ความคิดเห็นที่ 1 ขอตอบแค่บางข้อนะครับ 1. ถูกแล้วครับ 2. นั่นมันดาวเคราะห์ในระบบสุริยะครับ 3. ใช่ครับ 4. พึ่งออกนอกระบบสุริยะได้ 3 ลำเอง จะรีบออกจากกาแลคซี่ไปถึงใหน ข้อ 5 ขอผู้เชี่ยวชาญมาตอบครับ จากคุณ : OmegaPi เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:10:51

ความคิดเห็นที่ 2   ระหว่างกาแลคซี่ดาวมันจะน้อยกว่าในกาแลคซี่มั้ง มั่วเอานะTT จากคุณ : bell4210 (the world is beautiful) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:13:16

ความคิดเห็นที่ 3 1. ใช่ครับ 2. ไม่ใช่ครับ ระยะจากดวงอาทิตย์ไปถึงดาวพลูโต เป็นเพียงแค่ 1 ระบบสุริยะเท่านั้นเองครับ เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่เล็กโคตรๆ ของกาแล๊คซี่ทางช้างเผือกครับ 3. ใช่ครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่า เราสามารถศึกษาเกี่ยวกับดาวในกาแล๊คซี่อื่นๆได้มากน้อยแค่ไหน เพราะแค่ใน กาแล๊คซี่เอง ก็ยังศึกษาไม่หมดแล้วครับ 4. ไม่เคยครับ แค่ออกนอกระบบสุริยะนี่ก็ลำบากแล้วครับ(วอยเอเจอร์ ออกนอกระบบสุริยะจักรวาลของเราไปแล้วครับ) 5. ข้อนี้ขอผ่านนะครับ รอผู้รู้มาตอบต่อไปครับ ขอบคุณ คห 5 ครับ ที่ช่วยแก้คำผิดให้ครับ :) แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 53 00:08:38 แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 53 00:08:17 จากคุณ : Intricated เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:13:47

ความคิดเห็นที่ 4 http://www.doodaw.com/mapuniverse/index.php จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:50:47

ความคิดเห็นที่ 5 ตามความคิดเห็นที่ 3 ผมรู้มาว่า ควรเรียกเพียงว่า "ระบบสุริยะ" ไม่ใช่ "ระบบสุริยะจักรวาล" ตามที่เรียกกันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะมันเป็นคนละเรื่องกับจักรวาล จากคุณ : รามณรงค์ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:56:48

ความคิดเห็นที่ 6 ดาราจักร หรือ กาแล็กซี (อังกฤษ: galaxy) เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์นับล้านดวง กับสสารระหว่างดาวอันประกอบด้วยแก๊ส ฝุ่น และสสารมืด รวมอยู่ด้วยกันด้วยแรงโน้มถ่วง ดาราจักรจึงเป็นเสมือนเมืองของดวงดาวมารวมอยู่ด้วยกัน ดาราจักรที่เราอาศัยอยู่เรียกว่าดาราจักรทางช้างเผือก หรือ The Milky Way Galaxy เนื่องจากเมื่อมองจากโลกเห็นเป็นแถบทางยาวทอดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน คำว่าดาราจักร Galaxy คำนี้ มีที่มาจากภาษากรีกว่า galaxias หมายถึง "น้ำนม" ซึ่งสื่อโดยตรงถึงดาราจักรทางช้างเผือก (Milky Way) ดาราจักรโดยทั่วไปมีขนาดน้อยใหญ่ต่างกัน นับแต่ดาราจักรแคระที่มีดาวฤกษ์ประมาณสิบล้านดวง ไปจนถึงดาราจักรขนาดยักษ์ที่มีดาวฤกษ์นับถึงล้านล้านดวงโคจรรอบศูนย์กลางมวลจุดเดียวกัน ในดาราจักรหนึ่ง ๆ ยังประกอบไปด้วยระบบดาวหลายดวง กระจุกดาวจำนวนมาก และเมฆระหว่างดาวหลายประเภท ดวงอาทิตย์ของเราเป็นหนึ่งในบรรดาดาวฤกษ์ในดาราจักรทางช้างเผือก เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะซึ่งมีโลกและวัตถุอื่น ๆ โคจรโดยรอบ ที่มาของชื่อ คำว่า กาแล็กซี มาจากคำศัพท์ในภาษากรีกที่ใช้เรียกดาราจักรของเรา คือ galaxias  หรือ kyklos galaktikos ซึ่งมีความหมายว่า "วงกลมน้ำนม" อันเนื่องมาจากลักษณะที่ปรากฏบนท้องฟ้า ในตำนานเทพปกรณัมกรีก เทพซูสมีบุตรคนหนึ่งกับสตรีชาวมนุษย์ คือ เฮราคลีส พระองค์วางบุตรผู้เป็นทารกบนทรวงอกของเทพีเฮราขณะที่นางหลับ เพื่อให้ทารกได้ดื่มน้ำนมของนางและจะได้เป็นอมตะ เมื่อเฮราตื่นขึ้นและพบว่าทารกแปลกหน้ากำลังดื่มนมจากอกนาง ก็ผลักทารกนั้นออกไป สายน้ำนมกระเซ็นออกไปบนฟากฟ้ายามราตรี เกิดเป็นแถบแสงจางๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า "ทางน้ำนม" (Milky Way; ไทยเรียก "ทางช้างเผือก") จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:22:00

ความคิดเห็นที่ 7 ตำแหน่งของโลกในจักรวาล โลก (The Earth) โลกของเรามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12,756 กิโลเมตร  โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 150 ล้านกิโลเมตร แสงอาทิตย์ต้องใช้เวลาเดินทางนาน 8 นาที กว่าจะถึงโลก ระบบสุริยะ (Solar System) ประกอบด้วยดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์อยู่ตรงศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ 9 ดวง เป็นบริวารโคจรล้อมรอบ ดาวเคราะห์แต่ละดวงอาจมีดวงจันทร์เป็นบริวารโคจรล้อมรอบอีกทีหนึ่ง  ดาวพลูโตอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 6 พันล้านกิโลเมตร  แสงอาทิตย์ต้องใช้เวลาเดินทางนาน 5 ชั่วโมงครึ่ง กว่าจะถึงดาวพลูโต ดาวฤกษ์เพื่อนบ้าน  (Stars) ดาวฤกษ์แต่ละดวงอาจมีระบบดาวเคราะห์เป็นบริวาร เช่นเดียวกับระบบสุริยะของเรา   ดาวฤกษ์แต่ละดวงอยู่ห่างกันเป็นระยะทางหลายล้านล้านกิโลเมตร   ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดของดวงอาทิตย์ชื่อ “ปร๊อกซิมา เซนทอรี” (Proxima Centauri) อยู่ห่างออกไป 40 ล้านล้านกิโลเมตร หรือ  4.2 ปีแสง  ดาวฤกษ์ซึ่งมองเห็นเป็นดวงสว่างบนท้องฟ้า ส่วนมากจะอยู่ห่างไม่เกิน  2,000 ปีแสง กาแล็กซี (Galaxy) กาแล็กซีคืออาณาจักรของดวงดาว   กาแล็กซีของเราชื่อ “กาแล็กซีทางช้างเผือก” (The Milky Way Galaxy) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 แสนปีแสง ประกอบด้วยดาวฤกษ์ประมาณ 1 พันล้านดวง ดวงอาทิตย์ของเราอยู่ห่างจากใจกลางของกาแล็กซีเป็นระยะทางประมาณ 3 หมื่นปีแสง (2 ใน 3 ของรัศมี) กระจุกดาราจักร (Cluster of galaxies)   กาแล็กซีอยู่รวมกันเป็น กลุ่ม (Group) หรือกระจุก (Cluster)  “กลุ่มกาแล็กซีของเรา” (The local group) มีจำนวนมากกว่า 10 กาแล็กซี  กาแล็กซีเพื่อนบ้านของเรามีชื่อว่า “กาแล็กซีแอนโดรมีดา”(Andromeda galaxy)  อยู่ห่าง 2.3 ล้านปีแสง  กลุ่มกาแล็กซีท้องถิ่นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 ล้านปีแสง กลุ่มกระจุกดาราจักร(Supercluster) ซูเปอร์คลัสเตอร์ ประกอบด้วยกระจุกกาแล็กซีหลายกระจุก  “ซูเปอร์คลัสเตอร์ของเรา” (The local supercluster) มีกาแล็กซีประมาณ 2 พันกาแล็กซี  ตรงใจกลางเป็นที่ตั้งของ “กระจุกเวอร์โก”  (Virgo cluster) ซึ่งประกอบด้วยกาแล็กซีประมาณ 50 กาแล็กซี อยู่ห่างออกไป 65 ล้านปีแสง  กลุ่มกาแล็กซีท้องถิ่นของเรา กำลังเคลื่อนที่ออกจากกระจุกเวอร์โก ด้วยความเร็ว 400 กิโลเมตร/วินาที เอกภพ (Universe) “เอกภพ” หรือ “จักรวาล” หมายถึง อาณาบริเวณโดยรวมซึ่งบรรจุทุกสรรพสิ่งทั้งหมด  นักดาราศาสตร์ยังไม่ทราบว่า ขอบของเอกภพสิ้นสุดที่ตรงไหน  แต่พวกเขาพบว่ากระจุกกาแล็กซีกำลังเคลื่อนที่ออกจากกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าเอกภพกำลังขยายตัว   เมื่อคำนวณย้อนกลับนักดาราศาสตร์พบว่า เมื่อก่อนทุกสรรพสิ่งเป็นจุด ๆ เดียว เอกภพถือกำเนิดขึ้นด้วย ”การระเบิดใหญ่” (Big Bang) เมื่อประมาณ 13,000 ล้านปีมาแล้ว แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 00:27:59 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:25:22

ความคิดเห็นที่ 8 รูปประกอบคคห.บน จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:28:52

ความคิดเห็นที่ 9 ระบบสุริยะ (Solar System) ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เนื่องจากแรงโน้มถ่วง ได้แก่ 1.ดาวเคราะห์ 8 ดวง กับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 166 ดวง ดาวเคราะห์ชั้นเอกทั้ง 8 ดวงในระบบสุริยะ เรียงลำดับจากใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดออกไป มีดังนี้คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน 2. ดาวเคราะห์แคระ 3 ดวง กับดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 4 ดวง 3. วัตถุขนาดเล็กอื่นๆ อีกนับล้านชิ้น ซึ่งรวมถึง ดาวเคราะห์น้อย วัตถุในแถบไคเปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝุ่นระหว่างดาวเคราะห์ แบ่งย่านต่างๆ ของระบบสุริยะ นับจากดวงอาทิตย์ออกมาดังนี้คือ 1. ดาวเคราะห์ชั้นในจำนวน 4 ดวง 2. แถบดาวเคราะห์น้อย 3. ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่รอบนอกจำนวน 4 ดวง 4. แถบไคเปอร์ซึ่งประกอบด้วยวัตถุที่เย็นจัดเป็นน้ำแข็ง 5. เขตแถบจานกระจาย อยู่พ้นจากแถบไคเปอร์ออกไปเป็น 6. ขอบเขตเฮลิโอพอส เป็นเขตแดนตามทฤษฎีที่ซึ่งลมสุริยะสิ้นกำลังลงเนื่องจากมวลสารระหว่างดวงดาว 7. ย่านของเมฆออร์ต จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:31:39

ความคิดเห็นที่ 10 1.กาแลคซี่เหมือนเขตๆนึงที่ใหญ่มากๆ  มีดาวเพียบ  ว่าแต่  กาแลคซี่ที่เราอยู่ชื่อทางช้างเผือกใช่ไหมครับ - ใช่ครับ 2.กาแลคซี่เรา  มีดาว เท่าที่ผมเรียนมาตอนประถม - -" ไล่ไปตั้งแต่ดวงอาทิตย์ จนถึง พลูโต  ใช่ไหมครับ - ไม่ใช่ครับ อันนี้เรียกว่าระบบสุริยะเท่านั้น 3.ต่อจากข้อ2 แล้วดาวดวงใหม่ๆที่ค้นพบ(ผมไม่รุ้ว่ามีกี่ดวง)อยู่ในกาแลคซี่เราใช่ไหมครับ - ถ้าหมายถึงดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ใช่ครับ แต่ถ้าดาวฤกษ์ไม่จำเป็น เพราะเดี๋ยวนี้สามารถศึกษาดาวฤกษ์ใหญ่ๆ ในแกแลกซี่อื่นได้แล้ว 4.เราเคยส่งยานออกไปพ้นกาแลคซี่ของเราได้บ้างหรือยัง  หรือว่าส่องเอาแต่กล้อง - ยานที่ไปไกลสุดตอนนี้ยังไม่พ้นระบบสุริยะเลยครับ อย่าว่าแต่จะพ้นแกแลกซี่เลย 5.ระหว่างกาแลคซี่นึง  ไปอีก กาแลคซี่นึง  มันเป็นยังไงครับ  มีอะไรบ่งบอกว่าตอนนี้เราหลุดเขตกาแลคซี่นึง  และกำลังข้ามไปอีกกาแลคซี่นึง - ไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าจะมี "สสารระหว่างแกแลกซี่" ที่เบาบางมากๆ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:35:26

ความคิดเห็นที่ 11 หน่วยการวัดระยะทางในระบบสุริยะ เนื่องจากระยะทางระหว่างวัตถุในอวกาศอยู่ไกลกันมาก ทางดาราศาสตร์จึงกำหนดหน่วยการวัดระยะทางขึ้นเพื่อความสะดวกในการสื่อสาร ปีแสง เป็นหน่วยวัดระยะทางทางดาราศาสตร์ที่นิยมใช้กันมาก มาจากคุณสมบัติที่แสงสามารถเดินทางผ่านอวกาศได้ โดยมีความเร็วคงที่ในสุญญากาศมีค่า 299, 792, 458 เมตร/วินาที ปีแสงคิดจาก 299,792,458 x 60 (วินาที/นาที) x 60 (นาที/ชั่วโมง) x 24 (ชั่วโมง/วัน) x 365.25 (วัน/ปี) ดังนั้น 1 ปีแสง จึงเท่ากับ 9, 460, 730, 472, 000 กิโลเมตร/ปี นอกจากนี้เรายังใช้ หน่วยดาราศาสตร์ (Astronomical Unit: AU) ในการบอกระยะทางทางดาราศาสตร์อีกด้วย 1 หน่วยดาราศาสตร์ หรือ 1 AU เท่ากับระยะห่างเฉลี่ยระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ มีค่า 149, 597, 870 กิโลเมตร การใช้หน่วยดาราศาสตร์ วัดระยะทางในทางดาราศาสตร์ สะดวกกว่าการใช้หน่วยกิโลเมตร เช่น ดาวพฤหัสบดี อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 5.2 หน่วยดาราศาสตร์ สื่อสารได้ง่ายกว่า ดาวพฤหัสบดี อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 777, 905, 900 กิโลเมตร ภาพประกอบ ระยะทางเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ (AU) (ดัดแปลงจาก: wikipedia และ  http://web.gps.caltech.edu/~mbrown/dwarfplanets ) แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 08:43:59 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 00:40:11 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:38:58

ความคิดเห็นที่ 12 รายละเอียดนิยามของดาวเคราะห์ของสมาพันธ์ดาราศาสตร์สากล (24 สิงหาคม 2549) นิยามใหม่ของดาวเคราะห์ประเภทต่างๆ มีดังต่อไปนี้ (มติที่ 5A จาก IAU 2006 General Assembly อ้างอิงจาก http://www.iau.org/public_press/news/detail/iau0603/ และ http://www.iau.org/public_press/news/release/iau0603/questions_answers/ ) 1. ดาวเคราะห์ (Planet) หมายถึง เทหวัตถุที่มีสมบัติดังต่อไปนี้ครบถ้วน (ก) โคจรรอบดวงอาทิตย์ (ข) มีมวลมากพอที่จะแรงโน้มถ่วงของดาวสามารถเอาชนะความแข็งของเนื้อดาว ส่งผลให้ดาวอยู่ในสภาวะสมดุลไฮโดรสแตติก (hydrostatic equilibrium; เช่น ทรงเกือบกลม) (ค) สามารถกวาดเทห์วัตถุในบริเวณข้างเคียงไปได้ 2. ดาวเคราะห์แคระ (Dwarf Planet) หมายถึง เทหวัตถุที่มีสมบัติดังต่อไปนี้ครบถ้วน (ก) โคจรรอบดวงอาทิตย์ (ข) มีมวลมากพอที่จะแรงโน้มถ่วงของดาวสามารถเอาชนะความแข็งของเนื้อดาว ส่งผลให้ดาวอยู่ในสภาวะไฮโดรสแตติก (hydrostatic equilibrium; เช่น ทรงเกือบกลม) (ค) ไม่สามารถกวาดเทห์วัตถุในบริเวณข้างเคียงไปได้ (ง) ไม่ใช่ดวงจันทร์บริวารของดาวเคราะห์อื่นๆ 3. เทห์วัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ (Small Solar-System Bodies) หมายถึง วัตถุอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้ว ปัจจุบันถือว่า ระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ 8 ดวง คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน และมีดาวเคราะห์แคระอีกหลายดวง ที่รู้จักกันดีได้แก่ ดาวพลูโต และดาวซีเรสซึ่งเคยจัดว่าเป็นดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุด ส่วนดาวอีริสมีขนาดใหญ่กว่าดาวพลูโตแต่อยู่ไกลออกไปมาก รวมทั้งเทห์วัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ ซึ่งประกอบด้วยดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ต่างๆ ที่ค้นพบแล้วอย่างน้อย 130 ดวง ดาวเคราะห์น้อยที่ค้นพบแล้วอย่างน้อย 338,100 ดวง และดาวหางอีกจำนวนมาก แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 08:54:55 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:49:57

ความคิดเห็นที่ 13 ดาวพลูโต เป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะหรือไม่.. ไม่เป็น ดาวเคราะห์จะต้องมีมวลมากพอจะสร้างตัวเองให้มีรูปร่างเป็นสัณฐานกลม และขับไล่ชิ้นส่วนเล็กๆ ที่อยู่รอบตัวเองให้ออกไปให้พ้นระยะ จากนิยามนี้ดาวพลูโตถูกปลดออกจากตำแหน่งดาวเคราะห์เนื่องจากมันไม่สามารถขับไล่วัตถุเล็กๆ อื่นๆ ในบริเวณแถบไคเปอร์ออกไปพ้นวงโคจรของมันได้ และเนื่องจากมีวงโคจรเป็นรูปวงรีบางส่วน ซ้อนทับวงโคจรของดาวเนปจูน   ดาวเคราะห์แคระ คือ เทหวัตถุที่โคจรรอบดวงอาทิตย์และมีมวลมากพอจะทำให้ตัวเองมีสัณฐานกลมเนื่องจากแรงโน้มถ่วง แต่ไม่สามารถขจัดชิ้นส่วนก่อนเกิดดาวเคราะห์ออกไป ทั้งไม่สามารถเป็นดาวบริวาร ระบบสุริยะจึงมีดาวเคราะห์แคระที่รู้จักแล้ว 5 ดวงคือ ซีรีส พลูโต เฮาเมอา มาคีมาคี และ อีรีส  วัตถุอื่นๆ ที่อาจสามารถจัดประเภทเป็นดาวเคราะห์แคระได้ ได้แก่ เซดนา ออร์กัส และควาอัวร์ ดาวเคราะห์แคระที่โคจรอยู่ในย่านพ้นดาวเนปจูนเรียกชื่อรวมๆ ว่า "พลูตอยด์" "พลูตอยด์" หมายถึง วัตถุบนท้องฟ้าในแถบไคเปอร์ (Kuiper Belt) ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์, มีมวลมากเพียงพอที่จะมีแรงโน้มถ่วงดึงดูดตัวเอง ให้อยู่ในสภาวะสมดุลอุทกสถิต (hydrostatic equilibrium), มีวงโคจรของตัวเองไม่ชัดเจน และต้องไม่มีดาวบริวาร ขณะนี้มีดาวเคราะห์แคระที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มพลูตอยด์แล้ว 2 ดวง ได้แก่ พลูโต (Pluto) เฮาเมอา (Haumea) มาคีมาคี (Makemake) และ อีริส (Eris) ซึ่งนักดาราศาสตร์ก็คาดหวังกันว่า ในอนาคตจะมีการค้นพบวัตถุประเภทพลูตอยด์เพิ่มมากขึ้น จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:53:13

ความคิดเห็นที่ 14 .. จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:53:28

ความคิดเห็นที่ 15 ย่านไกลที่สุดของระบบสุริยะ เราไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าระบบสุริยะสิ้นสุดที่จุดไหน หรืออวกาศระหว่างดาวเริ่มต้นขึ้นที่จุดไหน เพราะขอบเขตรอบนอกของระบบเป็นไปด้วยอิทธิพลของแรง 2 ชนิดที่แตกต่างกัน คือ - ลมสุริยะ - แรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ อิทธิพลด้านนอกสุดของลมสุริยะกินเนื้อที่ออกไปประมาณ 4 เท่าของระยะห่างจากดวงอาทิตย์ถึงดาวพลูโต เรียกว่า ขอบเขตเฮลิโอพอส ซึ่งอาจนับเป็นจุดเริ่มต้นของสสารระหว่างดาวก็ได้ เฮลิโอสเฟียร์ (Heliosphere) มีลักษณะคล้ายฟองอากาศอยู่ในห้วงอวกาศ ที่พองตัวอยู่ในสสารระหว่างดาว ซึ่งเป็นผลจากลมสุริยะ ทำหน้าที่ปกป้องระบบสุริยะเอาไว้จากรังสีคอสมิก แม้จะมีอะตอมที่เป็นกลางทางไฟฟ้าส่วนหนึ่งจากสสารระหว่างดาวสามารถลอดเข้ามาภายในเฮลิโอสเฟียร์ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วสสารส่วนใหญ่ที่อยู่ภายในเฮลิโอสเฟียร์ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์ทั้งสิ้น ขอบเขตของระบบสุริยะเป็นไปด้วยอิทธิพลของแรง 2 ชนิดที่แตกต่างกัน คือ ลมสุริยะ และแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ ในรัศมี 10,000 กิโลเมตรแรก ลมสุริยะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า 1 ล้านกิโลเมตรต่อวินาที จากนั้นจึงเริ่มชะลอและสลายไปในสสารระหว่างดาว ลมสุริยะจะชะลอความเร็วลงจนหยุดลงในที่สุดและรวมไปในมวลสารเหล่านั้น - จุดที่ลมสุริยะชะลอความเร็วลงเรียกว่า กำแพงกระแทก (Termination shock) - จุดที่แรงดันของสสารระหว่างดาวกับลมสุริยะเข้าสู่สมดุลกันเรียกว่า เฮลิโอพอส (Hliopause) - จุดที่สสารระหว่างดาวเคลื่อนที่ในทางตรงกันข้าม คือชะลอตัวลงเมื่อปะทะเข้ากับเฮลิโอสเฟียร์ เรียกว่า โบว์ช็อค (Bow shock) จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 00:58:42

ความคิดเห็นที่ 16 เราเคยส่งยานออกไปพ้นกาแลคซี่ของเราได้บ้างหรือยัง  หรือว่าส่องเอาแต่กล้อง... ยังไม่เคยมียานอวกาศลำใดเดินทางพ้นออกไปจากเฮลิโอพอสเลย  คาดว่ายานอวกาศวอยเอจเจอร์ขององค์การนาซาจะเดินทางออกจากเฮลิโอพอสในราวหนึ่งทศวรรษข้างหน้า และจะส่งข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับระดับของรังสีและลมสุริยะกลับมายังโลก เพราะความเข้าใจเกี่ยวกับการที่เกราะเฮลิโอสเฟียร์ช่วยปกป้องระบบสุริยะเอาไว้จากรังสีคอสมิกยังมีอยู่น้อยมาก จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 01:02:23

ความคิดเห็นที่ 17 เรียบเรียงจาก http://th.wikipedia.org/wiki/  http://en.wikipedia.org/wiki/ ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์: http://www.lesa.in.th/index.php แนะนำแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม 1. สมาคมดาราศาสตร์ไทย:  http://thaiastro.nectec.or.th 2. http://www.darasart.com/ 3. ชุมนุมนักดาราศาสตร์รุ่นเยาว์ เว็บดาราศาสตร์เพื่อคนไทย  : http://www.prc.ac.th/Astronomy/Index.htm 4. โครงการพัฒนาเนื้อหาความรู้สำหรับเครือข่ายเพื่อโรงเรียนไทย (SchoolNet): http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet3/page1_physics.htm 5. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ: http://www.nsm.or.th/nsm2008/index.php 6. วิภู รุโจปการ. เอกภพเพื่อความเข้าใจธรรมชาติของจักรวาล. พิมพ์ครั้งที่ 1, นามมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น, 2547  (เล่มนี้ดีมากๆ อ่านเข้าใจง่าย ไม่น่าเบื่อ) 7. ธนู อุดมพันธุ์.โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้น ม.5: คู่มือสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน (O-NET). พิมพ์ครั้งที่ 1, SCIENCE CENTER, 2551 8. The International Astronomical Union (IAU): http://www.iau.org/ หมายเหตุ http://www.lesa.in.th/index.php เว็บนี้ย้ายหายไปไหนแล้วไม่ทราบค่ะ ไม่ชำนาญเรื่องนี้นัก ข้อมูลบางอย่างอาจจะไม่อัพเดต หรือหากพบข้อผิดพลาดรบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 09:25:47 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 09:00:54 จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 08:40:38

ความคิดเห็นที่ 18 โอ้  มันซับซ้อนยิ่งนัก  ขอบคุณมากครับ  จะลองค่อยๆไล่อ่านดู  นี่ก็อ่านไปบ้างและ  อืมมม  ถึงจะงงๆอยู่บ้างบางข้อ  แต่ก็แจ่มชัดกว่าก่อนตั้งกระทู้มากครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : อากู๋หัดเล่น เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 09:12:29

ความคิดเห็นที่ 19 เอารูปมาให้ดู ระบบสุริยะ(solar system) สมัยก่อนเรียก สุริยจักรวาล จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 09:22:57

ความคิดเห็นที่ 21 ทางช้างเผือก(Milky Way)เป็นดาราจักร(Galaxy)-กลุ่มดาวขนาดใหญ่ มักมีรูปร่างคล้ายกงจักร ระบบสุริยะเป็นสมาชิก(จุดเล็กๆบน)ทางช้างเผือก ระบบสุริยะโคจรรอบจุดศูนย์กลางทางช้างเผือก ทำนองเดียวกับที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 09:41:47 จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 09:35:50

ความคิดเห็นที่ 22 "ลมสุริยะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า 1 ล้านกิโลเมตรต่อวินาที " ผมว่าไม่ใช่นะ search ๆ ดูแล้ว มันประมาณ 400-900 กม./วินาที ครับ ^^ จากคุณ : nutxnut เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 09:52:36

ความคิดเห็นที่ 23 กงจักร เข้าใจว่าเป็นอาวุธใช้ขว้าง รูปร่างคล้ายดาราจักร(Galaxy) จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 09:53:59

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 20 กาแลคซี่เหมือนเขตๆนึงที่ใหญ่มากๆ  มีดาวเพียบ   กาแลคซี่อยู่ที่บางแสน ...คนละกาแลคซี่ครับ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:16:27

ความคิดเห็นที่ 25 # 22 หาข้อมูลจากนี่ค่ะ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C ในรัศมี 10,000 กิโลเมตรแรก ลมสุริยะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า 1 ล้านกิโลเมตรต่อวินาที จากนั้นจึงเริ่มชะลอและสลายไปในสสารระหว่างดาว แต่.. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0 ลมสุริยะ (solar wind) คือ กระแสของอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากดาวฤกษ์สู่อวกาศ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยอิเล็กตรอนและโปรตอน อนุภาคเหล่านี้มีความเร็วต่ำมากในขณะที่ยังอยู่ภายในคอโรนาชั้นใน แต่จะถูกสนามแม่เหล็กเร่งความเร็วให้สูงขึ้นมาก อาจเร็วถึง 900 กิโลเมตรต่อวินาที ความหนาแน่นของอนุภาคจากลมสุริยะจะลดน้อยลง ในขณะที่ระยะห่างจากดาวฤกษ์มากขึ้น ดังเช่นในกรณีของดวงอาทิตย์ ความหนาแน่นลมสุริยะบริเวณวงโคจรของโลกมีประมาณ 8 อนุภาคต่อลูกบาศก์เซนติเมตร จาก wikipedia เหมือนกันด้วย หรือเราสับสนเอง?? แต่ที่คุณ nutxnut ทักท้วงมาน่าจะถูกนะคะ .... เนื่องจากลมสุริยะเป็นอนุภาคที่มีประจุจึงถูกดักจับให้เคลื่อนที่ไปตามเส้นสนามแม่เหล็กที่ออกมาจากดวงอาทิตย์ สำหรับอัตราเร็วของลมสุริยะนั้นจะขึ้นกับละติจูด (latitude) ที่ลมสุริยะนั้นเกิดขึ้นมา โดยลมสุริยะเกิดที่บริเวณใกล้ๆ ขั้วเหนือและใต้ของดวงอาทิตย์ จะมีอัตราเร็วสูงกว่าลมสุริยะที่เกิดที่บริเวณใกล้ๆ เส้นศูนย์สูตร โดยเฉพาะลมสุริยะที่ออกมาจาก coronal holes (ซึ่งมักจะอยู่บริเวณขั้วของดวงอาทิตย์) จะมีอัตราเร็วและความรุนแรงมากที่สุด โดยเฉลี่ยลมสุริยะจะมีอัตราเร็วเฉลี่ยประมาณ 300 กิโลเมตรต่อวินาที ที่ระยะทางเป็น 30 เท่าของรัศมีดวงอาทิตย์ และเมื่อมาถึงโลกลมสุริยะจะมีอัตราเร็วเฉลี่ยประมาณ 400 กิโลเมตรต่อวินาที http://www.thaispaceweather.com/glossary.html แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 10:21:48 จากคุณ : ขอบคุณที่ช่วยท้วงค่ะ (โอ้ละหนอ) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:20:42

ความคิดเห็นที่ 26 ปล.  ดาวแต่ละราศีคือกาแลคซี่  กาแลคซี่มีรูปร่างคล้ายสัตว์อะไรก็ว่ากันไป   อธิบายลุงเพื่อให้ลุงไปอธิบายหลานแบบง่ายๆให้ทีนะครับ ในดาราศาสตร์ ราศีคือ วงท้องฟ้าตามสุริยะวิถี(path of the Sun) ในโหราศาสตร์ ราศีคือ เครื่องหมายแบ่งสุริยะวิถีเป็น 12 ส่วนเท่ากัน In astronomy, the zodiac is the ring of constellations that lines the ecliptic, which is the apparent path of the Sun across the sky over the course of the year.  In astrology, the zodiac denotes those signs that divide the ecliptic into twelve equal zones of celestial longitude. http://en.wikipedia.org/wiki/Zodiac นับแต่โบราณ คนมองท้องฟ้า เห็นท้องฟ้าคงที่(ไม่นับดาวเคราะห์)ค่อยๆเลื่อนไป ตามแนวสุริยะวิถี คือแนวที่ดวงอาทิตย์วิ่งพาดผ่านท้องฟ้า เอาท้องฟ้าที่ดาวอยู่ตำแหน่งคงที่ มาแบ่งเป็น 12 ส่วนเท่ากันเรียก ราศี แบ่งที่เส้นสุริยะวิถี ได้ราศีละ 30 องศา แต่ละราศีมีกลุ่มดาวประจำราศี กลุ่มดาวหลายกลุ่มมีชื่อสัตว์ ดาวส่วนใหญ่อยู่ในทางช้างเผือก จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 10:45:56

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 23     กงจักร เข้าใจว่าเป็นอาวุธใช้ขว้าง รูปร่างคล้ายดาราจักร(Galaxy) จะพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะดาราจักรมีหลายรูปร่าง ดังนั้นจะพูดว่ากาแล็กซี่ทางช้างเผือกรูปร่างคล้ายกงจักรจึงถูกต้องกว่าที่จะพูดว่า กงจักรมีรูปร่างคล้ายกาแล็กซี่ #คุณโอ้ละหนอ Wikipedia นั้น เราใช้อ้างอิงได้ในระดับนึง แต่เมื่อถึงเวลาต้องอ้างอิงถึงความแม่นยำของข้อมูลแล้ว ให้ตัด Wikipedia ไปเลย แล้วไปดูจากแหล่งข้อมูลที่เป็นแหล่งวิชาการจริงๆ แทนอย่างที่คุณทำนั่นแหละดีที่สุดครับ ไม่ต้องงงถ้าข้อมูลใน Wikipedia มันผิดพลาดสับสนตีกันไปมา จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 11:08:35

ความคิดเห็นที่ 28 รูปไม้แกะสลักราศีศตวรรษที่ 16 ราศีก็ตรงกับราศีในโหราศาสตร์ไทย The zodiac signs as shown in a 16th-century woodcut http://en.wikipedia.org/wiki/Zodiac#History ราศีกุมภ์-คนปั้นหม้อ ราศีมีน-ปลาคู่ ราศีเมษ-แพะ ราศีพฤษภ-วัว เมถุน-คนคู่ กรกฎ-กุ้ง สิงห์-สิงโต กันย์-สาวบริสุทธ์ ตุล-ตราชั่ง พิจิก-แมงป่อง ธนู-คนยิงธนู มังกร-มังกร จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 11:09:31

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 27  กงจักร เข้าใจว่าเป็นอาวุธใช้ขว้าง รูปร่างคล้ายดาราจักร จะพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะดาราจักรมีหลายรูปร่าง ...ครับใช่ 1936 ฮับเบิ้ลจำแนกรูปร่างดาราจักรเรียกว่าซ่อมฮับเบิ้ล “Hubble tuning-fork” ฮับเบิ้ลแบ่งรูปร่างดาราจักรเป็น 3 ชนิด 1 รี ใช้ E ตามด้วยตัวเลขบอกความรี 2 เกลียว ก้นหอย(Spiral) จานแบน แขนยื่น ใช้ S ราวครึ่งมีแท่ง(bar) ใช้ SB. 3 เลนส์ ใช้ S0 ตรงกลางนูนจ้า ล้อมด้วยจาน ยังมีแบบรูปร่างไม่แน่นอน(irregular) http://en.wikipedia.org/wiki/Galaxy_morphological_classification จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 12:09:47

ความคิดเห็นที่ 30 ดาราจักรรูปร่างไม่แน่นอน(ไร้ลักษณ์ irregular)พบไม่บ่อย เช่นเมฆมักเจลเลนทั้งใหญ่เล็ก ซึ่งเห็นได้ฝั่งครึ่งโลกใต้ The shape of an irregular galaxy is uncommon The two Magellanic Clouds (or Nubeculae Magellani[1]) are irregular dwarf galaxies, which are members of our Local Group of galaxies. http://en.wikipedia.org/wiki/Irregular_galaxy รูป The Large and Small Magellanic Clouds are irregular dwarf galaxies. จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 12:25:16

ความคิดเห็นที่ 31 เอ่อ แล้วมนุษย์โลก นี่เคยส่งยานไปสํารวจได้ไกลสุดแค่ไหนหรอครับ จากคุณ : โรคจิตคอยแอบมองให้เธอมีรอยยิ้ม เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 12:26:53

ความคิดเห็นที่ 32 ดาราจักรไร้ลักษณ์ NGC 1427A ห่างไป 52 ล้านปีแสง NGC 1427A, an example of an irregular galaxy about 52 Mly distant. จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 12:33:27

ความคิดเห็นที่ 33 ความคิดเห็นที่ 31  เคยส่งยานไปสํารวจได้ไกลสุดแค่ไหนหรอครับ ปัจจุบันวอยเยเจอร์1 ไปไกลสุด 111 AU At the present time, the distance between Voyager 1 and the Sun measures about 111 astronomical units. One astronomical unit (AU) equates to the mean distance between the Earth and the Sun, which measures 149.6 million kilometres. Voyager 2 is now at a distance of 90 AU from Earth, Pioneer 10 is at a distance of 99 AUs and Pioneer 11 is at a distance of 79 AUs. ยานอวกาศยังวิ่งออกไป 11.4-17.1 กม/วินาที The probes are moving away at speeds of between 11.4 and 17.1 kilometres per second. This means that, each year, they are covering between 2.5 and 3.5 times the distance from Earth to the Sun. http://www.space-travel.com/reports/How_Far_Into_Outer_Space_Have_Space_Probes_Penetrated_999.html จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 13:04:03

ความคิดเห็นที่ 34 ผมก็เลยขอ งง /ไปด้วยคนกับ/26 ครับ ตกลงว่าดาวที่เราเห็นบนท้องฟ้าน่ะ เป็นดาวดวงเดียว หรือว่ากลุ่มดาว หรือเป็นกาแลกซีครับ พอจะระบุให้ชัด เพื่อจะได้ดูบนฟ้าด้วยตาเปล่า เป็นความรู้ให้ตื่นตา ตื่นใจหน่อย จากคุณ : สานเขียว (สานเขียว) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 13:07:29

ความคิดเห็นที่ 35 22 หาข้อมูลจากนี่ค่ะ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C ในรัศมี 10,000 กิโลเมตรแรก ลมสุริยะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า 1 ล้านกิโลเมตรต่อวินาที จากนั้นจึงเริ่มชะลอและสลายไปในสสารระหว่างดาว ---------------------------------------------------------------- น่าจะแปลผิดแล้วครับ เพราะความเร็วแสงในสุญญากาศยังแค่ 3 แสนกิโลเมตรต่อวินาที ลมสุริยะจะเร็วกว่าความเร็วแสงได้ไงครับ ถ้าวัดได้ตามนั้นจริงก็คงเป็นข่าวใหญ่ในวงการวิทยาศาสตร์ไปนานแล้วครับ เพราะเท่ากับเป็นการทำลายความเชื่อในทฤษฎีสัมพัทธภาพที่ว่าไม่มีอะไรเร็วกว่าแสงลงได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 13:40:53

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 34  ดาวที่เราเห็นบนท้องฟ้าเป็นดาวดวงเดียว หรือกลุ่มดาว ดูด้วยตาเปล่า ดาวที่เราเห็นบนท้องฟ้าเป็นดาวดวงเดียวครับ ดาราจักรที่อาจเห็นด้วยตาเปล่ามี 1 ทางช้างเผือก The Milky Way. This is our galaxy. We're in it so we can see it in all directions. You can see the largest concentration of stars in a band stretching across the sky. It is quite diffuse, so you need to be somewhere really dark to see it well. 2/3. เมฆมักเจลเลน เห็นเฉพาะซีกโลกใต้ รูปความคิดเห็นที่ 30 เป็นกลุ่มควัน The Magellanic clouds (Large and Small) are two small (ish) galaxies which are being accreted by the Milky Way. You can only see them from the southern hemisphere. 4. ดาราจักรอันโดรเมดา เห็นยากมาก The Andromeda galaxy (or M31) can be seen as a fuzzy patch in the constellation of Andromeda (again only if it is very dark out). http://curious.astro.cornell.edu/question.php?number=590 กลุ่มดาว หมายถึงดาวฤกษ์หลายๆดวงที่ตำแหน่งดาวอยู่คงที่ต่อกัน จัดเป็นกลุ่มในแต่ละราศี รูปมองตาเปล่าThe Two Most Distant Objects as seen with the naked eye Messier 31 (Andromeda Galaxy) at top center Messier 33 (Pinwheel Galaxy) at lower right http://www.weasner.com/etx/ref_guides/triangulum.html จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 13:58:06

ความคิดเห็นที่ 37 ทางช้างเผือกดูด้วยตาเปล่า จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 14:06:40

ความคิดเห็นที่ 38 เมฆมักเจลเลน(Magellanic clouds)ดูด้วยตาเปล่า จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 14:13:46

ความคิดเห็นที่ 39 ทางช้างเผือก มองจากโลก The Milky Way from Earth. Image Credit: Kerry-Ann Lecky Hepburn If you look up into the night sky on a very clear night, in an area with very little light pollution, you will see a band of stars splashed across the sky. http://www.universetoday.com/guide-to-space/milky-way/the-milky-way-from-earth/ จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 14:36:39

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านหมดแล้วววววว สรุป  เรานี่มันยิ่งกว่าผงซะอีกนะครับ อ่านไปผมก็อดแอบคิดไปไม่ได้ว่า  ถ้าไม่ใช่เทคโนโลยีแห่งจินตนาการที่เคยเห็นในหนัง  เล่นในเกม  มนุษย์เรา  จะอีกกี่ปีกี่ชาติถึงจะออกเฝ้ามองดาวอื่น  เหมือนที่เขากำลังมองเราอยู่ตอนนี้บ้าง จากคุณ : อากู๋หัดเล่น เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 15:12:11

ความคิดเห็นที่ 41 กลุ่มดาว(constellations) อยู่ประจำแต่ละราศี ราศีแบ่งท้องฟ้าตามสุริยะวิถี เป็น 12 ส่วน ดวงอาทิตย์โคจรในราศีละประมาณ 1 เดือน เดือนมกรา ดวงอาทิตย์อยู่ราศีธนูราวครึ่งเดือน ก่อนย้ายเข้าราศีมังกรอีกครึ่งเดือน ... Zodiac are the constellations that the ecliptic passes through. Note that it is around January when the Sun is in Sagittarius, and in the evening, we will see Taurus and Gemini, etc. They are called the winter constellations. Similarly, we will see other constellations in other seasons. http://www.lcsd.gov.hk/CE/Museum/Space/EducationResource/Universe/framed_e/lecture/ch03/ch03_cnt.html แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 15:29:16 จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 15:24:13

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบประเด็น #22 เป็นการแปลผิดค่ะ เช็คต้นฉบับแล้ว จะต้องเป็น 1 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง ค่ะ ไม่ใช่วินาที ขอบคุณที่ทักท้วงค่ะ จัดการแก้ไขบนวิกิพีเดียแล้ว จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 15:42:59

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วดาว pandoria ในหนังเรื่อง Avatar นี่อยู่ในแกแลกซี่ไหนอ่ะครับ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:16:42

ความคิดเห็นที่ 44   ขอตอบข้อ 5 นะครับระหว่างคุณข้ามผ่านจุดเชื่อมระหว่างจักรวาลถ้าคุณมีเครื่องวัดแรงดึงดูดมันจะชี้ Zero ครับ เอวัง..... จากคุณ : วิวัฏฏะวน เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 10:19:59 A:125.26.170.172 X: TicketID:248719

ความคิดเห็นที่ 45 The Universe within 12.5 Light Years - The Nearest stars http://www.atlasoftheuniverse.com/12lys.html เว็บนี้เป็นต้นแบบของเว็บในความเห็นที่ 4 ครับ  สามารถกดขยายในหน้าเดียวไปได้เรื่อยๆ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 53 21:31:32 จากคุณ : Rarm41 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 21:26:56