CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    นาซาลอส : บทที่ 5 สิงห์ขาวและสิงห์ดำ

    คุณ scottie -- เป็นใคร  อีกไม่นานก็ทราบค่ะ ^^  เอาเป็นว่าเธอเป็นลูกรักของจินตาก็แล้วกัน

    คุณ run saya --  ความจริงประโยคนี้มันไม่สื่อความเข้าใจเท่าไหร่  จินตาเคยคิดจะแก้ด้วย  
    เอ่อ.. กลายเป็นแนวยุทธภพหรือคะ ^^"


    แต่บทต่อไปนี่อาจจะไม่สามารถปิดลงก่อนสอบปลายภาคได้  เพราะจะสอบสิ้นเดือนนี้อยู่แล้วค่ะT T
    ดังนั้น  คงเดือนหน้านู่นกว่าจะได้ลงต่อค่ะ

    เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก(และเป็นดือนที่มีวันเกิดของเพื่อนจินตาหลายคน)

    ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับคนที่รักและสิ่งที่รักค่ะ




    บทที่ 1 นครหลวงแห่งนาซาลอสhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3968853/W3968853.html
    บทที่ 2 พบ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4010402/W4010402.html
    บทที่ 3 สัญญาณเตือนแห่งภัยพิบัติhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4058161/W4058161.html
    บทที่ 4 ปริศนาในแววตาสีมรกตhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4086420/W4086420.html








    บทที่  5
    สิงห์ขาวและสิงห์ดำ

                 


    ในราชสำนักแห่งอาณาจักรนาซาลอสมีตำแหน่งขุนนางระดับสูงสุดสองตำแหน่ง  คือ  อัครมหาเสนาบดี ผู้กุมอำนาจการปกครอง   และสมุหกลาโหม   ผู้กุมอำนาจการทหาร     ทั้งสองทรงอิทธิพลต่อการบริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง       เปรียบเสมือนพระหัตถ์ซ้ายขวาแห่งองค์พระราชาธิบดี     ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของนาซาลอส    ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดฝ่ายปกครองล้วนแต่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแอลวารอน   และผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดฝ่ายทหารล้วนแต่เป็นสายเลือดของตระกูลเลวิลอต

    ตระกูลแอลวารอนได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในด้านความทรงภูมิปัญญา      ประมุขของตระกูลทุกรุ่นจะดำรงตำแหน่งเจ้านครอาร์บาเนส   มหานครแห่งภูมิภาคตะวันออก   อันได้รับพระราชทานให้เป็นสิทธิ์ของแอลวารอนนับตั้งแต่รัชสมัยแห่งองค์ปฐมกษัตริย์     จนนครแห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมของการศึกษา  และได้รับการขนานนามว่าเป็นนครแห่งนักปราชญ์   ตราประจำตระกูลแอลวารอนมีลักษณะเป็นรูปราชสีห์ขาวอยู่เหนือปากกาขนนกคู่ไขว้    ชนทั้งแผ่นดินจึงเรียกขานสายเลือดแห่งแอลวารอนว่า    ‘ สิงห์ขาวแห่งนาซาลอส ’

    ตระกูลเลวิลอตมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือว่าเป็นหนึ่งในด้านความสามารถในเชิงยุทธ    ประมุขของตระกูลทุกรุ่นจะดำรงตำแหน่งเจ้านครดอลฟาส       มหานครแห่งภูมิภาคตะวันตก   อันได้รับพระราชทานให้เป็นสิทธิ์ของเลวิลอตนับตั้งแต่รัชสมัยแห่งองค์ปฐมกษัตริย์   จนนครแห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมของการทหาร    และได้รับการขนานนามว่าเป็นนครแห่งนักรบ   ตราประจำตระกูลเลวิลอตมีลักษณะเป็นรูปราชสีห์ดำอยู่เหนือดาบคู่ไขว้    ผู้คนทั่วทั้งหล้าจึงเรียกขานสายเลือดแห่งเลวิลอตว่า   ‘ สิงห์ดำแห่งนาซาลอส ’
                         
    แต่ยังมีอีกตระกูลหนึ่งซึ่งทรงอำนาจไม่น้อยไปกว่าแอลวารอนและเลวิลอต   มิใช่อำนาจในทางการเมือง หากแต่เป็นอำนาจในทางเศรษฐกิจ นั่นคือ ฟาร์เฟลลาส   ตระกูลวาณิชอันร่ำรวยมหาศาล   เพราะเป็นเจ้าของกิจการพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของอาณาจักร   และยังทรงอิทธิพลอย่างมากในพอลิมาร์อันเป็นเมืองท่าในแดนใต้ที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญที่สุดของนาซาลอส

               

             
    “ ลุงนะลุง  สายขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมตื่นอีก  ”  
                     
    ทาร์นเนสบ่นอุบหลังจากที่ลองปลุกผู้เป็นลุงด้วยทุกวิธีการที่สามารถทำได้แล้ว    แต่ก็ไม่สำเร็จ     พาร์เกนไม่แม้แต่จะรับรู้ถึงความพยายามของเขา   สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องคอยดูแลร้านเองแต่เพียงลำพัง

    “ เมื่อคืนก็ไปไหนมาไม่รู้กลับเกือบสว่าง   จนลำบากหลานต้องมานั่งเฝ้าไอ้ร้านที่แทบจะไม่มีลูกค้าเข้ามาจนน่าจะเลิกกิจการได้แล้ว   ไหนคุยนักคุยหนาว่าเป็นช่างเหล็กฝีมือยอดเยี่ยมไง  แล้วทำไมวัน ๆ หนึ่งมีคนมาจ้างไม่ถึงสิบคนล่ะ”  
    ทาร์นเนสวิจารณ์ลุงลับหลังยาวเหยียดขณะกำลังทำความสะอาดชั้นวางอาวุธในร้านที่ฝุ่นจับจนหนาเป็นคราบ   และพบว่าความสกปรกนั้นมันกำจัดออกไปได้ยากราวกับว่ามันฝังตัวกลายเป็นลวดลายในเนื้อไม้ไปแล้ว  

    “ โธ่เว้ย ! ”
     
    ทาร์นเนสปาผ้าที่ใช้เช็ดชั้นในมือลงไปที่พื้นด้วยความโมโห   ก่อนจะระลึกขึ้นได้ว่า    มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าผ้าที่น่าสงสารผืนนั้นเลย    แต่เป็นความผิดของคนต่างหาก      
                         
    คนหรือ....จะเป็นใครไปไม่ได้  นอกจาก
     
    “ ลุงนั่นล่ะที่ผิด    ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าข้าอยากเจอพ่อมากแค่ไหน  ก็ยังเอาแต่ปิดบังอยู่ได้   ข้าคิดผิดแท้ ๆ เลยที่กลับมาหา  ไม่ได้เบาะแสข่าวคราวอะไรเลยซักอย่าง    แถมยังถูกใช้งานเยี่ยงทาสอีก  ”  
     
    ทาร์นเนสคงจะโหวกเหวกโวยวายกับดินฟ้าอากาศอยู่เช่นนั้นไปอีกนาน   ถ้าสายตาไม่แลไปเห็นว่ามีคนก้าวเข้ามาภายในร้าน
     
                 
    บุรุษผู้นั้นสวมพัสตราภรณ์สีน้ำเงินและเสื้อคลุมยาวสีขาวนวล   เส้นผมสีทองยาวเลยบ่า  นัยน์ตาสีเขียวเข้มวาววับอันแสดงถึงสติปัญญา    ทอแววลึกล้ำจนดูราวกับห้วงมหาสมุทรอันยากจะหยั่งถึงได้   สีหน้าสงบและอิริยาบถอันสง่างามล้วนแต่แฝงไว้ด้วยกระแสแห่งอำนาจ

    “ พาร์เกนไม่อยู่หรือ     ข้ามารับดาบตามที่สั่งเอาไว้ ”  


    คำพูดของลูกค้าคนแรกของวันนี้ ทำให้ทาร์นเนสต้องรีบสงบอารมณ์ที่พลุ่งพล่านแล้วเอ่ยตอบด้วยความสุภาพในทันที

    “ ช่วงสองวันมานี้ลุงพาร์เกนป่วยครับ      ตอนนี้ข้าเป็นผู้ดูแลร้านแทน ”    
                       
    นี่เพราะเขายังเห็นแก่พ่อนะถึงได้ยอมโกหกเพื่อช่วยรักษาหน้าผู้ที่ถูกเอ่ยถึง
                       
    “  ถ้ามารับงานตามที่สั่งไว้    ข้าต้องขอทราบนามของท่านด้วยครับ  ”      ทาร์นเนสตรงไปที่โต๊ะของพาร์เกน     แล้วรื้อลิ้นชักอยู่ครู่หนึ่ง   ก่อนจะหยิบสมุดบัญชีเล่มหนาออกมาเปิดดูรายชื่อผู้สั่งงาน

    “ โซลูเฟล    แอลวารอน ”

                     
    “ ครับ ...”   ทาร์นเนสรับคำพลางคิดในใจ
    ‘ ชื่อนี้คุ้น ๆ ’  
                     
    เขาไล่สายตามองหาไปเรื่อย ๆ แต่แล้วในนาทีต่อมาก็ต้องร้องอุทานสุดเสียงเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าผู้เป็นเจ้าของนามนี้คือใคร

    “ โซลูเฟล   แอลวารอน  อัครมหาเสนาบดีแห่งนาซาลอส !  ”
    ทาร์นเนสเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตะลึง    

    " ไม่ต้องเรียกข้าอย่างเป็นทางการถึงขนาดนั้นก็ได้ ”   โซลูเฟลยิ้มขบขัน  แล้วเดินเข้ามาใกล้เพื่อส่งกระดาษแผ่นหนึ่งและถุงผ้าใบเล็ก ๆให้กับทาร์นเนส   เมื่อชายหนุ่มรับมาจึงรู้ว่ามันเป็นหลักฐานยืนยันการรับงานของพาร์เกน   และภายในถุงนั้นเป็นเหรียญซึ่งเมื่อคะเนจากน้ำหนักของมันแล้วคงมีจำนวนไม่น้อย

    “  กรุณารอสักครู่นะครับ  ”  

    ทาร์นเนสรีบหลบเข้าไปหลังร้านเพื่อค้นหาดาบเล่มที่ต้องส่งมอบให้กับลูกค้าผู้นี้ในทันที
    ‘ ไม่น่าเชื่อ     ขุนนางผู้ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักนาซาลอส     ทำไมถึงเลือกเข้ามาในร้านที่แสนจะธรรมดาแล้วยังสุดโทรมของลุงได้  ’
               
    ทาร์นเนสอดคิดไม่ได้ว่า เพราะสาเหตุใดอัครมหาเสนาบดีจึงต้องมาสั่งตีดาบที่ร้านของลุง และที่น่าสงสัยยิ่งไปกว่านั้น   ประมุขแห่งแอลวารอนอันเป็นตระกูลแห่งนักปราชญ์จะเอาดาบไปทำอะไร  
               สิงห์ขาวใช้ดาบด้วยหรือ
               
    ไม่นานนัก ทาร์นเนสก็พบดาบเล่มหนึ่งที่มีป้ายกระดาษเขียนระบุชื่อผู้สั่งว่าเป็นโซลูเฟลห้อยไว้ที่ด้าม  ชายหนุ่มรีบคว้าดาบเล่มนั้นแล้วก็ต้องประหลาดใจ  เพราะน้ำหนักของดาบเล่มนี้กลับมากกว่าที่ควรจะเป็น  แต่ขณะนี้เขาไม่อาจชักช้าได้    จึงต้องเดินออกมาด้านหน้าร้านอย่างรวดเร็ว      เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูร้านเปิดและลูกค้าคนที่สองเข้ามาภายในร้าน

    บุรุษผู้มาใหม่อยู่ในวัยชรา  เส้นผมและหนวดเคราเป็นสีขาวเพราะกาลเวลาที่ล่วงเลย  นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายคมกล้ามิได้ขุ่นมัวเช่นผู้สูงวัยทั่วไป    และสะท้อนให้เห็นถึงความกร้าวแกร่งเฉียบขาดดุจดังพญาราชสีห์     จี้ประดับสร้อยคอรูปสิงห์ดำโดดเด่นอยู่ท่ามกลางพัสตราภรณ์สีน้ำเงินเข้ม     ครั้งนี้ทาร์นเนสรู้ชัดถึงฐานะของบุคคลผู้นี้โดยไม่จำเป็นต้องคาดเดาเลย
               
    ราฟารอฟ   เลวิลอต    สมุหกลาโหมแห่งนาซาลอส
               
    “  ท่านอัครมหาเสนาบดีเข้าร้านช่างตีดาบ    นี่คงเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในรอบปี  ”    จอมพลแห่งนาซาลอสเอ่ยขึ้นเมื่อแลเห็นผู้มาถึงก่อน

    “ หากท่านสมุหกลาโหมกล่าวหนักถึงเพียงนั้น   เวลาท่านเข้าร้านหนังสือ   ข้าคงต้องเปรียบเปรยว่าราวกับดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก ”   จอมเสนาแห่งนาซาลอสตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “ ข้าจะไม่คิดว่าเขี้ยวเล็บของสิงห์ขาวมีเพียงแค่อักษรและกุศโลบายอีกต่อไป   เพราะได้ประจักษ์ด้วยตาตัวเองแล้วว่า ยังมีความอวดดีจนไม่เคารพผู้อาวุโสอีกประการหนี่ง ” ผู้มากวัยกว่าใช้วาจาที่แฝงนัยสั่งสอน

    “ ข้าก็จะไม่คิดว่าเขี้ยวเล็บของสิงห์ดำมีเพียงแค่ศัสตราและพิชัยยุทธ์อีกต่อไปเช่นกัน เพราะได้ประจักษ์ด้วยตาตัวเองแล้วว่า  ยังมีความดุร้ายจนชมชอบการรังแกผู้อ่อนอาวุโสกว่าอีกประการหนึ่ง ”  ผู้ฟังจงใจเลียนประโยคยอกย้อนเป็นการโต้ตอบกลับไป

    ทาร์นเนสรู้สึกเหมือนตนเองกลายเป็นแค่เสาต้นหนึ่งในร้านที่ถูกเอามาตั้งไว้กั้นกลางระหว่างบุคคลทั้งสอง   เขาตัดสินใจเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่วิวาทะนี้จะดำเนินต่อไป
    “ ใต้เท้าขอรับ    นี่คือดาบที่ท่านสั่งไว้  ”

    “ ได้แล้วหรือ ”  ประมุขแห่งแอลวารอนมีท่าทีคล้ายกับลืมไปแล้วว่ายังมีบุคคลที่สามอยู่ในที่นี้  
    “ ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยแสดงประสิทธิภาพของดาบเล่มนี้ให้ข้าดูด้วย  ”

    “ ได้ขอรับ ”

    ทาร์นเนสพยายามปั้นสีหน้าให้ดูนอบน้อมและยิ้มแย้มที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์    ชายหนุ่มรีบลากแท่นรองออกมาจากด้านหลังตู้   และหยิบไม้ท่อนหนึ่งมาวางไว้บนแท่นสำหรับใช้เป็นอุปกรณ์ทดสอบขั้นพื้นฐาน     แล้วชักดาบออกจากฝักก่อนจะฟันลงไปทันที
                       
    ‘ เฮ้ย !  อะไรกัน ’  
                         
    ทาร์นเนสร่ำร้องอยู่ในใจ    เมื่อดาบที่ควรจะสามารถตัดท่อนไม้ให้สะบั้นในครั้งเดียวกลับทำได้เพียงแค่ปักลึกอยู่ในเนื้อไม้ประมาณหนึ่งในสี่ของความหนาเท่านั้น  สิ่งที่ชายหนุ่มอยากทำมากที่สุดในวินาทีนั้น  ก็คือ   ไปลากลุงลงมาจากเตียงให้มาเผชิญหน้ากับสองราชสีห์ด้วยตัวเองบ้าง

    อัครมหาเสนาบดีแห่งนาซาลอสหัวเราะอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นภาพนั้น  
    “ ดีมาก   ข้าชอบดาบเล่มนี้มาก  ”

    “ โซลูเฟล ! ”  ราฟารอฟเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงหนัก
    “  ทำไมสั่งตีดาบแบบนี้    เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่  ”

    “ ข้าคิดจะทำอะไรมันย่อมเป็นสิทธิส่วนตัวของข้า  จำเป็นจะต้องรายงานให้ท่านลุงทราบด้วยหรือขอรับ ”    โซลูเฟลตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    ทาร์นเนสรู้สึกหนาวยะเยือกอยู่ในใจ  ตรงข้ามกับความร้อนระอุที่สัมผัสได้จากภายนอก  จนเขานึกอยากหนีไปให้พ้นจากเหตุการณ์ที่ต้องกลายมาเป็นพยานในสงครามทางวาจาของสองผู้ทรงอิทธิพลแห่งอาณาจักร   ซึ่งทำให้บรรยากาศภายในร้านธรรมดา ๆ แห่งนี้กลายเป็นเหมือนเช่นถูกพายุอันรุนแรงพัดผ่าน

    “ เจ้าหนุ่ม  ข้ามารับดาบที่สั่งให้ซ่อมแซมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันก่อน   วันนี้พาร์เกนทำเรียบร้อยแล้วหรือยัง  ”  

    คำถามนี้นับเป็นประโยคแรกที่ราฟารอฟเอ่ยกับทาร์นเนส    ชายหนุ่มเก็บดาบลงฝักแล้วส่งให้โซลูเฟล  ก่อนจะตอบว่า
    “ เรียบร้อยแล้วขอรับ  ข้าจะรีบไปนำมาเดี๋ยวนี้ ”   ทาร์นเนสก้าวยาว ๆ เกือบจะเป็นวิ่งเข้าไปด้านหลังร้าน



    แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 49 19:21:02

    จากคุณ : จินตานุภาพ - [ 16 ก.พ. 49 15:41:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป