 |
ความคิดเห็นที่ 3 |
ยินดีต้อนรับกลับรายการชมรมขนหัวลุก.. เฮ้ยย! ไม่ใช่ - -'
ยังเหลืออีก 2 เรื่องเล่าน่ากลัวๆ ที่เคยเกิดขึ้นจริงครับ...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. ความผิดพลาดของโชว์ในวันฮัลโลวีน (ที่เหมือนไม่พลาด)
เล่ากันว่า
วัยรุ่นคนหนึ่งพยายามจะแสดงโชว์งานวันฮัลโลวีนโดยมีฉากจบที่จบจริงๆ โดยขณะที่เขากำลังแสดงเลียนแบบการแขวนคอตายต่อหน้าผู้ชมนั้น.. ..เขาตายจริง
เรื่องจริงคือ
ถ้าบอกว่าชาวเมืองเฟดเดอริก้าจากเหตุการณ์ข้างบนดูจะมีปฏิกิริยาต่อสถานการณ์ช้าไปหน่อย งั้นเหล่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์แบบเหตุการณ์นี้ก็ช่างงี่เง่าสิ้นดีเลยแล้วกัน ก็เพราะว่า... มัน เกิด ขึ้น มากกว่า 1 ครั้ง!
ใช่ครับ, เคยมีคนมากมายพยายามจะเลียนแบบการแขวนคอเพื่อแสดงโชว์ในงานวันฮัลโลวีน, แต่ตอนนี้ลืมเรื่องเลียนแบบไปก่อน เราข้ามมาที่ ตายจริง เลยก็แล้วกัน ซึ่งอย่างแรกเลยคือ.. พวกคนที่ตายทั้งหมด ส่วนมากเป็นวัยรุ่นชาย (เขาถึงว่าผู้ชายมักจะหาวิธีตายได้เก่งกว่าผู้หญิงเสมอ)
อย่างครั้งหนึ่ง, มีการสร้างตะแลงแกง (ที่ใช้แขวนคอนักโทษ) ที่ใช้งานได้จริงๆ เหมือนของจริงเด๊ะๆ ขึ้นมาเพื่อแสดงโชว์, โดยจะมี นักแสดง (ในที่นี้เรียกว่า เหยื่อ น่าจะถูกกว่า ) ซึ่งติดผูกกับสายรัดบางอย่างเพื่อป้องกันไว้ ให้ตัว เหยื่อ หยุดก่อนที่จะถูกแขวนคอจริงๆ (จากนั้นจินตนาการสุดเหวี่ยงตามสบายว่าอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง) แน่นอน, พวกเขาตาย 
ทีนี้, เราลองคิดออกมาดังๆ ดีกว่า, ว่า ถ้าเรายืนอยู่บนตะแลงแกงจริงๆ ที่ใช้งานได้จริงๆ, ไม่ว่าจะแค่แสดงหรือไม่, โดยมีเชือกคล้องรอบคอหอยเราอยู่, เราก็น่าจะมีการป้องกันอะไรสักอย่างไว้ก่อน เช่น แบบว่ามองโลกในแง่ดี บางทีอาจไม่ต้องใช้เชือกจริงที่มัดเงื่อนจริงที่มัดรอบคอหอยคุณในแบบที่อาจะฆ่าคุณได้
บางที จุดที่เศร้าที่สุดของเรื่องนี้คงเป็นตรงที่เรื่องนี้มันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นขนาดไหน
เรามีคำแนะนำสำหรับใครก็ตามที่พยายามทำให้เด็กๆ ตื่นเต้นในวันฮัลโลวีนในอนาคตมาให้ครับ คือ 1. คุณไม่จำเป็นต้องพยายามแขวนคอตาย และ 2. แค่ให้แท่งช็อคโกแลตเป็นของขวัญแทน ของขวัญ (เสีย) แบบโน้น เรารับประกันว่าเด็กๆ จะชอบบ้านที่ให้แท่งช็อคโกแลตมากกว่าพวกที่ชอบโชว์เสี่ยงตายกว่ากันมาก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ฝังทั้งเป็น
เล่ากันว่า
มีคนจรจัดบางคนได้ลงไปนอนในหลุม, แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่ที่จะลงไปข้างล่างนั่น โดยรอยขีดข่วนที่ฝาโลงถูกพบพร้อมกับร่องรอยอื่นๆ ที่แสดงว่าพวกเขาพยายามออกจากโลง
เรื่องจริงคือ
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เคยเกิดขึ้นจริง, แต่ในสมัยนั้นมัน "เกิดขึ้นเป็นประจำ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19, "วิลเลี่ยม เท็บ" พยายามจะรวบรวมเห็นการณ์ของการฝังคนทั้งเป็นจากรายงานทางการแพทย์ต่างๆ ที่มีในสมัยนั้น โดย, สิ่งที่เขารวบรวมได้ คือ..
219 ราย เกือบ ถูกฝังทั้งเป็น
149 ราย ถูกฝังทั้งเป็น 
และอีกราวโหลนึง ที่มีการชำแหละหรือชันสูตรคนที่ยังไม่ตาย
ตอนนี้มันอาจฟังดูตลก, แต่จำไว้ว่าสมัยนั้นยังเป็นยุคที่พวกหมอยังไม่เป็นที่นับถือได้เหมือนทุกวันนี้เหมือนอย่างหมอ เกรกอรี่ เฮ้าส์ ที่รักษาได้ทุกโรคภายใน 42 นาที (หมอนี่เป็นตัวละครในซี่รี่ย์เรื่องหนึ่งในสหรัฐฯ) ถ้าคุณไปหาหมอเพราะเป็นไข้หวัดในสมัยนั้น, เขาอาจใช้ปลิงในการวินัจฉัยโรคคุณและสั่งจ่ายเฮโรอีนเพื่อลดอาการไอของคุณ วิธีการเดียวที่พวกเขาใช้ในการพิสูจน์ว่าคนสักคนตายหรือยังคือ ยืนก้มหน้าลงไปที่หน้าคนๆ นั้น แล้วตะโกนว่า ตื่น!! ตื่นได้แล้ว!!! ซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้ ถ้าคุณไม่ตอบสนอง พวกเขาก็ฝังคุณ
ความกลัวว่าจะถูกฝังทั้งเป็นนั้นเป็นเรื่องเป็นราวมากในสมัยนั้น ซึ่งพิสูจน์ได้โดยสิ่งของที่เหล่าเศรษฐีและพวกคนแปลกๆ ต้องมีกันคือ โลงศพนิรภัย ที่คนที่ข้างในสามารถส่งสัญญาณบางอย่างออกมาสู่โลกภายนอกได้ (โดยมากมักเป็นการสั่นกระดิ่งหรือไม่ก็ชักธงอะไรสักอย่าง) ในกรณีที่เขาดันตื่นขึ้นมา 6 ฟุตข้างล่างนั่น
อย่างไรก็ดี, การเดินไปตามเสียงกระดิ่งดูจะเป็นโอกาสอันดีให้ซอมบี้ได้ซุ่มทำร้ายคุณ, ถ้าคุณถามผมนะ 
น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ โลงศพนิรภัย ไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไปแล้ว, ดังนั้นถ้าคุณอยุ่ในสุสานแล้วได้ยินเสียงลอดออกมาจากโลงศพว่า โอค, เลิกเล่นได้แล้ว ปล่อยกรูออกป๊ายยย! ก็ขอแนะนำให้คุณบอกใครสักคนแถวนั้นที่เผอิญมีพลั่วในมืออย่างด่วน
โอเค, บางทีตะกี้อาจดูเหมือนเป็นการเล่นไม่ดูกาลเทศะไปหน่อย, เรื่องพวกนี้ไม่ทางเกิดขึ้นทุกวันนี้หรอก ใช่มั้ย?
ยกเว้นเรื่องนี้ละกัน ที่ชายชาวเวเนซุเอล่าชื่อ คาลอส คาเมโจ้ วัย 33 ปี เกิดตื่นขึ้นมาบนเตียงผ่าศพขณะที่แพทย์กำลังชันสูตรศพเขาอยู่ เขาถูกประกาศว่าเสียชีวิตเรียบร้อยหลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยถูกนำไปชันสูตรศพแล้วพบว่ายังไม่ตายนั่นแหละ
ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเจ็บโคตรๆ จนทนไม่ไหว เจ้าตัวบอกกับนักข่าวท้องถิ่น 
เพื่อป้องกันไว้ก่อน, บางทีคุณอาจอยากเพิ่มรายชื่อสิ่งของที่อยากเอาติดตัวลงโลงไปอีกชิ้น คือ สว่านพร้อมแบตเตอรี่ (เพราะข้างล่างไม่มีปลั๊กไฟ) ก็เป็นได้ 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมดแต่เพียงเท่านี้ครับ แปลผิดพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ มึนเหมือนกัน - -'
ที่มา. http://www.cracked.com/article_15628_5-creepiest-urban-legends-that-happen-be-true.html
แปล. เอง
จากคุณ |
:
art_sarawut
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ส.ค. 52 09:22:55
|
|
|
|
 |