CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    นาซาลอส : บทที่ 9 จุดเริ่มต้นของปัญหา : ตอน 1 ความฝันและการพบกันที่แท้จริง

    เนื่องจากกระทู้ตกไปอยู่ที่คลังเก็บกระทู้เก่าแล้ว   ดังนั้นนี่เป็นลิงค์ไปที่คลังค่ะ

    บทที่ 1 นครหลวงแห่งนาซาลอส
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/W3968853/W3968853.html
    บทที่ 2 พบ
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/01/W4010402/W4010402.html
    บทที่ 3 สัญญาณเตือนแห่งภัยพิบัติ
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/01/W4058161/W4058161.html
    บทที่ 4 ปริศนาในแววตาสีมรกต
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/02/W4086420/W4086420.html
    บทที่ 5 สิงห์ขาวและสิงห์ดำ
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/02/W4111220/W4111220.html
    บทที่ 6 (ครึ่งแรก) ท่านชายและนายน้อย
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/02/W4143904/W4143904.html
    บทที่ 6 (ครึ่งหลัง) ท่านชายและนายน้อย
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/03/W4171384/W4171384.html
    บทที่ 7 (ครึ่งแรก ) การเผชิญหน้า
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/03/W4191459/W4191459.html
    บทที่ 7 (ครึ่งหลัง ) การเผชิญหน้า
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/03/W4243551/W4243551.html
    บทที่ 8 (ครึ่งแรก) สถานการณ์บังคับ
    http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/05/W4364194/W4364194.html


    บทที่ 8 สถานการณ์บังคับ (ครึ่งหลัง)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4492163/W4492163.html



    ตอนนี้งานสุมหัวมาก   แต่ก็ยังอู้มาปั่นเรื่อง
    (ปั่นนิยายสนุกกว่าปั่นรายงาน)
    ไม่อย่างนั้นคงถูกงานทับตาย

    อาจารย์(ที่จินตารักยิ่ง)ท่านหนึ่งถามว่าเรียนเท่าเดิม(คือเท่ารุ่นอาจารย์)ไม่ใช่หรือ  
    แล้วทำไมบ่นกันว่างานเยอะ
    แล้วอาจารย์ท่านก็บอกว่า  สมัยที่ท่านเรียน  ทำรายงานเดี่ยวนะ

    โอ้.... สมัยเราทำรายงานคู่บ้างกลุ่มบ้างเดี่ยวบ้างยังมึนขนาดนี้  
    แล้วสมัยอาจารย์ทำเดี่ยวหมด จะขนาดไหนกัน
    (มีการแซวว่าถ้าอยากเป็นอภิชาตศิษย์   ก็ต้องทำผลิตภัณฑ์ออกมาให้ได้เลิศกว่าของอาจารย์)

    มาเข้าเรื่องค่ะ
    เนื่องจากว่าบทที่ 9 เท่าที่คิดว่าจะเขียน  มันยาวมาก
    ดังนั้นก็เลยจะแบ่งเรื่องลงเป็นตอนย่อย ๆ นะคะ
    และตอนนี้ก็เป็นตอนย่อยที่ 1



    คุณ Psycho man --- -ขอบคุณที่ทักทายกันค่ะ
    ซ่อมลิงค์เรียบร้อยแล้วค่ะ ^^

    คุณ scottie ---- ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ^_^
    หมายถึงลาซานาร์ทใช่ไหมค่ะ
    ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเก่งได้ไหม  เพราะมันแค่ใช่พลังจากสิ่งที่คนอื่นเขาใช่กันไม่ได้เท่านั้นเอง

    คุณ run saya --- มาแล้วค่ะคุณรันขา  ขอบคุณค่าที่แวะมาเยี่ยมตั้ง 2 หน
    ให้นางเอกได้ครองอาณาจักรหรือคะ
    อืม... น่าสนใจเหมือนกันนะ




    บทที่  9 จุดเริ่มต้นของปัญหา  :  ตอน 1 ความฝันและการพบกันที่แท้จริง


    หิมะสีเงินโปรยปรายลงมาจากท้องนภารัตติกาลอันมืดมิด ไร้ซึ่งแสงแห่งจันทราและดาราเหนือซากปรักหักพังอันเคยเป็นอาณาจักรนาซาลอส    ร่างไร้วิญญาณของประชาชนทอดล้มอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง   เลือดที่นองผืนแผ่นดินคล้ายดั่งทะเลโลหิต   จนแม้แต่หิมะสีขาวพิสุทธิ์ก็ยังถูกย้อมเป็นสีแดงฉานไม่อาจกลบฝังได้   บรรยากาศโดยรอบบริเวณวังเวงไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิตราวกับมหาอาณาจักรอันดับหนึ่งแห่งพิภพได้แปรเปลี่ยนเป็น โอรัน ดินแดนหลังความตาย

    พระบาทเปล่าย่ำลงไปบนพื้นหิมะ   พระเนตรสีมรกตทอดแลไปทั่วอย่างสิ้นหวัง   ความหนาวเย็นของอากาศที่สัมผัสพระฉวีภายนอกยังไม่อาจเทียบเท่าได้แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความหนาวเหน็บที่สะท้านเข้าไปถึงพระหฤทัย…

    นาเดเวนเซลลืมพระเนตรช้า ๆ แล้วขยับพระวรกายลุกขึ้นประทับนั่งด้วยพระทัยที่หนักอึ้ง   กี่คราแล้วที่ต้องทรงพระสุบินเห็นความพินาศของนาซาลอส    กี่ราตรีในเหมันต์แล้วที่ไม่ทรงปรารถนาที่จะล่วงสู่ห้วงนิทรา   ความร้าวรานที่ทรงซ่อนไว้ในส่วนลึกตลอดมาฉายชัดออกมาในแววพระเนตร    

    ในพระชนม์ชีพไม่เคยเลยที่จะทรงหวั่นเกรงสิ่งใด  เว้นแต่เพียงสิ่งเดียว  
    หายนะแห่งแผ่นดินนาซาลอส    

    พระเนตรสีมรกตกลับมาทอประกายเจิดจ้าดังเช่นยามปกติ   เมื่อหัวหน้านางข้าหลวงประจำพระองค์เข้ามาถวายบังคมที่หน้าพระแท่นบรรทม    

    “ วันนี้ข้าต้องตื่นสายแน่ ๆ คุณป้าเอิร์นเลมถึงได้ต้องเข้ามาปลุก ”  เจ้าหญิงแห่งนาซาลอสแย้มพระสรวลและรับสั่งทักทายเหมือนเช่นทุกวัน  

    สตรีวัยกลางคนร่างเล็กบางนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม  มวยผมสีเข้มที่รวบเรียบเกล้าสูงและเครื่องแต่งกายที่เรียบร้อยไร้ที่ติแสดงให้เห็นถึงความมีระเบียบในอุปนิสัยอย่างชัดเจน  
    “ มิได้เพคะ  ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าตรู่  ”   เอิร์นเลมทูลตอบ
    “ จะทรงบรรทมต่ออีกสักครู่ก็ได้เพคะ ”

    “ ไม่ได้หรอก  วันนี้ข้ายังเรื่องต้องทำอีกมาก  และข้าก็หลับไปนานพอแล้ว ” นาเดเวนเซลทรงลุกจากพระแท่น
    “ ข้ารู้สึกว่าอากาศเย็น  ข้างนอกหิมะตกหรือ ”  

    “ หิมะไม่ได้ตกลงมาเลยเพคะ  อากาศเพียงแต่หนาวขึ้นกว่าวันก่อนเท่านั้น ”  เอิร์นเลมทราบดีว่าทรงชิงชังหิมะมากเพียงใด
    “ แต่หม่อมฉันคิดว่าแม้ว่าวันนี้จะมีพายุหิมะก็ยังมีสิ่งที่น่าจะทำให้ทรงพระสำราญได้ ”

    “ อะไรหรือ ”

    “ พระหัตถเลขาจากพระชนกและพระชนนีเพคะ ”

    นาเดเวนเซลทรงลุกขึ้นและเสด็จตรงไปยังโต๊ะหินอ่อนที่มุมห้องบรรทมด้านหน้าพระแท่นทันที   ซองพระหัตถเลขาสีขาวอันวางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กนั้นจ่าหน้าด้วยหมึกสีทอง
    ...นาเดเวนเซล  ลูกสาวของพ่อและแม่...

    ปลายนิ้วพระหัตถ์แตะสาสน์แห่งความรักนั้นอย่างอ่อนโยน แต่ทรงเลือกที่จะเก็บพระหัตถเลขาไว้ก่อนจนกว่าภารกิจที่ต้องทรงกระทำในวันนี้จะเสร็จสิ้นแล้ว

    เจ้าหญิงพระราชขนิษฐาเสด็จออกผ่านบานพระทวารโดยมิได้มีพระดำรัสใดอีก    หากแต่ในพระหฤทัยนั้นเต็มไปด้วยพระดำริมากมาย

    ...ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่     ข้าจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ในความฝันนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด...






    หิมะสีเงินโปรยปรายลงมาจากท้องนภารัตติกาลอันมืดมิด ไร้ซึ่งแสงแห่งจันทราและดาราเหนือซากปรักหักพังอันเคยเป็นอาณาจักรนาซาลอส    ร่างไร้วิญญาณของประชาชนทอดล้มอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง   เลือดที่นองผืนแผ่นดินคล้ายดั่งทะเลโลหิต   จนแม้แต่หิมะสีขาวพิสุทธิ์ก็ยังถูกย้อมเป็นสีแดงฉานไม่อาจกลบฝังได้   บรรยากาศโดยรอบบริเวณวังเวงไร้ซึ่งสัญญาณแห่งชีวิตราวกับมหาอาณาจักรอันดับหนึ่งแห่งพิภพได้แปรเปลี่ยนเป็น โอรัน ดินแดนหลังความตาย

    ลาซานาร์ทจดจำภาพเหล่านี้ได้เจนตาแล้ว  เพราะเขาเห็นเหตุการณ์ซ้ำ ๆ เช่นนี้ในความฝันนับครั้งไม่ถ้วนมาตั้งแต่วัยเยาว์    ชายหนุ่มเดินไปยังสถานที่แห่งเดิมที่เขาต้องไปเยือนทุกคราในความฝัน   พระราชวังเอนเดอร์เรียส  และภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็น

    ขั้นบันไดทอดขึ้นสู่ราชบัลลังก์ในท้องพระโรง  เด็กหญิงผมดำยาวนั่งร่ำไห้อยู่ที่เชิงบันได  แม้จะไร้เสียงสะอื้นแต่น้ำตาของนางไหลรินลงอาบแก้ม  และเมื่อหยาดลงต้องพื้นก็กลับกลายเป็นหยดเลือด   นัยน์ตาสีมรกตของนางว่างเปล่าราวกับผู้เป็นเจ้าของหมดสิ้นความรับรู้ต่อทุกสิ่งภายนอก    เหมือนกับรูปสลักที่ไร้วิญญาณ


    ลาซานาร์ทรู้สึกตัวตื่นหลังจากเห็นภาพเด็กหญิงผู้นั้นเหมือนเช่นทุกครั้งที่ความฝันนี้ปรากฏขึ้นในห้วงนิทรา   ชายหนุ่มลุกขึ้นและนึกถึงนัยน์ตาสีมรกตคู่นั้น  เขาเฝ้าสงสัยมาตลอดว่านางคือใคร  และเพราะสาเหตุใด  เขาจึงฝันเห็นความทุกข์ทรมาณของนาง   จนกระทั่งวันนี้  นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นช่างคล้ายกับนัยน์ตาของดาเรนเวียร์ยิ่งนัก

    เพราะเหตุนี้เองหรือ  เขาจึงได้รู้สึกว่านัยน์ตาสีมรกตของดาเรนเวียร์ช่างคุ้นตานัก

    หรือว่าแท้จริงแล้วจะเป็นเพราะเขาเคยเห็นนัยน์ตาคู่นี้มาแล้วในความฝันนับพันพันราตรี

    ยังมีคำถามสำคัญกว่าที่เขาต้องค้นหาคำตอบ   เพราะอะไรเขาจึงเห็นภาพของเด็กหญิงผู้นั้น  นางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับในทางใด    และนางคือคนคนเดียวกับดาเรนเวียร์หรือไม่

    แล้วชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่า  คงไม่อาจเรียกนางว่าดาเรนเวียร์ได้อีกต่อไป  เพราะในเวลานี้เขาได้รู้แล้วว่าฐานะที่แท้จริงของนางเป็นเช่นไร

    ....นาเดเวนเซล   นาร์วาซาร์ด   มงกุฎดาวแห่งนาซาลอส   พระราชขนิษฐาแห่งองค์มงกุฎฟ้า...

    นัยน์ตาสีฟ้ามองไปรอบ ๆ และได้พบว่าสถานที่ที่เขาอยู่ขณะนี้นั้นแสนจะคุ้นตาและคุ้นเคย      

    ห้องกว้างสีฟ้าดุจเดียวกับนัยน์ตาของเขาที่มารดาเคยให้เหตุผลในการเลือกไว้ว่า เป็นสีของท้องฟ้าในยามที่กระจ่างสดใสที่สุด พื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องเป็นที่โล่ง มีเพียงเครื่องเรือนที่จำเป็นไม่ถึงสิบชิ้นโดยเป็นความชอบของเขาเมื่อโตขึ้นจนสามารถตัดสินใจเลือกเองได้แล้ว     ชั้นหนังสือสูงและบันไดที่ตั้งชิดผนังด้านทิศเหนือเป็นสิ่งที่ทำให้เขาระลึกถึงบิดามากที่สุด   ท่านมักจะพูดว่าการอ่านหนังสือให้มากเป็นเรื่องที่ดี    เพราะท่านเคยถูกคนที่อ่านหนังสือมากกว่ารังแกมามากแล้ว      ในวัยเด็กนั้นเขาได้แต่หัวเราะ  เพราะรู้ดีว่าท่านพ่อหมายถึงท่านลุง     ภาพวาดทิวทัศน์จากแดนไกลขนาดใหญ่แขวนอยู่บนผนังแทบจะรอบด้าน   มาจากคำกล่าวของท่านปู่ที่ว่าต้องฝึกมองไปให้กว้างไกลกว่าสิ่งที่เคยเห็นเคยรู้จัก  

    ลาซานาร์ทลุกจากเตียงแล้วตรงไปที่ตู้ไม้หลังใหญ่ที่อยู่ตรงข้าม    เขาเปิดมันออกและอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้เมื่อพบว่าเสื้อผ้าในวัยเด็กที่เคยเก็บอยู่ภายใน   ได้ถูกแทนที่ด้วยเครื่องแต่งกายของผู้ใหญ่ที่เมื่อพิจารณาดูแล้วเป็นขนาดที่ใกล้เคียงจนเกือบพอดีกับรูปร่างของเขาในขณะนี้       คำอธิบายคงมีเพียงประการเดียว  นั่นคือ ท่านปู่เฝ้ารอคอยการกลับมาของหลานชายคนนี้มาตลอด

    ลาซานาร์ทได้แต่นิ่ง  ปล่อยให้ความรู้สึกผิดกรีดเฉือนใจตนเองโดยไม่ยกเหตุผลใดมาเป็นข้อแก้ตัวแม้เพียงชั่วขณะจิต






    เจ้าหญิงพระราชขนิษฐาประทับนิ่งบนพระเก้าอี้หน้าบานพระฉาย ในระหว่างที่นางข้าหลวงกำลังจัดทรงพระเกศาถวาย  จนกระทั่งนางหยุดมือแล้วถอยออกไป

    “ เรียบร้อยแล้วเพคะ ”

    อัยฮีลเชิญศิราภรณ์มาถวาย   นาเดเวนเซลรับมาทรงไว้   พลอยสีดำมีแฉกวาวสีขาวตัดกันเป็นหกแฉกคล้ายดั่งมีดวงดาราบรรจุอยู่ภายในทาบอยู่ที่กลางพระนลาฏ  เป็นอัญมณีเพียงหนึ่งเดียวที่ประดับบนเส้นเงินที่ถักร้อยเป็นอันลายวิจิตรของศิราภรณ์  

    พลอยแฉกดาว*อันเป็นของประทานจากพระชนกในวันคล้ายวันประสูติครบสิบสามชันษา พร้อมกับกระแสรับสั่งให้ดำรงพระองค์ให้คู่ควรกับการเป็นดาราแห่งแผ่นดิน  

    “ ทำไมวันนี้ประทับนิ่งได้ถึงเพียงนี้เพคะ  ทุกวันกว่าจะเสร็จ  ทั้งรับสั่งว่ารำคาญ  ทั้งทรงเร่งไม่เคยต่ำกว่าสิบครั้ง ” เอิร์นเลมทูลถามอยางแปลกใจ

    “ บางทีอาจเป็นเพราะข้าต้องการความงามมากกว่าทุกวัน  ”  
    ...ความงดงามที่เพียงพอจะสามารถล่อลวงบุรุษทั้งโลกได้...

    นาเดเวนเซลทรงลุกขึ้นหมุนพระวรกายแล้วรับสั่งด้วยพระสุรเสียงกึ่งล้อเล่นแต่คล้ายจะจริงจัง

    “ สาวๆจ๋า  ตอนนี้ข้างามแล้วหรือยัง ”

    “ ฝ่าบาท ! ”  เอิร์นเลมร้องอุทานในขณะที่อัยฮีลพยายามกลั้นหัวเราะแล้วทูลตอบ

    “ งามมากแล้วเพคะ ”

    นาเดเวนเซลสรวลเสียงใสแล้วทอดพระเนตรพระองค์เองในพระฉาย   ฉลองพระองค์สีชมพูอ่อนหวานทิ้งชายพลิ้วยาวระพื้นทำให้พระเนตรสีมรกตหรี่ลงขณะที่รับสั่งบ่น

    “ สีนี้มันดูเด็กเกินไป ”

    “ ตอนแรกไม่เห็นรับสั่งเลยว่าไม่โปรด ”  

    “ ช่างเถอะ  ”  นาเดเวนเซลทรงตัดบทเพราะแท้จริงแล้วไม่ได้ทรงใส่พระทัยเรื่องสีฉลองพระองค์มากนัก

    “ อัยฮีล  เทนนาชอยู่ไหน ”  

    “ รออยู่ที่ห้องทรงพระอักษรเพคะ ”

    แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 49 13:26:48

    แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 49 21:39:39

    จากคุณ : จินตานุภาพ - [ 14 ก.ค. 49 21:21:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com