B ก็ต้องเป็นจริง ถ้าลูกเพนกวิ้นจะผิด ก็ผิดตรงที่จริงๆแล้ว เป็น for some A ตะหาก ไม่ใช่ A 2) Irrelevant conclusion เราจะใช้หลักเกณฑ์ใดตัดสินว่าตรรกกะหนึ่งๆเป็นการสรุปมั่วซั่วคะ นั่นคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเหตุผลนี้ไม่เหมาะสม ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้อง หรือผู้พูดเพียงให้เหตุผลเพื่อความสบายใจของตน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเด็กในบอร์ดเด็กดื้อคนนี้เกิดคิดขึ้นมาจริงๆว่าการใช้ภาษาวิบัติ เช่น ครับเป็นคับ โทรศัพท์เป็นทอสับ นั้นเหมาะสมแล้ว เพราะง่ายดี ทำให้พิมพ์ได้เร็วขึ้น ใครก็เข้าใจ ...แน่นอน เด็กยกแต่ส่วนดีมาพูด แต่ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เด็กรู้สึกจริงๆ ไม่ได้เถียงให้ตัวเองสบายใจ และข้อดีที่ว่ามา มันก็เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้อง อย่างนี้ยังถือว่าเป็น Irrelevant conclusion หรือไม่คะ 3) Strawman fallacy ทำไมถึงเปรียบเทียบการหาช่องโหว่มาโจมตีว่าเป็น Strawman fallacy คะ พอจะทราบที่มาหรือไม่ จากคุณ : แมวบอส - [ 2 มิ.ย. 52 23:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เราคิดว่า เพราะเรายังเป็นมนุษย์อยู่หรือป่ะ ถึงได้ยังมีการตัดสินใจด้วยอารมณ์ (พวกแนวเห็นใจ แนว bias ทั้งหลาย) และไม่สามารถใช้เหตุผลได้อย่างเต็มที่ด้วยเพราะเจออารมณ์ไปลดทอนซะหมด จึงทำให้เกิด Fallacy หลายๆแบบขึ้นมาแบบนี้ คงจะยาก ถ้าเรายังไม่หลุดพ้นจากวัฏสงสารนะ นอกเสียจากเราจะเป็นหุ่นยนต์โปรแกรมมิ่งมาแล้ว เหอะๆๆๆ แต่อย่างไรก็จะพยายามฝึกตัวเองให้คิดอย่างมีเหตุผลขึ้นอ่ะค่ะ อาจจะดีกว่าปัจจุบัน แต่คงไม่ได้ perfect จากคุณ : มิโนรุ - [ 2 มิ.ย. 52 23:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอรบกวนอีกหนึ่งคห.นะคะ อันนี้เป็นข้อบ่งใช้ เอ๊ย ข้อแนะนำ อิอิ แบบว่า ตอนนี้คนอ่านรู้ละว่า...อ้อ...อย่างนี้ผิดนะ แต่...เอ...แล้วที่ถูกมันเป็นยังไงหว่า เราว่าถ้าคุณคริปจะมีตัวอย่างการใช้เหตุผลที่ไม่เข้าข่าย fallacy สำหรับตัวอย่างแต่ละข้อที่ยกมา บทความจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ ส่วนเรา fallacy ที่ใช้เป็นประจำเห็นจะไม่พ้น Argumentum ad Baculum – ใช้อำนาจเข้าข่ม โดยเฉพาะกับแฟน ใช้ประจ๊ำ จากคุณ : แมวบอส - [ 3 มิ.ย. 52 00:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ชอบมากค่ะ เป็นกระทู้โดนใจอีก 1 กระทู้ เพราะปกติเป็นคนใช้เหตุผลไม่ค่อยเก่ง จากคุณ : Pretty_Cute_Girl - [ 3 มิ.ย. 52 00:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ผมว่า ถูกทุกอย่างเลยครับ ถ้าจะให้ดีมากๆผมว่าน่าจะ ยกตัวอย่างใช้เหตุผลที่ดี จะได้เห็นภาพชัดขึ้น อีกมุมนึ่ง จากคุณ : 0.0 (mixbox) - [ 3 มิ.ย. 52 00:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบๆ ^^ ขอโหวต จากคุณ : zoopod - [ 3 มิ.ย. 52 00:19:03 ]

ความคิดเห็นที่ 89 #83 ช่วยตอบค่ะ(คงไม่เป็นไรนะคะ? ^^'a) 1) ก็สรุปคือวิธีการอ้างเหตุผลมันผิดไงคะ - -* ก็คืออย่างที่คุณพูดเลย มันอ้างเป็น for all ไม่ได้ เพราะในความเป็นจริงเพนกวินเป็นนกแต่บินไม่ได้ ก็คือเพนกวินเป็นข้อยกเว้นน่ะค่ะ 2) ขออ้างตัวอย่างที่คุณยกมาต่อเลยนะคะ >>>> ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเด็กในบอร์ดเด็กดื้อคนนี้เกิดคิดขึ้นมาจริงๆว่าการใช้ภาษาวิบัติ เช่น ครับเป็นคับ โทรศัพท์เป็นทอสับ นั้นเหมาะสมแล้ว เพราะง่ายดี ทำให้พิมพ์ได้เร็วขึ้น ใครก็เข้าใจ <<<< ที่บอกว่าง่ายดี พิมพ์เร็วขึ้น อาจจะจริง แต่ที่อ้างว่าใครก็เข้าใจนั้นจริงหรือ ในความเป็นจริงคือ ผู้รับสารบางคนไม่เข้าใจภาษาวิบัตินะคะ แล้วคำอ้างที่ว่าง่ายดี(คือสะดวกต่อผู้พิมพ์) เร็วขึ้น เป็นคำกล่าวอ้างที่มีน้ำหนักมากพอหรือไม่ (เสียเวลาจะเสียเวลาสักเท่าไหร่เชียว เอาเวลาไปหัดพิมพ์ดีดดีกว่ามั้ย มีประโยชน์สำหรับชีวิตในอนาคตมากกว่าด้วย) ถ้าคำกล่าวอ้างมีน้ำหนักไม่มากพอ ก็เท่ากับว่าคำกล่าวอ้างนั้นเป็นเหตุผลเข้าข้างตัวเองเท่านั้นนะคะ 3) อันนี้เดา คิดว่าคงเป็นการเปรียบเทียบการยกประเด็นเลื่อนลอยเพื่อเป็นเป้าโจมตีว่าเหมือนหุ่นฟางละมั้งคะ (ที่จริง strawman แปลว่าหุ่นฟางน่าจะตรงตัวกว่าหุ่นไล่กานะ หุ่นฟางในชีวิตจริงบางครั้งเราจะพบเห็นว่ามีการใช้มันแทนสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเผาทิ้งนะคะ ตัวอย่างเช่นม็อบทำหุ่นฟางแปะรูปหน้าคนที่ไม่ชอบแล้วเผาทิ้ง) *edit : เข้าใจผิดเกี่ยวกับภาพเพนกวินนิดนึงค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ m(_ _)m แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 00:36:48 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 00:34:51 จากคุณ : Ponyo - [ 3 มิ.ย. 52 00:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 90 อยากเห็น fallacy ไปราชดำเนินเลยครับ เพียบ โดยเฉพาะโจมตีตัวบุคคล  ออกความเห็นไม่เข้าหูหน่อยโดนด่าว่าเป็นหางเหลืองซะงั้น จากคุณ : Munch - [ 3 มิ.ย. 52 00:28:04 ]

ความคิดเห็นที่ 91 การใช้เหตุผลให้ถูก "โทรศัพท์ยี่ห้อนี้ออกมากี่รุ่นๆก็แย่ไปหมด รุ่นที่เพิ่งออกใหม่ก็คงเหมือนกัน แย่แบบไม่ต้องรีวิว" เป็น "ที่ผ่านมาโทรศัพท์ยี่ห้อนี้ออกมากี่รุ่นๆก็แย่ไปหมด รุ่นที่เพิ่งออกใหม่ไม่รู้จะแย่เหมือนกันเปล่า ต้องทดสอบก่อน" -------------------------------------- หลายๆข้อลองคิดแล้ว การให้เหตุผลที่ถูกกับข้อนั้นๆ มันจะกลายเป็นใส่ความคิดเห็นของตัวเองลงไปมากกว่า -_- ไม่เอาดีกว่า จากคุณ : chidkido - [ 3 มิ.ย. 52 00:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 92 กระทู้ดูด gift ชัดๆ จากคุณ : MaSaChi - [ 3 มิ.ย. 52 00:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ผมคิดว่า หากใครคนใดคนหนึ่ง คิดจะไม่ใช้เหตุผลที่เป็น  fallacy คิดว่าคนนั้นคงจะอยู่ร่วมในสังคมยากครับ   เพราะความคิดเห็นไม่ตรงกับคนอื่น ผิดแปลกแหวกแนว แบบนี้คบสังคมเพื่อนฝูงคงจะเข้าใจยาก ของแบบนี้มันอยู่ที่จิตใต้สำนึกของแต่ละบุคคลด้วยครับ จากคุณ : xSharez - [ 3 มิ.ย. 52 00:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 94 กระทู้เยี่ยมครับ ได้ความรู้ดี แต่ออกจะสงสัยเหมือนกันว่า แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าการใช้เหตุผลแบบถูกต้องล่ะครับ มีลิงค์ เวป หรือ ตำราไหน แนะนำให้อ่านบ้างไหมครับ เพราะผมก็มีการใช้เหตุผลแบบผิดๆอยู่เนืองๆเหมือนกัน แต่มนุษย์อย่างเราๆ นอกจากจะมีอารมณ์มาลดทอนความเป็นเหตุเป็นผลแล้ว ยังตัดสินความได้แค่ตามความรู้+ประสบการณ์ของตัวเองเท่านั้นเอง แบบนี้เราก็สรุปอะไรไม่ได้เลยน่ะสิ ถ้าเราไม่มี complete data อย่างงี้ผมใช้เหตุผลถูกต้องไหมครับเนี่ย ฮาฮาฮา จากคุณ : Hmm.... - [ 3 มิ.ย. 52 01:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ความรู้เน้นๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : ratmo_11 - [ 3 มิ.ย. 52 01:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เพราะเรา... คือ "มนุษย์" จากคุณ : Mdiic~* - [ 3 มิ.ย. 52 01:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ประเทืองปัญญายอดเยี่ยม จากคุณ : หนอนปลอกผัดซอสมะเขือเทศเขตร้อน - [ 3 มิ.ย. 52 01:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 98 แม่โขง + โซดา = เมา แสงโสม + โซดา = เมา ชีวาส + โซดา = เมา ดังนั้นโซดาทำให้เมา เอ้า...ดื่มมม!! เพียว ๆ โซดาไม่ต้อง เอิ๊ก ๆ ^_^ ล้อเล่นครับ ผมเรียนในวิชาปรัชญา ชื่อบทตรรกศาสตร์ ของคุณเจ้าของกระทู้ละเอียดมาก ๆ สนุกดี ๆ ให้กิ๊ฟครับ จากคุณ : Seiki - [ 3 มิ.ย. 52 01:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 99 สงสัยเราจะถามไม่เคลียร์ เอาใหม่อีกรอบ Fallacy of accident ขึ้นอยู่กับความรอบรู้ของผู้ตัดสินหรือไม่ เช่น ถ้าแม่เพนกวิ้นเกิดไม่รู้ว่ามีนกบางชนิดที่บินไม่ได้ แม่เพนกวิ้นคงไม่สามารถตัดสินได้ว่าสิ่งที่ลูกเพนกวิ้นพูด เข้าข่าย Fallacy of accident Fallacy of accident ขึ้นอยู่กับโลกทรรศน์ของผู้ตัดสินหรือไม่ เช่น ผู้ตัดสินคิดว่าจุลินทรีย์ แบคทีเรีย เชื้อรา เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ฆ่าได้ ไม่ผิด ในขณะที่ผู้พูดคิดว่าฆ่าอะไรก็ผิดทั้งนั้น (เราตัวอย่างสุดโต่งไปหน่อย แต่สมมุติว่ามีคนคิดอย่างงี้จริงๆแล้วกัน) คำพูดดังตัวอย่างที่คุณคริปยกมาจะยังเป็น Fallacy of accident หรือไม่ ที่ถามเพราะเรารู้สึกว่า เกณฑ์ของข้อนี้ทำไมมันดูเป็นเรื่องสัมพัทธ์ชอบกล ไม่เหมือนข้ออื่นๆที่เป็นเรื่องสัมบูรณ์ พูดเมื่อไหร่ก็ผิดเมื่อนั้น ไม่ใช่สิ...ข้อ Irrelevant conclusion ด้วย แบบว่าเรียนคณิตศาสตร์มากไปหน่อยมังคะ เลยคอยจะคิดว่าอะไรๆก็ต้องเป็นกฏตายตัวไปเสียหมด แหะ แหะ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 01:50:25 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 01:49:21 จากคุณ : แมวบอส - [ 3 มิ.ย. 52 01:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อ่านๆดู ก็เหมือนเป็นเรื่องปกติ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด เกิดอยู่เสมอ เกิดมานาน และคงเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป จากคุณ : DEXTERZ - [ 3 มิ.ย. 52 01:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณมาก ๆ ครับ  ถูกใจมาก ๆ เพราะที่ผ่านมาเจอคนหน้ามึนเยอะ หลาย ๆ ข้อที่ จขกท ยกมานั้นกำลังเกิดขึ้นจริงในสังคม ทั้ง half-truth, false dilemma, strawman ฯลฯ ที่จี๊ดมากที่สุดก็เป็นการอนุมานสรุปเหตุผลของสส หญิงคนหนึ่งในการอภิปรายที่ผ่านมา ฟังเธอสรุปเหตุผลแล้วจี๊ดมาก ๆๆๆ  ตรรกะของเธอแปลก ๆ จากคุณ : คุณชายนะคร้าบ - [ 3 มิ.ย. 52 02:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ผมสงสัยเหมือนๆคุณแมวบอสเลยครับ ว่าไอ้อย่างนี้ผิด แล้วอย่างไหนมันถูกหว่า เลยมาข้อเอาใหม่อีกรอบบ้าง ถ้าเราไม่มีองค์ความรู้ หรือ ตัวอย่างอะไรมาขัดแย้งกับความเชื่อที่เรามี เช่น คนไม่รู้จักนกเพนกวินหรือนกที่บินไม่ได้ชนิดใดเลย บอกว่านกทุกตัวบินได้นี่ถือเป็น Fallacy of accident ไหมครับ แล้วถ้านกเหล่านั้นยังไม่มีการค้นพบมาก่อนเลย คนพูดว่านกต้องบินได้เสมอ ถือว่าเป็น Fallacy of accident รึปล่าว ถ้าไม่เหมือนกัน จุดต่างมันอยู่กันตรงไหนครับ (ระวังจะกลายเป็น Double standard) แล้วแบบนี้ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ต่างๆที่เราร่ำเรียนกันนี่ มันสามารถโดนหักล้างได้ ถ้ามีการค้นพบสิ่งใหม่ๆขึ้นมาแทน แบบนี้ไม่ถือเป็นการใช้เหตุผลไม่เหมาะสมไปหมดหรือครับ หรือว่าจริงๆแล้ว ตัวอย่างที่ผมยกมานี้มันคือ Fallacy of questionable analogy ล่ะเนี่ย ซึ่งจริงๆแล้วไม่เฉพาะ Fallacy of accident เท่านั้น มีอีกหลายข้อเลย ทั้ง Fallacy of relative to absolute, Fallacy of false cause, False dilemma, Irrelevant conclusion, Fallacy of questionable analogy ถ้าไม่มีคนพิสูจน์ได้(หรือตัวคนพูดไม่รู้)ว่า มีข้อยกเว้น มีทางเลือกอื่น เหตุนี้สามารถทำให้สามารถเกิดผลอื่นได้ หรือตัวอย่างสองกรณีมันมีจุดต่างกันตรงไหน อย่างงี้ถือว่ามันไม่สมเหตุสมผลตรงไหนครับ มันเหมือนเป็นความผิดที่ตัวแปรและสภาพแวดล้อมนา ว่ามีไม่ครบ รู้ไม่หมด ไม่ใช่หลักตรรกะที่ใช้ หรือว่าไอ้ทั้งหมดนี่มันคือ ไอ้ที่เรียกว่า Formal fallacy (เหตุผลวิบัติที่พิสูจน์ความถูกต้องได้โดยเขียนรูปแบบของกฎของความสมเหตุสมผล) ล่ะครับเนี่ย แล้วแบบนี้ เราจะตรวจจับได้ยังไงล่ะครับ ว่าคนพูดเค้าใช้เหตุผลเหมาะสมหรือไม่ นอกเสียจากมีความรู้มากกว่าเค้า แล้วพวกชาวบ้านๆที่ฟังๆเค้ามาล่ะ จะทำยังไงดี แล้วตัวเราเองล่ะ จะทำยังไงถึงจะรู้ว่าเหตุผลที่เราให้ออกไปมันเหมาะสมแล้ว ก็เรามีความรู้อยู่แค่นี้น่ะ ก็ให้เหตุผลได้แค่นี้แหละ อ้างว่าเพราะไม่มีใครรู้ว่าผิดก็เหมือน Argumentum ad Ignorantiam อ้างว่าหวังดีถึงพูดไปก็ Intentional fallacy แบบนี้ผมจะสนทนาวาทีกับคนอื่นยังไงดีล่ะครับ ฮาฮาฮา จริงๆผมว่าคนที่เจ้าหลักเจ้าการ เถียงด้วยเหตุผล ก็ต้องใช้เทคนิคพวกนี้แหละ (ผมเรียกเทคนิคเลยล่ะ เพราะบางครั้งจงใจจริงๆ) ทำให้เริ่มตั้งข้อสงสัยว่า ไอ้คำว่า"เหมาะสม"มันแปลว่าอะไรนะ ใช้แล้วเกิดช่องว่าง เถียงแพ้ แปลว่าไม่เหมาะสมหรือป่าว ฮาฮาฮา แต่อันที่ผมออกจะใช้บ่อยสุดสงสัยจะเป้น Fallacy of questionable analogy นี่ล่ะครับ จากคุณ : Hmm.... - [ 3 มิ.ย. 52 04:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เรื่องนี้ พวกนักปลุกระดม พวกลัทธิดื้อด้าน พวกนิยมกีฬาสี นำมาใช้ทุำำกนาที เมื่อออกมาพูดใส่ไมค์ กลางถนน ไม่ก็หน้าทำเนียบ ที่น่าอนาถคือ มีคนบางกลุ่มเฮละโลเชื่อไปกะเขาด้วย จากคุณ : น้าพร - [ 3 มิ.ย. 52 04:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เอ้าช่วยกันโหวต แล้วเก็บเข้าคลังหน่อยค๊าบบบบ จากคุณ : น้าพร - [ 3 มิ.ย. 52 04:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 105 อ่านง่าย ตัวอย่างประกอบชัดเจน ขอบคุณนะครับ จากคุณ : กลับมาแล้วเหรอ เก่งมาก ๆ เลย - [ 3 มิ.ย. 52 06:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เข้ามาแซวภาพ คห.11 จากคุณ : beer2nd - [ 3 มิ.ย. 52 08:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ส่วนมากถ้าตอบกระทู้ด้วยอารมณ์ คงนึกไม่ถึงแน่ๆว่าเราได้ใช้เหตุผลแบบผิดๆไปแล้ว ยอมรับเลยว่าตัวเองก็เคยใช้เหตุผลแบบนั้นบ้างเหมือนกัน จากคุณ : Desolation Angel - [ 3 มิ.ย. 52 08:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ความรู้ทั้งนั้นเลย...ขอแปะชื่อไว้ก่อนนะครับ คุณคริป.... โหวตครับ จากคุณ : คาถาป้องกันแห้ว - [ 3 มิ.ย. 52 08:20:02 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ตัวอย่างทั้งหมดที่ยกขึ้นมาเป็น Informal fallacy ครับ Fallacy of accident ใช้กรณีที่ประเด็นที่กำลังถกเถียงมีองค์ความรู้พิสูจน์แล้ว แต่ผู้พูดจงใจ(หรือบางทีลืมตัว)ละทิ้งข้อยกเว้นไปเสียทั้งที่ทราบอยู่แล้ว ถามว่าในกรณีตัวอย่างที่หลายความเห็นถามมา หากในอนาคตมีการพัฒนาองค์ความรู้มากกว่าเดิม ที่ถกเถียงกันครั้งก่อนจะถือเป็น Fallacy of accident หรือไม่? ไม่ใช่ครับ เพราะการพิจารณาว่าใครใช้เหตุผลวิบัติ เราพิจารณาเป็นบริบท ตามสถานการณ์ กาละ เทศะในขณะนั้นด้วย แต่ถ้าหากถกเถียงดึงดันสรุป ทั้งที่ยังไม่มีองค์ความรู้ในเรื่องดังกล่าวพอที่จะสรุปได้เลย ก็เป็น Argumentum ad Ignorantiam ครับ การสนทนาให้ถูกหลักเหตุผล บางทีคงไม่จำเป็นต้องถึงกับไปลงคอร์สวิชาตรรกศาสตร์ สิ่งที่ง่ายที่สุดคือ การค้นหาว่าประเด็นที่เรากำลังถกเถียงอยู่นั้นคืออะไร และการสรุปความของเรามีหลักฐานและเหตุผลที่สอดคล้องกับประเด็นดังกล่าวหรือไม่ ไม่ต้องระแวงขนาดว่า เอ! พูดอย่างนี้ชั้นกำลัง slippery slope หรือไม่ จะเป็นการ Ad Hominem ไหม ฯลฯ ก็คงเกินไปหน่อย ^^ เรียนให้ทราบว่า ต่อจากนี้ ทุกคำถาม ผมคงตอบไม่ได้หมด ความรู้ที่นำมาตั้งกระทู้นี้ก็เป็นการศึกษาโดยส่วนตัว อ้างอิงตำราก็เยอะ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านตรรกศาสตร์ หากมีคนช่วยตอบก็ยินดียิ่ง ^^ ไปทำธุระก่อนครับ เดี๋ยวกลับมาใหม่ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 3 มิ.ย. 52 08:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 110 แจ่มเลยครับ คุณคริป ^^ จากคุณ : vn, man - [ 3 มิ.ย. 52 08:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 111 แต่ผมว่า #5 ให้อภัยได้ ถ้าน้องเค้ามาพูดกับผมสองต่อสอง 5555+ จากคุณ : Culture - [ 3 มิ.ย. 52 08:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 112 Mr Fusion  = Mr X Mr Energy = มิสเตอร์พลังงาน จากคุณ : sabtoat - [ 3 มิ.ย. 52 09:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ดีจริงๆที่นำเรื่องนี้มาให้เข้าใจกันมากขึ้น   เวลามีความเห็นไม่ตรงกัน จะได้พยายามเข้าใจมุมคิดของอีกฝ่าย จากคุณ : Non Heart - [ 3 มิ.ย. 52 09:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอชมเชยในความอุตสาหะ รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้อ่านกันครับ จากคุณ : ksk - [ 3 มิ.ย. 52 09:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เยี่ยมมากเลยครับคุณคริป จากคุณ : Spinnecker - [ 3 มิ.ย. 52 09:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ผมใช้แรงงานทำงาน เพื่อนผมทำงานในออฟฟิต ทำไมผมได้เงินน้อยกว่าทั้งที่ทำงานเหนื่อยกว่า ? ในเมื่อเงินเดือนผมน้อย แต่ฝรั่งเงินเดือนสูงค่าเพราะครองชีพมากกว่า แต่ทำไมชื้อของ จึงชื้อในราคาเดียวกัน อย่าง สินค้าลิขสิทธิ์ ? จากคุณ : xSharez - [ 3 มิ.ย. 52 10:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 117 โดนไปหลาย ดอกเลยแฮะ  เหอๆ ใช้ภาษาวิบัติก็เคย(ถี่ด้วย) เหตุผลเข้าข้างตัวเองก็บ่อย >_< แต่ก็นะ เป็นคนก็ต้องมีบ้าง ไม่งั้นคงเป็นอรหันต์กันหมดแล้ว ทำมาแล้วเกือบทุกข้อ (แน่ะเริ่มใช้ Argumentum ad Populum – อ้างคนหมู่มาก ละ) การให้เหตุผลแย่ๆข้างต้น บางครั้งเกิดการถกเถียง ต่อยอดความคิดต่าง หากคิดเหมือนกันหมดบางทีก็ไม่พัฒนา จริงมะ เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ หว้ากอเป็นเป็นนักวิเคราะห์บนพื้นฐานเหตุผลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีบ้างอาจแตกแถว กระทู้นี้จัดระเบียบหว้ากอได้เป็นอย่างดี ปอลิ่ง......อดนึกหน้าคุณคลิป ตอนตั้งกระทู้ เรียบเรียงคำพูดไม่ได้ คงเครียดน่าดู ยกนิ้วให้สำหรับความขยันหาข้อมูลสมกับเป็นอาจารย์ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 10:32:35 จากคุณ : Choco-Mix - [ 3 มิ.ย. 52 10:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 118 #116 จำนวนรายได้ไม่ได้เป็นอัตราวัดว่าควรซื้อของถูกหรือแพง ขึ้นจากราคาปกติ การที่เรามีรายได้น้อยแต่อยากได้สินค้าที่เขาขายแพง ไม่ได้หมายความว่า เราควรจะซื้อได้ในราคาที่ถูกลง ทางเลือกอื่นมีเยอะแยะ จากคุณ : chidkido - [ 3 มิ.ย. 52 10:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 119 กระทู้นี้เป็นตัวอย่างของแนวคิด แบบโฆษณาภูมิคุ้มกัน ที่คนไทยควรจะมี ผมชอบมาก ๆ เลยครับ จากคุณ : [Zero] - [ 3 มิ.ย. 52 10:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ฟอลเลซีนี่เอามาใช้จริงได้ยากมากครับ เพราะเราเรียนรู้มันมาตั้งแต่เด็กเกี่ยวกับวิธีการพูดที่ทำให้ความเป็นจริงเบี่ยงเบน เรื่องของเรื่องก็คือแทนที่การจะเอาไว้ป้องกัน มันจะกลายเป็นการสอนวิธีคุกคามมากกว่า = = จากคุณ : mr.social - [ 3 มิ.ย. 52 10:38:59 A:124.120.232.248 X: TicketID:194874 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ทำไมต้องกดโหวตกระทู้นี้... ก็คนข้างบน-บน บอกว่ากระทู้นี้ต้องโหวต... จากคุณ : fallacy.... (primjang) - [ 3 มิ.ย. 52 11:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เยี่ยมยอด  ขอบคุณมากสำหรับความพยายาม   คุณเขียนหนังสือได้ดี  และยกตัวอย่างได้ดี  อ่านง่ายและน่าอ่าน คุณขลิปตุ้ม  ไม่คิดจะเขียนหนังสือขายหรือครับ จากคุณ : jedi-jaidee - [ 3 มิ.ย. 52 11:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 123 มีสาระ โหวต! จากคุณ : synt (synt) - [ 3 มิ.ย. 52 12:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เนื้อหาดีครับ : ) จากคุณ : กระดาษไม่มีเยื่อ - [ 3 มิ.ย. 52 12:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ชอบภาพประกอบจัง จากคุณ : samapapa - [ 3 มิ.ย. 52 12:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ขอบคุณค่ะ :) จากคุณ : Iceclover - [ 3 มิ.ย. 52 13:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 127 สาระล้วนๆ   ความเพียรยอดเยี่ยม จากคุณ : เข็มแม่เหล็ก - [ 3 มิ.ย. 52 13:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 128 เยี่ยมครับ มีคนที่ใช้ช่องโหว่ของเหตุผลมาหากินกันเยอะมาก ของผมนะ ผม: ไอ18มงกุฏ หลอกลวงชาวบ้านว่าตัวเองมีฐานะ จริงแล้วก็แค่ลูกช่างประปา มัน: แล้วอยู่ดีๆทำไมผมต้องบอกว่าผมจนด้วยล่ะ การที่ไม่ได้พูดความจริง ก็ไม่ได้แปลว่าต้องโกหก (เลือกที่จะบอกก็ได้) อืม แต่ทั้งหมดทั้งปวงนี้จะใช้ไม่ได้เลยครับ กับคนหน้าด้าน ลองพิจารณาดูนะครับว่าใช่หรือไม่ โหวตครับ จากคุณ : lARtZnolASt - [ 3 มิ.ย. 52 13:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอบคุณครับ อ่านเพลินมาก ภาพประกอบใส่คำพูดได้โดนใจมากๆครับ จากคุณ : Time & Trust - [ 3 มิ.ย. 52 13:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เอาตัวอย่าง กระทู้จริงๆ ที่มีการใช้ Fallacy หลากหลาย มาให้ชมกัน (และในนั้นมีการกล่าวถึงวิธีการใช้ตรรกะด้วย แต่อาจจะไม่เป็นระบบเท่ากระทู้นี้) http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7773359/K7773359.html ประเด็นคือ มีการเสนอชื่อ มรว. คึกฤทธิ์ เป็นบุคคลสำคัญของโลก ต่อ ยูเนสโก้ แต่ ส. ศิวรักษ์ เสนอจดหมายคัดค้านหนึ่งฉบับ เกิดการโต้เถียงกันขึ้น มีประเด็นว่า ควรเสนอชื่อ มรว. คึกฤทธิ์หรือไม่ โดย จดหมายของคุณ ส. มีน้ำหนักพอหรือไม่ ? ในกระทู้นั้น จะพบ Fallacy หลักๆ คือ - Argumentum ad Hominem "คุณ ส. แกเกลียดท่านคึกฤทธิ์ มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ฟังไม่ได้หรอก" - Fallacy of begging question "การที่ มรว. คึกฤทธิ์ได้เป็นบุคคลสำคัญของโลก เป็นชื่อเสียงหน้าตาของประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่ควรคัดค้าน" - Argumentum ad Misericordiam "ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีนะครับ ท่านทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยมากมาย" (และต่อด้วย นาย ส. เป็นใคร ? ทำคุณประโยชน์ได้เท่าท่านหรือไม่ ฯลฯ) อ่านกระทู้นี้แล้ว สิ่งแรกที่คิดขึ้นมา คือกระทู้ที่ยกมา เลยครับ จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ 3 มิ.ย. 52 13:50:17 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : PPalone - [ 3 มิ.ย. 52 13:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 132 #130 กระทู้นั้น ผมก็เข้าไปตอบนะ ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอใช้ fallacy ไปด้วยคนหรือเปล่า ^^" เห็นด้วยครับว่า fallacy เยอะมากโดยเฉพาะ Ad Hominem นี่ท่านส.ศิวรักษ์โดนไปหลายดอกมาก - Fallacy of begging question "การที่ มรว. คึกฤทธิ์ได้เป็นบุคคลสำคัญของโลก เป็นชื่อเสียงหน้าตาของประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่ควรคัดค้าน" อาจจะจัดเป็น Irrelevent conclusion ก็ได้ครับ เพราะใครๆก็อยากให้ประเทศไทยมีชื่อเสียง แต่จริงหรือไม่ว่า การทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงเป็นเหตุผลที่เหมาะสมพอที่จะพิจารณาให้มรว.คึกฤทธิ์ได้เป็นบุคคลสำคัญของโลก แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 14:10:53 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 3 มิ.ย. 52 14:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 133 เพราะว่า ทุกคนคงไม่อยากถูกว่า หรือติเตียน Fallacy ก็เลยเกิดขึ้นละมั๊งคะ เอะ หรือตอนนี้ก็กำลังใช้ เหตุผลวิบัติอยู่แต่ข้อไหนก็ไม่รู้หล่ะ 555 จากคุณ : มั๊ง (peachpeach) - [ 3 มิ.ย. 52 14:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ยกตัวอย่างได้เข้าใจง่ายดีครับ เข้ามาขอบคุณ ที่ทำให้ได้อ่านอะไรดีๆ บ้าง จากคุณ : อยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ - [ 3 มิ.ย. 52 14:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 135 เ่่่ทพมากๆ ขอก๊อบบทความไว้นิ เป็นเครื่องเตือนใจได้ จากคุณ : มิ๊วๆ แมวพันปี - [ 3 มิ.ย. 52 14:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 136 โดนใจที่สุด ^^ ผมเองก็เข้าอยู่ในหมวดนึงในนี้ จะพยายามไม่เป็นแบบนี้ครับ ^^ จากคุณ : สมบัติดี - [ 3 มิ.ย. 52 14:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เชื่อมั้ยว่าคนยิ่งโตขึ้น คุณยิ่งเจอไอ้พวกนี้มากขึ้น พึ่งเข้าประชุมคณะมาหมาดๆ การใช้เหตุผลแบบ fallacy เนี่ย มีเต็มเลย จะแย้งก็ไม่ได้ เรามันผู้น้อย เห้อ...... จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 3 มิ.ย. 52 14:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ชอบมากค่ะ ^^ โหวต จากคุณ : Frozen - [ 3 มิ.ย. 52 14:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 139 อ่านๆไปทั้งหมด ก็คิดได้เพียงอย่างเดียวว่า fallacy เกิดขึ้นเพราะ... ต้องการจะอ้างว่าตัวเองถูก หรืออีกฝ่ายผิด... ในหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน... เราแค่ไม่อยากจะบอกว่าตัวเองผิด หรืออีกฝ่ายถูก แค่นั้นเอง... จากคุณ : Little Pig in Big World - [ 3 มิ.ย. 52 14:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 140 เก็บเข้าคลังค่ะ เป็นสิบกว่านาทีทีเสียกับการอา่านกระทู้ที่มีประโยชน์มากมาย  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : รถขนมปังกรอบ - [ 3 มิ.ย. 52 15:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 141 โหวตค่ะ ตัวอย่างของแต่ละข้อนี่สามารถพบเห็นได้ในพันทิปครบเลยจริง ๆ น่ะแหละ ขอบคุณ คุณ Cryptomnesia มาก ๆ ค่ะ ^^ จากคุณ : JingXi - [ 3 มิ.ย. 52 15:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 142 กระทู้เนื้อหายอดเยี่ยมครับ ขอทดลองใช้เหตุผลบ้าง ผมว่ารูปประกอบในความเห็นที่ 5 ไม่เหมาะสมครับ fallacy of bias ขำๆนะครับ ส่วนเหตุผลจริงๆคือ รูปถ่ายเป็นรูปบุคคลที่สาม พร้อมคำดัดแปลง เจ้าของรูปจะยินดีหรือไม่ ถ้าได้เห็นภาพนี้ ไม่อาจคาดเดาได้ ถ้ามองมุมขำขัน ก็น่ารักตลกดี ถ้ามองมุมจริงจัง ก็เป็นเรื่องเป็นราวได้เหมือนกันครับ จากคุณ : Chaiyohohew - [ 3 มิ.ย. 52 16:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ชอบค่ะ จากคุณ : ลัลลา - [ 3 มิ.ย. 52 16:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 144 มีอยู่หมวด 2 หมวดค่ะ ที่เป็น ขอบคุณที่เอามาให้อ่านค่ะ เซฟเก็บไว้แล้ว จากคุณ : Matriarchal Miaw - [ 3 มิ.ย. 52 16:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 145 #5 อยู่ในวงการบันเทิงครับ และภาพก็ไม่ได้มีลิขสิทธิ์ แต่หากคิดว่าทำให้เสื่อมเสียหรือเป็นการหมิ่นประมาท (กะจะอ้างเจตนาแต่เดี๋ยวจะกลายเป็น intentional fallacy ) ก็ request for delete ได้ครับ จากคุณ : Cryptomnesia - [ 3 มิ.ย. 52 16:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ว้าววววว... ขอบคุณมากครับ เรื่องนี้น่าจะจัดเป็นหลักมารยาทในโลกออนไลน์ได้อยู่นะเนี่ย ขอทำสำเนาเอาไปลงBlogหน่อยนะครับ และถือโอกาสแอดBlogท่านลงไปด้วยติดตามผลงานกระทู้ของท่านมานานแล้ว จากคุณ : ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร (spiralhead) - [ 3 มิ.ย. 52 16:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ชอบครับชอบ อิอิ ขอบคุณครับ  อ่านแล้ว วิเคราะห์ได้หลากลายดี อิอิ จากคุณ : WhoAmI - [ 3 มิ.ย. 52 16:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 148 "มีกระทู้นี้ เพราะบร๊ะเจ้าโจ๊กเป็นผู้กำหนด และบร๊ะเจ้าโจ๊กไม่ผิด" ^ ^ ^ ซัดไปหลายข้อเลย จากคุณ : สมบัติดี - [ 3 มิ.ย. 52 17:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ชอบเนื้อหากระทู้มากเลย :D จากคุณ : Justice*zii - [ 3 มิ.ย. 52 17:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ขอบคุณนะคะ  ^_^ อ่านไปตั้งนาน มึนๆเล็กน้อย - - ชอบมากเลยคะ จากคุณ : ตะกวดโบยบิน - [ 3 มิ.ย. 52 17:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 151 แม่เจ้าประคุณรุณช่อง สุดยอด !! จากคุณ : อ้ายคนเมือง - [ 3 มิ.ย. 52 17:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 152 P แล้ว q  ยูเนี่ยน นิเสธ p อ้า ตายดีกว่า จากคุณ : คนรักแมวมาก - [ 3 มิ.ย. 52 17:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 153 แวะมาอ่าน และขออนุญาตนำไปเผยแพร่ด้วยนะคับ ขอบคุณมากคับ จากคุณ : noreasonnome (dany2k64) - [ 3 มิ.ย. 52 18:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 154 ผมว่าตัวอย่างของ Irrevant Conclusion นั้น ไม่ค่อยเหมาะสมเลยฮะ จขกท คงจะมีความรุ้สึกที่รุนแรงต่อภาษาวิบัติมาก (โจมตีบุคคลไหมเนี่ยะ ?) คือยังงี้ อย่างแรก คือ ภาษาวิบัคิ มีนิยามว่าอย่างไร และไม่เหมาะสม มีมาตรฐานอย่างไร ? ยังไม่เคยมีใครตั้งมาตรฐานตรงนี้ขึ้นมาเลย แต่เราก็เถียงกันเรื่องภาษาวิบัคิกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แล้วแบบนี้จะเถียงกันจบได้อย่างไร จากคุณ : คุณชินโซ - [ 3 มิ.ย. 52 18:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 155 print ไปอ่านที่บ้านนะคะ แวะมาให้กีบด้วย จากคุณ : maikeet - [ 3 มิ.ย. 52 18:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 156 เรื่องภาษาวิบัติ มันปะปนเหตุผลนะ มันมีทั้งแบบแถ และแบบจริง เพราะถ้าภาษาไม่วิบัติสักนิด สิ่งที่เราพูดในวันนี้ต้องเหมือนสมัยพ่อขุนราม คนที่เก่าวันนี้มันก็เคยใหม่แปลกหู ไม่คุ้นลิ้นเวลาพูดมาทั้งนั้น ยิ่งตั้งใจคิดศัพท์ใหม่โดยศัพท์เดิมยังมีอยู่ ก็พวกนักกวี ดนตรี ศิลปะ เนี้ยแหละ เป็นผู้สร้างคำใหม่เวลากลอนไม่ลงตัว ก็คิดคำใหม่ใส่โลดให้สวยงาม แล้วใครถามก็บอกว่าแทนความหมายผู้หญิงดอกไม้ที่เราต้องการ พออยู่นานมันก็ชินเริ่มยึดติดรูปแบบกลายเป็นของเก่าไป ยิ่งคำกล่อนคำเพี้ยนจากความตั้งใจไม่ตั้งใจจนเป็นคำจริงก็เยอะแยะ ดังนั้นตย.เรื่องภาษาวิบัติมันเลยก้ำกึ่ง เพราะไม่ได้ยกเหตุการณ์ว่าพูดคำว่าอะไรออกมาเพื่ออะไร เรื่องสรุปมั่วซั่วน่าจะยกตัวอย่าง เสื้อแดงไม่ผิดเพราะ นายกไม่อยู่ในรถ อะไรประมาณนี้แทน จากคุณ : หลับตา - [ 3 มิ.ย. 52 18:37:04 A:58.64.63.99 X: TicketID:173601 ]

ความคิดเห็นที่ 157 เยี่ยมครับ จากคุณ : กฤตยฎีกา - [ 3 มิ.ย. 52 18:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 158 จขกท.ไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงภาษาโดยสิ้นเชิงครับ เข้าใจอยู่ว่าภาษานั้นมีวิวัฒนาการ ภาษาวิบัติในที่นี้จขกท.ไม่ได้นิยามเพราะคิดว่าทุกคนจะเข้าใจตรงกันว่าเป็นภาษามักง่ายที่วัยรุ่นนิยมใช้ในอินเตอร์เนต (อันที่จริง การที่จขกท.ไม่นิยามก็เป็นผลเสียเช่นกัน ทำให้เกิดความกำกวม-จัดเป็น fallacy ทางภาษาอย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้เอาเนื้อหามาลง ณ ที่นี้) เหตุผลตามตัวอย่างเป็นการใช้เหตุผลที่ไม่เหมาะสมที่จะเอามาอ้างว่าการใช้ภาษาวิบัติเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนจะให้ลองยกตัวอย่างการให้เหตุผลที่ถูก ก็จะพยายาม มีผู้ให้ความเห็นว่า การใช้ภาษาวิบัตินั้นเหมาะสมแล้ว เนื่องจากการผันวรรณยุกต์ต่างๆในภาษาไทยปัจจุบันนั้นทำความเข้าใจยากและทำให้เกิดการผันวรรณยุกต์ผิดได้บ่อยครั้ง ส่วนการใช้ภาษาวิบัตินั้นมีการผันวรรณยุกต์ในรูปแบบที่ซับซ้อนน้อยกว่า ทำให้สะดวกในการผันและเข้าใจตรงกันมากกว่า จะเห็นการให้เหตุผลดังกล่าวดูเป็นเหตุเป็นผลกว่า ทั้งนั้นจะสรุปถูกต้องหรือไม่ ก็ต้องมีการพิสูจน์กันต่อไป อย่างไรก็ตาม จขกท.เองก็อาจจะใช้เหตุผลผิดได้เช่นกัน และหากอยากคุยประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจังก็ลองแตกประเด็นดูได้ครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 52 19:14:55 จากคุณ : Cryptomnesia - [ 3 มิ.ย. 52 18:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ขอบคุณกระทู้เนื้อหาดีๆค่ะ อ่านสนุกมากเลย :D จากคุณ : -ทำเป็นเล่นไป- - [ 3 มิ.ย. 52 19:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ทัม มัย มั่ย ข้าว จาย กาน ซั๊ก กะ ที นะ ว่า พา สา วิ บัด น่ะ มัน อ่าน ยั่ก มั่ก เรยยย น๊า คร๊าฟฟฟฟฟ ข้าว จาย ยาง หื้อ! ปล.บางคนถึงขั้นนี้จริงๆนะครับ จากคุณ : สมบัติดี - [ 3 มิ.ย. 52 20:00:29 ]