Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ชายชราชาวจีนคนที่สาม

    ชายชราคนที่สาม

    ที่โรงแรมชั้นสี่แห่งหนึ่งของหาดใหญ่ ถนนสายสาม
    มีชายชาวจีนไหหลำคนหนึ่งจะอยู่เฝ้าเป็นประจำ
    กินอยู่และหลับนอนอยู่ภายในโรงแรมแห่งนี้ตลอด
    แกชอบใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินและเสื้อยืดคอกลมสีขาว
    อยู่มานานเข้าจึงรู้ว่าแกชื่อ โกหย่ง
    เป็นคนจีนถือใบต่างด้าวจากประเทศจีน มาอยู่ทำงานที่
    โรงแรมแห่งนี้กว่าสี่สิบปีแล้ว  และไม่รู้หนังสือไทยเลย
    พูดภาษาไทยได้บ้าง  แต่ที่พูดได้ถนัดคือภาษาจีนไหหลำ
    รายการเอกสารราชการหรือหนังสือที่เป็นภาษาไทย
    ก็ต้องให้ลูกหลานเจ้าของโรงแรมหรือคนงานที่รู้หนังสือไทย
    ช่วยอ่านให้ฟังหรือกรอกรายการเอกสารราชการที่กำหนดมาให้
    ทราบแต่ว่า แกเป็นเพื่อนกับเถ้าแก่คนเดิมที่เสียชีวิตแล้ว
    โดยได้เดินทางร่วมกันมาทำงาน/ทำมาหากินที่เมืองไทยนานแล้ว
    ชีวิตก็วนเวียนอยู่กับข้างบนโรงแรมและข้างล่างโรงแรม
    ซึ่งเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟตั้งอยู่ที่ถนนสายสาม
    และที่ทราบก็คือ แกไม่เคยเดินทางไปไกลที่ไหนอีกเลย
    การท่องเที่ยวที่ได้ไปไกลที่สุดคือ
    สถานที่ท่องเที่ยวในโทรทัศน์เท่านั้น
    นี่คือชีวิตหนึ่งของชายชราชาวจีนคนหนึ่งที่พบเจอ

    แต่อีกแห่งหนึ่งเป็นร้านอาหารจีนไหหลำ
    จะมีชายชราชาวจีนอีกคนหนึ่งชือ โกหย่ง    เหมือนกัน
    แต่เป็นกุ๊กชาวจีนไหหลำที่มีฝีมือเด่นมาก
    ในเรื่องการนำเนื้อแพะมาปรุงอาหารน้ำแดง (แพะน้ำแดง)
    ทุก ๆ ปีแกจะได้รับเชิญให้ไปทำการฝากฝีมือเรื่องเนื้อแพะ
    ไว้เป็นอาหารหลักและสำคัญมากที่สุด
    ที่สมาคมไหหลำหาดใหญ่ ในงานฉลองเฉลิมศาลเจ้าประจำปี
    และเป็นการนัดพบปะสังสรรค์ระหว่างลูกหลานคนจีนไหหลำในหาดใหญ่
    โกหย่ง  คนนี้จะเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดเพราะมีรายได้จากร้านอาหาร
    แต่ตอนนี้แกวางมือแล้ว หรือล้างดาบในอ่างทองคำ
    (ภาษากำลังภายในคือ ล้างมือในอ่างทองคำ หมายถึง ขอเลิกยุ่งเกี่ยวกับ
    ยุทธจักร ขอเลิกแล้วต่อกันทั้งบุญคุณและความแค้นที่มีมาต่อกัน)
    คือให้ลูกสาวกับลูกเขยทำร้านอาหารแทน ที่ตึกแถวจันทร์นิเวศน์
    การอยู่กันสองคนตายายที่ร้านอาหารแห่งนี้
    ทำให้ร้านแห่งนี้เปิดบ้างปิดบ้างตามใจของแกกับภริยา
    ที่บ้างครั้งก็ต้องไปโรงพยาบาลหรือไปเที่ยวกันสองคนตายาย
    ทำให้ลูกสาวกับลูกเขยแกก็ต้องปิดร้านตามไปโดยปริยาย
    เพราะต้องไปดูแลแกที่โรงพยาบาลหรือติดตามแกไปเที่ยว

    ข่าวท้ายสุดของโกหย่งที่โรงแรมชั้นสี่คือ
    แกได้ออกไปเที่ยวนอกโรงแรมแล้วและไม่ต้องนอนที่โรงแรมอีกแล้ว
    เป็นการออกเดินทางไกลและอยู่นอกโรงแรมที่ยาวนานครั้งหนึ่งในชีวิต
    คือแกต้องไปที่โรงพยาบาลหาดใหญ่   เพื่อรักษาโรคเบาหวาน
    ทำให้สุดท้ายแกต้องถูกตัดขาข้างขวาไป ต้องนั่งอยู่บนรถเข็น
    แล้วลูกหลานเถ้าแก่ก็ให้ย้ายแกไปอยู่ในห้องนอนห้องหนึ่งที่กั้นขึ้นมาใหม่
    เพราะที่โรงแรมเดิมไม่สะดวกในการเลื่อนรถเข็นไปมาและการเข้าออกห้องน้ำ
    ตลอดจนการหาสถานที่จอดรถยนต์รับส่งเวลาต้องพาแกไปโรงพยาบาล
    รวมทั้งสภาวะจิตใจของแกก็ไม่พร้อม/มีอารมณ์ในการทำงานแล้ว
    ที่อยู่แห่งใหม่เป็นบ้านพักตึกแถวสามชั้น สองคูหาติดกัน
    เป็นตึกแถวของเจ้าของโรงแรมชั้นสี่ ตั้งอยู่แถวถนนละม้ายสงเคราะห์
    สองชั้นบน/ล่าง จะมีฝาผนังกั้นระหว่างสองคูหา  บันไดแต่ละห้องแยกต่างหาก
    ทำเป็นที่พักให้คนงานร้านอาหารของโรงแรมที่ยังไม่มีสถานที่พัก
    ให้มาพักรวมกันแห่งนี้  เพื่อความสะดวกในการติดตามตัวคนงาน
    และเป็นสวัสดิการส่วนหนึ่งให้คนงาน
    ที่ห้องพักแห่งนี้  โกหย่งก็ได้เดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง
    จากสถานีโทรทัศน์จอสี สิบสี่นิ้วเพียงลำพัง
    โดยลูกหลานของเถ้าแก่ก็ยังให้แกอยู่และเลี้ยงดูตามสภาพ

    แต่วันหนึ่งช่วงหัวค่ำ  มีโจรผู้ชายสองคนเอาผ้าสีดำคลุมหัวและใบหน้า
    บุกเข้ามาในห้องนอนของแก  แล้วยกทีวีสีแกออกไป
    แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแกแต่อย่างใด  
    ลำพังแต่ตัวแกเองก็ไม่สามารถป้องกันอะไรได้
    เพราะนั่งอยู่บนรถเข็นและเหลือเพียงเท้าเดียว
    แกนั่งร้องไห้อยู่นาน   และร้องขอความช่วยเหลือจากคนงานก็ไม่มีใครรู้เรื่อง
    จนกระทั่งสองทุ่มเศษจึงมีคนงานที่กลับบ้านพักรู้ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น
    เพราะในช่วงเกิดเหตุยังไม่มีใครกลับมาพักที่บ้านพักในช่วงนั้น
    เมื่อลูกหลานเถ้าแก่ทราบ ก็เลยต้องซื้อทีวีสีเครื่องใหม่ให้แกอีกเครื่อง
    และกำชับให้แกปิดประตูให้เรียบร้อยด้วยเวลาอยู่เพียงลำพัง
    ในช่วงที่คนงานส่วนใหญ่ยังไม่กลับจากที่ทำงาน

    หลังจากนั้นไม่นาน  โรคเบาหวานก็กำเริบอีก
    ก็ต้องส่งแกไปโรงพยาบาลหาดใหญ่อีกครั้ง
    แต่แกก็หมดสภาพแล้วและคงตรอมใจเลยจากโลกแห่งนี้ไป
    ผ่านการทำพิธีฌาปนกิจศพจากลูกเถ้าแก่และคนงานที่รู้จักแก
    พร้อมกับนำเถ้าอังคารไปลอยน้ำที่ทะเลสาบสงขลา
    เพื่อให้ส่งสายใยและความคิดถึงไปยังเกาะไหหลำ
    บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาไกลแสนไกล
    และไม่เคยได้หวนคืนกลับไปอีกเลย
    หลังจากเดินทางย้ายมาทำมาหากินที่เมืองไทย

    นี่คือชายชราชาวจีนอีกคนหนึ่งที่พอรู้จัก
    ที่อยากจะมาบุกเบิกสร้างความร่ำรวยในประเทศไทย
    แล้วจะกลับไปเยี่ยมญาติมิตรที่บ้านเกิดเมืองจีนที่ไหหลำ
    เพื่อช่วยเหลือญาติพี่น้อง หรือเพื่อไปอวดหรือบอกฐานะของตน
    ว่าประสบความสำเร็จในเมืองไทย แต่ก็ไม่สำเร็จตามความต้องการ
    แต่แกก็ยังได้อีกอย่างคือ ได้ฝากผีฝากไข้กับลูกหลานของเถ้าแก่เดิม

    ก็คงเหมือนกับป้ายฮวงจุ๊ยของคนจีนคนหนึ่ง
    ที่จารึกไว้ที่สุสานจีนที่ ป่าช้าวัดดอน ยานนาวา (กรุงเทพฯ)
    ที่มีคนแปลมาจากภาษาจีน จำได้เลา ๆ ว่า

    เคยล่องผ่านน้ำดำ  
    เคยกินน้ำขม
    หวังอยากเป็นเจ้าสัวที่เมืองไทย
    แต่สุดท้ายก็ฝังอยู่ที่
    งี่ซัวเต็ง (ป่าช้าวัดดอน)

    ฉบับเดิมที่ค้นหาเจอ (ต้องขอโทษจำคนแปล/เขียนไม่ได้)
    เคยล่องผ่านน้ำดำ
    เคยกินน้ำขม
    ความในใจอันเต็มอุระ
    ไหลไปกับสายน้ำ
    หวังจะเป็นเจ้าสัว
    ไม่สามารถกลับสู่แผ่นดินเกิด
    เมื่อแก่ลงก็ฝังกระดูกที่งี่ซัว (ป่าช้าวัดดอน)

    เขียนจากความทรงจำก่อนที่จะเลือนหายไป
    ถึงชายชราชาวจีนอีกคนหนึ่งที่เคยพบเจอที่บ้านเกิดเมืองนอน

    แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 52 15:47:30

    แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 52 14:08:26

    แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 52 13:58:59

    จากคุณ : ravio - [ วันเนา (14) 10:16:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com