CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    นาซาลอส : บทที่ 6 (ครึ่งหลัง) ท่านชายและนายน้อย

    บทที่ 1 นครหลวงแห่งนาซาลอส
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3968853/W3968853.html
    บทที่ 2 พบ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4010402/W4010402.html
    บทที่ 3 สัญญาณเตือนแห่งภัยพิบัติ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4058161/W4058161.html
    บทที่ 4 ปริศนาในแววตาสีมรกต
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4086420/W4086420.html
    บทที่ 5 สิงห์ขาวและสิงห์ดำ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4111220/W4111220.html
    บทที่ 6 (ครึ่งแรก) ท่านชายและนายน้อย
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4143904/W4143904.html



    สอบเสร็จไปแล้ว 5 วิชาค่ะ(เน่าทุกวิชา)  แทบจะคลานออกมาจากห้องสอบ
    แล้วยังเหลืออีก 2 วิชา  แถมด้วยรายงานหลังสอบอีก 3 งาน เฮ้อ........

    มาแล้วค่ะ  ครึ่งหลัง (ก็สมน้ำหน้า หนังสือสอบไม่ค่อยสนใจ)
    ทำไงได้  ก็มันเอือมสอบจะแย่แล้วค่ะ

    คุณscottie --- ไม่ใช่ครูหรอกค่ะที่จะมีแผนการเบื้องหลัง
    แต่จะเป็นคนอื่นมากกว่า (แผนที่ว่านี่ความจริงก็ไม่ค่อยสำคัญ)

    คุณGTW  --- ค่ะ ขออภัยจริง ๆ ที่มันผิดพลาด ตอนเก่า ๆ ก็แก้ไขแล้วนะคะ

    ถามถึงแรงบันดาลใจหรือคะ
    เรื่องนี้เป็นแนวไหนก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเลย^^"

    แรงบันดาลใจของเรื่องนี้  ความจริงแล้วมันมีที่มาที่ไปยาวมากเลยค่ะ
    เริ่มตั้งแต่ ตอนม.ปลาย คิดจะเขียนนิยายแฟนตาซีซึ่งมีกลิ่นไซไฟอยู่เรื่องหนึ่ง  
    แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเลยต้องพับโครงการไว้ก่อน
    หลังจากนั้นก็เขียนอะไรฮา ๆ บ้าๆตามความมันของตัวเองไปเรื่องหนึ่ง แล้วก็เลิก

    จนกระทั่งช่วงนั้นแฮรร์รี่  พอตเตอร์กำลังมาแรง(ภาค 1 นะคะ)
    ดังนั้น จินตาซึ่งอ่านแต่แนวนวนิยายไทย +วรรณคดีไทย+ตำนานเทพเจ้า+
    การ์ตูนญี่ปุ่น มาตลอด
    ก็หลงเสน่ห์นิยายแฟนตาซีเข้าอย่างจัง

    ถ้าบอกว่าตอนแรก เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนเวทมนตร์ จะมีคนเชื่อไหมนี่
    คงเพราะตอนนั้นแฟนตาซียังไม่ทะลักตลาดเหมือนอย่างตอนนี้  
    ทำให้ผู้มีประสบการณ์อ่อนด้อยในด้านแฟนตาซี  
    อย่างจินตาหลงผิดไปว่าแนวแฟนตาซีมันต้องเป็นร.ร.เวทมนตร์
    (เพราะยังไม่รู้จักอินเตอร์เน็ตโนเวลด้วย)

    แต่สุดท้ายพอเขียนเรื่องนี้ในแนวร.ร.เวทฯ ไปได้ห้าหกตอน แล้วแก้ตอนเริ่มใหม่อีก 2 ครั้ง
    ก็เลยได้เห็นสัจจธรรมว่า
    ไม่เห็นต้องเขียนเป็นแนวนี้เลยนี่นา
    (เริ่มรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า  ทั้งๆ ที่อ่านการ์ตูนแฟนตาซีมาก็เยอะ)
    ก็เขียนแบบที่เราชอบนักชอบหนาสิ

    หลังจากนั้นก็แก้โครงเรื่องหลักไปประมาณ 7 ครั้ง  ลองเขียนบทที่ 1 เปิดเรื่องอีก 5-6 แบบ
    ซึ่งแต่ละครั้งมันจะกลายเป็นคนละเรื่องกันเลย

    สุดท้ายก็ได้ส่วนผสมออกมาเป็นอย่างที่เห็นอยู่ ณ ปัจจุบัน
    มีอย่างเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือ ชื่อเรื่อง ซึ่งเป็นชื่อ อาณาจักรนาซาลอส  นี่ล่ะค่ะ

    ทำไมถึงเป็นแนวนี้
    ก็คงเพราะจินตาชอบอยู่สามแนว
    1. แนวเรื่องที่มีการเมืองและบรรดาราชา ราชินี เจ้าหญิงเจ้าชาย และขุนนางเข้ามาเกี่ยวข้อง
    2. การใช้เวทมนตร์ (แต่ชอบน้อยกว่าข้อ 1.)
    3. การทำสงครามคารม กับสารพัดแผนการ เล่ห์เหลี่ยมงัดเอามาสู้กัน
    ซึ่งพอลองลงมือคิดจะเขียนแล้วถึงได้รู้ว่า
    มันยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน  
    ในส่วนนี้ก็คงเขียนเท่าที่ความสามารถจะอำนวยนะคะ

    ยังมีอีกสาเหตุคือ จินตารู้สึกข้องใจ
    ว่าทำไมแฟนตาซีเดี๋ยวนี้มันถึงกลายเป็นกึ่งสำเร็จรูปกันไปหมด

    ถ้าเป็นแฟนตาซีแนวเจาะกลุ่มผู้ชาย ก็ประมาณ
    ...ท่านผู้กล้า  ท่านคือผู้ถูกเลือกแล้วให้กุมชะตากรรมของโลก  
    จงออกเดินทางตามหาสมัครพรรคพวกด้วยพลังมิตรภาพ  
    สะสมไอเท็ม เอ๊ย อาวุธวิเศษ แล้วไปปราบจอมมารเถิด...
    ส่วนตัวเอกฝ่ายหญิง
    ก็จะถูกลดบทบาทเป็นคนรักของท่านผู้กล้าที่ท่านผู้กล้าต้องคอยปกป้อง
    ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเรียกว่านางเอกเลย  เรียกว่าคู่ของพระเอกไม่ดีกว่าหรือ

    ส่วนถ้าเป็นแนวผู้หญิง
    ไม่เข้าใจว่าทำไม  พระเอกต้องเย็นชา  เงียบขรึม(จนเกือบใบ้)
    ปากแข็ง  หน้าตาย อะไรทำนองนั้น
    ส่วนนางเอก ก็ต้องเป็นเจ้าหญิงจอมแก่น ซน ห้าวเหมือนผู้ชาย  
    ภารกิจหลักคือ คอยหนีการแต่งงานการเมืองกับเจ้าชายต่างแคว้น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นพระเอกนั่นแหล่ะ

    นั่นคือ  แฟนตาซีที่จินตาอ่านแล้วปลื้มสุดใจ  หาได้ยากมาก  มีนักเขียนอยู่ไม่กี่ท่านค่ะ ที่อ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้น

    และประมวลเหตุผลข้างต้นมาแล้ว  จึงกลายมาเป็นเรื่องนี้ค่ะ

    คุณrun saya --- มาช้ายังดีกว่าไม่มาค่ะ  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะที่อวยพรเรื่องสอบ  ชักจะสนุกหรือคะ  จะพยายามปั่นต่อสุดชีวิตค่ะ





    บทที่  6  (ครึ่งหลัง)  
    ท่านชายกับนายน้อย


    อาชาอันมีสีขนคล้ายพยับหมอกชะลอฝีเท้าเมื่อมาถึงจวนสมุหกลาโหม  ยามรักษาการณ์สี่นายที่เฝ้าประตูด้านหน้าทำความเคารพแบบทหารปฏิบัติต่อผู้บังคับบัญชา   ผู้อยู่บนหลังอาชาหัวเราะพลางเอ่ยว่า

    “ ข้าไม่ได้เป็นนายทหาร   แม้แต่ทหารธรรมดาก็ยังไม่ได้เป็นเลย  ”  

    “ แต่ท่านชายจะต้องได้เป็นแน่นอนขอรับ ” หนึ่งในกลุ่มตอบ  ในดวงตาฉายแววของความนับถือ

    “ คราวหน้าอย่าทำอีก  เพราะมันเข้าข่ายผิดวินัย ”  เซฟาร์ลอสเตือน  แม้สีหน้าจะยังมีรอยยิ้มราวกับไม่ได้จริงจัง   แต่ชายหนุ่มแน่ใจว่าจะไม่มีใครไม่ใส่ใจ


    เซฟาร์ลอสบังคับอาชาให้เหยาะย่างผ่านเข้าไปภายใน



    สรรพนาม ‘ ท่านชายสิงห์ขาว ’นั้น  เมื่อไม่ได้อยู่ในเขตจวนอัครมหาเสนาบดีและอาร์บาเนส  นครแห่งนักปราชญ์     ชายหนุ่มจำเป็นต้องทนยอมรับฟัง     เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ประชาชนทั้งอาณาจักรเลิกเรียกเขาด้วยคำคำนี้

    เซฟาร์ลอสเข้าใจความหมายของทหารยามผู้นั้นดี   อีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้  การทดสอบเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าประจำการในกองทัพจะเริ่มขึ้น  และใช้เวลาดำเนินการจนเสร็จสิ้นอีกหนึ่งเดือน  

    การคัดเลือกกระทำในฤดูหนาวเป็นประจำทุกปี  เพราะสภาพอากาศอันเลวร้ายจะทำให้การทดสอบยิ่งยากเย็น หากแต่สำหรับเขา  การโน้มน้าวให้บิดาอนุญาตให้เข้าร่วมการทดสอบเป็นเรื่องที่ยากกว่า

    ท่านชายสิงห์ขาวหยุดม้าที่ลานกว้างด้านหน้าตัวอาคารสีเทาดุจภูผาศิลา ลักษณะของสถาปัตยกรรมทำให้แลดูคล้ายป้อมปราการอันมั่นคงแข็งแรง  บรรยากาศโดยรอบอาณาบริเวณทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงอำนาจในความแข็งแกร่ง

    โดยปกติเขาควรจะเรียกทหารรับใช้มารับม้าแล้วจูงไปพักที่คอกม้าด้านหลัง   แต่วันนี้เซฟาร์ลอสเลือกที่จะพามันไปด้วยตัวเอง







    เสียงเกรี้ยวกราดของใครคนหนึ่งดังจนได้ยินมาถึงภายนอก  เซฟาร์ลอสรู้จักเจ้าของเสียงดีเกินกว่าจะแปลกใจกับการแสดงความโกรธออกมามากมายเช่นนั้น    เขาลงจากหลังม้าแล้วจูงมันเข้าไปในโรงม้า

    ชายหนุ่มผมดำร่างสูงใหญ่ในเครื่องแต่งกายสีน้ำตาลเข้มตะคอกใส่หน้าทหารนายหนึ่ง   ที่เซฟาร์ลอสคิดว่าคงเป็นทหารดูแลคอกม้าคนใหม่เพราะไม่คุ้นหน้า   เขาคล้ายกับพยายามจะอธิบายอะไรบางอย่าง   แต่กลับถูกชกที่ใบหน้า    และคงจะไม่จบแค่หมัดเดียว    หากว่าเสียงห้ามของเซฟาร์ลอสจะมิได้ดังขึ้น

    “ หยุดนะ  ฮารัท ! ”

    ผู้ถูกขัดจังหวะหันมาเผชิญหน้ากับเซฟาร์ลอสในทันที นัยน์ตาสีน้ำเงินขุ่นมัวด้วยเพลิงโทสะจ้องเขม็ง  ฮารัทเป็นหลานชายห่าง ๆ ของสมุหกลาโหม  และมีนิสัยที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรจากอันธพาลมากนัก

    “ นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า  เซฟาร์ลอส ”

    “ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ”  
    เซฟาร์ลอสหันไปถามทหารที่ถูกทำร้ายราวกับไม่เห็นผู้พูดอยู่ในสายตา

    “ ข้าไม่เป็นอะไร  ขอบคุณมากขอรับท่านชาย ”  เขาตอบพลางน้อมศีรษะทำความเคารพ

    “ ถ้าไม่เป็นอะไร  ข้าก็จะทำให้เจ้าเป็นเอง ”  ฮารัทยังไม่ยอมเลิกรา

    “ ถ้าเจ้ายังไม่สงบสติอารมณ์   ข้าจะเรียนอาจารย์ว่าเจ้าก่อเรื่องทำร้ายผู้อื่น ”  
    สีหน้าของเซฟาร์ลอสเริ่มปรากฏความไม่พอใจ

    ฮารัทชะงักและมีท่าทีอ่อนลง  เซฟาร์ลอสบอกให้ทหารนายนั้นรีบออกไปข้างนอกและจูงม้าของตนเองเข้าคอก    เมื่อเห็นว่าในรางมีทั้งหญ้าและน้ำอยู่เพียงพอแล้วจึงออกมา

    “  เจ้ารีบออกไปข้างนอกเถอะฮารัท  ข้าสงสารม้า ”  
    เซฟาร์ลอสเอ่ยพลางก้าวตรงไปยังประตูโรงม้า

    “ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ”  ฮารัทตามมาคาดคั้น

    “  ข้าเกรงว่าพวกมันจะอึดอัด   ถ้าต้องเห็นหน้าเจ้านาน ๆ    ”  
    คำตอบของเซฟาร์ลอสทำให้ฮารัทตวาดเสียงกร้าว

    “ เจ้าดูหมิ่นข้า !  ”  

    “ เจ้าพึ่งจะรู้หรือ ”  เซฟาร์ลอสแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจ
    “ ถ้าอย่างนั้นต่อไปข้าคงต้องใช้ภาษาที่ง่ายและตรงกว่านี้ ”

    “  เจ้าว่าข้าโง่ ! ”  ฮารัทคำราม

    “ ได้ผลดีจริง ๆ     เจ้าเข้าใจได้เร็วขึ้นมากเลย ”   เซฟาร์ลอสจงใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี

    “ถ้าเจ้าพูดดูถูกข้าอีกคำเดียว  ข้าจะจัดการเจ้า”  ฮารัทเลื่อนมือไปแตะด้ามดาบที่ข้างเอว

    “ แต่ข้ายังอยากจะแสดงความชื่นชมอีกว่าเจ้ามีสิ่งหนึ่งเหนือกว่าข้า ”  เซฟาร์ลอสมีท่าทีผิดหวัง  แต่นัยน์ตาสีเขียวเข้มฉายแววหยามหยัน

    “ เจ้าสามารถทำร้ายคนไม่มีทางสู้ได้โดยที่ไม่รู้สึกผิดหรือละอายใจ   ข้ายอมรับว่าข้าทำอย่างเจ้าไม่ได้ เพราะมันน่ารังเกียจเสียจนแค่ได้เห็นใครทำแบบนั้นข้าก็ทนดูไม่ไหวแล้ว”

    แรงโทสะที่พุ่งถึงขีดสุดทำให้ฮารัทดึงดาบคู่มือออกจากฝักและชี้ปลายดาบไปทางเซฟาร์ลอส   เป็นความหมายว่าขอท้าประลองพิสูจน์ฝีมือ
    “  อย่าคิดว่าเจ้าเป็นท่านชายสิงห์ขาว  เป็นราชนิกุลสูงศักดิ์มีแต่คนนับถือยกย่อง    แล้วข้าจะไม่กล้าแตะต้องเจ้า   ข้าไม่เคยกลัวอำนาจอิทธิพลของพ่อเจ้า   ส่วนตัวเจ้าถ้ายังมีความกล้าอยู่ในใจบ้างก็รับคำท้าของข้า  ”
     
    ในขณะนั้นเหล่าทหารที่อยู่ไม่ไกลจากคอกม้าสังเกตเห็นว่าทั้งสองมีปัญหาจึงพากันเดินเข้ามาใกล้   แต่ไม่มีใครกล้าห้ามปรามเพราะรู้ดีว่าไม่มีทางห้ามได้สำเร็จ  และส่วนใหญ่ต่างก็อยากจะมีโอกาสได้เห็นฝีมือของท่านชายสิงห์ขาว    บางคนถึงกับนึกยินดีถ้าหากฮารัทจะถูกสั่งสอนเสียบ้าง

    เซฟาร์ลอสนิ่งคิด   พอเถียงสู้ไม่ได้  ฮารัทก็มักจะใช้วิธีนี้เสมอ  เพราะรู้ว่าหากเขาตกลงรับคำท้าจะถือเป็นการขัดคำสั่งของอาจารย์   ดังนั้นทุกครั้งเขาจึงปฏิเสธตลอดมา  และเหตุผลที่ฮารัทประกาศว่าไม่เกรงกลัวบิดาของเขา    ชายหนุ่มทราบดีว่ามิได้เป็นเพราะความกล้า    แต่เป็นเพราะฮารัทแน่ใจว่าหากลาซานาร์ทไม่กลับมา   ตำแหน่งทายาทแห่งตระกูลเลวิลอตจะตกเป็นของตน

    สายตาของเซฟาร์ลอสเหลือบไปเห็นไม้กวาดด้ามหนึ่งถูกวางพิงกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างจากโรงม้ามากนัก   จึงตอบออกไปว่า
    “ ได้  ข้ารับคำท้าของเจ้า ”

    ฮารัทเหยียดยิ้ม   แล้วเอ่ยเสียงเยาะ
    “ แล้วเจ้าจะใช้อะไรมาสู้    ในเมื่อเจ้าไม่ได้พกอาวุธติดตัว ”

    เซฟาร์ลอสมิได้กล่าวถ้อยคำใด   ชายหนุ่มเพียงแต่เดินไปหยิบไม้กวาดด้ามนั้นมา

    “ เจ้าหยามข้ามากเกินไปแล้วเซฟาร์ลอส ”  ฮารัทมีสีหน้าเหมือนอยากจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ

    “ ข้าหวังดีกับเจ้านะฮารัท ”  
    เซฟาร์ลอสยิ้มในแบบที่คนใกล้ชิดเขามักเรียกกันว่า ‘ รอยยิ้มชั่วร้าย ’
    “ ไม้กวาดจะได้กวาดความสกปรกออกจากจิตใจของเจ้า   ใจเจ้าอาจจะสะอาดขึ้น ”

    การประลองเปิดฉากขึ้นในวินาทีต่อมา  โดยต่างฝ่ายต่างจู่โจมเข้าใส่กัน   แต่เซฟาร์ลอสที่มี ‘ อาวุธ ’ ยาวกว่าถึงเป้าหมายก่อน   ฮารัทต้องรีบถอยหลังจนขาแทบจะพันกันเพราะไม่อยากถูก ‘ ทำความสะอาด ’ ใบหน้า  

    เซฟาร์ลอสได้โอกาสโจมตีติดต่อกันด้วยความรวดเร็ว จนฮารัทได้แต่หลบหลีกเพื่อเลี่ยงไม่ให้ไม้กวาดมาสัมผัสโดนตัว  

    ดูแล้วเหมือนฮารัทถูกเซฟาร์ลอสใช้ไม้กวาดไล่ฟาดมากกว่าจะเป็นการต่อสู้    เสียงหัวเราะเริ่มดังมาจากทหารที่ยืนดูอยู่รอบบริเวณ    และเปลี่ยนเป็นดังสนั่นเมื่อฮารัทเสียหลักล้มลงอย่างสิ้นท่าในที่สุด

    “ เจ้าไม่ควรจะรังเกียจไม้กวาด  เพราะถ้าไม่มีมัน  ทุกสถานที่ในโลกนี้คงเต็มไปด้วยความสกปรก  เจ้าควรจะขอบคุณมันถึงจะถูก  ”  

    เซฟาร์ลอสใช้น้ำเสียงราวกับกำลังกล่าวถึงหลักปรัชญาอันลึกซึ้ง  ก่อนจะหัวเราะแล้วจ่อปลายไม้กวาดที่คอของอีกฝ่ายเป็นความหมายว่ารู้ผลแพ้ชนะแล้ว

    “  ถ้าเจ้าไม่มัวแต่ทำท่ารังเกียจมัน   เจ้าคงไม่พลาดง่าย ๆ อย่างนี้ ”

    “ เจ้าเล่นสกปรก ” สีหน้าของฮารัทมีแต่ความโกรธแค้น

    แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 49 19:24:01

    จากคุณ : จินตานุภาพ - [ 7 มี.ค. 49 19:20:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป