|
#57
จะเรียกว่าหายคงไม่ได้ครับ เพราะตราบใดที่เชื้อไวรัสเอชไอวียังคงอยู่ในร่างกาย แม้จะตรวจไม่พบ (หรือน้อยกว่า 50 Copies/Ml.) แต่เชื้อที่ยังหลบซ่อนอยู่ก็สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นได้ถ้าผู้ป่วยขาดยา
ดังนั้นหัวใจสำคัญของการรักษาโรคเอดส์คือ การรับประทานยาต้านไวรัสต่อเนื่องไปตลอดชีวิตครับ
ไม่ต่างอะไีรกับโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคเบาหวาน ที่ผู้ป่วยต้องกินยาต่อเนื่องไปตลอดชีวิต
ส่วนประเด็นเรื่องค่า CD4 นั้น
ค่าปกติคือ 700 ขึ้นไป คือค่าที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจัดการรับมือกับเชื้อโรคทั่วๆไปได้
ลงมาที่ 350 ผู้ป่วยจะเริ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสที่คนสุขภาพปกติไม่เป็นกัน เช่น ตุ่ม PPE , วัณโรค ฯลฯ แต่ส่วนมากมักยังมีสุขภาพปกติอยู่
ค่า CD4 ต่ำกว่า 200 ถือว่าผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสสูง เช่น โรคเชื้อราในสมอง,เยื่อหุ้มสมองอักเสบ,ปอดอักเสบ,วัณโรค และโอกาสที่จะป่วยเป็นเอดส์เต็มขั้น โหรือที่เรียกว่าโรคเอดส์) มีสูงมาก เพราะยิ่งค่า CD4 ต่ำมากเท่าไหร่ การดำเนินโรคก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น
ยาต้านไวรัสจะลดจำนวนของเชื้อไวรัสเอชไอวีลง ทำให้เซลล์ CD4 ซึ่งเป็นเป้าหมายของเชื้อไวรัสถูกทำลายลดลง แต่การจะเพิ่ม CD4 นั้นต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น การออกกำลังกาย, ทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน, ทำจิตใจให้เบิกบาน ซึ่งผู้ป่วยจะต้องเป็นคนทำเอง
ยาต้านไวรัสไม่ได้มีส่วนช่วยเพิ่มจำนวน CD4 โดยตรงให้แก่ผู้ป่วยครับ
จากคุณ |
:
pinspin
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มิ.ย. 55 13:35:49
|
|
|
|
|