อาจจะ sound track บ้างนะครับ ขออภัยท่านที่ไม่คุ้นกับภาษาพื้นเมือง
กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี่เอง บักเซี่ยงเมี่ยงสมัยเป็นบ่าวซำน้อยได้มีโอกาสติดตามทิดพันไปจีบบ้านหมู่บ้านไกล้ ๆ กัน ซึ่งทิดพันกับสาวหวึ่ง (ในอดีตภาคอีสาน ชื่อนี้ฮิตมาก ปัจจุบันถ้าไปเรียกสาวๆ แบบนี้มีสิทธิ์โดนงอน) ก็คบกันมาระยะหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นกล้าไปจีบคนเดียว เนื่องจากทิดพันบวชมานานพึ่งจะสึกและเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยพูด ถึงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ตรงตามเวลานัดหมาย ทิดพันกับบักเซียงเมี่ยงก็ถีบโรลสรอยคันหรู 2 ที่นั่ง (จักรยานตราจระเข้) มาจอดตรงหน้าบ้านสาวหวึ่ง
ทิดพัน : สาวหวึ่ง นอนล่ะไป่ (นอนหรือยัง)
สาวหวึ่ง : ยังจ้า....เชิญขึ้นบนบ้านเลยจ้าอ้ายทิด
***
ทิดพันขึ้นไปบนบ้านสาวหวึ่งโดยมีบักเซียงเมี่ยงเลี่ยงไปนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของบ้าน เพื่อเปิดโอกาสให้บ่าวสาวได้คุยกัน
ทิดพัน : กินข้าวแลงกับหยัง
สาวหวึ่ง : มื่อนี่พ่อได้ปลาช่อนตัวนึง เลยทำต้มยำจ้า
ทิดพัน : มื่อนี้ อากาศฮ้อน อบอ้าว เห็ดปลวกเป็นตะออกหลายเนาะ
สาวหวึ่ง : จ้า...
ถามเรื่องอาการการกิน และสภาพดินฟ้าอากาศจบประโยคนั้นแล้ว บ่าวสาวทั้งคู่ก็ได้แต่นั่งมองตากันปริบ ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร เนื่องจากไม่ใช่คนที่คุยเก่งทั้งคู่ แต่ทิดพันเป็นคนขยัน พูดน้อยต่อยหนัก จึงเป็นที่ถูกใจว่าที่พ่อตา จึงอนุญาตให้มานั่งจีบลูกสาวทุกวัน
***
นั่งเงียบกันครู่ใหญ่ สายตาทิดพันเหลือบไปเห็นรองเท้าคู่นึงวางตรงบันใด เลยโพล่งขึ้นว่า
ทิดพัน : เกิบผู้ใด๋น้อ นั่น
สาวหวึ่ง : เกิบพ่อข่อยเอง
ทิดพัน : เจ้าว่า ข่อยกล้าหลึก (โยน) ลงล่าง (ลงข้างล่าง) บ่
บักเซียงเมี่ยง : (ส่ายหัวไปมาพร้อมกับ หัวเราะอยู่ในใจ คำถามมีมากมายหลายอย่าง ถามคำถามปัญญาอ่อนจริงๆ)
แว่ว ๆ ได้ยินเสียงกระแอมดังนิดนึงจากห้องของว่าที่พ่อตา สงสัยแกคงกำลังนอนฟังหนุ่มสาวคู่นี้คุยกันอยู่ สังเกตุจากควันยาสูบที่ลอยออกมา ทิดพันได้ยินแล้วสะดุ้งเล็กน้อย สาวหวึ่งยิ้มไปกับคำถามของทิดพัน พลางพูดว่า
สาวหวึ่ง : หลึกโลด ถ้าบ่ย่านพ่อข่อยเตะ
***
จากคำถามนั้นก็เงียบกันไปพักใหญ่ นั่งสบตากันไปมา กระทั่งเริ่มได้ยินเสียงฟ้าร้อง ไฟฟ้าก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ ทำท่าว่าจะดับ บักเซียงเมี่ยงเห็นเป็นโอกาสเลยกระเถิบไปไกล้ๆ ทิดพัน
บักเซียงเมี่ยง : ถ้าไฟดับ ให้ฟ้าว (รีบ) กอดเด้ออ้าย
ทิดพัน : เขาสิบ่เตะ เอาเหรอ
บักเซียงเมี่ยง : บ่เป็นหยังดอก ผู้สาวเขาก็มีใจอยู่ กอดโลด ๆ
และแล้วไฟก็ดับพรึบลงทั้งหมู่บ้าน จังหวะเดียวกันนั้น ทิดทิดพันที่ได้รับแรงยุจากบักเซียงเมี่ยงก็เริ่มปฏิบัติการโดยกางแขนออก ทำท่าว่าจะเอื้อมไปกอดสาวเจ้า ทันใดนั้นไฟฟ้าก็กระพริบถี่ๆ แล้วก็สว่างจ้าขึ้นมาทันที สาวหวึ่งหันมาเจอทิดพันที่อยู่ในอาการเตรียมพร้อมที่จะตะครุบก็ตกใจเล็กน้อย รีบมองตาเขียวพร้อมกระซิบถามเบา ๆ
สาวหวึ่ง : อ้ายทิดจะเฮ็ดหยังงงง น่ะ
ทิดพันเหงื่อกาฬแตกพลั่ก คิดในใจว่าไม่น่าไปฟังไอ้เด็กเมื่อวานซืนเลย ทันใดนั้น เสียงจากสวรรค์ก็ออกมากจากปากบักเซียงเมี่ยง
บักเซียงเมี่ยง : อับ แอ้.....(แกล้งทำเสียงร้องของตุ๊กแก)
เร็วเท่าความคิด ทิดพันซึ่งกางแขนค้างอยู่ ทำตาลุกวาวมองไปที่สาวหวึ่ง แล้วพูดขู่ออกมาแบบขึงขังฟังชัดว่า
กินตับคนก่อนหนา
เสียงสำลักควันบุหรี่ดังออกมาจากห้องของว่าที่พ่อตาที่แอบฟังอยู่ แกคงจะนึกไม่ถึงกับประโยคเอาตัวรอดของทิดพัน บักเซียงเมี่ยงก็กลั้นหัวร่อตรงริมบันใด ส่วนสาวหวึ่งก็ถึงกับอึ้งไปกับมุขของทิดพัน ปกติแล้วมุขนี้ แถวภาคอีสานจะใช้สำหรับหยอกกับเด็กเล็ก 1-3 ขวบ ซึ่งก็จะทำให้เด็ก ๆ กลัว วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น (ไม่แน่ว่าคำนี้อาจจะมาจาก ซีอุยกินตับเด็ก ก็ได้)
***
เมื่อเห็นท่าว่าจะไปไม่รอด บักเซียงเมี่ยงก็แกล้งหาว ส่งสัญญาไปยังทิดพันว่า ไม่ไหวแล้ว
ทิดพัน : บอกแล้วว่า บ่ ให้มานำ ถ้าง่วงกะจะพากลับ มื่อนี่อ้ายกลับก่อนเด้อ
สาวหวึ่ง : (พึ่งหายจากอาการช็อกเล็กน้อย กำลังอยู่ในอาการเขินอาย) จ้า...กลับ ระวังงูเงี้ยวเกี้ยวขอ เด้ออ้าย
หลังจากพนักงานขับรถ (บักเซียงเมี่ยง) ถอยรถออกมารับเจ้านายจังหวะที่ทิดพันก้าวขึ้นซ้อนท้ายนั่นเอง แกก็นึกขึ้นได้ประโยคนึง รีบตะโกนบอกสาวหวึ่งทันที
ทิดพัน : เอ่อ ปลาช่อนตัวนั้น เจ้าคือบ่ต้มป่น (ทำน้ำพริก) มันจึงจะกินได้ดน (ดน = นาน)
บักเซี่ยงเมี่ยงเอาศอกกระทุ้งไปที่สีข้างทิดพัน พลางบ่นพึมพำ มาคิดได้อะไรตอนนี้ ทำไมไม่รอโทรมาบอกตอนพรุ่งนี้ล่ะ
ว่าแล้วก็พาทิดพันซิ่งกลับทันที
หลังจากนั้น บักเซี่ยงเมี่ยงก็ไม่ได้ติดตามทิดพันไปจีบสาวที่ไหนอีกเลย (เพราะเขาทั้งคู่ได้แต่งงานกันแล้วอย่างมีความสุข)
ปิดตำนาน ซีอุยกินตับเด็ก
***
ปล.
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่แทบจะเป็นตำนานของการจีบสาวแถวๆ อุบลบ้านผม ได้ยินตั้งแต่สมัยเด็กเล็ก โตขึ้นเล่าให้เพื่อนฟังที่โรงเรียนก็ยังฮากันอีก เล่าเมื่อไหร่ก็ฮากันเมื่อนั้นครับ (ขออภัยถ้าคนภาคอื่นอาจจะไม่เข้าใจมุขนี้นะครับ แต่ถือซะว่าเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคอีสานนะครับ)
หลึก = ขว้าง
ดน/โดน = นาน
หยัง = อะไร
ล่ะไป่ = หรือยัง
ข่อย = ฉัน ผม หนู
มื่อนี่ = วันนี้
บ่าวซำน้อย = หนุ่มวัยรุ่น
เห็ดปลวก = เห็ดโคน
*** หล่อนะ...แต่ไม่แสดงออก***
แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 20:42:03
จากคุณ :
seangmeag13
- [
17 ม.ค. 52 20:39:12
]