บทที่ 1 นครหลวงแห่งนาซาลอส http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3968853/W3968853.html
บทที่ 2 พบ
เสียงกังวานใสของสตรีดังขึ้นในวินาทีเดียวกับการร่วงหล่นลงมาของเหรียญทองคำจำนวนนับสิบ พวกมันกระทบกับพื้นถนนเบื้องล่างเสียงดังกราว ความแวววาวของทองคำเนื้อบริสุทธิ์บ่งบอกถึงความสูงค่า ราคาของมันแต่ละเหรียญแทนเป็นเงินได้มากถึงสามพันเนกการ์ มูลค่ารวมของทั้งหมดทำให้โคลฮาลืมความหวั่นเกรงไปชั่วขณะ จนตวาดสั่งบริวารด้วยสีหน้าที่ไม่อาจปิดบังความละโมบในใจเอาไว้ได้ในทันที
เจ้าพวกโง่ ! ยืนเฉยกันอยู่ได้ รีบเก็บทองขึ้นมาให้ข้าเร็ว
สายตาของลาซานาร์ทแลขึ้นไปยังสตรีผู้เป็นเจ้าของเสียง ภาพที่ปรากฏให้เห็นคือหญิงสาวซึ่งอายุคงไม่ต่างจากตัวเขา นัยน์ตาสีเขียวมรกตของนางที่วาววับดุจอัญมณีงดงามยามต้องแสงสว่างคู่นั้นทอแววทรงอำนาจดั่งนางพญาผู้อยู่เหนือชนทั้งหล้า เส้นผมสีดำสนิทราวกับเงาแห่งรัตติกาลหยักเป็นลอนไปจนสุดปลายที่ยาวจรดเอว เครื่องแต่งกายสีฟ้าเป็นแบบเรียบง่ายและไร้ซึ่งเครื่องประดับรัตนชาติอันเลอค่าใด ๆ แต่ลักษณะของนางกลับทำให้ลาซานาร์ทนึกถึง
ดวงตะวันอันเรืองรองอยู่เหนือฟากฟ้า
ไอ้หนู คราวนี้ถือว่าเจ้ายังโชคดี โคลฮาแสยะยิ้มใส่เด็กชาย ก่อนจะเร่งออกไปจากบริเวณนั้นพร้อมกับคนของตนอย่างรวดเร็ว โดยมิกล้าเอ่ยคำพูดใดอีก
นางเดินลงจากระเบียงสีขาวมาตามบันไดหินและตรงเข้ามาหาทั้งสาม รอยยิ้มบาง ๆ ในสีหน้าทำให้กระแสแห่งอำนาจที่เคยปรากฏออกมาลดความแรงกล้าลง
ข้าชื่อดาเรนเวียร์ ยินดีที่ได้รู้จัก นางเอ่ยแนะนำตัวแบบเป็นกันเอง
ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือข้า ข้าเป็นหนี้ท่าน เด็กชายกล่าวคำขอบคุณ แต่ผู้ฟังกลับหัวเราะร่าเริง จนดูคล้ายกับว่านางเป็นเพียงเด็กหญิงแสนซนคนหนึ่งเท่านั้น
ข้าอยากได้ยินชื่อของเจ้ามากกว่านะ
อ๋อ ! ได้ครับ ผู้เยาว์วัยกว่ายิ้มกว้าง
ข้าชื่อเอริฟ
เอริฟ ! ลาซานาร์ทและดาเรนเวียร์อุทานเป็นเสียงเดียวกัน
เอริฟ ท่านตาของเจ้าคือท่านผู้เฒ่าจาทานใช่หรือไม่ น้ำเสียงของดาเรนเวียร์เริ่มร้อนรน
ใช่ครับ ท่านตาของข้าชื่อจาทาน เอริฟตอบด้วยความงุนงงกับสีหน้าเป็นกังวลของนาง
ท่านกำลังป่วยอย่างนั้นหรือ แล้วเวลานี้ท่านอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มและหญิงสาวเอ่ยคำถามต่อไปขึ้นพร้อมกัน
ใช่ อาการป่วยของท่านตาทรุดหนักลงตอนที่เรามาถึงเอนเดอร์เรียสเมื่อชั่วโมงก่อน พวกท่านรู้จักกับท่านตาของข้าด้วยหรือ
ท่านผู้เฒ่าจาทานเป็นสหายของอาจารย์ข้า ทั้งสองพูดราวกับนัดหมายกันไว้เป็นครั้งที่สาม
นัยน์ตาสีฟ้านภาและนัยน์ตาสีเขียวมรกตแลสบกันชั่วครู่หนึ่ง ในนาทีนั้นลาซานาร์ทรู้สึกเหมือนกับถูกสายตาอันล้ำลึกของอีกฝ่ายมองเข้ามาภายในจิตใจ จนอ่านได้ถึงตัวตนของเขา
เอริฟนำทางทั้งสามตรงไปยังมุมหนึ่งของนครหลวงซึ่งเงียบสงบและปราศจากความพลุกพล่านของผู้คน ก่อนจะหยุดเมื่อถึงลานน้ำพุที่ไม่กว้างนัก ชายชราผู้หนึ่งนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่ม้านั่งหินซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณนั้น ทำให้เด็กชายรีบวิ่งตรงเข้าไปหาทันที
ท่านตา !
ชายชราลืมตาขึ้นมองหลานชาย นัยน์ตาสีน้ำตาลมีแต่ความอ่อนล้า ผมและหนวดเครายาวสีขาวดูกลืนไปกับความซีดเผือดของใบหน้าที่ไร้สีเลือด เครื่องแต่งกายสีเทาที่แลดูหม่นมัว ยิ่งข่มให้อากัปกิริยาของผู้สูงวัยดูคล้ายกับแฝงไว้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย
เอ...ริฟ... เสียงของจาทานขาดหายไปพร้อมกับสติที่หมดลง
ท่านตา ! ... ท่านตา ! เอริฟร้องเรียกด้วยความตกใจ
เราต้องรีบพาท่านผู้เฒ่าไปที่มหาวิหารเดี๋ยวนี้ ดาเรนเวียร์เอ่ยขึ้น
แต่ข้าว่าเราน่าจะรีบพาท่านตาไปหาหมอมากกว่า เอริฟแย้งอย่างไม่เห็นด้วย
หมอที่เก่งที่สุดในเอนเดอร์เรียสเป็นนักบวชในมหาวิหาร เหตุผลของดาเรนเวียร์ทำให้ไม่มีใครคัดค้านอีก
ข้าจะแบกท่านผู้เฒ่าไปเอง ทาร์นเนสเสนอตัวในขณะที่ก้าวเข้าไปช่วยลาซานาร์ทพยุงร่างของจาทาน
ท่านไม่จำเป็นจะต้องทำเช่นนั้น เพราะข้ามีวิธีที่ดีกว่า ลาซานาร์ทพูดยิ้มๆ
วิธีอะไร ดาเรนเวียร์ถาม
มนตร์ประตูเวท
แต่ว่า ... เอริฟประหลาดใจเมื่อได้ยินคำตอบของลาซานาร์ท แม้ว่าจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ เวทมนตร์ชั้นสูงแบบนั้นมันยากที่จะ...
เอริฟยังพูดไม่ทันจบประโยค สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ก็เปลี่ยนไปจาก ลานน้ำพุเล็ก ๆ กลายเป็นห้องโถงยาวกว้าง เสาหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ทั้งหมดหลายสิบต้นตั้งเรียงขนานกันเป็นสองแถว หัวเสาสลักเสลาเป็นลวดลายอันวิจิตรรองรับเพดานโค้งเบื้องบน ซึ่งวาดเป็นภาพจิตรกรรมเทวสภาแห่งแดนสวรรค์เอลลาริส ณ ตำแหน่งประธานของห้องโถงเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปแห่งคณะเทพ
ทุกสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาล้วนแต่ยืนยันได้ว่า ขณะนี้พวกเขาได้เข้ามาอยู่ภายในอาณาเขตของมหาวิหารเลอารีเอลอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เด็กชายได้แต่นิ่งอึ้งและมองลาซานาร์ทด้วยความทึ่งระคนกับความชื่นชมอยู่เป็นครู่ใหญ่
เอริฟ เจ้าเดินวนไปวนมาไม่ยอมหยุดอย่างนั้น ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือไง
เสียงของทาร์นเนสที่เอ่ยทักขึ้นทำให้เด็กชายหยุดเดินกลับไปกลับมา แล้วหันไปมองอีกฝ่ายที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนม้านั่งยาวข้างหน้าต่าง
นางบอกว่าจะไปเชิญหมอมาดูอาการของท่านตา นี่ก็ตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังไม่มาอีก เอริฟเริ่มกังวล ดาเรนเวียร์ให้ศิษย์บุรุษฝ่ายฆราวาสผู้หนึ่งนำทางพวกเขามาที่ห้องพักสำหรับผู้มาเยือนของมหาวิหาร แล้วนางก็จากไปหลังจากที่ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้เพียงแค่
ข้าจะไปเชิญหมอมาตรวจอาการท่านผู้เฒ่า และจะไปเรียนให้อาจารย์ทราบเรื่อง
ความกระวนกระวายจะทำให้เจ้ารู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วกว่าความเป็นจริง
ลาซานาร์ทเอ่ยขึ้น เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ติดกับเตียงของจาทาน โดยที่ทอดสายตาจับจ้องอยู่แต่เฉพาะผู้สูงวัยที่ยังไม่ฟื้นขึ้นจากอาการหมดสติเท่านั้น
นั่งลงก่อนเถอะ เอริฟ
เด็กชายทำตามคำพูดของลาซานาร์ทอย่างว่าง่าย พลางกล่าวว่า
ข้ายังไม่ได้ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือข้าเลย
เรื่องเล็กน้อย อย่าใส่ใจเลย ผู้มีเวทมนตร์ก็ย่อมต้องช่วยเหลือผู้มีเวทมนตร์ด้วยกันอยู่แล้ว ลาซานาร์ทยิ้มน้อย ๆ
เจ้าเปี๊ยกนี่เป็นจอมเวท ! ทาร์นเนสร้อง ก่อนจะมีสีหน้าตกใจสุดขีด
หรือว่าประสาทหูของข้าจะเสื่อม ต้องใช่แน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ฟังผิดเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนี้
คัมภีร์ปกหนังเล่มยักษ์ที่ไม่มีใครรู้ว่ามาอยู่ในมือของเด็กชายตั้งแต่เมื่อใด พุ่งเข้าหาเป้าหมายที่พึ่งจะพูดจบไปในวินาทีก่อนอย่างรวดเร็ว แต่ว่าสัญชาตญาณการป้องกันตัวของทาร์นเนสมีประสิทธิภาพดีพอที่จะสั่งการให้หลบได้ทัน
เด็กบ้า ทาร์นเนสคำราม
นี่เจ้าคิดจะเล่นงานข้าให้ถึงชีวิตเลยใช่ไหม
ผู้ใหญ่งี่เง่า เอริฟสวนกลับ
กะโหลกหนาอย่างท่านแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก
เฮอะ ! ถ้าเจ้าเป็นจอมเวทจริง ทำไมไม่ใช้เวทมนตร์จัดการกับเจ้าพวกนั้นเสียตั้งแต่แรก สงสัยจะเป็นเพราะพลังอำนาจของเจ้ายังอ่อนหัดอยู่ก็เลยทำไม่ได้
ที่ข้าไม่ใช้เวทมนตร์ก็เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าเป็นคนผิดเองต่างหากเล่า ผู้เยาว์วัยกว่าพยายามระงับอารมณ์ หากเพลิงโทสะสามารถใช้เผาผลาญผู้อื่นได้ ทาร์นเนสคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ลาซานาร์ทกระทำตนเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์ ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าผู้เป็นเพื่อนเพียงแต่รู้สึกสนุกกับการได้วิวาทกับเอริฟ
ผู้มีเวทมนตร์นั้นเป็นกลุ่มชนพิเศษอันหาได้ยากยิ่งในหมู่มวลมนุษย์ เหล่าจอมเวทส่วนใหญ่มักจะไม่ติดต่อข้องแวะ หรือเปิดเผยพลังอำนาจที่แท้จริงของตนเองกับมนุษย์ธรรมดา นอกจากในยามที่เกิดภัยพิบัติจึงจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่คนคนหนึ่งจะไม่เคยได้พบเห็นผู้มีเวทมนตร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่กำเนิดตราบจนสิ้นชีวิต
ลาซานาร์ทระลึกถึงญาติผู้ใหญ่ผู้ซึ่งเขาเคารพรักมากที่สุด สถานะความเป็นผู้ใช้เวทมนตร์คือสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ชายหนุ่มไม่มีความกล้ามากพอที่จะกลับไปพบท่าน แม้ว่าเวลาที่จะต้องกลับบ้านตามสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อสิบปีที่แล้วจะใกล้เข้ามามากแล้วก็ตาม
เอ...ริฟ เอริฟ... เสียงแผ่วเบาของจาทาน เรียกให้สติที่กำลังจะขาดของหลานชายกลับคืนมา
ข้าอยู่นี่ขอรับ ท่านตา ข้าอยู่นี่ เด็กชายรีบก้าวเข้าไปหา พลางรับคำด้วยความดีใจ
ท่านตาฟื้นแล้ว ลาซานาร์ท ท่านตาฟื้นแล้ว
สายตาของชายชราแลตรงมา เมื่อได้ยินเอริฟเอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่ม
เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ท่านจาทาน ลาซานาร์ทเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
ลาซานาร์ท ! สีหน้าของผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความยินดีเมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีเวทของอีกฝ่าย
รัศมีเวทของผู้ใช้เวทมนตร์แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างกัน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ดีที่สุดสำหรับการใช้แยกแยะหรือระบุตัวบุคคลในหมู่จอมเวทด้วยกัน
เจ้าเติบโตขึ้นมากถึงเพียงนี้แล้วหรือนี่ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง ครั้งสุดท้ายที่เราพบกันดูเหมือนว่าเจ้าจะอายุเท่า ๆ กับเอริฟในตอนนี้เท่านั้นเอง
แล้วหลานชายคนนี้ ... จอมเวทผู้เฒ่ามองมาทางทาร์นเนส
สหายของเจ้าหรือ ลาซานาร์ท
เขาเป็นแค่มนุษย์ไร้สาระคนหนึ่งเท่านั้นขอรับ ท่านตา เด็กชายพูดหน้าตาเฉย
ท่านผู้เฒ่าครับ ข้าคงต้องขอตัวก่อน เพราะหากข้ายังอยู่ที่นี่ต่อไปคงจะเกิดความไม่สงบขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เป็นแน่ ทาร์นเนสลุกขึ้นยืนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ฟังดูเป็นปกติที่สุด ก่อนจะหันมาเอ่ยลาผู้เป็นเพื่อน
ลาซานาร์ท ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปทำธุระของตัวเองแล้ว เราคงจะได้พบกันอีก ถ้าข้ายังไม่ไปจากเอนเดอร์เรียสภายในสองสามวันนี้
แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 49 18:36:50
แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 49 18:26:30
แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 49 17:54:32
แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 49 17:52:29
จากคุณ :
จินตานุภาพ
- [
9 ม.ค. 49 14:34:19
]