CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Hello English!! *สะกิดรักคนไกล หัวใจอินเตอร์* (ตอน 8)

    เกริ่นนำ + ตอน 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3923898/W3923898.html
    ตอน 2 + 4http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3931563/W3931563.html
    ตอน 5http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3942184/W3942184.html
    ตอน 6http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3955210/W3955210.html
    ตอน7 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3989477/W3989477.html


    ตอนที่ 8   “Hello English!!”



    “You !!”

                        ทั้งฉันและเขาครางขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ฉันรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ คุณพระช่วย!! เขาคือหนุ่มลูกครึ่งตัวเป็นๆที่ฉันอยากเจอมาตลอดทาง ใช่เขาจริงๆด้วยค่ะ (ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย) นี่ล่ะนะที่เขาว่า หลังพายุฝนเทกระหน่ำ ก็มักจะมีรุ้งงามทอประกายตรงปลายฟ้า ฮิฮิ

                        ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เส้นผมสีน้ำตาล สีผิวแทนๆออกน้ำตาล เสื้อสปอร์ตที่เขาใส่และกระเป๋าเป้ไนกี้ที่เขาสะพายอยู่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสีน้ำตาล โอ้ว.. วันนี้ฉันรู้สึกแพ้สีน้ำตาลขึ้นมาดื้อๆ มองไปทางไหนก็เห็นเป็นสีน้ำตาล ทำไมโลกนี้ถึงกลายเป็นสีน้ำตาลได้นะ ฉันรู้สึกแพ้เหลือเกิน ขอเป็นลมซบที่อกอุ่นๆของเขาอีกสักทีได้มั๊ยคะ  เหอๆ

                         ฉันนึกเสียดายขึ้นมาทันที รู้อย่างนี้ เมื่อครู่ฉันแกล้งทำเป็นหน้ามืดซบเขาไปซะก็ดี จะได้อยู่ในอ้อมกอดเขาไปนานๆ และจังหวะนั้นเอง ช่างเหมือนรถไฟเป็นใจ จู่ๆพลันเกิดกระตุก จนฉันเซถลาไปซบอ้อมอกอุ่นๆของเขาอีกครั้งโดยมิได้ตั้งใจ

                        แต่คุณคงคิดว่า ฉันจะต้องใช้จังหวะนั้น เสพย์ความอบอุ่นจากอกกว้างของเขา ทั้งที่รถวิ่งเป็นปกติแล้ว ใบหน้าอันงดงามของฉันก็ยังคงเกาะติดหนึบอยู่ที่อกอุ่นๆของเขาอย่างเหนียวแน่นเป็นขี้มูกจากรูจมูกชมพู่ของยัยพอตตี้เลยใช่มั๊ยคะ.. ผิดค่ะ พอเอาเข้าจริง ฉันกลับรู้สึกเขินเขามากๆ ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อว่าจะเขินขนาดนี้

                         ฉันรีบดันตัวเองออกจากร่างสูงใหญ่ของเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ รู้สึกว่าตัวฉันมันร้อนรุ่มไปทั่วทั้งร่างอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นี่ฉันเป็นอะไรไปนะ (ไม่อยากจะบอกเลยว่า กลิ่นกายหอมสบู่อ่อนๆของเขาที่ยังติดจมูกฉันนั้น ยิ่งทำให้ต่อมเขินอายของฉันทำงานอย่างหนักหน่วงจนฉันอดห่วงตัวเองไม่ได้ T_T)

                         แต่ทว่า.. มันช่างเหมือนบาปกรรมตามสนองเลยค่ะ (ฉันเคยไปทำบาปไว้เมื่อไหร่เนี่ย - -*) เพราะยิ่งฉันเขิน พระเจ้าก็ยิ่งกลั่นแกล้งฉัน ทำให้รถไฟมันกระตุกอีกหลายต่อหลายครั้ง ฉันจำต้องใช้ความพยายามทุ่มแรงทั้งหมดลงที่ปลายเท้าบานๆประดุจกบของตนเพื่อจิกพื้นทรงตัวไว้ไม่ให้เซถลาไปโดนเขาอีก จนรู้สึกทั้งเจ็บทั้งชาระบมเท้าไปหมดแล้ว ใครก็ได้ ช่วยปลดความทรมานนี้ไปที T^T

    “Are you ok ?!”

                          คาดว่า อาการทั้งหมดคงแสดงออกทางสีหน้าจนเขาสังเกตเห็นแน่ๆเลยล่ะค่ะ

    “Yeah,I’m fine,thank you and you?!”

                          ว๊ายยยยยย... นี่ฉันพูดอะไรออกไปวะเนี่ย

    อร่ามตกใจ(และทุกข์ทรมาน) ทำให้ฉันชักพูดจามั่วซั่วมากไปแล้วนะ ไม่ได้ๆ แม้ฉันจะไม่ค่อยมีความรู้อังกฤษเท่าไหร่ แต่ก็ควรตอบให้ตรงคำถามหน่อยซี่

                         เสียงเขาระเบิดหัวเราะดังลั่นแทรกขึ้นทำลายสมาธิกระบวนการแปรภาษาของฉันอย่างเฉียบพลัน ความอับอายมันมาเยี่ยมเยียนฉันอีกแล้วเพราะทุกสายตาหรี่เล็กต่างพุ่งเป้ามาที่ฉัน T_T

    “Hello!! My name’s Joel Baek.Nice to meet you again.”

                          เอ่อ.. ขอฉันลำเอียงหน่อยนะคะ ที่จำได้ทั้งชื่อและนามสกุลเขาน่ะค่ะ หุหุ

                         ชายผู้ทำให้โลกนี้กลายเป็นสีน้ำตาล(ในสายตาฉัน) กล่าวแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มสดใสพลางยื่นมือเพื่อทำการทักทายแบบสากล นั่นคือ เช็คแฮนด์ ต่อมหญิงไทยใจงามเริ่มทำงานทันที ฉันควรจะจับมือเขามั๊ยนะ เอ๊ะ.. แล้วนี่ฉันเป็นอะไรไป ทำไมการอยู่ใกล้เขา การสัมผัสร่างกายเขา มันถึงได้ทำให้ฉันปั่นป่วนขนาดนี้ ไม่.. ไม่.. นี่มันเป็นวัฒนธรรม อย่าคิดมาก.. ฟินราอย่าคิดมาก

                          ฉันยื่นมือเรียวเล็กที่กำลังสั่นระริกของตนสัมผัสมือใหญ่สีแทนของเขาพลางกล่าวแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา...

    “Ma.. My name’s Finara.Nice to meet you,too”

                          ฉันรู้สึกสั่นเทิ้มทั่วทั้งร่าง กล่าวพลางก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความอาย ยิ่งฉันเขินมากเท่าไหร่ ใบหน้าแดงก่ำของฉันก็ยิ่งถูกมุดซ่อนลงมากเท่านั้น ขณะนี้ ปลายคางของฉันแทบจะแตะถึงหน้าอกอยู่แล้ว นี่ฉันจะคอหักตายก่อนได้รู้จักเค้ามั๊ยคะเนี่ย T_T

                          เขามองฉันด้วยแววตางุนงง ฉันเองก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตหญิงมั่น(และหน้าไม่ค่อยอาย)อย่างฉัน นี่มันผิดปกติจริงๆนะ ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย ไม่ได้การล่ะ.. ฉันจะไม่ยอมให้ความเขินอายมาทำลายความเป็นตัวเองอีกแล้ว คิดพลางใช้ปลายเล็บหยิกแขนเพื่อเรียกสติกลับคืน เป็นวิธีที่เจ็บมากไปนิดแต่ก็ได้ผลดีทีเดียว TOT

    “Hey, are you ok ?!”

    “Yeah! I’m ok, thanks”

                          ยังไม่ทันได้สนทนาอะไรกันมาก รถไฟก็เข้าเทียบสถานี “พังแป” พอดี ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กๆ เพราะเหลืออีกแค่ 3 สถานี ฉันก็จะถึงจุดหมายปลายทาง “คังนัม”โดยสวัสดิภาพแล้ว ฉันกำลังจะมีชีวิตรอดเพื่อมองดูโลกมหัศจรรย์ใบนี้ต่อไปแล้วล่ะค่ะ ยิ่งคิดแบบนี้ ฉันยิ่งรู้สึกมีความหวังที่จะสู้ชีวิตต่อเหลือเกิน คุณช่วยบอกฉันทีสิคะ ว่านี่ฉันกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบใช่ม้ายยยยย.. ฮือๆ

                          ฉันค่อยๆผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้า ก่อนชำเลืองมองหาเผื่อมีที่นั่งว่าง เพราะฉันไม่อยากให้อาการโรคหัวใจ(ละลาย)กำเริบและไม่อยากให้ระบบเครื่องในร่างกายปั่นป่วนไปมากกว่านี้แล้ว อยู่ห่างๆเขาไว้ ท่าจะปลอดภัยกว่า

                          อ๊ะ.. ตรงนั้นมีที่ว่างนี่ แต่ช้าก่อน.. ถ้าฉันเดินไปนั่งภายในเสี้ยววินาทีนี้ ฉันจะต้องเจ็บตัวจากแรงเบียดอัดของอาจุมม่าช้างพังแถมด้วยการกระเด็นตกสำรวจไปนอกรถไฟอีกเป็นแน่แท้ จากการคำนวณอย่างละเอียดโดยสมองซีกซ้าย ฉันจึงตัดสินใจยืนตรงนี้... ที่เดิม เพื่อสวัสดิภาพชีวิตที่ดีกว่าของตัวเองT^T

                          ขณะนี้ ผู้คนในรถไฟแน่นขนัดขึ้นกว่าเก่าเพราะอัตราส่วนของคนลงกับคนขึ้นต่างกันโดยสิ้นเชิง และฉัน..  กำลังจะกลายเป็นกุ้งแห้งกระป๋องในไม่ช้า T_T

    “@#,^!+->*%-@#,^!+->*% from?”

    “Ah!! What ?!!”

                          ฉันเอ่ยถามซ้ำเพราะไม่ทันได้ฟังว่าเค้าพูดอะไร สมาธิของฉันแตกซ่านอยู่กับการนึกถึงอนาคตอันน่าสลดหดหู่นั้น นี่ฉันจะต้องถูกแปรรูปเป็นกุ้งแห้งกระป๋องส่งกลับเมืองไทยจริงๆหรอ.. ฮือๆ

    “Where are you from?”

                            เขาเอ่ยถามเบามากจนแทบเป็นเสียงกระซิบ แต่ให้ตายสิ.. มันเป็นเสียงกระซิบจริงๆด้วยค่ะ เพราะขณะนี้ ริมฝีปากเขาอยู่ใกล้จนแทบจะติดรูหูฉันอยู่แล้ว ใบหน้าฉันร้อนวาบขึ้นทันที เอ้าๆ.. เบียดกันเข้ามานะ เบียดกันเข้ามาเลย ฉันจะได้เป็นโรคหัวใจ(ละลาย) เครื่องในปั่นป่วนตายมันตรงนี้แหละ ฮือๆ ว่าแต่ฉันต้องตอบเขาว่าอะไรคะเนี่ย - -*

    “I’m from Tha…”

                           ฝันร้ายเมื่อครู่ตามมาหลอนฉันในบัดดล ฉันพูดอังกฤษอีกแล้วหรอ การที่ฉันจะสะเหร่อพูดภาษาอังกฤษ มันไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลยสักนิดนะ แถมฉันควรบอกว่ามาจากประเทศไทยรึไง ฉันไม่อยากทำลายชื่อเสียงประเทศไปมากกว่านี้แล้วนะ แต่เอาเถอะ.. ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและความลับก็ไม่มีในโลกอยู่แล้วนี่นา

    “I’m from Thailand, and you?”

    “I’m from Hawaii”

                          มินาล่ะ ถึงได้ผิวสีแทน เด็กเกาะนี่เอง ฉันก็เด็กเกาะนะ เกาะพ่อเกาะแม่อ่ะ  หุหุ (ฟินราคืนร่างแล้วค่ะ - -*) ฉันแสร้งคิดเรื่องตลกกลบเกลื่อนความรู้สึกวูบไหวที่เกิดขึ้นในหัวใจตอนนี้ ให้ตายสิ.. จะเบียดกันไปถึงไหนเนี่ย อยากให้เขาตกเป็นของฉันจริงๆรึไงห๊า..

    แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 49 12:50:18

    จากคุณ : Whanmeister - [ 12 ม.ค. 49 13:32:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป