บาบิโลน อาณาจักรนักรบทมิฬ ความเดิม
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6261383/W6261383.html
12
หุบผามรณะ
บาเบลมองควันไฟที่พวยพุ่งขึ้นมาจากกองซากปรักหักพังของเมืองอัสไซร์ด้วยดวงตาที่ไร้ความรู้สึก เขาบังคับอาชาของตนเดินข้ามผ่านกองซากศพดำเกรียมของพลเมืองซึ่งนอนทับก่ายกัน โอมาร์ขี่ม้าตามหลังมาไม่ห่างกล่าวรายงาน
พวกเราได้ตีวงโอบล้อมอัสไซร์ไว้ขณะโจมตี ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้
พบศพของเจ้าชายซันหรือไม่ ราชาของเขาถาม นายทหารรักษาธงสั่นหน้า
ซากของพวกเขาล้วนดำเกรียม ยากนักที่จะแยกออกว่าเป็นผู้ใด แต่ข้าคิดว่ารัชทายาทแห่ง
ซินคงสิ้นชีพรวมอยู่กับพลเมืองของเขา
งั้นรึ บาเบลกล่าวเพียงแค่นั้นก่อนจะชักม้าของตนให้เดินออกจากเมือง
พระองค์จะยกทัพไปบุกนครที่เหลือหรือไม่ โอมาร์ถามอย่างนอบน้อม ราชันย์ของเขานิ่งไปเล็กน้อย
ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกระทำเช่นนั้น เขาตอบ ยกทัพกลับบาบิโลน"
ขบวนทัพแอรูเบลเคลื่อนออกจากนครอัสไซร์ข้ามที่ราบอันกว้างใหญ่ซึ่งกินเวลาถึงสองวันจึงจะผ่านพ้น จากนั้นจึงเดินทางเข้าสู่ดินแดนซึ่งอยู่ในเขตปกครองของโซดอมโดยมิได้หยุดพัก บาเบลเลือกใช้เส้นทางเลียบภูเขาแทนการผ่านป่าทึบเนื่องจากเกรงว่าจะถูกฝ่ายศัตรูลอบโจมตี จนเมื่อเข้าสู่วันที่ห้าหลังการบุก
อัสไซร์ กองทัพของบาเบลจึงมาถึงเทือกเขาเฮอร์ซา ราชาแห่งบาบิโลนได้เลือกทำเลอันเป็นเนินผาสูงชัน สามารถมองเห็นภูมิทัศน์ได้โดยรอบยากที่ข้าศึกจะซุ่มซ่อนกำลังจู่โจมได้เป็นที่ตั้งค่าย โอมาร์ได้สั่งให้กองลาดตระเวนออกเดินตรวจตรารอบอาณาเขตอย่างละเอียดจนแน่ใจว่าไม่มีผู้อื่นลักลอบเข้ามาในเขตที่พักจึงจัดแจงตั้งกระโจมให้กับราชันย์ของเขาพร้อมวางกำลังคุ้มกันอย่างเข้มงวด และรายงานผลเมื่อบาเบลเข้าไปในกระโจมเรียบร้อยแล้ว
ข้าได้สั่งให้ทหารผลัดกันลาดตระเวนรอบค่ายทุกครึ่งชั่วยาม และตรวจตราป่าโดยรอบอย่างละเอียด ไม่มีผู้ใดสามารถเล็ดลอดเข้ามาลอบโจมตีพวกเราได้อย่างแน่นอน
ที่นี่เป็นเขตปกครองของโซดอม วางกำลังไว้แต่พอควรน่าจะพอ บาเบลกล่าวแต่โอมาร์กลับแย้ง
ถึงจะเป็นโซดอมแต่พระองค์ก็ไม่ควรวางใจ มันอาจจะหักหลังและหันมาโจมตีพวกเราเหมือน
เอ็นกิดัวร์
กษัตริย์อิลดันฉลาดเกินกว่าจะทำเช่นนั้น ราชาของเขาพูดขณะถอดหมวกเกราะของตนออก นายทหารรักษาธงของเขานิ่วหน้า
พระองค์วางใจมนุษย์ผู้นี้มากเกินไป
ข้าไม่เคยวางใจผู้ใด บาเบลกล่าวเสียงห้วนพลางดึงดาบออกมาจากฝัก สีหน้าของโอมาร์เผือดลงทันที เขาย่อตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเจ้าเหนือหัวแห่งบาบิโลน
อภัยที่ข้าบังอาจกล่าววาจาล่วงเกินต่อพระองค์
เจ้าพูดไปเพราะความภักดี ราชันย์ของเขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าที่พับไว้บนโต๊ะมาซับรอยเปื้อนบนตัวดาบ เพียงแต่หุนหันเกินไปหน่อยเท่านั้น
นั่นยิ่งเป็นการไม่สมควร ราชองครักษ์กล่าวเสียงหนัก บาเบลทำเสียงในลำคอก่อนจะพลิกดาบในมือและไล่สายตาสำรวจว่าอาวุธของตนสะอาดเรียบร้อยปราศจากรอยบิ่นจึงสอดเก็บกลับเข้าฝัก
จัดเวรยามให้เฝ้าระวังคนละสามชั่วโมง ทหารของเราเดินทางมาเป็นระยะทางไกลโดยไม่ได้หยุด ข้าอยากให้พวกเขาพักผ่อนให้สบาย
ข้าจะรีบจัดการตามคำบัญชา โอมาร์ลุกขึ้นและโค้งคำนับต่อราชาบาบิโลน บาเบลผงกศีรษะรับอย่างเคร่งขรึม เขาจัดแจงปลดเกราะของตนเมื่อองครักษ์ผู้นั้นก้าวออกไปจากกระโจมและหยิบแผนที่ออกมากางบนโต๊ะ ดวงตาคมไล่ไปบนตำแหน่งเมืองซึ่งปรากฏอยู่บนนั้นและหยุดลงที่ไอนาน
หวังว่าเจ้าคงไม่กวาดต้อนพวกเขากลับไปเป็นเชลยเหมือนทุกครั้งนะ อิชทาร์
ราชาแห่งบาบิโลนพึมพำ เขายืดตัวและเอื้อมมือไปหยิบคนโทบรรจุน้ำมารินใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นจรดริมฝีปากแต่ต้องชะงักเมื่อมีสายลมกรรโชกพัดจากหุบเขาเข้ามาทางประตูกระโจม มันหมุนวนรอบกายก่อนจะมลายหายไป ราชันย์หนุ่มวางถ้วยน้ำลงทันที
ไม่น่าเชื่อ
เขาพึมพำด้วยความรู้สึกแปลกใจก่อนจะหมุนกายพาร่างสูงสง่าก้าวออกจากกระโจมและเดินตรงไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างจากค่ายพักโดยมิได้บอกผู้ใด โอมาร์ซึ่งกำลังสั่งการกับทหารหันมาเห็นเข้าจึงรีบก้าวตามหลังราชาของตนไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องตาม! บาเบลร้องห้ามเสียงห้วนทั้งที่มิได้หันกลับมา จงอยู่รักษาค่าย!
แต่.... ราชองครักษ์หยุดฝีเท้าของเขา พระองค์จะไปไหนกัน
ข้าจะไปที่หุบผาเฮอร์ซามู
เสียงทุ้มตอบ โอมาร์ทำท่าจะร้องถามต่อแต่ไม่ทันเนื่องจากราชันย์ของเขาได้เดินหายเข้าไปในป่าทึบแล้ว
เฮอร์ซามู เป็นหน้าผาที่มีลักษณะสูงชัน ส่วนด้านล่างนั้นเป็นหุบเหวซึ่งมีป่าทึบเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์อันเนื่องมาจากมีแม่น้ำไหลผ่าน บาเบลเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ริมหน้าผาและทอดสายตามองลงไปยังเบื้องล่าง กระแสลมอันอบอุ่นที่พัดย้อนขึ้นมากระทบกายเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าเย็นชาก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ราชันย์แห่งชนนักรบหมุนกายหันกลับไปยังป่าที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวก่อนจะหยุดและกล่าวด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน
คิดจะสังหารข้า แล้วไยจึงยังซ่อนตัวอยู่อีกเล่า
เสียงย่ำใบไม้แห้งดังมาจากป่าทั้งสองด้าน ร่างของชายฉกรรจ์สองคนปรากฏตัวขึ้นจากทางซ้ายและขวาขนาบตัวของบาเบล ในมือของทั้งคู่กุมดาบกระชับแน่นขณะจ้องราชันย์แห่งบาบิโลนราวต้องการฉีกเขาให้เป็นชิ้น บาเบลยังคงมองตรงเข้าไปในป่า
จะแฝงตนอยู่ในเงาไม้ต่อไปอีกนานเท่าใด เจ้าชายซัน เขาถามด้วยกิริยาเคร่งขรึม ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มอายุไม่เกินสามสิบเดินออกมาจากป่าด้วยท่าทางองอาจ แม้ทั่วร่างจะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดที่เกรอะกรังดำคล้ำ
เจ้ารู้ตัวด้วยหรือ รัชทายาทแห่งกษัตริย์ซินกล่าวเสียงห้วน บาเบลกระตุกยิ้ม
ข้ารู้ว่าท่านลอบติดตามมาโดยตลอด ที่แปลกใจก็คือเหตุใดจึงไม่ลงมือสังหารข้าตั้งแต่ก่อนออกจากเขตอัสไซร์
ข้าไม่อยากให้แผ่นดินแม่แปดเปื้อนโลหิตของราชันย์ชั่วเช่นเจ้า
ดวงตาของบาเบลหรี่ลง ประกายโทสะปะทุอยู่ภายใน เขาขยับกายของตนและหยุดเมื่อคมดาบขององครักษ์ประจำตัวเจ้าชายซันวางจ่อไว้บนแผ่นอก
คิดรุมสังหารข้าอย่างนั้นหรือ
อย่าเห็นข้าเป็นคนขลาด รัชทายาทแห่งอัสไซร์กล่าวพลางดึงดาบของตนออกจากฝักพร้อมกับพยักหน้าให้กับทหารทั้งสอง พวกเขาลดอาวุธลงแต่ยังคงยืนในท่าระวัง ราชาแห่งบาบิโลนยังคงยืนนิ่ง
ดูเหมือนเจ้าจะดูแคลนฝีมือของข้า เจ้าชายซันกล่าวและยกดาบขึ้น ชักดาบของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ บาเบล!
เจ้าจะสู้เพื่อสิ่งใด ในเมื่อไร้แผ่นดินจะปกป้อง
เกียรติยศของราชสีห์ รัชทายาทแห่งอัสไซร์ตอบเสียงห้วน หากเป็นเจ้าก็คงจะทำเช่นเดียวกัน
เจ้าพูดได้ถูกใจข้าเหลือเกิน เจ้าชายซัน บาเบลยิ้มพร้อมกับดึงดาบของตนออกมา ในเมื่อเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี ข้าก็จะไม่ขอออมมือ
เจ้าชายหนุ่มแห่งอัสไซร์กวัดแกว่งดาบและพุ่งเข้าโจมตีราชันย์ผมเงินแทบจะทันทีที่เขากล่าวจบประโยค บาเบลยกดาบขึ้นตั้งรับและปัดมันออก เขาตวัดดาบฟันผ่านทรวงอกของเจ้าชายซันแต่อีกฝ่ายพลิกตัวหลบได้ทันพร้อมกับเหวี่ยงดาบเข้าใส่ลำคอของราชันย์ทมิฬหมายจะบั่นให้ขาดในครั้งเดียว บาเบลเอนตัวถอยหลังหลบและสะบัดดาบฟาดใส่ดาบของคู่ต่อสู้สุดกำลัง แรงกระแทกทำให้มือของเจ้าชายซันเจ็บจนถึงกับต้องปล่อยอาวุธของตน ราชาแห่งชนนักรบหมุนดาบอีกครั้งและจรดคมไว้บนลำคอของรัชทายาทหนุ่มแห่งอัสไซร์ ดวงตาคมทอประกายวาวดุดัน
จะให้ข้าปักดาบลงไปบนหัวใจหรือตัดคอของเจ้าดี
จะด้วยวิธีใดก็สุดแล้วแต่ ในเมื่อชัยชนะเป็นของเจ้า เจ้าชายซันตอบด้วยน้ำเสียงห้วนไม่แพ้กัน บาเบลถึงกับคำรามในลำคอ
เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมศิโรราบต่อข้า
คำตอบยังคงเป็นเช่นเดิม รัชทายาทแห่งกษัตริย์ซินตอบพร้อมกับเชิดใบหน้า นครข้ามีราชสีห์ได้เพียงหนึ่งเดียว
ข้านิยมในความทระนงของชาวอัสไซร์ ราชันย์แห่งเผ่าทมิฬกล่าว แต่อย่างที่เจ้าพูดพญาราชสีห์ไม่อยู่ร่วมถ้ำเดียวกับผู้ใด
ดาบในมือเงื้อง่าขึ้นท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตระหนกจากองครักษ์ของเจ้าชายซัน ชั่วขณะหนึ่งบาเบลเห็นรอยยิ้มอันมีเลศนัยจากรัชทายาทแห่งอัสไซร์ เขาชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะบัดตัวอย่างแรงของกิ่งไม้ เงาสีดำจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างของราชันย์หนุ่ม บาเบลตวัดดาบปัดมันออก ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเงาอันหนึ่งหลุดรอดจากการป้องปัด มันเสียบทะลุเข้าไปในทรวงอก เขาก้มหน้าลงมองและพบว่ามันคือหลาวไม้อันแหลมคม บาเบลถึงกับเซถอยหลังออกไปสองสามก้าว ดวงตาจ้องเจ้าชายซันนิ่ง ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยเลือดเหยียดยิ้มเยาะ
นี่หรือคือวิธีของราชสีห์
นี่เป็นวิธีล้างแค้นให้กับบิดาของข้าต่างหาก รัชทายาทแห่งกษัตริย์ซินตอบ เขาหยิบดาบขึ้นมาและเดินเข้าไปหาราชันย์ทมิฬ เพื่อสังหารเจ้า ข้ายอมทำทุกวิถีทาง แม้ว่ามันจะไร้เกียรติเพียงใดก็ตาม
น่าอนาถนัก บาเบลพยายามดึงไม้ที่ปักบนอกของตน มืออีกข้างกระชับดาบเอาไว้แน่น ที่เจ้ายอมลดศักดิ์ศรีของตนด้วยวิธีลอบกัดอันต่ำช้าเช่นนี้
ขอเพียงได้บั่นคอเจ้า ข้ายอมลดค่าตัวเองลงจนเท่ากับเศษกองดิน เจ้าชายซันหมุนดาบในมือและย่างสามขุมเข้าหาราชาบาบิโลนซึ่งถอยหลังไปหยุดที่ขอบหน้าผา บาเบลชำเลืองตามองข้ามไหล่ของตนเองก่อนจะตวัดกลับไปทางรัชทายาทแห่งซิน
เจ้าหมดทางหนีแล้ว บาเบล เจ้าชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับเงื้อดาบขึ้น ตายเสียเถิด!ราชันย์ชั่ว!
ดาบในมือเหวี่ยงเข้าใส่ลำคอของราชานักรบ บาเบลยกดาบขึ้นรับแต่ด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลซึ่งทวีเพิ่มมากขึ้นทำให้เรี่ยวแรงของเขาลดน้อยลงจนไม่มีกำลังจะปัดอาวุธของอีกฝ่ายออก ร่างสูงเสียหลักไปทางด้านหลังและผงะหงายร่วงหล่นลงสู่หุบเหวเบื้องล่างท่ามกลางความตกใจของเจ้าชายซัน
ด้วยความสูงขนาดนี้ แม้ราชาทมิฬจะมีชีวิตเป็นอมตะก็คงรอดได้ยาก
องครักษ์ผู้หนึ่งกล่าว รัชทายาทแห่งอัสไซร์ขมวดคิ้วของตน
ข้าไม่เชื่อว่าบาเบลตาย เขาเก็บดาบกลับเข้าฝัก จนกว่าหัวของเขาจะหลุดออกจากบ่าด้วยมือของข้าเอง
แล้วท่านจะทำเช่นไร องครักษ์อีกคนถาม เขาหันกลับไปมองทางด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา นักรบบาบิโลนคงออกมาตามหานายของพวกมันในอีกไม่ช้า
เจ้าชายซันขบกรามตนเองแน่น เขาชะโงกหน้ามองลงไปยังหุบเขาเบื้องล่างก่อนจะหันกลับไปทางป่า
หาทางลงไปด้านล่างและค้นหาราชันย์ทมิฬนั่นให้พบก่อนทหารของมัน
*/*/*/*/*
เถาวัลย์ขนาดใหญ่ม้วนพันรอบร่างของบาเบลดุจรองรับเขาไว้มิให้กระแทกกับพื้น เกลียวสีเขียวซึ่งโอบรัดกายราชาหนุ่มคลายตัวออกทีละน้อยปล่อยร่างของเขาให้ไหลเลื่อนลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นหญ้า บาเบลลืมตาและเลื่อนมือไปจับหลาวไม้ซึ่งยังคงปักติดแน่นบนแผ่นอก เขาพยายามดึงมันด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอยู่แต่ไม่สำเร็จ ราชันย์นักรบนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ดวงตาเริ่มหรี่ปรือลง มันเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำพื้นหญ้าเดินเข้ามาจนใกล้ บาเบลรีบขยับมือเอื้อมไปหยิบดาบซึ่งตกอยู่ข้างตัวแต่เขากลับไม่มีแรงแม้แต่จะยกมัน ราชาหนุ่มขบกรามตนเองแน่น เขาเพ่งสายตาจ้องไปยังร่างในชุดสีขาวซึ่งกำลังยืนมองเขานิ่ง เปลือกตาอันหนักอึ้งหรี่ปรือทีละน้อย ชั่วขณะหนึ่งที่ราชันย์ทมิฬสังเกตเห็นปลายไม้เท้าสีขาวคุ้นตาอย่างเลือนราง
เอรุย
บาเบลพึมพำออกมาก่อนสติจะดับวูบลง
*/*/*/*/*
แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 51 18:41:24
จากคุณ :
Moony_Lupin
- [
29 ม.ค. 51 18:40:48
]