บทที่ 1 นครหลวงแห่งนาซาลอสhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3968853/W3968853.html
บทที่ 2 พบ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4010402/W4010402.html
บทที่ 3
สัญญาณเตือนแห่งภัยพิบัติ
เสี้ยวจันทราแห่งคืนแรมโคจรขึ้นใกล้ถึงจุดสูงสุดบนฟากฟ้า แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของมหาวิหารเลอารีเอลอันสงบปราศจากความวุ่นวาย แต่ลาซานาร์ทก็ยังมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ ชายหนุ่มเฝ้าแต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
จาทานได้รับการตรวจรักษาอาการจากเฟเลส นักบวชผู้เป็นศิษย์ของสังฆาจารย์เฟนเนฟ หัวหน้านักบวชแห่งมหาวิหาร ประมุขแห่งศาสนจักร ทำให้เขาคลายความห่วงกังวลลงไปได้ไม่น้อย
แต่คำพูดของเอริฟในการสนทนากันหลังจากนั้นกลับจุดชนวนความสงสัยขึ้นในใจ จนในยามนี้ ลาซานาร์ทได้แต่จมอยู่ในห้วงแห่งความคิดคำนึง
" น่าแปลก ทำไมดาเรนเวียร์ยอมเสียทองมูลค่ามากขนาดนั้นเพื่อช่วยเหลือเรา ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกนางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร ตอนนั้นข้าก็มัวแต่เป็นห่วงท่านตา จนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป "
ดาเรนเวียร์เป็นมนุษย์ธรรมดา มิใช่ผู้มีเวทมนตร์ดังเช่นพวกเขา อีกทั้งยังมิได้ล่วงรู้มาก่อนว่าเอริฟเป็นหลานชายของจาทาน แต่นางกลับยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะอะไรนางจึงทำเช่นนั้น
ก่อนหน้านี้ลาซานาร์ทพยายามคิดแต่เพียงว่านางทำไปเพียงเพราะมนุษยธรรมหากไม่ระลึกขึ้นมาได้ว่านัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นช่างคุ้นตายิ่งนัก เขาก็คงจะไม่คาดเดาเพื่อค้นหาเหตุผลของนางอีกต่อไป
' ดาเรนเวียร์... ดาเรนเวียร์... ' ลาซานาร์ทพยายามนึกทบทวน ก่อนจะย้ำกับตนเอง
' ไม่ ! ข้าไม่เคยรู้จักนาง แม้แต่นามของนาง ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน '
แววตาของนางคล้ายกับรางเลือนในความทรงจำ แต่เหมือนกับชัดเจนในความรู้สึก เรื่องเดียวเกี่ยวกับดาเรนเวียร์ที่เขารู้แน่ชัดในขณะนี้ก็คือนางเป็นศิษยฆราวาสของประมุขแห่งเลอารีเอล แต่เรื่องอื่นใดนอกเหนือจากนั้นยังเป็นปริศนาสำหรับลาซานาร์ท
คลื่นจิตแห่งภูตที่สัมผัสได้ในสายลม ทำให้ลาซานาร์ทต้องละจากความคิดที่ว้าวุ่น เพราะรับรู้ได้ว่าผู้เป็นเจ้าของตั้งใจที่จะสื่อมาถึงเขา กระแสลมอันรุนแรงพัดเข้ามาทางหน้าต่างห้อง ก่อนจะปรากฏร่างของเด็กชายผู้มีผมสีเงินและนัยน์ตาสีทองอันร่าเริง พัสตราภรณ์สีขาวราวเมฆาบนนภาของเขาพลิ้วสะบัด
" ภูตลมเหนือ... " ลาซานาร์ทเอ่ยเรียกอีกฝ่ายได้เพียงเท่านั้น แล้วชายหนุ่มก็รู้สึกว่าจิตของตนเองกลายเป็นเช่นวายุอันพัดผ่านไปทั่วทุกทิศ พริบตาต่อมาเมื่อกลับคืนสู่สภาวะปกติ เขาก็พบว่าขณะนี้บริเวณโดยรอบแปรเปลี่ยนไป
ลาซานาร์ทกำลังยืนอยู่บนหลังคาของหอระฆังสูงกลางมหานครเอนเดอร์เรียส โดยที่ไม่ห่างออกไปนัก ภูตลมเหนือนั่งเท้าคางอย่างสบายอยู่กลางอากาศอันว่างเปล่า และส่งคำทักทายมาพร้อมกับรอยยิ้มซุกซน
" ท่านสบายดีหรือ ลาซานาร์ท "
" ข้าสบายดี แล้วท่านล่ะ " ลาซานาร์ทตอบแล้วนั่งลง
" ข้าสบายดี ดีมากเลย " ภูตลมเหนือลอยวนรอบตัวชายหนุ่มพลางเอ่ยขึ้น
" และท่านก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง " ลาซานาร์ทมองอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
" ข้าคือลมเหนือ หนึ่งในสี่ภูตวายุนะ จะให้ข้าทนอยู่นิ่ง ๆ ในห้องสี่เหลี่ยมที่ปิดมิดชิดได้อย่างไรกัน แล้วข้าก็พาท่านมาที่นี่ โดยที่ท่านไม่ต้องออกแรงร่ายมนตร์ให้สิ้นเปลืองพลังเวทเลยแม้แต่นิดเดียว หากเป็นคนอื่นนอกเหนือจากท่าน ข้าคงไม่อำนวยความสะดวกให้มากขนาดนี้ "
แล้วภูตลมเหนือก็แสร้งทำสีหน้าเคร่งเมื่อเห็นแววตาของคู่สนทนา
" เมื่อไหร่ท่านจะเลิกเห็นข้าเป็นเด็กเสียที ถ้านับตามช่วงอายุของมนุษย์ ตัวข้าก็อายุมากกว่าปู่ของปู่ของปู่ของปู่ของท่านแล้วนะ "
ลาซานาร์ทเพียงแต่หัวเราะโดยมิได้กล่าวแก้ตัวว่าอย่างไร
" อ้อ ! ปู่ลมใต้ ลมตะวันตกและลมตะวันออก ทุกคนล้วนแต่ฝากความระลึกถึงมาถึงท่าน "
ทีท่าของภูตลมเหนือเริ่มเปลี่ยนไปเป็นจริงจังขณะที่เอ่ยประโยคต่อไป
" นอกจากนั้น ข้าก็ยังมีข่าวจากอาจารย์ของท่านมาแจ้งให้ทราบ "
" ข่าวจากอาจารย์ข้า " ลาซานาร์ททวนคำ
ภูตลมเหนือพยักหน้ารับ แล้วเล่าถึงความเป็นไปในโลกเวทมนตร์
" ท่านคงจะยังไม่ทราบว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีจอมเวทหายสาบสูญไปแล้วถึงสิบคน "
" ไม่ ข้ายังไม่ได้ยินข่าวนี้ " ลาซานาร์ทส่ายหน้า
" หายสาบสูญ ไม่มีใครพบร่องรอยของพวกเขาบ้างเลยหรือ "
" ไร้ร่องรอย ไม่มีผู้พบเห็น ปราศจากเบาะแสใด ๆ โดยสิ้นเชิง ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลก"
" หรือว่าจะเป็นฆาตกรรม " ลาซานาร์ทคาดเดา
"ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แต่หากเป็นการฆาตกรรม ก็จะเป็นคดีฆาตกรรมที่สะอาดหมดจดที่สุด "
" หมายความว่าไม่พบร่างของผู้สูญหาย "
" ไม่เพียงไม่พบศพ แม้แต่รอยเลือดแค่หยาดหยดก็ไม่หลงเหลือ เหมือนตัวอักษรที่ถูกลบออกจากหน้ากระดาษ และที่น่าแปลกก็คือ ทุกรายล้วนแต่เป็นจอมเวทซึ่งมีธาตุแห่งจิตเป็นธาตุน้ำ "
" ธาตุน้ำ ! " ลาซานาร์ทร้อง ในใจเริ่มบังเกิดความกังวล
" แล้วอาจารย์ของข้า เกิดเหตุร้ายใดขึ้นกับท่านหรือไม่ "
"อย่าวิตกไปเลย ข่าวที่อาจารย์ของท่านฝากมาถึง เป็นเพียงแค่คำเตือนเท่านั้น มิใช่คำอำลาหรือคำขอความช่วยเหลือ" ภูตลมเหนือใช้น้ำเสียงที่ผ่อนคลายมากขึ้น
" เชเลนซาคอร์นเตือนว่า ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจกระทำสิ่งใด จงคิดให้รอบคอบและระวังตัวให้มาก ซึ่งข้าก็เห็นด้วย เพราะถึงแม้ธาตุแห่งจิตของท่านจะไม่ใช่ธาตุน้ำ แต่ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าท่านจะไม่กลายเป็นรายที่สิบเอ็ด "
ลาซานาร์ทฟังแล้วกลับรู้สึกว่า ถ้อยคำเหล่านั้นแฝงด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะเป็นเพียงคำเตือนธรรมดา
" สภาเวทมนตร์แห่งโรนนอร์สมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ "
" ยังไม่มีการประกาศมติของที่ประชุมแห่งสภาเวทมนตร์ออกมาอย่างเป็นทางการ พวกเขาอ้างว่ากำลังรอความคืบหน้าจากการสืบสวนอยู่" ภูตลมเหนือตอบพลางถอนใจยาว แล้วนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
" น่าเสียดายที่ข้าอยู่สนทนากับท่านได้เพียงเท่านี้ เพราะข้ายังมีภาระที่ต้องพัดผ่านไปในดินแดนอื่นอีก "
" นั่นเป็นธรรมชาติของสายลม ข้าเข้าใจ " ลาซานาร์ทกล่าว
" นั่นสินะ เราจะต้องได้พบกันอีกแน่ "
รอยยิ้มซุกซนและแววตาขี้เล่นกลับมาปรากฏบนสีหน้าของภูตลมเหนือผู้ไม่เคยอยู่กับความเศร้าโศกได้นานนักอีกครั้ง อากาศโดยรอบเริ่มเคลื่อนไหว แล้วทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นกระแสลมอันปั่นป่วน
" ลาก่อนลาซานาร์ท แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า "
" ลาก่อน ข้าจะรอวันที่เราได้พบกันอีก "
สองสหายเอ่ยคำอำลาต่อกัน แล้วร่างของภูตลมเหนือก็เลือนหายไปกับสายลมที่มุ่งสู่ทิศเหนือ บรรยากาศรอบตัวกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
แต่ลาซานาร์ทยังคงนั่งนิ่งอยู่ในอิริยาบถเดิม และเฝ้ามองทัศนียภาพของนครหลวงแห่งนาซาลอสในยามราตรี ซึ่งยังไม่หลับใหลแม้ว่าจะเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว โคมไฟแก้วบนเสาแขวนตามสองฝั่งถนนถูกจุดสว่างไสวในสายลมหนาว ชาวนครยังคงสัญจรไปมาไม่ต่างจากในยามทิวา
ความหนาวเย็นแผ่ครอบคลุมเข้ามา ลาซานาร์ทลุกขึ้นในทันที เพราะสัมผัสได้ว่ามันมิได้เกิดจากฤดูกาลธรรมชาติ แต่เป็นการโจมตีด้วยเวทมนตร์
จอมเวทหนุ่มร่ายคาถาเรียกพลังแห่งพสุธาเพื่อสร้างเขตอาคมป้องกันดาบน้ำแข็งจำนวนมหาศาลที่จู่โจมเข้าใส่ พวกมันไม่สามารถทะลวงผ่านเกราะมนตราได้ในครั้งแรก จึงจู่โจมเป้าหมายเดิมซ้ำอีกครั้ง ลาซานาร์ทเปลี่ยนกำแพงเวทให้กลายเป็นดาบไฟจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อต้านทาน
พายุดาบอัคคีเข้าปะทะกับพายุดาบน้ำแข็ง อำนาจเวทมนตร์ทั้งสองขั้วหักล้างกันจนเหลือเพียงประกายพราวระยับสีขาวสกาวและสีแดงเพลิง ซึ่งค่อย ๆ ดับแสงลงในนาทีต่อมา
" น่าประทับใจ น่าประทับใจมาก "
สตรีผู้เอ่ยวาจาคล้ายกับก้าวออกมาจากเงามืด นางซ่อนโฉมหน้าไว้เบื้องหลังผ้าคลุมศีรษะโปร่งบางสีเงิน พัสตราภรณ์สีขาวที่นางสวมเหมือนดั่งไม่สะท้อนแสงสว่างใด ๆ แม้ว่าในน้ำเสียงจะแฝงด้วยความชื่นชม แต่รัศมีเวทดุจไอเย็นของน้ำแข็งซึ่งไม่มีวันละลายชั่วนิรันดร์ของนางกำลังคุกคามสภาวะพลังเวทของลาซานาร์ทอย่างรุนแรง ทำให้ชายหนุ่มตระหนักชัดว่า
นางคือจอมเวทมนตร์น้ำแข็งผู้ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยพบมา
กระแสแห่งอำนาจและกลิ่นอายของอันตรายที่แผ่ห้อมล้อมกายนางเตือนให้ลาซานาร์ทระมัดระวัง
เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วเพราะอะไรท่านจึงทำร้ายข้า
เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ นางหัวเราะราวกับได้ฟังเรื่องที่น่าขบขัน
ช่างเป็นคำถามที่รักสันติเสียจริง ๆ
นางร่ายคาถาเพียงเสี้ยววินาทีก็ปรากฏเปลวไฟห้าสายมุ่งเป้าหมายมายังชายหนุ่ม ความรวดเร็วของอาคมอัคคีทำให้ลาซานาร์ทไม่คิดว่าตนเองจะสามารถร่ายเวทป้องกันได้ทัน เขาตัดสินใจพุ่งหลบไปด้านข้างและทิ้งร่างจากหลังคาของหอระฆังลงสู่พื้นเบื้องล่าง แล้วเอ่ยมนตราเรียกหาวายุ
แต่สายฟ้าที่ฟาดตามลงมาบังคับให้ลาซานาร์ทต้องดึงพลังกลับมาใช้เป็นเกราะต้านทานก่อนอย่างหลีกเลี่ยวไม่ได้ ประกายไฟฟ้าแปลบปลาบแตกกระจายเต็มห้วงอากาศ ชายหนุ่มไม่ได้รับอันตรายจากมนตราอสุนีบาต แต่มันก็ทำให้เขาเหลือเวลาไม่มากพอที่จะใช้เวทมนตร์ได้ ในช่วงนาทีก่อนจะตกถึงพื้น เขาเหลือหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียว
วิหคฟ้า
ปักษายักษ์สีขาวเลื่อมประกายสีเงินพร่างพราวราวดาราปรากฏกายขึ้นรับร่างของลาซานาร์ทไว้ แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่นางยังไม่ยอมยุติการต่อสู้และติดตามมาขัดขวาง ทั้งสองฝ่ายจึงเผชิญหน้ากันอีกครั้งที่กลางเวหา
ภูตมนตราของเจ้าสง่างามมาก จนข้ารู้สึกว่าควรจะแนะนำภูตมนตราของข้าให้เจ้าได้รู้จักบ้าง สตรีผู้เรืองเวทเอ่ยขึ้น
เงามรณะ
เมื่อสิ้นเสียงของนาง ลาซานาร์ทก็พบว่าตนเองตกอยู่ในวงล้อมของสิบเงาร่างในผ้าคลุมรุ่มร่ามสีดำทะมึน พวกมันมีใบหน้าเป็นกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่เรืองแสงสีเขียวเยียบเย็น ในมือทั้งสิบคู่ถือขวานยักษ์อันคมกริบน่าพรั่นพรึง
ข้าขอถามอีกครั้ง จุดประสงค์ของท่านคืออะไร
ชายหนุ่มถามย้ำโดยที่ท่าทีภายนอกยังคงเป็นปกติ ขณะที่ภายในใจเฝ้าครุ่นคิด นางมิได้เป็นเพียงแค่จอมเวทผู้แข็งแกร่ง หากแต่เป็นผู้วิเศษที่สูงส่งด้วยฤทธานุภาพ รัศมีเวทของนางในยามนี้แปรเปลี่ยนไปเป็นดั่งแสดงลักษณะของทุกธาตุออกมา หากนางคิดมุ่งร้ายจริง ๆ เขาจะแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างไร
ข้าตอบเจ้าก็ได้ ความจริงเป้าหมายของข้า คือต้องการทดสอบฤทธิ์ของภูตมนตราทั้งสิบที่ข้าพึ่งจะสร้างขึ้นมา
ในน้ำเสียงของนางมีรอยรื่นรมย์
แต่ว่าข้ากลับมาพบเจ้า รัศมีเวทของเจ้าช่างประหลาดนัก ว่างเปล่าไร้ซึ่งขอบเขต จนข้าอดรู้สึกไม่ได้ว่าอาจจะสามารถรองรับพลังอำนาจแห่งธรรมชาติอันมหาศาลเกินกว่าจะจินตนาการถึง ข้าจึงคิดว่าถ้าได้เล่นกับเจ้าก่อนน่าจะสนุกดี
แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 49 18:49:05
จากคุณ :
จินตานุภาพ
- [
27 ม.ค. 49 15:48:42
]