Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ตำนานการจีบสาว : นิทานก้อมของเซียงเมี่ยง

    อาจจะ sound track บ้างนะครับ  ขออภัยท่านที่ไม่คุ้นกับภาษาพื้นเมือง

    กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี่เอง  บักเซี่ยงเมี่ยงสมัยเป็นบ่าวซำน้อยได้มีโอกาสติดตามทิดพันไปจีบบ้านหมู่บ้านไกล้ ๆ กัน  ซึ่งทิดพันกับสาวหวึ่ง (ในอดีตภาคอีสาน  ชื่อนี้ฮิตมาก ปัจจุบันถ้าไปเรียกสาวๆ แบบนี้มีสิทธิ์โดนงอน)  ก็คบกันมาระยะหนึ่ง  แต่ยังไม่ถึงขั้นกล้าไปจีบคนเดียว  เนื่องจากทิดพันบวชมานานพึ่งจะสึกและเป็นคนขี้อาย  ไม่ค่อยพูด   ถึงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม  ตรงตามเวลานัดหมาย  ทิดพันกับบักเซียงเมี่ยงก็ถีบโรลสรอยคันหรู  2 ที่นั่ง  (จักรยานตราจระเข้) มาจอดตรงหน้าบ้านสาวหวึ่ง

    ทิดพัน : สาวหวึ่ง  นอนล่ะไป่ (นอนหรือยัง)

    สาวหวึ่ง : ยังจ้า....เชิญขึ้นบนบ้านเลยจ้าอ้ายทิด

    ***

    ทิดพันขึ้นไปบนบ้านสาวหวึ่งโดยมีบักเซียงเมี่ยงเลี่ยงไปนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของบ้าน  เพื่อเปิดโอกาสให้บ่าวสาวได้คุยกัน  

    ทิดพัน : กินข้าวแลงกับหยัง

    สาวหวึ่ง : มื่อนี่พ่อได้ปลาช่อนตัวนึง  เลยทำต้มยำจ้า

    ทิดพัน : มื่อนี้  อากาศฮ้อน  อบอ้าว  เห็ดปลวกเป็นตะออกหลายเนาะ

    สาวหวึ่ง : จ้า...

    ถามเรื่องอาการการกิน  และสภาพดินฟ้าอากาศจบประโยคนั้นแล้ว  บ่าวสาวทั้งคู่ก็ได้แต่นั่งมองตากันปริบ ๆ  ไม่รู้จะพูดอะไร  เนื่องจากไม่ใช่คนที่คุยเก่งทั้งคู่   แต่ทิดพันเป็นคนขยัน  พูดน้อยต่อยหนัก  จึงเป็นที่ถูกใจว่าที่พ่อตา  จึงอนุญาตให้มานั่งจีบลูกสาวทุกวัน

    ***

    นั่งเงียบกันครู่ใหญ่  สายตาทิดพันเหลือบไปเห็นรองเท้าคู่นึงวางตรงบันใด  เลยโพล่งขึ้นว่า
    ทิดพัน : เกิบผู้ใด๋น้อ นั่น
    สาวหวึ่ง : เกิบพ่อข่อยเอง
    ทิดพัน : เจ้าว่า  ข่อยกล้าหลึก (โยน) ลงล่าง (ลงข้างล่าง) บ่
    บักเซียงเมี่ยง : (ส่ายหัวไปมาพร้อมกับ  หัวเราะอยู่ในใจ  คำถามมีมากมายหลายอย่าง  ถามคำถามปัญญาอ่อนจริงๆ)
    แว่ว ๆ ได้ยินเสียงกระแอมดังนิดนึงจากห้องของว่าที่พ่อตา  สงสัยแกคงกำลังนอนฟังหนุ่มสาวคู่นี้คุยกันอยู่  สังเกตุจากควันยาสูบที่ลอยออกมา  ทิดพันได้ยินแล้วสะดุ้งเล็กน้อย  สาวหวึ่งยิ้มไปกับคำถามของทิดพัน  พลางพูดว่า
    สาวหวึ่ง : หลึกโลด  ถ้าบ่ย่านพ่อข่อยเตะ

    ***

    จากคำถามนั้นก็เงียบกันไปพักใหญ่  นั่งสบตากันไปมา  กระทั่งเริ่มได้ยินเสียงฟ้าร้อง  ไฟฟ้าก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ  ทำท่าว่าจะดับ  บักเซียงเมี่ยงเห็นเป็นโอกาสเลยกระเถิบไปไกล้ๆ  ทิดพัน
    บักเซียงเมี่ยง : ถ้าไฟดับ  ให้ฟ้าว (รีบ) กอดเด้ออ้าย
    ทิดพัน : เขาสิบ่เตะ เอาเหรอ
    บักเซียงเมี่ยง : บ่เป็นหยังดอก  ผู้สาวเขาก็มีใจอยู่  กอดโลด ๆ

    และแล้วไฟก็ดับพรึบลงทั้งหมู่บ้าน  จังหวะเดียวกันนั้น  ทิดทิดพันที่ได้รับแรงยุจากบักเซียงเมี่ยงก็เริ่มปฏิบัติการโดยกางแขนออก  ทำท่าว่าจะเอื้อมไปกอดสาวเจ้า  ทันใดนั้นไฟฟ้าก็กระพริบถี่ๆ  แล้วก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที  สาวหวึ่งหันมาเจอทิดพันที่อยู่ในอาการเตรียมพร้อมที่จะตะครุบก็ตกใจเล็กน้อย  รีบมองตาเขียวพร้อมกระซิบถามเบา ๆ
    สาวหวึ่ง : อ้ายทิดจะเฮ็ดหยังงงง น่ะ

    ทิดพันเหงื่อกาฬแตกพลั่ก  คิดในใจว่าไม่น่าไปฟังไอ้เด็กเมื่อวานซืนเลย  ทันใดนั้น  เสียงจากสวรรค์ก็ออกมากจากปากบักเซียงเมี่ยง
    บักเซียงเมี่ยง : อับ แอ้.....(แกล้งทำเสียงร้องของตุ๊กแก)

    เร็วเท่าความคิด  ทิดพันซึ่งกางแขนค้างอยู่  ทำตาลุกวาวมองไปที่สาวหวึ่ง  แล้วพูดขู่ออกมาแบบขึงขังฟังชัดว่า

    “กินตับคนก่อนหนา”

    เสียงสำลักควันบุหรี่ดังออกมาจากห้องของว่าที่พ่อตาที่แอบฟังอยู่  แกคงจะนึกไม่ถึงกับประโยคเอาตัวรอดของทิดพัน บักเซียงเมี่ยงก็กลั้นหัวร่อตรงริมบันใด  ส่วนสาวหวึ่งก็ถึงกับอึ้งไปกับมุขของทิดพัน  ปกติแล้วมุขนี้  แถวภาคอีสานจะใช้สำหรับหยอกกับเด็กเล็ก 1-3 ขวบ  ซึ่งก็จะทำให้เด็ก ๆ กลัว  วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น (ไม่แน่ว่าคำนี้อาจจะมาจาก “ซีอุยกินตับเด็ก” ก็ได้)

    ***

    เมื่อเห็นท่าว่าจะไปไม่รอด  บักเซียงเมี่ยงก็แกล้งหาว  ส่งสัญญาไปยังทิดพันว่า  ไม่ไหวแล้ว
    ทิดพัน : บอกแล้วว่า บ่ ให้มานำ  ถ้าง่วงกะจะพากลับ  มื่อนี่อ้ายกลับก่อนเด้อ
    สาวหวึ่ง : (พึ่งหายจากอาการช็อกเล็กน้อย  กำลังอยู่ในอาการเขินอาย)  จ้า...กลับ ระวังงูเงี้ยวเกี้ยวขอ เด้ออ้าย

    หลังจากพนักงานขับรถ (บักเซียงเมี่ยง) ถอยรถออกมารับเจ้านายจังหวะที่ทิดพันก้าวขึ้นซ้อนท้ายนั่นเอง  แกก็นึกขึ้นได้ประโยคนึง  รีบตะโกนบอกสาวหวึ่งทันที  

    ทิดพัน : เอ่อ  ปลาช่อนตัวนั้น  เจ้าคือบ่ต้มป่น (ทำน้ำพริก) มันจึงจะกินได้ดน (ดน = นาน)

    บักเซี่ยงเมี่ยงเอาศอกกระทุ้งไปที่สีข้างทิดพัน  พลางบ่นพึมพำ  “มาคิดได้อะไรตอนนี้  ทำไมไม่รอโทรมาบอกตอนพรุ่งนี้ล่ะ”

    ว่าแล้วก็พาทิดพันซิ่งกลับทันที  

    หลังจากนั้น   บักเซี่ยงเมี่ยงก็ไม่ได้ติดตามทิดพันไปจีบสาวที่ไหนอีกเลย  (เพราะเขาทั้งคู่ได้แต่งงานกันแล้วอย่างมีความสุข)

    ปิดตำนาน  “ซีอุยกินตับเด็ก”

    ***

    ปล.
    เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่แทบจะเป็นตำนานของการจีบสาวแถวๆ อุบลบ้านผม  ได้ยินตั้งแต่สมัยเด็กเล็ก  โตขึ้นเล่าให้เพื่อนฟังที่โรงเรียนก็ยังฮากันอีก  เล่าเมื่อไหร่ก็ฮากันเมื่อนั้นครับ  (ขออภัยถ้าคนภาคอื่นอาจจะไม่เข้าใจมุขนี้นะครับ  แต่ถือซะว่าเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคอีสานนะครับ)

    หลึก = ขว้าง
    ดน/โดน = นาน
    หยัง = อะไร
    ล่ะไป่ = หรือยัง
    ข่อย = ฉัน ผม หนู
    มื่อนี่ = วันนี้
    บ่าวซำน้อย = หนุ่มวัยรุ่น
    เห็ดปลวก = เห็ดโคน



    *** หล่อนะ...แต่ไม่แสดงออก***

    แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 20:42:03

    จากคุณ : seangmeag13 - [ 17 ม.ค. 52 20:39:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com