Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    อาทิตย์แรกแห่งพันต์ 1 มายากลคนจร

    หัดแต่ง ........
    สำหรับเรื่องปรุงรักให้ครบรสที่ค้างเติ่งไว้ แจ้งว่าสิ้นเดือนจะลงต่อนะคะ ^^ ตอนนี้ไม่มีรมณ์ง่ะ ...แต่สัญญาว่าจะไม่หนีหายเหมือนเดิม
    ........................................

    ( 1 ) - มายากลคนจร

    ที่ตลาดมีคนจรท่าทางประหลาดสวมใส่เสื้อผ้าเก่าหลวมโคร่งแต่กลับดูสะอาดสะอ้าน เขาใส่หมวกผ้าปิดหน้าไปกว่าครึ่ง  รองเท้าสานคู่ใหญ่กว่าเท้าดูพิลึกเมื่อเขาเดินลากมันไปมา คนจรเพิ่งปรากฎตัวที่นี่เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว ไม่มีใครรู้ชื่อจริงหรือที่มาของเขา อีกทั้งเขาก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่หากเปล่งเสียงออกมาก็เป็นเสียงขึ้นจมูกที่ฟังดูน่ารำคาญนัก

    จากรูปร่างที่เล็กกว่าผู้ชายทั่วไปแม้จะเห็นหน้าภายใต้หมวกใบนั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ชาวบ้านก็คาดคะเนกันแล้วสรุปว่าคงไม่ผิดนักหากจะเรียกคนจรตามลักษณะที่เห็นนี้ว่า“หนุ่มน้อย” เขาหากินด้วยการเล่นกลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแลกกับเศษเงินที่ชาวบ้านโยนให้เพื่อเป็นรางวัล

    นักมายากลคนจรที่น้อยครั้งจะเอ่ยปากเชื้อเชิญให้ดูการแสดงเพราะเขามีวิธีเรียกลูกค้าที่ดีกว่านั้น  หนุ่มน้อยมักจะเริ่มการแสดงของเขาด้วยการเป่าขลุ่ยไม้อันเล็กเป็นทำนองเพลงประหลาดไม่คุ้นหูสำหรับชาวเมือง  คนเก่าคนแก่เล่าว่ามันเป็นบทเพลงของพวกนักเดินทาง กลุ่มคนที่ไร้ที่มาและไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะไปไหน กลุ่มคนที่จะเดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่มีถิ่นฐานที่แน่นอน

    คนส่วนมากมองว่าพวกนี้ทำตัวน่าสงสัย เป็นพวกมีลับลมคมใน บางก็ว่าเป็นพวกที่มีไสยศาสตร์เวทมนต์ หรือหากคิดในแง่ร้ายแล้วก็มีคนเชื่อว่าพวกนี้เป็นพวกแม่มด หมอผี หลายครั้งที่คนพยายามขนานนามเรียกชนเร่ร่อนนี้ แต่ก็ไม่มีชื่อที่แน่นอนมีเพียงแต่เรื่องเล่า จากปากสู่ปากเท่านั้นถึงความน่าอัศจรรย์ใจของขบวนคาราวาน ที่ผู้คนแต่งกายแปลก ๆ แต่ดูงดงามนัก และยามที่พวกนั้นหยุดพักที่ใดมักจะมีความอุดมสมบูรณ์เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

    เสียงเพลงอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาจะดังก้องกังวานไปทั่วทุ่งกว้าง แล้วก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเต็มดวงนั้น พวกเขาจะเก็บของแล้วก็เดินทางต่อไป แต่ก็นานหลายปีมากแล้วที่ไม่มีใครได้เคยพบพวกนั้น  ทางการมีการกวาดล้างพวกชนกลุ่มน้อยอย่างหนัก ด้วยความที่พยายามจะรวบรวมประเทศให้เป็นปึกแผ่น กลุ่มชนเร่ร่อนทั้งหลายบาดเจ็บล้มตายไปมาก ตอนนี้มีคนบอกว่าพวกเขาพากันซุกซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ละทิ้งวิถีชีวิตแบบเดิมเพื่อความอยู่รอดของพวกพ้อง  เด็กหนุ่มนักมายากลได้บรรเลงเพลงในท่วงทำนองเดียวกับคนเร่ร่อนพวกนั้นใช้ และเมื่อเพลงบรรเลงจบลงเขาจะตบมือดัง ๆ สองสามครั้ง เป็นสัญญานว่ากำลังจะเริ่มการแสดง

    “ลูกแก้ว ๆ” เด็กผู้ชายหลายคนร้องประสานเสียงพร้อมกัน เร่งให้นักมายากลคนจรเริ่มการแสดงด้วยการคลึงลูกแก้วหลากสีไว้ในมือ

    “...” ไร้เสียงตอบรับจากนักแสดงเขาเพียงแต่ทำท่าโค้งคำนับ พอเงยหน้าขึ้นมาในมือของเขาก็ปรากฎผลึกแก้วขนาดต่างกันห้าลูกแล้วเขาก็เริ่มคลึงมันไปตามมือ

    “อา...” ผู้คนต่างครางเสียงในลำคอเมื่อเห็น เด็กหนุ่มคนจรใช้ความสามารถเฉพาะตัว บังคับลูกแก้วให้อยู่บนฝ่ามือและแขนอย่างชำนาญ ในระหว่างที่ผู้คนกำลังจับจ้องการแสดงราวกับถูกมนต์สะกด ทั้งหมดก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อลูกแก้วทุกลูกติดไฟพรึ่บขึ้นมา

    รอยยิ้มบนหน้าของหนุ่มน้อยนักแสดงผุดขึ้น เขากำลังสนุกกับปฎิกิริยาของผู้ชมการแสดงที่ตอนนี้กำลังตื่นตากับมายาภาพที่เขาสร้างขึ้น ฉับพลันหนุ่มน้อยก็กางมือออกลูกแก้วหายไปแล้วผู้คนต่างมองหามันและพอเขาแบมือออกอีกครั้งลูกแก้วทั้งหมดก็ค่อย ๆ หล่นจากด้านบนลงไปที่มือเขาจนครบทั้งห้าลูก


    “วู้..เอาอีก ๆ” คนดูชอบใจโดยเฉพาะพวกผู้ชายที่ชอบความตื่นเต้น ต่างร้องขอให้มีการแสดงลูกไฟอีก พวกเขาโยนเศษเหรียญไปไว้บนผ้าที่นักมายากลหนุ่มกางเอาไว้รับเศษเงินด้านหน้า

    “พรึ่บ..” เสียงไฟปะทะกับสายลมที่พัดผ่านมาชั่ววูบ ที่นิ้วชี้และนิ้วกลางของนักมายากลหนุ่มปรากฎดวงไฟเล็ก ๆ ขึ้นมา เขาเดินไปทั่วบริเวณก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าชายผู้หนึ่ง เปลวไฟยังไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงชายคนนั้นนึกสงสัยยกมือขึ้นทดลองจับเปลวไฟดู แต่เขากลับพบว่าไฟนั้นได้กลายเป็นดอกไม้ นักมายากลหยิบดอกไม้ในมือของชายหนุ่มยื่นให้หญิงสาวคนข้าง ๆ ที่รับไปดูอย่างอัศจรรย์ใจ

    “มันเป็นของจริง...หอมจังเลย” เธอสูดดมความหอมของดอกไม้เข้าไปลึก ๆ

    “เจ้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน” ชายคนนั้นถาม มือของเขายังยกค้างอยู่ที่เดิม

    “บารัต สหาย...เจ้าจะสงสัยทำไมกัน ก็แค่กลเล่นสนุกของหนุ่มน้อยผู้ชำนาญการ” เพื่อนของชายหนุ่มเจ้าของชื่อบารัตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมา

    “ละลิตเจ้าอย่ามากระเซ้าข้าเลยน่า เจ้าก็เห็นว่ากลแบบนี้หาดูได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ ข้าสงสัยว่ามันเป็นมายากลหรือเวทมนต์กันแน่”

    “งั้นข้าว่าเรามาหาคำตอบกันดีกว่า” ละลิตเสนอทางเลือกให้กับเพื่อน ซึ่งบารัตก็รับคำเห็นด้วย

    “ดีเหมือนกัน ..หนุ่มน้อยข้าให้เจ้า 3 เหรียญทองถ้าเจ้าเสกไฟได้ทั้งสิบนิ้ว” บารัตหันมาทางนักมายากล แล้วรอว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร เช่นเดิมนักมายากลเพียงแต่โค้งคำนับรับคำก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา ตอนนี้นิ้วทั้งสิบของเขาปรากฎเปลวไฟขึ้นมา

    “เจ้าทำได้ไง” บารัตยังคงถามคำถามที่ไร้คำตอบจากนักมายากลคนจรอยู่ดี เขามองเปลวไฟนั้นอย่างค้นหาคำตอบในขณะที่โยนเหรียญทองสามเหรียญไปบนผ้า

    “งั้นข้าท้ามั่ง” ละลิตเอ่ยขึ้นบ้าง ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนที่จะเอ่ยปากออกมา

    “เมื่อกี้ข้าเห็นเจ้าเสกดอกไม้จากไฟ เอาอย่างนี้เจ้าเสกให้ดอกไม้โปรยปรายลงมาข้าจะให้ 5 เหรียญทองเจ้าทำได้ไหม” ละลิตเห็นนักมายากลหนุ่มโคลงศีรษะอย่างแปลกใจ ก็หัวเราะขึ้นมา

    “มากไปเหรอหนุ่มน้อย ก็ในเมื่อเจ้ามีไฟตั้งสิบดวงข้าก็นึกว่าเจ้าจะเสกดอกไม้ได้มากกว่าที่มีดวงไฟแค่หนึ่งดวง ....” ไร้คำตอบจากคนจรอีก ละลิตหัวเราะร่าเตรียมจะหันไปคุยกับบารัต

    “ดอกไม้...” เสียงผู้คนอื้ออึงรอบข้างละลิตแหงนมองไปบนฟ้าที่มีดอกไม้โปรยปรายลงมา ราวกับว่ามีหญิงสาวขี้เล่นที่ยืนอยู่บนที่สูงคอยช่วยเหลือนักมายากลหนุ่มโดยการโปรยดอกไม้ลงมาให้…เพียงแต่ลานแสดงนี้เป็นลานกว้างตรงทางแยกด้านบนของตึกร้านค้ารอบข้างก็ปิดหน้าต่างสนิท บ้านในเมืองพันต์ไม่มีดาดฟ้าแล้วอย่างนี้ดอกไม้นั้นมาจากไหน

    “เจ้านี่น่าอัศจรรย์ใจจริง ๆ”  บารัตและละลิตเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน ละลิตโยนเงินห้าเหรียญไปบนผ้า

    “พ่อหนุ่มข้าจะให้เจ้า 10 เหรียญทองถ้าเจ้าแสดงกลหายตัวได้” ชายวัยกลางคนที่ยืนดูอยู่นาน ร้องท้าขึ้นบ้าง ทุกครั้งที่มีคำท้าทายในสิ่งที่ยากขึ้นเงินเดิมพันก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ

    “ไงเจ้าทำไม่ได้ล่ะสิ” บารัตเอ่ยขึ้นเมื่อ หนุ่มน้อยนักมายากลชะงักกับคำท้าทายนั้นแต่แล้วภายใต้หมวกนั้นรอยยิ้มก็ปรากฎ

    “ข้ารับคำท้า” เสียงพูดฟังดูแปร่งหู มันแผ่วเบาราวกับสายลม หนุ่มน้อยคนจรปรบมือหลาย ๆ ครั้งเป็นจังหวะแล้วก็เต้นรำหมุนไปรอบ ๆ แล้วเพียงชั่วพริบตาที่ทุกคนรู้สึกว่ามีสายลมพัดผ่านวูบหนึ่ง หนุ่มน้อยก็ไปปรากฎตัวอยู่ข้างหลังชายคนท้าอย่างน่าตกใจ

    “เจ้ามาได้อย่างไร” ไร้คำตอบสำหรับคำถามนั้น หนุ่มน้อยยกมือขึ้นรับเหรียญทองสิบเหรียญมาใส่กระเป๋า ก่อนที่ตั้งใจจะเดินเพื่อไปอยู่กลางวงผู้ชมเหมือนเดิม แต่ชายที่ชื่อบารัตก็จับข้อมือเขาไว้แน่นพร้อมกับถามคำถามคาใจของเขาคำถามเดิม

    “เจ้ายังไม่ตอบข้าว่าเจ้าทำได้อย่างไรกัน” บารัตคิดว่าเขาเห็นนักมายากลคนจรยิ้มออกมา หนุ่มน้อยบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมอย่างง่ายดาย พร้อม ๆ กับเดินถอยออกมาสองก้าวแล้วก้มหัว ก่อนเอ่ยเสียงแปร่งสำเนียงขึ้นจมูกที่ขัดหู

    “นายท่าน ข้าเป็นคนเล่นกล ท่านจะเอาอะไรมากมายกับสิ่งที่เรียกว่า.. มายา” แล้วเขาก็เดินไปที่กลางวงเพื่อแสดงกลของเขาต่อไป  หลัก ๆ แล้วหนุ่มน้อยมักจะเล่นกลไพ่ เสกของของขึ้น นาน ๆ เขาถึงจะเสกภาพมายาขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อเติมสีสันให้กับการแสดงมากขึ้น แล้วก็รับคำท้าทายจากผู้ชมที่นึกสนุกในบางครั้ง....ไม่มีครั้งไหนที่เขาทำไม่ได้ และมันสร้างชื่อเสียงให้กับเขาเป็นที่โจษจันไปทั่ว

    “ท่านพ่อข้าอยากเห็นมังกรอีก” จู่ ๆ เด็กน้อยผู้ชมก็กำขากางเกงบิดาแน่นเพื่อร้องขอ เพราะเมื่อครู่เขาเห็นมังกรไฟตัวใหญ่อยู่ตรงหน้า

    “มังกรที่ไหนกัน” ผู้พ่อขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่เห็นมังกรสักตัวเมื่อครู่เขากำลังดูกลทายไพ่อยู่  และเขาก็มั่นใจว่าสายตาลูกชายก็จับจ้องไปทางเดียวกับเขา

    “ก็นั่นไง” นิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปที่นักมายากลคนจรอีกครั้ง

    “พ่อไม่เห็นมีอะไรเลย” ผู้พ่อปฎิเสธแต่เด็กน้อยก็ยังคงเซ้าซี้ว่าจะดูสิ่งที่ต้องการจนผู้พ่ออ่อนใจ

    “ เชตันเจ้าฟังที่พันต์นี่ไม่มีมังกรหรอกนะ สัตว์แบบนั้นพ่อเคยได้ยิน แต่ว่ามีเพียงพวกพ่อมดที่อาศัยอยู่ทางซีกเหนือของโลกเท่านั้นที่เลี้ยงเอาไว้” ที่จริงแล้วคนพ่อไม่รู้หรอกว่าสัตว์ที่เรียกว่า มังกร นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ แต่เขาก็ไม่อยากจะทำลายจินตนาการและความรู้สึกของลูกชาย ก็เลยได้แต่บอกเล่าคำที่เคยได้ยินจากคนเดินทาง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดสอนลูกชายจบก็มีเสียงของเด็กหญิงขึ้นมาบ้าง

    “แม่ข้าอยากเห็นนางเงือกอีก”
    “แม่ไม่เห็นอะไรเลย” ผู้แม่บอกลูกสาว
    “อ้าว พี่สิงโตเมื่อกี้หายไปไหน” เด็กชายอายุประมาณสิบสองขวบตะโกนถามออกมา
    “นั่นสิเมื่อกี้ข้าก็เห็นสิงโตเหมือนกัน”
    “เฮ้ดูสิ ๆ มาแล้ว” เด็ก ๆ ร้องดีใจขึ้นมาอีกครั้ง

    “พวกเจ้า...”เหล่าผู้ใหญ่ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาหันไปมองนักมายากลคนจรอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ หนุ่มน้อยยังเล่นกลแบบปกติที่เคยเห็นทั่วไป เพียงแต่ว่าบางครั้งอาจจะตื่นเต้นบ้างเมื่อมีลูกไฟหรือความสามารถพิเศษในการเล่นดนตรี การเต้นรำที่แสดงออกมาให้ตื่นใจกว่านักมายากลคนอื่นเท่านั้น ดูแล้วก็ไม่ได้ชวนให้คิดเป็นอื่นนอกจากเป็นกลที่คนแสดงได้ทำการฝึกมาอย่างชำนาญเท่านั้น

    น่าแปลกคำเรียกร้องถึงการแสดงล้วนออกจากปากของเด็ก ๆ เท่านั้น พวกผู้ใหญ่ไม่มีใครเห็นอะไรสักคน หนุ่มน้อยคนจรยังคงเล่นกลไพ่ของเขาต่อไปอย่างชำนาญท่ามกลางเสียงเรียกร้องไม่หยุดจากปากเด็ก ๆ พวกผู้ใหญ่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี พวกเขาไม่เห็นอะไรแล้วเท่าที่ดูการแสดงตรงหน้านี่ก็ไม่ต่างอะไรจากกลที่เคยเห็นนักมายากลหลาย ๆ คนทำกันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่

    จากคุณ : เมเปิ้ลสีขาว - [ วันเถลิงศก (15) 19:38:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom