ตอนที่ 18...
เมื่อจารวีรู้แล้วว่าอะไรคือของขวัญที่อธิปต้องการจะเซอร์ไพรส์พ่อกับแม่ เธอก็นัดให้เขากับน้องสาวมาพบเธอที่ร้านในวันรุ่งขึ้น
ก็โธ่...แค่ขยายรูปให้ใหญ่ แล้วก็ซ้อนข้อความลงไปในภาพแค่นั้น ร้านของเธอก็ทำได้ จะต้องไปเสียเงินให้คนอื่นทำม้าย
พอสองศรีพี่น้องมาถึง พวกเขาก็ได้พบกับโจรป่า เอ๊ย ! ช่างเทคนิคประจำสตูดิโอ ที่มานั่งรอพวกเขาอยู่ในสภาพราวกับเพิ่งออกจากป่ามาไม่มีผิด
ผมที่ยาวถึงเอว หนวดเคราที่รกครึ้ม เสื้อเชิ้ตสีมอ ๆ แถมยังยับยู่ยี่ บวกกับกางเกงยีนส์ที่ซีดจนเกือบขาว โอ...ผู้ชายหน้าโหดคนนี้ ถูกแนะนำให้อธิปและศีรณารู้จักในนาม...พี่เค้ก
"พี่เค้ก !" ศีรณาทวนชื่อแล้วหัวเราะลั่นร้าน
นสิทยิ้ม ไม่โกรธเลยสักนิด เขาชินเสียแล้วที่มีคนหัวเราะชื่อเล่นแสนจ๊าบของเขา
"อ้าว...อย่ามัวแต่ขำสิน้อง ไหนล่ะรูปที่จะให้พี่ขยายให้"
อธิปหยิบรูปสองรูปออกมาจากกระเป๋าสะพายของศีรณาเอง เนื่องจากแม่น้องสาวดันขำเสียจนมือไม้อ่อน พาลเปิดกระเป๋าของตนเองไม่ได้เสียนี่
"คือผมอยากจะขยายรูปนี่ครับ" อธิปวางรูปถ่ายขนาดโปสการ์ดของผู้หญิงและผู้ชายคู่หนึ่งลงบนโต๊ะ
รูปเก่าสีซีดจาง แต่ดูหญิงและชายในรูปช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน
สาวสวยที่สวมเสื้อแขนตุ๊กตา เธอถือดอกหญ้าช่อใหญ่อยู่ในอ้อมแขน ส่วนผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ต ผู้ชายที่หน้าเหมือนกับอธิปราวกับพิมพ์เดียวกัน โอบแขนรอบไหล่เธอกระชับ สายตาของทั้งคู่ที่ยิ้มให้กล้อง ช่างเป็นสายตาของคนที่กำลังมีความสุขที่สุด สุข...เสียจนคนมองรูปนั้นก็ยังอดยิ้มไปด้วยไม่ได้
"แต่...เราอยากให้มีข้อความนี้อยู่ในรูปด้วยครับ" อธิปส่งรูปเล็ก ๆ ให้นสิท
รูปนี้ก็เป็นรูปของผู้ชายคนเดียวกันกับรูปใหญ่ แต่สีหน้าและแววตาของเขาช่างแสนเศร้า
หลังรูปสีจาง มีตัวหนังสือเล่นหางสวย
'พี่จะกลับมา รัก สมหวัง'
ประโยคธรรมดา ๆ จากผู้ชายที่ชื่อแสนเชย ทำไมสองพี่น้องคู่นี้ถึงได้อยากจะให้ใส่ไว้ในรูปนักหนานะ จารวีอดคิดด้วยความฉงนไม่ได้
- - - - - - - - - -
สถานที่พร้อม อาหารพร้อม ของขวัญก็พร้อม ทุกอย่างช่างดูสมบูรณ์แบบ
จารวีจบการเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของงานเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความพอใจ เธอมาหยุดยืนอยู่หน้ารูปที่วางตั้งเอาไว้บนเวทีเล็ก ๆ เวทีสำหรับการแสดงเล็ก ๆ ของเพื่อนศีรณา เวทีนี้ตั้งอยู่ข้างลานนั่งเล่น ที่บัดนี้ถูกเนรมิตเสียสวยหวาน ตามที่ศีรณาและอธิปต้องการทุกอย่าง
รูปบ่าวสาวในชุดเรียบง่าย รูปเก่าเมื่อกว่าสามสิบปีก่อน แต่ยังคงขลัง และทำให้เธอรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มอง
นี่ถ้าบ่าวสาวทุกคนถ่ายรูปได้สวย และดูมีความสุขอย่างไม่ต้องเสแสร้งแบบนี้ทุกคนก็ดีสินะ
"คุณจ๋ารู้มั้ยครับว่ามีผมอยู่ในรูปนี้ด้วย"
จารวีที่กำลังมองดูรูปเพลิน ๆ ถึงกับสะดุ้งไปเหมือนกัน ที่จู่ ๆ คนที่ถูกเธอทิ้งเอาไว้ที่ห้องครัวเพื่อดูแลเรื่องอาหารแทนเธอ ก็ดอดมาตามติดเธอเป็นอึปลาทองเหมือนเดิม
"ไม่ทราบค่ะ"
"ตอนนั้นแม่ท้องผมอยู่ครับ ถ้าจำไม่ผิด...ใกล้คลอดแล้วด้วยมั้ง อธิปชี้ไปที่มุมด้านขวาของรูปที่มีรูปบ้านหลังงามของเขาติดอยู่นิด ๆ นี่เป็นรูปเดียวที่พ่อกับแม่ถ่ายในวันแต่งงาน เป็นของรักของหวงของพ่อเชียวนะครับ"
ไม่รู้เหมือนกันว่าจารวีสนใจเรื่องของพ่อกับแม่เขาหรือเปล่า แต่เมื่อเธอยืนนิ่ง ไม่เดินหนีเขาเหมือนกับทุกครั้ง อธิปก็ยิ้ม แล้วเล่าต่อ
"เรื่องชีวิตรักของพ่อกับแม่นี่ เลื่องลือในหมู่เครือญาติเรามากครับ เพราะพ่อ...เป็นแค่เด็กในบ้าน หรือเรียกกันหยาบ ๆ ก็...เป็นคนใช้นี่หละครับ แต่เป็นคนใช้ที่ดีหน่อยตรงที่ดันถูกชะตากับลูกชายเจ้านาย พ่อก็เลยได้ตามคุณลุงของผมไปเรียน ทีแรกก็ไม่มีใครคาดคิดหรอครับ ว่าไอ้เด็กตัวดำ ผอมแกร็น จะขยัน และเรียนได้เก่งเสียยิ่งกว่านาย ท่าน...เอ่อ...คุณตาของผมเลยส่งเสริม ให้เรียนคู่กับคุณลุงของผมไปเรื่อย
แต่พ่อบอกว่า ที่จริง...พ่อไม่ได้ชอบไปโรงเรียนนัก เพราะท่านเป็นเด็กแก่น เด็กซน อยู่เฉย ๆ ในห้องเรียนมันเบื่อจนแทบกระอัก แต่..." อธิปเหลือบมองหน้าของจารวี พอเห็นสายตาอยากรู้มองตอบกลับมาก็โล่งใจ และเล่าต่อ "พ่อบอกว่า ยอมทำขยันไปนั่ง ๆ หลับ ๆ อยู่ที่ห้องเรียนก็ยังดีกว่าต้องอยู่บ้าน ต้องทำงาน ต้องถูกทั้งนาย ทั้งคนใช้ด้วยกันเรียกใช้หัวไม่วางหางไม่เว้น"
ริมฝีปากของจารวียกขึ้นสูงนิดนึง ก่อนจะเบนหน้าหันไปมองชายหนุ่มในรูปอีกครั้ง
แหม...ถ้าไม่บอกก็ดูไม่ออกเลยนะ ว่าผู้ชายที่ดูสุภาพคนนี้ จะมีวัยเด็กที่แก่นเซี้ยวใช่เล่น
"ตอนที่พ่อยังเด็ก ก็ไม่มีเรื่องอะไรมากหรอกครับ พ่อบอกว่างานที่ต้องทำก็คือเล่นกับนาย เรียนกับนาย ติวให้นาย ก็มีความสุขดี แต่พอเริ่มโต...ก็มีเรื่อง พ่อเล่าว่า พ่อไม่เคยเห็นแม่เป็นอย่างอื่นนอกจากลูกสาวของนาย แต่จิตใจคนมัน...ร้ายกาจ เห็นใครได้ดีกว่าไม่ได้ พ่อ...เริ่มถูกใส่ร้ายจากพวกปากหอยปากปู"
เมื่อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้น จารวีก็หันมามองเขาตาแป๋ว
อธิปยิ้มน้อย ๆ เมื่อเรื่องความรักต่างชนชั้น ยังคงศักดิ์สิทธิ์ และดึงดูดความสนใจจากสาว ๆ ได้เหมือนเคย
"เค้ากล่าวหาว่าพ่อคิดหมายปองของสูง คิดไม่ซื่อกับแม่" อธิปเสริมกลั้วหัวเราะว่า "แต่พ่อบอกกับผมว่า ในตอนนั้นแม่อายุเพียงแค่สิบสาม เด็กหญิงวัยสิบสามปีในสมัยนั้น เด็กกว่าสมัยนี้มาก พ่อจึงไม่เคยสนใจเด็กผมม้าคนนั้นเลย และเพื่อให้คุณตาสบายใจ พ่อจึงเลิกพูดคุยกับแม่ พ่อ...ไม่เคยอยู่ตามลำพังกับแม่อีกเลย
หลังข่าวลือพักใหญ่ แม่ก็ถูกคุณตาส่งเข้าไปเรียนโรงเรียนประจำ ที่ต้องไปนี่ ไม่ใช่เพราะคุณตาระแวงพ่อหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะคำนินทาต่างหาก แม่ผมเป็นลูกสาวคนเดียว เป็นแก้วตาดวงใจของคุณตาท่านด้วย ท่านจึงไม่อยากให้ข่าวลือบ้า ๆ มาทำให้แม่ของผมเสื่อมเสีย"
"แล้วถูกแยกให้ห่างกันแบบนี้...ท่านรักกันได้ยังไงคะ" จารวีเริ่มซัก
"บุพเพสันนิวาสมั้งครับ เอ่อ...เรื่องที่ผมจะเล่าให้คุณจ๋าฟังต่อไปนี้เป็นความลับนะครับ" ชายหนุ่มลดเสียงลง แต่ก้มศีรษะลงมาใกล้จารวีอีกนิด ทำให้หญิงสาวยังคงได้ยินสิ่งที่เขาเล่าถนัด
"แม่แอบบอกผมครับ ว่าคราวแรกที่ถูกนินทานั้น แม่ยังเด็กนัก และไม่เคยนิยมชมชอบพ่อเลยสักนิด แต่เป็นเพราะพ่อหลบหน้าหลบตา พยายามหนีแม่ แม่ผมเป็นคนรั้นครับ เลยตามตื้อ เย้าพ่อเล่น แล้วพอตามไปตามมา ก็แอบชอบ ๆ พ่อไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้"
เมื่ออธิปปรายตามองเห็นรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดของจารวี เขาก็รีบพูดเร็วปรื๋อว่า "ลงว่าเรารักเค้าเข้าแล้ว แม้เค้าจะหลีกลี้หนีหน้า ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับเรา แต่เราก็ต้องไม่ท้อถอยครับ"
แก้มของจารวีสุกปลั่งขึ้นมาทันตา นี่อธิปกำลังเกี้ยวเธอใช่ไหมนี่ ประโยคเมื่อสักครู่มันบ่งบอกนัยยะชัดแจ้งนี่ !
จารวีตวัดตาเขียว ๆ ขึ้นมองผู้ชายหน้าขาวที่ยืนเอามือไพล่หลัง ค้อมตัวลงนิด ๆ เพื่อคุยกับเธอ
เสียงทุ้ม ๆ นุ่มหู ยังเอ่ยเรื่อย ๆ ราวกับกำลังเล่านิทานให้เด็กฟังว่า "แม่บอกผมครับ ว่าหากเรารักใครแล้ว แม้จะต้องฝ่าฟัน แม้จะต้องลำบาก ก็อย่าได้ท้อถอย เพราะรัก...มันคุ้มค่ากับความพยายามครับ"
โอ๊ย ! จะบ้าตาย นี่กลายเป็นว่านิยายรักที่เขาแต่งให้เธอฟังมายาวเหยียดล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เรื่องจริง ทุกอย่างเขาเล่าก็เพื่อจะวกเข้ามาจีบเธอหรือนี่
บ้า ! บ้าแท้ ๆ เชียว
จารวีเม้มปาก ก่อนจะทำในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำมาเกือบห้าปีแล้ว...เธอค้อนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ วงใหญ่ แล้วรีบเดินหนี
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำลอยเข้าหูมาพร้อม ๆ กับขายาว ๆ ที่ก้าวตามเธอมาไม่ลดละ นั่นยิ่งเพิ่มความโกรธให้เธอมากขึ้น
หญิงสาวเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นบันได อธิปก็มาดักหน้าเธอเอาไว้
เพราะถูกขวางกะทันหัน เธอจึงยั้งตนเองไม่ทัน จมูกชนโครมกับอกกว้างเสียจนต้องร้องโอ๊ย
"บ้าจริง !" จารวีร้องพลางจับจมูกที่เจ็บแปลบของตนเองเอาไว้
อย่างไม่คาดคิด อธิปดึงมือเล็กบางออกจากจมูก และเชยคางเธอขึ้น จับดั้งจมูกเพื่อตรวจสอบมันเบา ๆ
ตัวของจารวีแข็งเกร็งเมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดอธิป ชิดชนิดใบหน้าห่างกันแค่ฟุตเดียว โอย...หัวใจเธอเต้นแรงแทบจะหลุดออกมานอกอก
บ้าจริง ! ทีตอนอยู่กับผู้ชายคนอื่นไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้เลย
ด้วยความตกใจบวกประหม่าอาย ขาเธอจึงชักถอยหลังโดยอัตโนมัติ
อธิปรีบรั้งแขนเธอเอาไว้ แล้วเอ็ด "เดี๋ยวครับ อยู่นิ่ง ๆ ก่อน ขอผมดูนิดเดียว รับรองครับว่าไม่เจ็บ"
มือเล็กบางปัดมือยาวเรียวราวกับมือผู้หญิงออกไปจากใบหน้า "ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก"
"ไม่เป็นอะไรแล้วเมื่อกี้ทำไมถึงได้ร้องเสียงดัง มาเถอะขอผมดูอีกนิด"
คราวนี้นอกจากจารวีจะเบนหน้าหนีแล้ว เธอยังหยิกมือที่รั้งต้นแขนของเธอเข้าให้หมับใหญ่อีก
จากคุณ :
(liz)
- [
30 ก.ย. 49 00:13:52
]