 |
ความคิดเห็นที่ 47 |
แต่งโคลงเป็นตามตำรับประมวญมารค
ท่านจันทร์ผู้เป็นปรมาจารย์บอกว่าแต่งโคลงได้ไม่ยาก หัดอย่างเอาจริงเอาจัง ๓ วันก็แต่งได้ แค่แต่งให้ตรงตามฉันทลักษณ์ทุกประการก็ถือว่าแต่งโคลงได้แล้ว แต่แต่งโคลงให้เป็นนั้นยากมาก ที่สำคัญหาไม้บรรทัดมาวัดยากว่าแต่งได้แค่ไหนถึงเรียกว่าเป็น
ไม้บรรทัดอันที่ ๑ โคลงอำแทนเอก
โคลงเก่ายอมอำให้.......................แทนเอก แต่สำนวนโหยกเหยก...................จำไว้ ค่อยค่อยคลำค่อยเสก....................จักขำ กว่านา จะลำบากอย่าได้............................ทำโก้โวหารฯ
สูตรตำรับประมวญมารคออกจะพิศดารไปหน่อยเมื่อเทียบกับตำราปกติ อย่างอันนี้ให้ใช้คำสระอำแทนคำเอก ทั้ง 7 แห่ง ที่ว่าพิศดารเพราะตำราส่วนใหญ่นั้น คำเอกแทนที่ได้เฉพาะคำตาย หาได้ยอมให้ใช้สระอำแทนไม่
หนอนสุราวิเคราะห์แล้ว สระอำน่าจะใช้แทนเอกได้ เพราะเป็นคำเสียงเบา ซึ่งแปลง่ายๆ ว่าคือคำที่ตะโกนไม่ได้ เช่นเดียวกับคำว่า เป็น จึง แล ฯลฯ คำพวกนี้โบราณยอมให้ใช้แทนเอกได้เหมือนกัน และเอาไปใช้แทนตำแหน่งลหุ ในฉันท์ก็ได้เช่นกัน
บทนี้มีสิ่งพิเศษอีกอย่างคือท่านจันทร์แต่ง แล้วท่านอังคารตามมาแจม บทข้างบนเป็นของท่านจันทร์ ลีลาง่ายๆ ถูกต้องตามบังคับทุกประการ บทข้างล่างต่อไปนี้ของท่านอังคาร จินตนาการหวือหวากว่าเยอะ
ยายกะตาตำข้าว........................กลางจันทร์ หอมรำมาพาขวัญ.........................งำฟ้า ดึกดึกดำบรรพ์ฝัน.......................ขำขำ ลำนำโลมใจหล้า.........................ทำให้หฤหรรษ์
ประโยชน์ของแบบฝึกหัดนี้ คือทำให้จำตำแหน่งคำเอกได้อย่างแม่นยำ คำเอกในโคลงมีอยู่มากถึง 7 แห่ง เวลาแต่ง มักจะผิดกันบ่อย จำตำแหน่งไม่ค่อยได้ ถ้าแต่งโคลงบทนี้ได้ก็จะจำตำแหน่งคำเอกได้อย่างไม่รู้ลืม
ข้อควรระวังคืออย่าเลียนแบบท่านอังคาร เพราะท่านเป็นหนึ่งในนักเลงโคลงแห่งยุค ส่วนพวกเรามือใหม่ให้เลียนแบบท่านจันทร์ดีกว่า คำไหนที่ไม่ใช่ตำแหน่งเอก อย่าไปใช้คำสระอำ จะได้จำแม่น
กลเม็ดเคล็ดลับของแบบฝึกหัดบทนี้ คือจดคำที่มีสระอำ (ห้ามคำที่มีวรรณยุกต์ เช่น น้ำ, ซ้ำ, ย้ำ ฯลฯ) ลงบนกระดาษให้ได้หลายๆ คำ จากนั้นลองผูกเนื้อความด้วยคำที่หามาได้ จุดที่ยากที่สุดคือคำบาทที่สองที่อยู่คู่กับคำโท ต้องคิดสองชั้นคือหาคำที่ได้ความหมายด้วย และต้องคิดว่าจะส่งสัมผัสไปให้รับแล้วได้เนื้อความทั้งบทด้วย
อโหสิกรรมใดทำไว้.......................ไม่เหมาะ อย่าสำคัญผิดเพราะ......................คำพ้อง อย่าเก็บงำมันเจาะ........................ใจจำ เจ็บแล แซวอำฉันพี่น้อง...........................ขำให้ใจสบายฯ
จากคุณ : หนอนสุรา - [29 ต.ค. 44 19:28:11]
ไม้บรรทัดอันที่ ๒ โคลงรกโท
เลี้ยงช้างให้เก็บขี้................ช้างกิน ต้องหมั่นซ้อมให้ชิน.............ปากได้ กล้วยอ้อยมะพร้าวติณ..........ช้างชอบ ขี้ใส่หม้อต้มให้.....................กลิ่นร้ายสิ้นสูญฯ
แบบฝึกหัดนี้เริ่มยากขึ้นเยอะ ปกติเวลาแต่งโคลง แค่หาโท ๔ ตัวมาผูกกันให้ได้ความหมายก็ยากมากแล้ว แต่นี่ต้องใช้โทถึง ๑๙ ตัว คือทุกคำที่ไม่ใช่คำเอก (๗ ตำแหน่ง) บวกคู่สัมผัสคู่แรก ๓ คำ (คำสุดท้ายบาทที่ ๑, คำที่ ๕ ของบาทที่ ๒ และ ๓) กับคำส่งท้ายบทอีก ๑ คำ นอกนั้นให้ใช้คำโททั้งหมด
ถึงบทนี้จะค่อนข้างยาก แต่ฝึกแล้ววิชาโคลงจะรุดหน้าอย่างรวดเร็ว และโคลงที่แต่งได้จะได้คำไทยแท้ๆ เป็นส่วนใหญ่ ต่อไปจะทำให้แต่งโคลงได้สวย โดยไม่ต้องประดิดประดอย ประดิษฐ์ด้วยคำวิลิศมาหรา
กลเม็ดเคล็ดลับอยู่ที่คิดเนื้อความที่จะแต่งให้ได้ทั้งบทก่อน โดยคิดเรื่องที่เอื้อต่อการใช้คำโทเยอะ อย่างเลี้ยงช้าง ตามตัวอย่าง หรือเลี้ยงน้องๆ แบบใครบางคน อิอิ
คำโทที่สำคัญที่สุดคือคู่ที่รับสัมผัสกัน พยายามผูกเนื้อความคู่นี้ให้เข้ากันให้ได้ก่อน ตรงนี้เป็นเคล็ดของการเขียนโคลงสี่เลยก็ว่าได้
ท้องฟ้ากว้างห่างกั้น...............เวิ้งไกล ร้อยรักข้ามฟ้าไป...................ปลอบเจ้า ท้อแท้อย่าแพ้ใจ....................สู้ต่อ บ้านแห่งนี้เฝ้าเย้า..................หยอกให้ยิ้มหัวฯ
จากคุณ : หนอนสุรา - [29 ต.ค. 44 19:33:53]
ไม้บรรทัดอันที่ ๓ โคลงเอกโทษ โทโทษ
เชิญดูตูค่าเหล้น.......................................โคลงโลด โผนเทอญ (ข้า, เล่น) ยกค่อยอประโยชน์....................................เค่าเหยี้ยง (ข้อ, เข้า, เยี่ยง) เอกโทษท่อยโทโทษ.................................เทียบใฮ่ เห็นฮา (ถ้อย, ให้) แปรแซร่งแปลงถูกเถี้ยง...........................ท่วนถี้ดีแสดงฯ (แสร้ง, เที่ยง, ถ้วน, ที่)
ข้างบนนี้เป็นบทนิพนธ์ของน.ม.ส. จากเรื่องสามกรุง ตอนพระเจ้าเอกทัศน์ทรงโคลงให้นางสนมฟัง จุดประสงค์ของน.ม.ส. เอาไว้อำพวกยึดติดกับรูปแบบโคลงพระลอชนิดไม่ยอมปล่อยยอมวาง บทนี้เหมือนโคลงแบบพระลอทุกประการ แต่ล้อโดยแปลงให้เป็นเอกโทษโทโทษทุกแห่ง
วงเล็บ หนอนสุราวงไว้ให้อ่านความหมายง่ายขึ้น
ส่วนข้างล่างนี้ท่านจันทร์ โอรสน.ม.ส. นิพนธ์
อุทกไพรไหลเค่าถ้วม...............................ถึงธา นีเอย (เข้า, ท่วม) ไหลคึ่นเขตเคหา......................................ฮ่องถั้ว (ขึ้น, ห้อง, ทั่ว) พันธุ์ผักค่าวในนา.....................................ตายซิ่น สูญแฮ (ข้าว, สิ้น) นึกเซ่าเนานาฉั้ว......................................ญ่าเหน้าเฉาโฉมฯ (เศร้า, ชั่ว, หญ้า, เน่า)
ข้างล่างอีกที หนอนสุรา ประพันธ์
กวีวายหายแฮ่งถั้ว...................................จากสยาม ยอมฤา (แห้ง, ทั่ว) ยอมซู่ลิขิตความ......................................ท่อยถื้อ (สู้, ถ้อย, ทื่อ) สืบสานซร่างโคลงตาม..............................เทียบคึ่น ต่อเทอญ (สร้าง, ขึ้น) สูญซิ่นเอกกวินทร์ฉื้อ...............................ซิ่นฉื้อชาติกวีฯ (สิ้น, ชื่อ, สิ้น, ชื่อ)
จากคุณ : หนอนสุรา - [29 ต.ค. 44 19:37:50]
ไม้บรรทัด ๓ อันนี้ เอามาจากกระทู้เก่าตอนเล่นอยู่ที่กลุ่มมองอดีต ก่อนหน้านี้ ตอนเข้ามาที่ถนนนักเขียนช่วงแรกก็เคยเอามาเล่นแล้ว แปลว่าใครเคยผ่านมาตรวัดนี้แล้ว จะข้ามเลยก็ได้ แต่ใครยังไม่เคยลอง ควรลองอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้วิชาโคลงรุดหน้าอย่างรวดเร็ว
คำเตือน อย่าผสมข้ามสายพันธุ์ เช่น เอาอำแทนเอกบวกรกโท เพราะจะทำให้แต่งยากมาก จนผลสุดท้ายเนื้อความเละ ลมปราณปั่วป่วน ทางที่ถูกคือทำตามแบบให้ได้เป๊ะๆ พยายามแต่งให้ได้เนื้อความชัดที่สุดเท่าที่ทำได้ และถ้าได้เสียงดีด้วยก็จะยอดเยี่ยม
จากคุณ : หนอนสุรา - [29 ต.ค. 44 19:53:51]
ไม้บรรทัดอันที่ ๔ โคลงกลบทสองชนิด
ท่านจันทร์กำหนดให้แต่งโคลงกลบทสองชนิดๆ ละ ๒ บท เลือกได้จากกลบทสิบแบบตามความถนัด แต่ตัวอย่างอันนี้ขอข้าม เพราะเล่นแบบครบชุดไปหลายครั้งแล้ว
ตอนแรกว่าจะเขียนลิ้งค์ไปให้ แต่หากระทู้บ่เจอ
จากคุณ : หนอนสุรา - [1 พ.ย. 44 18:31:07]
ไม้บรรทัดอันที่ ๕ โคลงเล่นความสลับ
"กวีไทยแต่ไหนแต่ไรชอบเล่นคำ นอกจากนั้นบางกวีชอบเล่นความ คือใช้คำๆ เดียวหรือความประโยคเดียวให้ได้สองอย่างสามอย่าง ส่วนเล่นความสลับ คือใช้คำหนึ่งหรือประโยคหนึ่ง สองหรือสามหน ให้อ่านได้สองสามอย่าง แล้วแต่จะให้ความไหนอยู่ที่ไหน สลับกันได้ทุกแห่ง
ตัวอย่างเล่นคำ ขานางคิดคู่คู้ ขาสมร รักดั่งรักนุชพาง พี่ม้วยฯ (เตลงพ่าย)
ตัวอย่างเล่นความ ปิดปากไม่อยากต้อง แตะต้นขานางฯ (สามกรุง)
ตัวอย่างเล่นความสลับ ถ้าเปลี่ยนตัวอย่างข้างบนจาก ขานางคิดคู่คู้ ขาสมร เป็น ขานางคิดคู่คู้ ขานาง ก็จะเป็นเล่นความสลับ เพราะขานางจะแปลว่าต้นไม้ก็ได้ แปลให้สลับกันได้ด้วย"
อรรถาธิบายข้างต้นเป็นของท่านจันทร์ ลอกมาให้ดูเกือบทุกคำ เพราะไม่แน่ใจว่าจะสรุปเก็บความได้ชัดเจนหรือเปล่า
โคลงอันนี้ยังไม่เคยเอามาเล่นอย่างจริงจัง เลยยังไม่เข้าใจกลเม็ดเคล็ดลับการผูกโคลงแบบนี้ดีนัก ฉะนั้นตามมาฟังท่านจันทร์ต่อก่อน
"ตัวอย่างเล่นคำ เล่นความ แลเล่นความสลับมีอยู่ในโคลงบทหนึ่งในหนังสือนี้ขึ้นต้นว่า
บอกบททศพักตร์ซ้ำ อีกที สิบพักตร์ยักขลิงค์ศรี สิบพักตร์
ทศพักตร์-สิบพักตร์ เล่นคำ ยักขลิงค์ล้อเสียงลิงยักษ์อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า pun สิบพักตร์เล่นความ สิบพักตร์สองหนเล่นความสลับ...."
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วไม่เข้าใจก็บ่ต้องแปลกใจ หนอนสุราวนอ่านอยู่หลายเที่ยวเช่นกัน
ดูตัวอย่างเต็มๆ สักหนึ่งบทพร้อมคำอธิบายแลวิจารณ์ของท่านจันทร์เอง
"ลองอีกบทหนึ่งที่พิสดารยิ่งอีก มีความสลับแลสลับเสียง
ลมหนาวหนาวห่มผ้า ฤๅหาย พระท่านทายว่าตาย แน่แล้ว สายยาแม่ยาสาย เซ้าสวาท พี่รา ผี้ว่าพี่กอดแก้ว กลับเช้าชุ่มกชวยฯ
ในบาท ๓ สายยาแปลว่าหญิง ว่าประเภทยา ว่าน้ำกระสาย สลับความกันได้ ในบาท ๔ ผี้แลพี่สลับเสียงกันได้ คือผี้ว่าพี่ (ถ้าว่าพี่กอดแก้ว) หรือพี่ว่าผี้ (พี่ว่าถ้ากอดแก้ว) pun อย่างนี้เล่นนอกตำราฝรั่งไปหน่อย
จากคุณ : หนอนสุรา - [1 พ.ย. 44 18:32:31]
จากคุณ |
:
ศาลายา
|
เขียนเมื่อ |
:
6 มิ.ย. 53 03:35:36
|
|
|
|
 |