Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เรื่องเล่าจากคนทำป้ายสุสานจีน

    วันนี้ไปเดินเล่นออกกำลังกาย เดินไปใต้สะพานลอยข้ามรางรถไฟ
    สายไปที่โรงพักตำรวจหาดใหญ่กับที่ว่าการอำเภอ เจอร้านชำร้านหนึ่ง
    แลยเดินแวะซื้อน้ำมันเบนซินขวดหนึ่งราคายี่สิบห้าบาท
    เพื่อนำไปเติมรถจักรยานยนต์ ที่ขับจนน้ำมันรถจักรยานยนต์หมดถัง
    ก่อนขับไปเติมที่ปั้มน้ำมันแทนการรุน(เข็น)ไปที่ปั้มน้ำมัน
    ก็พบเจ้าของร้านที่แต่เดิมขายป้ายฮวงจุ๊ยของคนจีนที่ทำ
    จากหินแกรนิต สอบถามว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แกก็บอกว่าจะเลิกทำแล้ว
    เพราะช่างแกะสลักหินหายากมาก และในตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีงานหรือคนมาสั่งซื้อ
    หินหน้าหลุมศพแล้ว ส่วนหนึ่งคนจีนรุ่นใหม่ตอนนี้ก็นิยมเผาศพ
    และเริ่มลอยอังคารกันแล้ว แทนการฝังศพแบบแต่ก่อน
    ซึ่งต้องมีพิธีกรรมมาไหว้ทุกปีในวันเชงเม้ง  หรือต้องรวมญาติไปทำ
    ความสะอาดหลุมฝังศพ (เป็นอุบายให้สมานสามัคคีกัน)

    แต่โลกปัจจุบันคนเราทำงานไกลกันมากขึ้น เวลาก็ไม่ค่อยจะ
    มีกันหรือสะดวกในการนัดหมายให้มาพร้อม ๆ กัน
    รวมทั้งธรรมเนียมไทยสมัยก่อนก็จะมีการลอยอังคารส่วนหนึ่ง
    อีกส่วนหนึ่งก็ไว้กับบัว และต้องมีพิธีกรรมไหว้กระดูกปีหนึ่งไม่ต่ำกว่าสามครั้ง
    คือ เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลบุญเดือนสิบ และ/หรือวันที่นัดหมายกัน
    ในหมู่ญาติมิตรให้มาทำบุญกระดูกให้ผู้ตาย

    พูดคุยกันหลายเรื่อง เช่น แกบอกว่าป้ายหินแกรนิตถ้ามีรอยร้าวก็มีกาวประเภท
    หนึ่งหลอดพันกว่าบาทหยอดแล้วประกบให้แน่น จะมองไม่เห็นเลยว่าเป็นรอย
    แตกร้าวมาก่อน เลยเล่าให้แกฟังว่าเคยอ่านวารสารวิศวกรรม
    เจอว่าหินรูปธรรมจักรที่พุทธมณฑล มีรอยแตกร้าวสามรอย
    และมีการใช้ลวดรัดให้กลับคืนสภาพเดิมก่อนทำการแกะสลัก
    แกบอกนั่นแหละหยอดกาวที่ว่า เพราะแกไปซ่อมตามฮวงจุ้ย
    บ่อย ๆ ที่มีการแตกร้าวหรือมีคนเมาทุบทำลายเวลาเมา
    ช่างก่อสร้างทะเลาะกับญาติพี่น้องของคนตาย  เวลาว่าจ้าง
    ให้ทำฮวงจุ๊ย หรือตอนติดตั้งก้อนหินมีการแตกร้าวขึ้นมาบ้าง
    ต้องไปซ่อมแซมหรือย้อมแมว รวมทั้งงานของแกเองที่เวลา
    แกะสลักแล้วหินแตกร้าว  ก็หยอดกาวดังกล่าวแล้วรีบจับมุม
    ให้แน่นไว้ก็จะยึดติดแน่น แม้ว่าตกหล่นอีกหรือสกัดก็ไม่แตก

    แกเล่าเรื่องที่แกเคยไปกับหมอดูฮวงจุ้ยคนหนึ่ง ที่เจอศพคน
    ตายแล้วไม่เน่าสองศพ ศพแรกเป็นคนจีนในตลาดทำธุรกิจ
    ร้านทองรูปพรรณ กับ โรงแรมชั้นสาม บนถนนสายหลัก
    หมอดูท้าเลยว่า ถ้าขุดศพขึ้นมาแล้วเน่าผุพังหมดแล้วให้ฝัง
    แกลงไปได้เลย ที่หน้าจะมีรอยเส้นดำพาดอยู่เป็นเส้นเหมือน
    เงาสายไฟฟ้าพาดผ่าน เมื่อขุดขึ้นมาก็จริงแม้ว่าฝังมาสิบปี
    แล้วก็ตาม ตกลงต้องจ้างคนไทย/สัปเหร่อ ให้ขูดเนื้อออกมา
    ให้หมดให้เหลือแต่กระดูก ก่อนจัดรูปร่างใหม่ให้เหมือนกับ
    คน เศษเนื้อและเครื่องในก็เอาไปเผาเสีย แล้วย้ายหลุมศพไป
    ฝังที่แห่งใหม่ เพราะคนจีนเชื่อว่าที่ฝังศพบางหลุม ศพจะไม่
    เน่าเปื่อยตามธรรมชาติของการฝัง  เป็นที่ไม่เป็นมงคล เรื่องนี้
    เชื่อได้เพราะเป็นศพของพ่อเพื่อนคนหนึ่ง และเป็นข่าวที่มีการ
    พูดถึงกันมากในหาดใหญ่สมัยหนึ่ง (ส่วนหมอดูคนนี้ตอนนี้ไป
    ทำมาหากินที่กรุงเทพฯ กับปริมณฑล ข่าวว่าจบจากไต้หวัน
    ปริญญาตรี ก่อนมาศึกษาทางด้านนี้ เห็นว่าดูครั้งละไม่ต่ำ
    กว่าหนึ่งแสนบาทขึ้นไป  ถ้าสอบถามคนในวงการก็น่าจะรู้จัก
    ว่าเป็นใคร เพราะข่าวว่าเป็นคนมาจากหาดใหญ่)

    อีกศพหนึ่งที่แกไปกับญาติพี่น้องที่สุสานสะเดา เป็นศพโจรจีน
    คอมมิวนิสต์ถูกยิงตายจากการปะทะกันที่มาเลเซีย แล้วนำศพ
    กลับมาประเทศไทยแจ้งว่าไม่ทราบสาเหตุว่าใครยิงตาย
    มีรอยกระสุนเต็มร่างอยู่ตามร่างกาย แม้ว่าศพดังกล่าวจะมี
    การฝังมานานกว่ายี่สิบห้าปีแล้ว
    กล่าวคือ ในบางธรรมเนียมของคนจีนบางกลุ่ม/บางแห่งก็จะ
    ถือว่าไปเกิดใหม่แล้ว สามารถรื้อหลุมศพได้เพื่อไปทำพิธีทาง
    ศาสนาพุทธ หรือไม่ต้องกลับมาไหว้ในพิธีเช้งเม้งอีก
    สภาพศพที่แกเจอคือตาหายไปแล้ว แต่หน้าตายังอยู่ปกติ
    ศพมีสภาพเปียกน้ำหรือชุ่มน้ำอยู่ครึ่งท่อนส่วนล่าง
    ไม่เน่าเปื่อยรวมทั้งเสื้อผ้าด้วย เลยญาติพี่น้อง
    ต้องยกขึ้นบนสังกะสี แล้ววางถ่านรอบ ๆ เผากันตรงใกล้กับ
    บริเวณที่ฝังศพ ก่อนนำกระดูกฝังตรงหลุมเดิมอีกยี่สิบปีก็
    ค่อยมาขุดใหม่ (เพราะถือว่ายังไม่ไปเกิดใหม่) ลูกหลานแกก็
    มาเปิดร้านขายของที่หาดใหญ่ (ไม่ขอบอกสถานที่)

    แกยังเล่าว่า เพื่อนแกก็เคยเจอที่จังหวัดตรัง เป็นศพหญิงสาว
    ตายมากว่าสามสิบปีแล้วก็ไม่เน่า สภาพศพเหมือนคนตาย
    ใหม่ ๆ ยังสาวสวยอยู่อย่างไรอย่างนั้น  คนทำพิธีฝังศพก็เชื่อว่า
    น่าจะเป็นบริเวณหลุมนั้นที่จะเป็นเช่นนั้น แกเรียกว่า ซี่นั่งตี่
    หรือที่คนตายอะไรทำนองนี้แหละ ก็ต้องนำไปเผาหรือขุดเนื้อ
    กับเครื่องในออกมา หรือย้ายหลุมฝังศพไปที่อื่นเพื่อให้ศพเน่า
    เปื่อยตามธรรมชาติ

    นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่คนรุ่นใหม่ ๆ นิยมเผาศพแล้วไป
    ลอยอังคารตามที่หลวงพ่อปัญญานันทะภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษฏิ์
    จังหวัดนนทบุรี ทีเทศน์ไว้นานแล้วก่อนมรณภาพไว้ว่า
    วัดแกตอนนี้ห้ามมาใส่บัวหรือฝังตามรอบเสารอบศาลา แกว่า
    แกะกะ รกรุงรัง ไม่สวยงาม และอีกอย่างตอนนี้ลูกหลานแต่ละคน
    หลาย ๆ ครอบครัว ก็ไปทำงานกันที่ห่างไกลกันมากแล้ว
    ไปมานัดรวมญาติก็ลำบาก แกเทศน์ว่าให้เผาแล้วไปลอย
    อังคารในแม่น้ำ ทะเล คิดถึงวันไหนก็ไปดูแม่น้ำ ทะเลที่ไหน
    ก็ได้จะได้ระลึกว่าอีกไม่นานหนาเราก็คงเป็นเช่นนี้เอง แบบ
    คนที่เราลอยอังคารไป

    อีกอย่างที่พบคือ หลายครอบครัวในหาดใหญ่ที่เจอปัญหาที่
    ว่าเวลาฝังศพเสร็จก็จะมีนายหน้าพาหมอดูฮวงจุ๊ยมาทักว่า
    ทำแบบฮวงจุ๊ยหรือฝังที่นี้จะมีปัญหาเซี่ยหรือชง (ชนหรือกระทบ)
    กับลูกหลานคนนั้นคนนี้ ถ้าเชื่อมากก็เรื่องมาก เพราะ
    ต้องทำการ รื้อใหม่ทำใหม่ ย้ายที่ใหม่ ก็หลายตังค์ กว่าจะ
    แก้ไขลงตัว เผลอ ๆ พี่น้องลูกหลานทะเลาะกันหมดบ้าน
    เพราะการแก้ไขอาจจะไปเซี่ยหรือชงกับลูกหลานอีกคน
    หรือทำให้พี่น้องบางครอบครัวได้ดี บางครอบครัวลำบาก
    ตามความเชื่อถือหรือคำแนะนำของหมอดูฮวงจุ๊ย
    เลยหลายบ้านก็เผา ๆ ไปเสียเลยจะได้หมดเรื่องหมดราวไป

    แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 51 22:14:27

    แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 51 10:06:04

    จากคุณ : ravio - [ 16 ธ.ค. 51 20:34:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com