 |
สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ บทที่ 4
|
|
บทที่ 4
คิดว่าจะเป็นท่อนไม้ใหญ่ตีเยวียนยางยังไงดี
เทพสมุทรบูรพาเดินนำทางอยู่ข้างหน้า ก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อยเดินโยกเยกไปมาคนเดียวอยู่ตรงกลาง ส่วนเยี่ยหัวคว้ามือของข้าไว้เดินปิดท้าย
ข้าก็แค่พูดปดนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น แถมคำโกหกนี้กว่าครึ่งยังเป็นไปเพื่อช่วยปกป้องก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อยที่เขาเป็นคนให้กำเนิดมาก้อนนั้นอีกด้วย เขาน่าจะสามารถทำเป็นลืมตาข้างหลับตาข้างได้แท้ๆ แต่กลับดันจงใจมาหาเรื่องข้าเสียนี่ มันช่างน่าโมโหนัก
ข้าเองก็ไม่อาจมัวแต่ห่วงบุคลิกของซ่างเสินอีกต่อไป ตัดสินใจใช้วิชาคาถา คิดหมายจะสลัดหลุดจากเยี่ยหัว เยี่ยหัวหัวเราะเบาๆ ใช้วิชาคาถามาต่อต้านเช่นกัน
ข้ากับเขาต่อสู้ประลองวิชาคาถากันมาตลอดทาง เยี่ยหัวถือดีที่ไม่ต้องกลัวความแตก แต่ข้ากลับต้องคอยสังเกตดูปฏิกิริยาของเทพสมุทรบูรพาอยู่ตลอดเวลา หนึ่งใจใช้สองด้าน สู้กันถึงตอนท้าย กลับพ่ายแพ้อนาถ
ไม่นานก่อนหน้านี้ พี่สี่บอกข้าว่า โลกหล้าในปัจจุบัน สู้ยุคทวยเทพบรรพกาลเมื่อครั้งกระโน้นไม่ได้เลยสักนิด บรรดาเทพเซียนทั้งหลายรู้จักแต่เริงสำราญไปวันๆ วิชาเซียนไม่เชี่ยวชาญ วิถีเต๋าเสื่อมทราม มันช่างน่าแค้นเคืองเดือดดาลเป็นยิ่งนัก มิคาดวิชาอาคมของเยี่ยหัวจวินกลับก้าวหน้าเลิศล้ำถึงเพียงนี้ นับว่า วิชาเซียนไม่เชี่ยวชาญ บ้านปู่มัน วิถีเต๋าเสื่อมทราม บ้านย่ามันโดยแท้
เทพสมุทรบูรพาหันหน้ามายิ้มประจบเต็มหน้า แต่สองตากลับยังคงจ้องมองมือของข้ากับเยี่ยหัวที่กุมกันอยู่เขม็ง
จวินซ่าง ท่านทูตเซียน ข้างหน้าก็คือห้องโถงใหญ่
ก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อยโห่ร้องยินดี แล้วเดินเข้ามาจูงมือข้างที่ว่างอยู่ของข้าอย่างว่าง่าย วางมาดเคร่งขรึมสำรวมสมกับเป็นหลานชายคนสำคัญของเทียนจวิน
หากเวลานี้ผู้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งซึ่งข้ากำลังยืนอยู่ คือพระชายารองที่เยี่ยหัวเก็บเอาไว้ยังตำหนักสวรรค์ผู้นั้นละก็ การจัดเรียงขบวนกับในรูปนี้ กลับนับว่าสมควรแก่เหตุผล สุดจะกล่าวตำหนิได้
วันนี้ตอนที่กล่าวลาจากเจ๋อเหยียน ข้าควรจะให้เขาช่วยเสี่ยงทายให้ข้าดูโดยแท้ เพราะไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะเป็นวันที่ดวงชนกับเวลาเกิดของข้าอย่างจังก็เป็นได้
ประตูห้องโถงแกะสลักเลี่ยมทองก่ออิฐหยกนั่นได้อยู่ใกล้แค่ตรงหน้านี่แล้ว และศีรษะของเปิ่นซ่างเสินเอง เวลานี้ก็เริ่มที่จะปวดตุบๆ อยู่รำไร
<>::<>::<>
บรรดาเทพเซียนภายในห้องโถงใหญ่ต่างรอคอยเวลางานเลี้ยงเริ่มกันตาละห้อย เยี่ยหัวเพิ่งจะเผยโฉมออกมา เหล่าเทพเซียนก็พากันคุกเข่าลงเป็นสองแถวโดยพร้อมเพรียง โดยเว้นทางเดินตรงกลางตรงดิ่งไปยังที่นั่งเจ้าภาพเอาไว้
ครั้นพวกเราทั้งสามคนขึ้นไปนั่งลงยังบัลลังก์อันเป็นที่นั่งเจ้าภาพเป็นที่เรียบร้อย เหล่าเทพเซียนทั้งหลายจึงค่อยร้องสรรเสริญออกมา จากนั้นต่างคนต่างก็ทยอยกันเข้านั่งประจำที่ งานเลี้ยงเป็นอันเริ่มต้นขึ้นเช่นนี้เอง
เทพเซียนซึ่งนั่งอยู่ใกล้ที่สุดเข้ามาคารวะสุรา หลังจากคารวะเยี่ยหัวแล้วก็มาคารวะข้า โดยพูดว่า
เสี่ยวเสินกลับมีบุญได้น้อมเข้าเฝ้าซู่จิ่นเหนียงเนี่ยงในที่นี้ นับว่าเป็นบุญของเสี่ยวเสินอย่างยิ่ง...เป็นบุญของเสี่ยวเสินอย่างยิ่ง...
เยี่ยหัวประคองจอกสุราอยู่ข้างๆ โดยวางท่าเหมือนกำลังรอดูงิ้วหลงโรง และบทบาทที่ข้าต้องแสดงนี้ มันก็ลักลั่นแท้ๆ
เทพสมุทรบูรพาหน้าซีดขาวไปทั้งหน้าทันควัน พยายามส่งสายตาไปให้เทพเซียนที่ยังคงนึกปลาบปลื้มในความมีบุญของตัวเองอย่างสุดชีวิต
ข้าสุดจะทนดูต่อไปได้ไหว จึงหัวเราะแหะๆ ให้เทพเซียนคนนั้นแล้วพูดว่า
ความจริงแล้วเสี่ยวเซียนคือน้องสาวแท้ๆ ที่พลัดพรากจากกันมานานของเยี่ยหัวจวิน เวลานี้กำลังทำงานรับใช้อยู่ที่ป่าท้อของเจ๋อเหยียนซ่างเสิน
อาการจิบเหล้าของเยี่ยหัวชะงักกึก เหล้าในจอกกระฉอกออกมาไม่ใช่แค่หยดสองหยด
เทพสมุทรบูรพามองข้าอย่างงุนงง
เทพเซียนที่มาคารวะสุรากลับทำสีหน้าเหมือนกลืนแมลงวันตายเข้าไปทั้งตัว ประคองจอกบรรจุสุราเต็มจอก จะดื่มก็ใช่ที่ จะถอยก็ใช่ที่ ครู่ใหญ่ให้หลังจึงค่อยพูดออกมาอย่างกระดากกระเดื่อง
เสี่ยวเสินสายตาย่ำแย่ ขอปรับตัวเองหนึ่งจอก ขอปรับตัวเองหนึ่งจอก
ข้ายิ้มอย่างปรานี มิได้ถือสาจริงจัง และดื่มเป็นเพื่อนเทพเซียนผู้นั้นไปด้วยหนึ่งจอก
ข้างล่างสังสรรค์เฮฮากัน หูของจิ้งจอกนั้นเฉียบไว ระหว่างคารวะสุรากันไปมา ก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่รางๆ หลายเสียง
เสียงหนึ่งพูดว่า วันนี้ไม่ได้พบกูกู นับว่าน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง แต่ดูทูตเซียนท่านนี้ของเจ๋อเหยียนซ่างเสิน ก็พอจะมีเรื่องให้สนทนาได้เหมือนกัน พวกท่านว่าที่กูกูไม่มาในวันนี้ ใช่เป็นเพราะทราบดีว่าเยี่ยหัวจวินกับท่านเทพสมุทรอุดรต่างก็มาร่วมในงานเลี้ยงด้วยหรือไม่ ดังนั้นถึงได้...
เสียงหนึ่งพูดว่า คำพูดนี้ของสหายเซียนไม่แปลกปลอม ในความเห็นของเปิ่นจวิน การที่กูกูผิดนัดในครั้งนี้ ส่วนเจ๋อเหยียนซ่างเสินกลับส่งท่านทูตเซียนมาร่วมในงานเลี้ยง จะต้องมีเบื้องหลังแอบแฝงอยู่อย่างใหญ่หลวงเป็นแน่ ทุกท่านควรทราบว่า เนื่องจากนิสัยอันแปลกประหลาดของเจ๋อเหยียนซ่างเสิน ทำให้ในครั้งนี้เทพสมุทรบูรพาไม่ได้ส่งเทียบเชิญไปให้ท่าน
เสียงหนึ่งพูดว่า มีเหตุผลๆ ที่น่าประหลาดคือ ทูตเซียนผู้นี้ของเจ๋อเหยียนซ่างเสินกลับยังเป็นน้องสาวของเยี่ยหัวจวินอีกด้วย
อีกเสียงหนึ่งพูดว่า ข้าผู้เฒ่ากลับสังสัยนัก ว่าทูตเซียนผู้นี้คือน้องสาวของเยี่ยหัวจวินจริงๆ รึ? ข้าผู้เฒ่ารับราชการทำงานที่ตำหนักสวรรค์มาหลายปีปานนี้ กลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเยี่ยหัวจวินมีน้องสาวอยู่ด้วย
ตามด้วยอีกเสียงพูดว่า เมื่อกี้สหายเซียนไม่เห็นหรือว่าเยี่ยหัวจวินจูงมือทูตเซียนผู้นั้น? ดูจากการนี้แล้ว เรื่องที่ว่าเป็นพี่น้องกันกลับมีความน่าเชื่อถืออยู่หลายส่วน
ข้าคิดว่าหากเทพสมุทรบูรพาประกาศเลิกงานเลี้ยงในตอนนี้ละก็ บรรดาเทพเซียนเหล่านี้จะต้องดีอกดีใจจนลุกขึ้นเต้นระบำ จากนั้นแห่กันไปหาที่ลับตาคนสักที่ถกถึงเรื่องนี้กันอย่างถึงพริกถึงขิงเป็นแน่
แต่บัดนี้เทพเซียนเหล่านี้กลับต้องพยายามฝืนทนข่มกลั้นอยู่ในงานเลี้ยง โดยได้แต่แอบกระซิบข้างหูกัน 1-2 ประโยคนานๆ ครั้งเท่านั้น ต้องฝืนอดทนข่มกลั้นอย่างทรมาทรกรรม เจ็บช้ำระกำทรวงถึงเพียงนี้
ข้าถอนหายใจสองเฮือก แล้วดื่มเอาเองไปอีกหนึ่งจอก มิคาดเยี่ยหัวกลับขมวดคิ้วบ่นว่า
เจ้านี่คอแข็งเชียวนะ ระวังดื่มมากเกินไปแล้วจะมาเล่นบทเมาอาละวาดอีกละ
ข้านึกดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหล้าของเทพสมุทรบูรพานี้ แม้จะนับได้ว่าเป็นยอดสุราธาราหยก(๑)ได้เช่นกันก็ตาม แต่เมื่อนำมาเทียบกับเหล้าที่เจ๋อเหยียนบ่มแล้ว ก็เป็นได้แค่น้ำเปล่าเท่านั้น
ข้าคร้านจะสนใจเยี่ยหัว เพราะจะอย่างไรก็ฉีกหน้าแตกหักกันไปแล้ว ได้แต่เจ็บใจที่เปิ่นซ่างเสินโชคไม่ดี กระดาษสัญญาแต่งงานเพียงแผ่นเดียวกลับแข็งขืนจับข้ามาเข้าคู่กับเขาเท่านั้น
<>::<>::<>
งานเลี้ยงดำเนินไปได้ครึ่งหนึ่ง ข้าก็ไม่เหลือความกระตือรือร้นอยู่อีก และคิดแต่จะรีบกินข้าวมื้อนี้ให้เสร็จเร็วๆ จะได้รีบกลับโพรงจิ้งจอกไปคลุมโปงนอนหลับให้สบายเสียแต่เนิ่นๆ
ในจังหวะนี้ เทพสมุทรบูรพาก็ได้ปรบมือแปะๆๆ ขึ้นสามครั้ง
ข้าฝืนใจกระตุ้นตัวเองเงยหน้าขึ้นดู ก็ได้เห็นกลุ่มนางรำเดินนวยนาดเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ในมือของทุกนางต่างถือพัดจีบ ชุดที่สวมก็มีแต่แบบเย็นสบายทั้งนั้น ข้านึกประหลาดใจ นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงวันเกิดของเทพสมุทรบูรพาสักหน่อย งานเลี้ยงครบเดือนของเด็กทารก ต้องให้กลุ่มนางรำมาเสริมสร้างความครึกครื้นด้วยรึ?
เสียงเครื่องดีดสีตีเป่าลอยเป็นสายเข้ามาในโสต ข้าสนใจแต่ชะโงกตัวออก
ไปหยิบกาเหล้าซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดมา
เมื่อกาลก่อนข้าโชคดีมีโอกาสถูกราชาปิศาจฉิงชางลักพาตัวไปอยู่รบกวนยังวังต้าจื่อหมิงกงของเขาเป็นหลายวัน บรรดานางรำในวังต้าจื่อหมิงกง มีทั้งที่หมดจดงดงาม ที่ทั้งที่เรียบหรูสูงสง่า และมีทั้งที่เย้ายวนหยดย้อย จากการที่จำเป็นต้องเสแสร้งคลุกคลีตีโมงอยู่กับพวกนางเป็นสามวันห้าวันโดยไม่มีทางเลือก ทำให้ในสี่ทะเลแปดแว่นแคว้นนี้ไม่มีกลุ่มนางรำกลุ่มใดสามารถเป็นที่ต้องใจของข้าได้อีก
ข้าเหลือบไปมองเยี่ยหัวที่นั่งข้างๆ เขาเองก็มีท่าทางเบื่อหน่ายอย่างยิ่งเช่นกัน
ก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อยกลับพลันถอนหายใจออกมา
โอ๊ะ! เจี่ยเจียคนนั้นนี่นา
ข้ามองไปยังกลางห้องโถงตามสายตาของก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อย เหล่านางรำชุดขาวกำลังแสดงเป็นกลีบดอกบัวสีขาวประคองยกสาวน้อยชุดเหลืองที่อยู่ตรงกลาง
สาวน้อยชุดเหลืองนั้นแวบแรกที่เห็นไม่ได้มีสิ่งใดพิเศษโดดเด่น แต่บนใบหน้ากลับมองเห็นเงาของเทพสมุทรบูรพาอยู่รำไรได้หลายส่วน
ข้าหันไปมองหน้าเทพสมุทรบูรพาอย่างอดไม่ได้
เทพสมุทรบูรพากระแอมออกมา แล้วยิ้มเจื่อนๆ อย่างกระอักกระอ่วนพลางพูดว่า
น้องสาวของข้าเอง จากนั้นสืบเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่งไปถึงข้างตัวก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อย เทียนซุนน้อยรู้จักน้องสาวข้าด้วยหรือ?
ก้อนแป้งข้าวเหนียวหันมามองข้า ก่อนจะอึกอักว่า
รู้จักนั้นรู้จักอยู่ แต่กลับรีบโบกมือยืนกรานในจุดยืนอย่างมั่นคงทันที แต่เปิ่นเทียนซุนไม่สนิทกับนาง พูดจบก็แอบมองฟู่จวินของตนแวบหนึ่ง
เวลานี้น้องสาวของเทพสมุทรบูรพาคนนั้นกำลังจ้องมองตาละห้อยมายังเยี่ยหัวจวินที่นั่งอยู่ข้างๆ ข้า สายตาทั้งร้อนแรงสนิทสนมและอ้างว้าง ทั้งปวดร้าวและสุขใจ
เยี่ยหัวถือจอกสุรา สีหน้าเรียบสนิท เพียงพริบตาเดียวก็ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นเทพหนุ่มผู้เย็นชาที่ข้าได้เห็นในตอนแรกนั่นอีกครั้ง
นี่มันแสดงงิ้วฉากไหนกัน? ดอกร่วงมีใจ น้ำไหลไร้ใจ?(๒) สาวน้อยมากอารมณ์พบชายหนุ่มผู้เย็นชา เชี่ยเซินมีใจเป็นเถาวัลย์ร้อยรัดต้น จนใจที่หัวใจหลางจวินดั่งเหล็กกล้า เชี่ยเซิน(๓)ช่างน่าเวทนานัก?
ข้าพยักหน้าอย่างพอใจ เป็นงิ้วหลงโรงที่น่าสนุกองก์หนึ่งจริงๆ ด้วย
ข้ารินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก แล้วชมดูอย่างสนุกสนานยิ่ง ขณะที่กำลังถึงตอนตื่นเต้นนั่นเอง เสียงเครื่องดนตรีกลับหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน น้องสาวเทพสมุทรบูรพาคนนั้นหันมากราบคารวะทางเยี่ยหัว จากนั้นก็เดินพลิ้วลอยออกไปภายใต้การห้อมล้อมของกลุ่มนางรำ
เยี่ยหัวหันหน้ามามองข้า พูดด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้ม
ไยสีหน้าท่านทูตเซียนจึงเต็มไปด้วยความผิดหวังเช่นนั้นเล่า?
ข้าลูบหน้าตัวเอง หัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน
ใช่หรือ?
__________________________________
เชิงอรรถ
๑. ยอดสุราธาราหยก (琼浆玉液 : qiong jiang yu ye : ฉงเจี้ยงอวี้เยี่ย) หมายถึง น้ำเหล้าที่ทำจากการนำหยกเนื้อดีชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ฉง มาหลอมละลาย ในตำนานจีนเชื่อกันว่าหากดื่มแล้วจะสามารถกลายเป็นเซียน (อ่านต่อท้ายเล่ม)
๒. ดอกร่วงมีใจ น้ำไหลไร้ใจ (落花有意,流水无情 : luo hua you yi, liu shui wu qing : ลั่วฮวาโหย่วอี้ หลิวสุ่ยอู๋ฉิง) หมายถึง ดอกไม้มีใจปล่อยตัวร่วงจากต้นลงมาหาสายน้ำไหล แต่สายน้ำกลับไม่มีใจจะรักดอกไม้ร่วง (อ่านต่อท้ายเล่ม)
๓. เชี่ยเซิน (妾身: qie shen) เป็นคำเรียกตัวเองอย่างถ่อมตัวของผู้หญิงจีนโบราณ
จากคุณ |
:
Linmou
|
เขียนเมื่อ |
:
30 มี.ค. 53 18:47:53
|
|
|
|  |