CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    นาซาลอส(NASALOS) : บทที่ 8 (ครึ่งแรก) สถานการณ์บังคับ

    เนื่องจากกระทู้ตกไปอยู่ที่คลังเก็บกระทู้เก่าแล้ว   ดังนั้นนี่เป็นลิงค์ไปที่คลังค่ะ
    บทที่ 1 นครหลวงแห่งนาซาลอส
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/W3968853/W3968853.html
    บทที่ 2 พบ
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/01/W4010402/W4010402.html
    บทที่ 3 สัญญาณเตือนแห่งภัยพิบัติ
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/01/W4058161/W4058161.html
    บทที่ 4 ปริศนาในแววตาสีมรกต
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/02/W4086420/W4086420.html
    บทที่ 5 สิงห์ขาวและสิงห์ดำ
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/02/W4111220/W4111220.html
    บทที่ 6 (ครึ่งแรก) ท่านชายและนายน้อย
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/02/W4143904/W4143904.html
    บทที่ 6 (ครึ่งหลัง) ท่านชายและนายน้อย
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/03/W4171384/W4171384.html
    บทที่ 7 (ครึ่งแรก ) การเผชิญหน้า
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/03/W4191459/W4191459.html

    บทที่ 7 (ครึ่งหลัง ) การเผชิญหน้า http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/03/W4243551/W4243551.html


    ผู้อ่านอาจสงสัยว่าจินตาหายศีรษะไปไหนมา
    ขอสารภาพว่าไปฝึกงานมาค่ะ   พึ่งจะแว่บมาเล่นเน็ตได้วันนี้เอง  
    และบทนี้ก็ขอลงครึ่งบทก่อนนะคะ
    ขออภัยค่ะที่ล่องหนไปนาน

    GTW ---- ที่พิมพ์ไม่ผิดคงเพราะบางทีพิมพ์ไปแก้ไปมันต้องเพ่งสมาธิมั้งคะ โฮะๆๆ

    ใช้ความสงบสยบความเย้ยหยัน ...
    เป็นสำนวนที่เหมาะกับลาซานาร์ทจริงๆคะ
    เพราะมันไม่กลัวเธอเลยสักนิด (แต่ต่อไปอาจเกรงใจ)

    ส่วนดาเรนเวียร์นั้น  เธอเป็นของเธออย่างนี้ เพราะจินตาชอบผู้หญิงประเภทอย่างเธอนั่นเอง

    run saya --- จินตาก็ไม่ว่างเหมือนกันค่ะ
    ไม่เป็นไรค่ะ  ว่างเมื่อไหร่ค่อยแวะมานะคะ







    บทที่  8
    สถานการณ์บังคับ



    อาชาสีขาวชะลอความเร็วลงจากควบเต็มฝีเท้าเป็นเหยาะย่าง แล้วค่อยหยุดอยู่ที่หน้าประตูเมืองด้านทิศใต้ของเอนเดอร์เรียส

    “ อย่าพึ่งเข้าเมืองตอนนี้เลย  เพราะเส้นทางสัญจรในเอนเดอร์เรียสถูกปิดหมดแล้ว   ถ้าจะเข้าก็ต้องจูงม้าเดินฝ่าฝูงคนไป    ข้าว่าย้อนกลับไปรอที่หมู่บ้านใกล้ๆ  จนพิธีบวงสรวงเทพแห่งเหมันต์ผ่านไปก่อนจะดีกว่า ”

    ยามรักษาการณ์นายหนึ่งในจำนวนสิบนายเอ่ยแนะ ผู้อยู่บนหลังอาชาไม่ตอบคำแต่บังคับม้าให้ตรงเข้าสู่นครหลวงแห่งนาซาลอสทันที

    “ มาสายจนได้  แย่จริง ”  ดาเรนเวียร์บ่นพึมพำ  

    นางเฝ้าครุ่นคิดว่าจะผ่านด่านตรวจก่อนเข้าสู่ถนนสายหลักอย่างไรไม่ให้โจ่งแจ้งจนเกินไป     แต่เมื่อมาถึงหน้าด่าน  ปากบางได้รูปก็แย้มเล็กน้อย  เพราะเมื่อสังเกตจากเครื่องแบบที่ต่างสีแล้วจึงรู้ว่าจากทหารที่เฝ้าประจำด่านทั้งหมดราวสี่สิบนาย     ส่วนหนึ่งเป็นทหารราชองครักษ์ในพระราชวัง

    “ ถนนสายนี้ปิดชั่วคราว    ใช้สัญจรไม่ได้จนกว่าพิธีบวงสรวงจะเสร็จสิ้น   และขบวนเสด็จจะผ่านไปแล้ว ”   ทหารที่ยืนอยู่ใกล้นางที่สุดกล่าวขึงขัง

    “ ใครเป็นนายด่าน ”  หญิงสาวย้อนถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจฟัง

    นายทหารราชองครักษ์ผู้ประดับเครื่องหมายแสดงยศสูงที่สุดในที่นั้นก้าวออกมาหาดาเรนเวียร์ เพราะรู้สึกว่าเสียงกังวานใสแต่ทรงอำนาจของนางช่างคุ้นหูยิ่งนัก

    “ ข้าเอง ”

    มือเรียวยกขึ้นแตะหมวกเสื้อคลุมที่ปิดบังใบหน้าไว้เกือบครึ่งแล้วดึงลง    

    นายด่านอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นเจ้าของเสียงถนัดตาเขารีบคุกเข่าพลางร้องสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาให้เปิดทางดังลั่น  
    ความงุนงงทำให้ผู้รับคำสั่งยังมิได้ปฏิบัติตามในทันที  จนเขาต้องตวาดซ้ำ

    “ พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ   ข้าบอกให้เปิดทาง   มัวชักช้าอยู่ทำไม ”

    คราวนี้ทุกนายที่ขวางทางอยู่ต่างพากันหลีกออกไปเรียงแถวหน้ากระดานริมสองข้างทางอย่างสวยงาม และเป็นระเบียบเรียบร้อยที่สุดด้วยความรวดเร็ว

    “ ขอบใจ ”  ดาเรนเวียร์ยิ้มขำ  แล้วโน้มตัวลงกระซิบบอกไรน์    

    อาชาคู่ใจของนางวิ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง  หากแต่ก็ต้องหยุดยิ้มทันควัน   อารมณ์สดใสเปลี่ยนไปเป็นขุ่นมัว   เมื่อได้ยินเสียงขานด้วยความปรารถนาดีโดยที่นางมิได้สั่ง    อีกทั้งยังไม่ต้องการเป็นที่สุด

    “  เจ้าหญิงพระราชขนิษฐาเสด็จ  ”

    ‘ เจ้าพวกนี้  อยากจะให้ชาวเอนเดอร์เรียสรู้กันหมดทั้งเมืองเลยหรือไง  ว่าข้ามาสาย  มันน่าสั่งขังลืมนัก ’  

    เจ้าหญิงแห่งนาซาลอสกริ้วอยู่ในพระทัย   แต่ก็ไม่เคยต้องทรงจนมุมแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันเพียงใดก็ตาม  

    ทรงปล่อยพระหัตถ์ซ้ายจากสายบังเหียนแล้วยกขึ้นโบกทักทายประชาชนที่เฝ้าอยู่สองข้างทางในบริเวณนั้นด้วยสีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์อันแสนงดงาม    จนเสียงถวายพระพรด้วยความชื่นชมยินดีดังกระหึ่มขึ้น   เหมือนเช่นทุกคราที่แสดงพระองค์ต่อมหาสมาคมด้วยพระจริยาวัตรอันสง่างามไร้ซึ่งข้อตำหนิด้วยประการทั้งปวงเสมอ  

    พระเนตรสีมรกตทอดมองภาพนครหลวงเอนเดอร์เรียสที่ประดับประดาด้วยผ้าสีขาว   เครื่องแต่งกายของชาวนครในวันนี้ก็ล้วนแต่เป็นสีขาว    

    มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่เหมือนรอยธุลีแต้มอยู่ท่ามกลางหิมะแห่งเหมันต์อันขาวพิสุทธิ์

    หิมะที่ชาวนาซาลอสเชื่อกันว่าเทพแห่งเหมันต์ทรงโปรยลงมาจากสรวงสรรค์เอลลาริส   เพื่อให้ห่มคลุมแผ่นดินให้พ้นจากความวุ่นวาย    ให้โลกได้นิทราภายใต้ความหนาวเย็น    ก่อนที่จะตื่นขึ้นเพราะความอบอุ่นในยามที่พืชพรรณผลิใบออกมาใหม่

    หลายสิ่งในธรรมชาติอาจสงบลง  เว้นแต่เพียงพระอารมณ์ที่บางคราก็รุนแรงได้ไม่แพ้พายุหิมะ เพราะเหมันต์เป็นช่วงเวลาที่แสนจะทรงชิงชัง


    เจ้าหญิงทรงลงจากหลังม้าด้วยพระอิริยาบถเร่งร้อนเมื่อมาถึงจุดหมาย    เลอารีเอลอันศักดิ์สิทธิ์  

    ทหารราชองครักษ์ขานพระนามเสียงดังกึกก้อง

    “ เจ้าหญิงนาเดเวนเซล  พระราชขนิษฐาเสด็จ ”

    ประชาชนที่ชุมนุมอยู่ ณ จัตุรัสด้านหน้ามหาวิหารถวายบังคมพร้อมเพรียงกันยามก้าวพระบาทผ่าน  เบื้องพระพักตร์คือบานทวารที่เปิดกว้าง  

    มงกุฎดาวแห่งนาซาลอสดำเนินตรงเข้าสู่ห้องโถงเอก   สายพระเนตรแลกวาดไปทั่วบริเวณ  ความโล่งใจคือสิ่งแรกที่ทรงสังเกตเห็นในสีหน้าของสมุหกลาโหม  อัครมหาเสนาบดี รวมทั้งเหล่าขุนนางข้าราชบริพาร  ยกเว้นแต่เพียงผู้เดียว

    “ เสนาบดีวัง  ท่านต้องนึกตำหนิอะไรข้าอยู่แน่ ๆ ”

    ผู้ถูกกล่าวโทษแทบสะดุ้ง  

    “  หามิได้พะย่ะค่ะ   แต่สีของฉลองพระองค์ออกจะไม่เหมาะสมต่อพิธีนัก ”

    ...ตาเฒ่าหัวโบราณจอมเจ้าระเบียบ...

    "ท้องฟ้ายามค่ำคืนในฤดูหนาวมิได้เป็นสีดำหรอกหรือ "  

    นาเดเวนเซลทรงเถียงแม้จะทรงทราบดีว่าในพิธีบวงสรวงเทพแห่งเหมันต์นี้   ต้องใช้เครื่องแต่งกายสีขาว   แต่เพราะพระปรีชาสามารถในการหาข้อแก้ต่างเข้าข้างพระองค์เองได้ในทุกสถานการณ์เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งราชสำนัก    จึงไม่อาจทรงยอมรับผิดโดยง่ายดายได้

    อัยฮีลซึ่งรอการเสด็จมาถึงด้วยความกระวนกระวายมาตลอดรีบนำฉลองพระองค์คลุมยาวสีขาวมาถวาย  ก่อนที่เรื่องจะลุกลาม    ทรงถอดฉลองพระองค์สีเทาที่ทรงอยู่ก่อนส่งให้นาง   แล้วรับองค์ใหม่มาเปลี่ยน

    “ ข้าคงไม่ได้มาช้าเกินไปใช่ไหม ”  

    พระเนตรสีมรกตทอแววประหลาดยามรับสั่งถาม   อัยฮีลเข้าใจทันทีว่าในพระดำรัสอันแสนปกติธรรมดานั้น    มีความนัยแฝงอยู่     แท้จริงแล้วทรงหมายถึงเรื่องที่เป็นเหตุให้ต้องเสด็จไปไกลถึงแอตฮีน  

    “ เพคะ  ยังไม่สายเกินไป ”

    เมื่อทรงได้รับตำตอบที่ทำให้ความกังวลในพระทัยคลายลงแล้ว  นาเดเวนเซลจึงเสด็จผ่านบานทวารบานทวารชั้นที่สองเข้าสู่เขตของพระราชวงศ์    ราชนิกุลที่มีฐานันดรศักดิ์ต่ำกว่าต่างน้อมเศียรถวายความเคารพ      

    เจ้าชายผู้ประทับอยู่ในแถวหน้าสุดแสดงถึงพระยศที่เป็นรองพระองค์เพียงขั้นเดียวเงยพักตร์ขึ้นคล้ายกับมีพระประสงค์จะทูลสิ่งใด      แต่มงกุฎดาวกลับก้าวพระบาทผ่านไปโดยไม่ใส่พระทัยราวกับผู้ที่ทรงเห็นเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า

    ก่อนจะทรงหยุดย่อพระองค์ถวายความเคารพและแย้มพระโอษฐ์อ่อนหวานกับเจ้าหญิงนามาเอลมิน  พระปิตุจฉา    แล้วทำสายพระเนตรล้อเลียนให้เซฟาร์ลอสที่ยืนอยู่เคียงข้างมารดา     เพราะทรงทราบดีว่าการที่ต้องสวมเครื่องแต่งกายสีขาวแบบเป็นพิธีการและวางท่าสง่างามเป็นท่านชายนั้นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าตัวชื่นชอบเลยแม้แต่น้อย

    นาเดเวนเซลดำเนินผ่านบานทวารชั้นที่สามเข้าไปสู่มณฑลพิธีอันเป็นเขตเฉพาะราชาแห่งนาซาลอส    ผู้แทนราชวงศ์นาร์วาซาร์ดฝ่ายสตรี   ประมุขแห่งศาสนจักรและนักบวชชั้นสูงผู้มีอาวุโสสูงสุดอีกเพียงสิบเอ็ดรูปเท่านั้น

    พระเนตรสีมรกตสองคู่แลสบกัน    
    คู่หนึ่งฉายแววโล่งพระทัยขณะที่อีกคู่หนึ่งฉายแววอ้อน

    “ ขอโทษค่ะที่มาสาย ”    นาเดเวนเซลทูลด้วยสีพระพักตร์สำนึกผิด

    “ ไม่เป็นไร  แค่น้องมาถึงภายในวันนี้ได้  พี่ก็ดีใจมากแล้ว ”  นาซาเนเซททรงพระสรวล

    “ แต่น้องไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะ  ”   นาเดเวนเซลทรงคร่ำครวญเพราะพระดำรัสล้อเลียนของพระเชษฐา

    “ พี่ก็ดีใจจริง ๆ นะ ”     มงกุฎฟ้าทรงยืนยันโดยเลียนถ้อยรับสั่งของพระขนิษฐา

    นาเดเวนเซลคงจะตรัสตอบ   หากว่าสังฆาจารย์เฟนเนฟไม่ทูลเตือนขึ้นว่า
    “ ในเมื่อผู้แทนราชวงศ์ฝ่ายสตรีเสด็จมาถึงแล้ว    ก็ควรเริ่มพิธีบวงสรวงได้แล้ว ”

    “ ขอโทษค่ะ  ท่านอาจารย์  ”  

    มงกุฎดาวทรงระลึกขึ้นได้จึงก้าวไปประทับในตำแหน่งของพระองค์ทางด้านซ้ายของแท่นบูชาที่หน้าฐานรองรับรูปสลักแห่งคณาเทพ    

    เสียงสวดมนต์น้อมถวายความเคารพศรัทธาอย่างสูงสุดแด่เทพเจ้าเริ่มจากเบาแล้วจึงค่อยดังขึ้นจนสะท้อนก้องราวกับจะสามารถลอยขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์เบื้องบนได้โดยผ่านสายลมที่พัดผ่าน





    อัยฮีลหลบออกจากห้องโถงเอกทางประตูด้านข้างอย่างเงียบเชียบ   ปล่อยให้เทนนาชเฝ้าอยู่ในพิธีต่อไปเพียงผู้เดียว  

    หลังจากพ้นจากสายตาของบุคคลอื่นแล้ว    นางก็ค้นฉลองพระองค์คลุมเพราะอ่านสัญญาณที่ทรงส่งผ่านแววพระเนตรได้  เมื่อพบห่อผ้าขนาดประมาณฝ่ามือจึงคาดว่านี่คือฮอร์ซิมที่ทรงนำมา...

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 49 21:48:54

    แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 49 10:25:07

    แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 49 10:20:33

    จากคุณ : จินตานุภาพ - [ 13 พ.ค. 49 14:08:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป