CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ~ * ~ * ~ * ~ พระรถเมรี . . . [ ตอนที่ 3 - 4 ] ~ * ~ * ~ * ~

    ...ตอนที่ 3...


                  เสียงฮัมเพลงดังมาจากในห้องน้ำ  ทำให้ร่างโปรงแสงจุดระบายรอยยิ้มทั้งปากและตา…เขาสำรวจรอบห้องของหญิงสาวอย่างถือวิสาสะ  ที่นี่…ไม่เหมือนที่ๆเขาและเมรีเคยอยู่  อะไรหลายอย่างดูแปลกตาไป  อาจจะเป็นเพราะกาลเวลาที่เนิ่นนานหลายร้อยหลายพันปี  ทำให้วิธีชีวิตคนไม่เหมือนเดิม

                  สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย  ภาพหญิงสาวชุดไทยนั่งอยู่บนเก้าอี้ถูกใส่กรอบวิทยาศาสตร์ตั้งไว้เหนือชั้นวางหนังสือ  ดวงตาและปากของอีกฝ่ายยิ้มให้กับกล้อง…  ภาพนั้นทำเอาเขามองตาค้างเหมือนโดนน็อค…ช่างเหมือน  เหมือนเหลือเกิน…ขอบตาอุ่นขึ้นจนเจ้าตัวสัมผัสได้

                  เสียงเปิดประตูทำให้เขาหันไปมองร่างบางที่เดินออกมาจากห้องน้ำ  หญิงสาวที่เขารู้จักและคุ้นเคยเดินออกมาในชุดนอนกางเกงยาวคลุมเข่าลายการ์ตูนที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้  ทำให้ร่างบางดูเด็กลงกว่าที่เขาเคยพบนาง
    สิ่งเดียวที่ทำให้เขาขัดตาก็คือเจ้าแว่นวงรีที่อยู่บนหน้าของอีกฝ่าย…  เมื่อก่อนเมรีไม่เคยใส่เจ้าสิ่งนี้ให้เกะกะใบหน้า  แต่มาบัดนี้…อะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป  แม้แต่การแต่งกายดูนับวันจักคล้ายการแต่งตัวของผู้ชายไปทุกที

                  แล้วใจนางเล่าจักเปลี่ยนไปหรือเหมือนเดิม…

                  ถ้าเขาอยากจะทราบ…มีทางเดียวที่จะรู้  ต้องให้นางคืนความทรงจำให้เร็วที่สุด  แม้แต่ดอกปริชาติยังมิสามารถฟื้นอดีตชาติของนางได้  แล้วสิ่งใดเล่าที่จักทำให้นางจำข้าได้…  ดวงตาเศร้าเพ่งมองอีกฝ่าย

                  หากเธอมองไม่เห็นเขา…

                  น่าเจ็บปวดเสียยิ่ง  ข้าเจอนางแล้ว…แต่ข้ามิสามารถจักได้เคียงคู่ในภพนี้

                  ดวงตาคมวาววับเมื่อนึกบางอย่างออก…หากข้ามิสามารถเคียงคู่นางได้ในภพนี้  ข้าก็พานางไปยังภพภูมิที่เราทั้งสองจักสามารถเคียงคู่กันได้

                  แต่…ข้าจะพานางไปได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้นางยังมีชีวิตและเลือดเนื้อ

                  นี่สิ…ปัญหาที่เขาต้องขบคิด

       

                  เสียงหัวเราะของเด็กๆ ทำให้เมรีอดลุกไปดูที่มาของเสียงไม่ได้ เด็กหญิงตัวเล็กๆ หลายคนล้อมวงกันเล่นอะไรบางอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยเห็น…

                  พวกเด็กๆ เหล่านั้นยืนล้อมกันเป็นวงกลม มีคนหนึ่งอยู่ข้างใน อีกคนอยู่ข้างนอก คนข้างนอกจะพยายามเข้าไปข้างใน เพื่อนๆ ที่อยู่รอบวงต้องช่วยกันกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปได้ ถ้าอีกฝ่ายจับคนที่อยู่ในวงได้ คนสองคนที่กันไม่ได้จะต้องกลายเป็นคนอยู่ในวงและคนอยู่นอกวงแทน

                  เสียงหัวเราะทำให้เท้าของร่างบางหมายเดินจะไปดูใกล้ หากแต่พอหญิงสาวก้าวไปใกล้ เสียงหัวเราะเหล่านั้นก็เงียบหาย ทั้งหมดหันหน้ามาหาเธอก่อนที่จะยอบตัวถวายความเคารพ

                  “แม่นายอยู่หัว มีพระประสงค์สิ่งใดเพคะ” เด็กคนที่โตสุดดูเหมือนจะรู้งานกว่าเพื่อน

                  “เปล่า เราแค่มาดูพวกเจ้าเล่น… น่าสนุกดีนะ เล่นต่อไปเถอะ” หญิงสาวนั่งริมบันได เด็กๆ หันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะเล่นเหมือนกับว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้นด้วย เสียงหัวเราะทำให้ที่นี่ดูไม่เงียบเหงานัก

                  ความสุขของเด็กๆ โดนทำลายอีกครั้งเมื่อพระพี่เลี้ยงสองคนวิ่งกระหืดกระหอบมา “แม่นายอยู่หัวเพคะ มนุษย์เพคะ…มนุษย์” บุหลันรีบชิงทูลก่อน หากแต่เสียงหอบนั้นทำให้เมรีไม่สามารถจับใจความได้มากนัก ยาตราต้องเป็นฝ่ายทูลเล่าต่อ

                  “แม่นายอยู่หัวเจ้าขา… มนุษย์ผู้ชายหน้าตาน่ากินถือสารจากพระแม่เจ้าอยู่หัวมาเพคะ” คำบอกของอีกฝ่ายทำให้เมรีผุดลุกขึ้นมาอย่างดีใจ เธอสนใจสารมากกว่าคนส่งสาร…นานเท่าใดแล้วที่พระแม่เจ้าไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย

                  ตั้งแต่นำตาจำนวน 23 ลูกมาฝากไว้ให้เธอพลางกำชับให้ดูแลรักษาอย่างดี…แววตาของพระแม่เจ้ายามนั้นมีความสะใจจนปิดไม่มิด ทำให้บุตรสาวบุญธรรมตัวน้อยอดถามไม่ได้

                  “พระแม่เจ้า ทรงพระสรวลด้วยเหตุใดเพคะ” นางยักษาลูบหัวบุตรีด้วยความเอ็นดู

                  “แม่สะใจเหลือเกินแล้วลูกเอ๋ย พวกคนที่คิดทรยศต่อแม่…มันต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมที่สุด จำไว้นะเมรี…หากวันใดเจ้าคิดทรยศต่อความไว้วางใจของแม่…จงดูตัวอย่างในนี้ไว้”

                  “เมรีไม่มีทางทรยศต่อพระแม่เจ้าเพคะ พระแม่เจ้าเปรียบเสมือนมารดา ความรักที่พระแม่เจ้ามีให้เมรี…เมรีจักจำไว้จนวันตาย”

                  “เมรี ลูกรักของแม่” นางยักษ์โอบกอดเด็กหญิงตัวน้อย ทั้งๆ ที่คิดว่าเข็ดแล้วจะไม่รักใครแล้วตั้งแต่พวกนางสิบสองทรยศต่อความไว้ววางใจ แต่เมื่อพบกับเมรีและเลี้ยงดูเด็กน้อยจนเติบใหญ่…หัวใจที่แห้งแล้งกลับอิ่มเอิบด้วยความรัก…ของคนเป็นแม่ นางคงทนไม่ได้ หากวันใดเมรีทรยศนางเหมือนที่พวกนางทั้งสิบสองเคยทำ และยิ่งทนไม่ได้หากอยู่โดยไม่มีเมรี


                  “มนุษย์ผู้นั้นอยู่ที่ใด”

                  “หม่อมชั้นให้เจ้าคนนั้นรออยู่เขตท้องพระโรงชั้นนอกเพคะ” บุหลันรีบทูลแม่นายอยู่หัวให้ทรงทราบ

                  ร่างบางรีบเดินไปยังจุดหมาย…พระแม่เจ้า ทำไมถึงส่งมนุษย์ผู้อ่อนแอเข้ามาในแดนยักษาทั้งๆ ที่รู้ว่าหากเข้ามาอาจจะไม่มีวันได้กลับออกไป หรือพระแม่เจ้าประสงค์สิ่งใดเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้ถึงได้ส่งเขามา…

                  เบื้องหน้า…ชายผู้ยืนหันหลังให้ ทำให้เมรีชะงักไม่กล้าก้าวเดินต่อ กลิ่นมนุษย์ที่โชยมาตามลมบอกเธอว่า คนผู้นี้เอง…ที่ถือสารของพระแม่เจ้ามา “แปลกจริง…ทำไมหัวใจถึงได้เต้นขนาดนี้นะ เรากำลังคาดหวังอะไรอยู่” หญิงสาวกระซิบถามใจตัวเอง แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ

                  รถเสนหันกลับมามอง ด้วยรู้สึกถึงสายตาของใคร…กำลังจ้องมองอยู่ สิ่งที่เขาพบเบื้องหน้าคือหญิงสาวผู้มีใบหน้าคล้ายมนุษย์จนเขาแปลกใจว่านางเป็นใคร ดวงตาคู่นั้นทำไมดูมีแววอ้างว้างแลเงียบเหงา

                  “ท่าน…” เสียงเมรีชะงักเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย ‘คนผู้นี้ใยคุ้นหน้านัก ราวกับเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง รูปหน้าดุจจะคล้าย…คล้ายใครกัน นึกไม่ออก’ หากแต่น้ำตากลับไหลลงมาอย่างไม่ตั้งใจ ใยปวดใจนัก

                  “เจ้า…” ก่อนที่เขาจะได้พูดสิ่งใด เสียงที่ดังก้องฟ้าทำเอาคนทั้งสองที่อยู่บริเวณนั้นต้องมองหาที่มาของเสียง

                  “เมรี…ตื่น ตื่นได้แล้ว” เสียงนั้นเหมือนจะดึงให้หญิงสาวตื่นจากนิทรากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เจ้าตัวรับรู้ถึงดวงตาที่ชื้นเปียก คราบน้ำตาไหลเปื้อนแก้มบาง จนเจ้าตัวต้องปาดมันขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจ เธอร้องไห้ทำไม ?

                  “พี่เมธัส…” หญิงสาวยังคงงุนงง ภาพเบื้องหน้าและในฝันตีกันยุ่ง จนเจ้าตัวต้องหลับตาลงพักใหญ่… “พี่เข้ามาทำไมคะ”

                  “อ้าว…พูดแบบนี้คิดจะเบี้ยวพี่หรือไง เมื่อคืนพี่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าวันนี้จะพาไปหาหมอ” เขาเอามือโคลงหัวอีกฝ่ายกึ่งหยอก “ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว”

                  “แต่เมรีไม่อยากไปนี่นา… เมรีไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่เมธัสตื่นตูมไปเอง” หญิงสาวย่นหน้าเมื่อคิดถึงชุดกาวน์และกลิ่นยาที่เธอเกลียด

                  “เอาเป็นว่าพี่ยอมตื่นตูมไปเอง ดีกว่าจะไปแก้เมื่อสาย พี่ไปรอข้างล่างให้เวลาสิบนาทีนะ” เขาลุกขึ้นจากเตียงน้องสาว

                  “สิบนาที โห…อาบน้ำยังไม่เสร็จเลยพี่เมธัส ขอสักชั่วโมงไม่ได้หรอ” หญิงสาวพยายามถ่วงเวลา

                  “ให้เวลาครึ่งชั่วโมง ช้ากว่านี้เสร็จสภาพไหนพี่ขึ้นมาลากไปเลย” เขามองตาน้องสาวพลางขู่ที่บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่า ไม่ได้พูดเล่นแน่ มือหนาของบุรุษเอื้อมไปจับลูกบิดก่อนพาร่างไปอยู่หลังประตู งับประตูด้วยเสียงเบา เขาหลับตาพิงประตู…ภาพน้องสาวที่นอนร้องไห้บนเตียงเมื่อครู่ยังติดตา…น้องเขาร้องไห้ทำไมกัน ? หรือเมรีจะฝันร้าย

                  เมธัสผละออกมาจากประตู เดินเข้าห้องตัวเองที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเมรี ทันทีที่ประตูห้องอีกฝ่ายปิดลง… ร่างสูงที่ไร้เงาของอีกฝ่ายก้าวออกมาจากประตูโดยไม่ต้องเปิด เขามองไปยังห้องตรงข้าม ดวงตาฉายแววโกรธเกรี้ยว…



                  “อีกนิดเดียว…นางก็จะนึกเรื่องของเราออกแล้วเชียว เจ้า…บังอาจมาขัดขวาง อภัยให้ไม่ได้” เขาอุตส่าห์พานางย้อนกลับไปด้วยฝัน เกือบทำให้นางนึกออก…อีกนิดเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีบุรุษผู้เป็นพี่ชายมาขัดขวาง มันต้องได้รับโทษาที่บังอาจมาขัดขวาง

                  เขาเชื่อ…นางจักต้องจำเขาได้…จักต้องจำความรักระหว่างเราได้ด้วยเช่นกัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธอ่อนลงเมื่อเห็นภาพที่เมรีร้องไห้…นางร้องไห้ ทำให้เขาลังเล…นางจักเกลียดเขา โกรธเขา แค้นเขาหรือไม่ที่ทำให้นางต้องสิ้นชีวี

                  ‘ชาตินี้น้องตามพระมา ชาติหน้าพระตามน้องไป’ เสียงใสยังคงดังก้องกังวาลอยู่ในความทรงจำ ต่อให้ผ่านพ้นมากี่หลายร้อยหลายพันปี แต่ข้อความนั้นยังย้ำติดให้เขาต้อง…ตามหานาง ไม่ว่ากี่ชาติกี่ภพ เขาจะเป็นฝ่ายตามหานางบ้าง

                  “พี่ให้สัญญาเมรี พี่จักติดตามเจ้าไปจนสิ้นกาลโลกาดับ” มือหน้าเอื้อมหยิบสไบบางสีทองที่เก็บไว้ในอกเสื้อตลอดเวลา ก้มลงจุมพิตที่เนื้อผ้าแผ่วเบาดุจจะฝากให้เจ้าตัวได้รับรู้

                  ดวงหน้าเข้มยังไม่ละไปจากห้องของอีกฝ่าย รักส่วนรัก แค้นส่วนแค้น… เพียงพริบตาเดียวร่างที่เคยอยู่หน้าห้องของเมรีก็หายเข้าไปในห้องพี่ชายของเมรี ประตูห้องเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาข้างนอกด้วยดวงตาที่เหม่อลอย ราวกับถูกควบคุม ร่างหนาเดินไปที่บันได หยุดยืนบนขั้นสูงสุด ร่างหนาโยกเอนไปมาดูน่ากลัวว่าจะพลาดเอาหน้าลงพื้น ก่อนที่ร่างหนาจะลิ่วลงมากับบันไดตามแรงโน้มถ่วงของโลกเขาก็รู้สึกตัว…เสียงร้องลั่นด้วยความตกใจ

                  “เฮ้ย !!”

                  ผู้ที่ยืนบนยอดบันไดมองผลงานด้วยความพอใจ ดวงตาฉายแววสะใจจนปิดไม่มิด…เขาการุณแล้วที่ไม่ปลิดชีวิตของอีกฝ่าย ด้วยเห็นความดีที่เมธัสเลี้ยงดูเมรีนับตั้งแต่แม่และย่าตาย
                 
                  “นี่แค่สั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น คราหน้าถ้าเจ้าบังอาจมาขัดขวางเมรีอีก ข้าจักไม่ชีวิตเจ้าแน่”



    ...(มีต่อข้างล่างค่ะ)...

    จากคุณ : สายลมที่พัดไปไม่ถึงตัวเธอ - [ 2 ก.ค. 49 11:50:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com