เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ผมเลยหยิบขึ้นมาดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาหา ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือของผม เป็นชื่อของใครบางคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ว่าชื่อนี้มันแทบจะไม่เคยปรากฏบนเครื่องของผมมานานเกือบปีแล้ว
ฮัลโหลสวัสดีครับ ... ฟ้าเหรอเป็นไงบ้างครับ? ผมรีบรับสายและกล่าวทักทายก่อน
ฟ้า เป็นผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งที่ผมเคยจีบ และในครั้งหนึ่งผมเฝ้าลุ่มหลงและคิดไปเองว่า เธอคนนี้คือผู้หญิงที่มีความสำคัญต่อชีวิตของผมอย่างที่สุด
สวัสดีค่ะพี่กล่อง ... เลิกงานหรือยังคะ?
ยังเลยครับ เดี๋ยวห้าโมงเย็นพี่ถึงจะเลิกงานนะ ตอนนี้ฟ้าอยู่ที่ไหนเหรอครับ? ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย โดยไม่พยายามที่จะบ่งบอกความรู้สึกต่าง ๆ ที่มีหลงเหลืออยู่ในใจให้ผ่านเข้าไปในน้ำเสียง
ฟ้ามาทำธุระแถวสีลมค่ะ ว่าจะหาข้าวเย็นทานแถวนี้หน่อยค่ะ พี่กล่องมาทานข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ?
ก็ได้ครับ จะไปทานที่ไหนดีล่ะ? แต่ว่าฟ้าต้องรอสักห้าโมงครึ่งพี่ถึงจะไปหาหนูได้นะครับ
งั้นห้าโมงครึ่งพี่กล่องมาหาฟ้าที่แม็คโดนัล ซีพีทาวเวอร์นะคะ เดี๋ยวหนูนั่งรออยู่ที่นี่นะคะ
ได้ครับ งั้นเดี๋ยวห้าโมงครึ่งพี่ไปหานะครับ
ผมรีบกดวางสายเมื่อเสร็จสิ้นการสนทนา แต่ก็ยังไม่ละสายตาไปจากจอมือถือ ชื่อของเธอที่ปรากฏบนจอมือถือของผมตอนนี้หายไปแล้ว แต่ว่าความรู้สึกเก่า ๆ ที่ยังค้างคาอยู่ในใจของผมมันยังไม่ได้จางหายไปเหมือนกับชื่อของเธอเลย
ฟ้า หญิงสาวแสนสวยที่เมื่อ 2 ปีที่แล้วเธอยังเป็นบัณฑิตหมาด ๆ อยู่ เธอก้าวออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ และมาเริ่มทำงานที่กรุงเทพฯ หญิงสาวที่ผมจำได้ว่าทุกเย็นหลังเลิกงานผมจะต้องรีบไปรอพบเธอที่ออฟฟิตของเธอแถวสุขุมวิทเป็นประจำ เพียงแค่ขอให้ได้พบเจอเธอ แค่พบได้พูดคุยทักทายเพียงแค่ 2-3 ประโยค หรือเพียงได้นั่งรถไฟฟ้าไปส่งเธอที่ดอนโดฯ แค่นั้นผมก็ดีใจจนกลับบ้านนอนได้ จะมีก็แต่เพียงบางวันเท่านั้นที่เธอให้โอกาสผมได้ทานข้าวเย็นด้วยกัน แค่เดือนนึงประมาณ 1-2 ครั้งเท่านั้น เมื่อเทียบกับที่ผมเฝ้าไปรอพบเธอทุกวันที่เธอไปทำงาน เดือนนึงก็ประมาณ 20 หรือ 25 วันเอง
ความสุขและความทรงจำอันประทับใจของผม ในช่วงนั้นมันมีอยู่เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง แต่ผมก็ไม่สามารถลืมมันได้ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้วก็ตาม
ตัวเลขบอกเวลาของนาฬิกาดิจิตอล ที่อยู่ด้านล่างสุดของหน้าจอโปรแกรมวินโดว์ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผมตอนนี้ ระบุว่าเป็นเวลา 17.01 ผมรีบทำการชัดดาวน์เพื่อปิดเครื่องและมุ่งหน้าออกจากออฟฟิตในทันที
วันนี้เป็นวันพฤหัส แต่ว่าเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของหลาย ๆ คน เพราะว่าในวันพรุ่งนี้คือวันศุกร์ที่ 13 เมษายน ที่เป็นวันสงกรานต์นั้นเอง เป็นเทศกาลหยุดยาวประจำปีของหลาย ๆ คน ซึ่งผู้คนจำนวนมากต่างก็คงเดินทางออกต่างจังหวัดและกลับบ้านกันหมดแล้ว
วันนี้ในท้องถนนค่อนข้างที่จะเงียบเหงาและโล่งมาก ปกติผมเดินจากตึกที่ทำงานของผมไปถึงตึกซีพีที่ถนนสีลมใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที แต่ว่าวันนี้ผมคงเดินแบบเร่งฝีเท้าเต็มที่ เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลา 5 โมง 15 ผมก็เข้าไปถึงร้านแม็คโดนัลในตึกซีพีทาวเวอร์แล้ว
ปกติแล้วในทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาที่ผมนัดกับเธอหรือเวลาที่ผมจะไปดักรอเจอเธอ ผมมักจะไปก่อนเวลาเสมอ สาเหตุก็เพราะว่าผมคงอยากที่เตรียมตัวให้พร้อม ให้ดูดีก่อนที่ผมจะได้มาเจอเธอ เพื่อที่ผมจะได้มีเวลาเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเอง หรือว่าล้างหน้าล้างคราบเหงื่อไคลที่อยู่บนใบหน้าผมออกไปได้หมด
ผมเหลือบดูเวลาในนาฬิกาข้อมือของผม ตอนนี้บ่งบอกเวลา 6 โมงเย็นแล้ว ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อกดหาชื่อของเธอที่ได้โทรเข้ามาหาผมเป็นสายสุดท้าย
ฟ้าเหรอ ... ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหนแล้ว? พี่รออยู่ที่แม็คโดนัลแล้วนะครับ ผมรีบพูดเข้าไปในสายทันทีที่อีกฝั่งรับสาย
สักครู่นะคะพี่กล่อง อีกสักสิบห้านาทีนะคะ เดี๋ยวฟ้าไปถึงค่ะ แล้วเธอก็วางสายไปในทันที แค่เพียงพูดกันคนละ 1 ประโยคเท่านั้นก็ทำให้ผมรับรู้ได้ว่า ผมคงต้องนั่งรอเธอที่นี้ต่ออีกประมาณ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย
ผมเริ่มเหม่อมองออกไปภายนอกร้าน ผมเห็นผู้คนมากมายกำลังเดินกันขวักไขว่ ถึงแม้ว่าจะมีคนไม่เยอะเท่าวันอื่น ๆ ก็ตาม หลายคนเดินพูดคุยกันเป็นกลุ่ม หลายคนเดินคุยเคียงข้างกันเป็นคู่ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เดินเร็ว ๆ เพียงลำพังเพื่อไปยังจุดหมายเหล่านั้นที่เขาอยากจะไป
ขอโทษนะคะพี่กล่อง พอดีฟ้าเจอคนรู้จักนะเลยแวะทักทายกัน พี่กล่องรอหนูนานไหมคะ? ฟ้าพูดทักทายผมในทันทีที่มาถึง
ไม่นานหรอกครับ แค่สักครู่เองนะ ว่าแต่วันนี้หนูอยากจะทานอะไรล่ะ? ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น และเอื้อมมือไปจับที่สายถุงกระดาษของห้างสรรพสินค้าที่อยู่แถว ๆ นั้น ที่เธอกำลังถืออยู่
พี่ช่วยถือนะครับ ผมเอ่ยปากขึ้นเพื่อบอกแก่เธอ ซึ่งเธอก็ปล่อยมือจากถุงนั้นมาให้ผมถือในทันที
เพื่อนหนูเค้าบอกว่าแถวสีลมมีร้านอาหารเปิดใหม่ เป็นร้านอาหารไทยสไตล์หรูค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน
ถ้าอย่างนั้น เรานั่งรถแท็กซี่ไปทานที่สวนลุมไนท์กันไหมล่ะ? ผมพูดขึ้นเพื่อเป็นการชักชวนเธอ
ไม่เอาหรอก สวนลุมไนท์ไม่เห็นจะมีอะไรทานเลย ร้อนก็ร้อนนะ ... เดี๋ยวหนูโทรถามเพื่อนก่อนนะคะ เธอตอบผม
ที่สวนลุมไนท์บาซาร์เมื่อ 2 ปีที่แล้วเป็นสถานที่แห่งแรกที่ผมกับเธอได้นัดเดทกัน ภาพแห่งความทรงจำที่มีความสุขยังคงประทับอยู่ในใจผมถึงขณะนี้ ผมเดินดูของช็อปปิ้งกับเธอในสวนลุมไนท์ฯ เราสองคนเดินจับมือเดินจูงมือกันไปโดยตลอด ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ขายเบียร์เยอรมันแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใจกลางของสวนลุมไนท์ฯเป็นร้านอาหารที่ผมกับเธอนั่งทานอาหารด้วยกันเป็นครั้งแรก ผมยังจำที่เธอบอกได้ว่า ร้านอาหารร้านนี้อาหารอร่อยและก็ราคาไม่แพง
อยู่ที่ถนนคอนแวนต์เหรอ? .... พี่กล่องคะไปที่ถนนคอนแวนต์ค่ะ
เธอหันมาบอกผมและก็หันกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ
ผมได้แต่ชี้มือให้เธอเห็นว่าถนนคอนแวนต์ไปทางไหน และเดินนำไปเพื่อให้เธอเดินตาม เธอเดินตามผมห่าง ๆ ในขณะที่ผมต้องชะลอฝีเท้าเพื่อรอเธอโดยตลอด เธอเดินพูดโทรศัพท์มือถือไปตลอดทางจึงทำให้เธอเดินตามผมอย่างช้า ๆ หรือไม่ก็เธอคงไม่อยากให้ผมได้ยินบทสนทนาที่เธอกำลังพูดสายอยู่
ร้านนั้นค่ะ เธอเอื้อมมือมาสะกิดที่ไหล่ผม พร้อมกับชี้ให้ดูร้านอาหารที่อยู่ตรงหน้าห่างออกไปไม่ถึง 20 เมตร ผมจึงเดินมุ่งเดินตามไปยังร้านอาหารที่เป็นที่หมายด้านหน้า
แค่นี้ก็นะ ... ถึงร้านแล้ว เธอกดวางสายโทรศัพท์มือถือที่เธอเดินพูดสายมาตลอดตั้งแต่ออกจากตึกซีพี
ร้านนี้ค่ะ เค้าบอกว่าอาหารไทยอร่อยมาก เธอบอกผม ซึ่งผมได้เพียงแต่พยักหน้ารับ ผมเริ่มมีความสงสัยอยู่ในใจว่าเค้าคนนั้นที่บอกเธอคือใครกันแน่
จากคุณ :
อาคุงกล่อง
- [
11 พ.ค. 50 19:05:19
]