Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซรีญา The Dragon's Gate (1) ติดต่อทีมงาน

ตอนพิเศษของเซรีญาขอรับ   ใครไม่เคยอ่านเซรีญาอาจจะงงเล็กน้อย  ต้องขออภัยด้วย  เขียนแล้วสบายใจมาก  เลยเอามาตัดรสเจ้าขอรับสักแว้บ

วางโครงไว้แล้ว  น่าจะเขียนได้เร็ว  และจะพยายามไม่ให้กลายเป็นซาก้าสุดความสามารถเด้อ >_<'

###

๑.

เกจแห่งโคแรนนิอิดพบราชินีของเขายืนอยู่บนหน้าผา  หันหน้าออกสู่ทะเล  เหม่อมองไปยังขอบฟ้าห่างไกลไม่มีที่สิ้นสุด

เขามองไม่เห็นอะไรเลย...ทะเลฝั่งนี้ไม่มีเกาะ  ไม่มีแม้แต่หินโสโครกหรือหาดนกอย่างที่ชายฝั่งอีกด้าน  ทว่าถึงอย่างนั้นเกจก็ทราบดีว่าราชินีของเขา...ท่านเมราล...มองเห็นสิ่งใดจากที่ตรงนี้

หลายปีก่อนท่านเมราลมีความรักในแผ่นดินห่างไกล  กับหัวหน้าเผ่าชาวทะเลทรายซึ่งเก่งกล้าราวสิงโต  ทว่าท่านเมราลทิ้งความรักนั้นมา  เพราะท่านรักเผ่าโคแรนนิอิดยิ่งกว่า  ท่านต้องการหาแผ่นดินให้เผ่าเร่ร่อนของตนให้ได้ก่อน  ต้องการให้พวกเขาหยั่งรากฝังลงบนแผ่นดินใหม่ได้อย่างมั่นคง  ต้องการดูว่าทุกสิ่งเรียบร้อยและปลอดภัย

เกจมองราชินีของเขาเงียบ ๆ ...หลายปีมาแล้วจริง ๆ หลายปีจนเขาเติบโตขึ้น  เป็นชายหนุ่มและเป็นหัวหน้าพวกคนปลูกพืชเช่นนี้  ท่านเมราลยังคงงดงามไม่สร่างซา

ทว่าเศร้าเหลือเกิน...เศร้าเหลือเกิน

"ท่านเมราล ลมพัดรุนแรงนัก" เขาพูดขึ้น "พวกนางกำนัลเป็นห่วงท่าน  ให้ข้ามาตาม"

"เกจผมเงิน" ท่านเมราลเรียกชื่อซึ่งกลายเป็นสมัญญาของเขามาหลายปี "พืชผลเป็นอย่างไรบ้าง  ปีนี้"

"พันธุ์ท้องถิ่นก็ให้ผลดีอยู่  แต่พวกพืชที่ขนมาจากบนเรือคงต้องใช้เวลาอีก  ดีที่พวกคนของเรามีอะไรให้กินเขาก็กินกันทั้งนั้น...ต่อให้บางทีพวกคนแก่ ๆ จะพูดถึงแป้งจากข้าวพันธุ์ของเรา ว่าอร่อยและเหมาะสมจะใช้ทำอาหารในพิธีมากกว่าก็เถอะ..."

ใช่...พวกคนแก่ ๆ ที่ติดรสชาติเก่า ๆ เกจนึกในใจ  พวกที่ยังยึดติดกับเรื่องไปฆ่าเขา  ไปแย่งแผ่นดินเขา  พวกที่บอกว่าท่านเมราลผิดเพราะเลิกอยู่บนเรือแล้วมาตั้งรกรากบนเกาะนี้ ...พวกที่ยังคิดถึงแต่ท่านแชลลัม

...ท่านแชลลัม

เกจนึกถึงเรื่องก่อนนี้  สมัยที่ท่านแชลลัมผู้ปกครองเผ่าคนก่อนพยายามจะไปยึดเกาะของคนอื่นเขา  พยายามช่วงชิงเอาของวิเศษและทำลายคนอื่น  เมื่อก่อนนี้เขาคิดว่าท่านแชลลัมทำถูก  แต่มาคิดดูแล้ว  คนอื่น ๆ ที่ถูกชิงแผ่นดินนั้นก็คงไม่ชอบใจและเจ็บแค้นเหมือนกัน  เขาเองกว่าจะบุกเบิกเกาะใหม่นี้จนพออยู่ได้ก็ลำบากมาก  ...คนพวกนั้นคงเคยลำบากเหมือนกัน

คนที่เชื่อท่านเมราลมีมาก  แต่คนที่ต่อต้านก็มีอยู่  พวกนั้นไม่มีอำนาจนักหรอก  แต่ยังใช้ปากเป็นพิษได้   เขาจะเคยคิดบ้างไหมว่าที่จริงแล้วท่านเมราลก็เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เท่านั้นเอง  หนำซ้ำยังมีโรคประจำตัวมากมายเกินกว่าจะนับ  ท่านเมราลผ่านมาได้ขนาดนี้  เข้มแข็งมาได้ขนาดนี้  พวกนั้นจะเอาอะไรอีก

"ท่านเมราล" ชายหนุ่มพูดขึ้น  อารมณ์ของเขารุนแรง "ท่านเมราล  หากท่านจะจากไป...หาชายชาวทรายคนนั้น ก็ไปเถอะครับ  ทุกคนอยากเห็นท่านมีความสุข"

เมราลหันกลับมา  ใบหน้าของเธอยิ้มอ่อนหวาน

"แต่ข้าก็อยากเห็นทุกคนมีความสุขเหมือนกัน" ราชินีแห่งโคแรนนิอิดบอก "นะ...เกจผมเงิน"

...

เมราลกลับมายังที่อยู่ของตน   เธอไม่ได้อยู่บนเรือนานแล้ว   ทั้งยังเป็นคนแรก ๆ ที่ประกาศลงเรือมาอาศัยบนฝั่งด้วย   เธอทราบดีว่าหากยังอยู่บนเรือต่อไป   คนของตนก็จะผูกพันกับเรือ   จะไม่คิดว่าเกาะแห่งนี้เป็นดินแดนใหม่   แต่แม้พยายามทำอย่างนั้น   ผ่านไปหลายต่อหลายปีก็ยังคงมีคนที่กลัวบกไม่ยอมลงมา  

เธอเป็นคนเลือกเกาะแห่งนี้เอง   มันเป็นเกาะร้างขนาดไม่ใหญ่นัก   ห่างไกลจากเกาะเสือมาทางทิศตะวันออก  เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซึ่งอยู่ไม่ห่างจากทวีปใหญ่   เกาะนี้อยู่แยกจากหมู่เกาะที่เหลือ  จึงไม่มีใครจับจองเว้นแต่ชาวประมงจำนวนหนึ่งที่มาสร้างที่พักชั่วคราวไว้   นอกจากนั้นก็มีนักบวชพวกที่ปรารถนาจะอยู่ห่างไกลจากคนทั้งหลายอีกสองสามคน   เมราลกับพวกผู้เฒ่าที่เห็นด้วยกับเธอต่างช่วยกันใช้พลังหยั่งรู้ของโคแรนนิอิดสำรวจดินแดนนี้   หลังจากทำแผนที่เรียบร้อยแล้วจึงตกลงปลงใจว่าจะปักหลักที่นี่เอง   ผืนดินมีแร่ธาตุ   มีป่า  มีภูเขาสูง   มีเวิ้งอ่าวสามารถจอดเรือได้   และมีที่มากพอจะขยับขยายออกไป

หลังจากนั้นเธอจึงลงจากเรือ   เธอเป็นหนึ่งในคนโคแรนนิอิดไม่กี่คนที่เคยอยู่บนแผ่นดินเป็นเวลานานพอสมควร   คนอื่น ๆ ตามเธอลงมา   อัศจรรย์ใจยามเธอขึ้นไปบนที่สูง   และทอดตามองรอบ ๆ   เธอบอกเขาว่าสร้างหมู่บ้านกันตรงนี้เถิด   และคงต้องขอให้เขาสร้างกระท่อมให้เธอสักหลังด้วย   แต่พวกเขาบอกว่าไม่ได้   ท่านเมราลอย่าได้อยู่ในกระท่อมเด็ดขาด   จากนั้นก็สร้างบางสิ่งที่เกือบใหญ่โตเท่าพระราชวังให้เธอ   ปิดไว้ไม่ให้เธอรู้ว่าการก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง   รอให้เธอลงเรือมาเห็นและตกใจเอง   ตอนนั้นเมราลงุนงง  ถามว่าที่ใหญ่โตแบบนี้จะอยู่ได้อย่างไร   พวกโคแรนคนอื่นก็นิ่งอึ้งไปเหมือนกัน   พวกเขาเคยอยู่แต่บนเรือ   ห้องหับมักเล็กแคบอย่างยิ่ง  ไม่มีอาคารสูงเกินสองชั้น    หลังจากเมราลถามอย่างนั้น   หัวหน้านายช่างจึงได้เกาศีรษะแกรก ๆ   เขาว่าท่านเมราล   ข้าอยากให้ท่านอยู่วังยิ่งใหญ่กว่าของกษัตริย์อันเซลมา   แต่ที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่าข้างในมีอะไร

ช่วงนั้นเองที่มีนกทะเลตัวหนึ่งบินมาจากทางตะวันตก   มันเป็นนกทะเลปีกกว้างยาว   เมื่อถึงก็เกาะลงตรงระเบียงหน้าต่างห้องของเมราล   ตอนนั้นเธอยังอยู่ทั้งบนเรือและบนบก   นกมาเยือนเธอบนเรือ

นกนำจดหมายมาสองฉบับ   ใส่ซองซ้อนกันไว้    เพียงจดหมายในซองด้านนอกก็ทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจ   มันเป็นลายมืองดงามของเทรมิส นิ รูฮาห์  ...เทรมิสแห่งหอกาล   พ่อมดแห่งกาลเวลาผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าสัตว์ร้าย   เขาเป็นนักเขียนหนังสือสวย   ลายมือจึงงามเช่นนี้   อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของจดหมายก็ยังกึ่งเล่นกึ่งจริงสมนิสัยพ่อมดอยู่นั่นเอง   เขาบอกว่าท่านเมราล  พี่สิงโตของข้าใกล้บ้าแล้ว   ขอท่านเมราลช่วยสงเคราะห์ด้วยเถิด

หญิงสีขาวอ่านจดหมายแล้วจึงมองนกทะเลอีกครั้ง   ค่อยเห็นว่ามันเป็นสัตว์ภูตสายลม   เทรมิสคงขอมันจากญาติของเขาในหอสัตว์ภูต  จดหมายของเทรมิสสั้น  เพียงนำความไปถึงจดหมายฉบับที่สองว่าเป็นมาอย่างไร   ยามเมราลเปิดจดหมายอีกฉบับ   จึงพบว่ามันยาวกว่ามาก   เป็นลายมือตัวโตกดจนหมึกเข้มเส้นหนา...ลายมือลอร์คาน  เขาเป็นคนมีกำลัง   ยามเขียนหนังสือก็กดแรงไม่ได้เจตนา   ถ้อยคำของเขาทื่อแข็ง   ปราศจากลูกเล่นโดยสิ้นเชิง   ต่างกับเทรมิสราวฟ้ากับเหว   กระนั้นถ้อยคำทั้งปวงก็มีแต่ความจริงใจ

เขาถามว่าเธอสบายดีไหม   หากมีอะไรให้รีบติดต่อมา   เขาว่าเธอจากไปไกลมากแล้ว   ไม่มีพ่อมดแม่มดใดบนเกาะเสือจะพาเขาไปถึงเธอได้   มีเพียงสัตว์ภูตสายลมที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงอาจข้ามทะเลใหญ่   แต่ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น   เขาจะรีบลงเรือไปช่วยเหลือ   จากนั้นลอร์คานคงไม่รู้จะเล่าอะไร   จึงกล่าวถึงเรื่องราวฝั่งตนบ้าง  เขาว่าเป็นเบรุคคอลีฟห์แล้วก็มีงานมาก   ทะเลาะกับพ่อก็หลายครั้ง   ขัดแย้งกับคนในสภาเผ่าก็หลายหน   แต่เขาพยายามควบคุมตนเอง   เขาอยากให้พ่อสบายใจ  หากมีเหตุต้องคัดง้างกันจึงพยายามข่มตนให้พูดจาด้วยเหตุผลอย่างสงบ   นับว่ายากเย็นเอาการเพราะสองคนคิดต่างกันหลายเรื่องทีเดียว

...แต่พ่อหายโกรธแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร   ให้โต้เถียงกันดีกว่า   เพื่อจะได้วิธีที่ดีที่สุดออกมา...ลอร์คานอธิบาย  จากนั้นเมราลก็เห็นลายมือเขียนด้วยแท่งถ่านของเทรมิสอยู่ตรงขอบกระดาษว่า "สองคนก็เลยทะเลาะกันกระโจมแทบแตกทุกวัน"   คาดว่าพ่อมดอาจจะชะโงกดูตอนลอร์คานเขียนอยู่   และเกิดทนไม่ไหวต้องขอเติมสักคำ   แต่ก็คาดได้อีกเหมือนกันว่าทำอย่างนี้กับสิงโตทราย   ชะตากรรมของพ่อมดคงไม่ออกมาดี

เธอนึกจินตนาการได้อย่างนั้นแล้วก็ยิ้ม   จิตใจที่ไม่สบายผ่อนคลายลงมาก   ก่อนนี้เธอเคยคิดว่าต้องขาดจากลอร์คานชั่วกาลนาน   แทบไม่มีความหวังใด ๆ    แต่นับว่าโชคดีที่มีเทรมิสอยู่ตรงนั้น   เขาเป็นคนไม่สนใจกฏเกณฑ์ใด ๆ   เพียงทำให้คนทั้งปวงมีความสุขก็พอแล้ว

...ท่านเมราลอย่าได้สนใจพี่ชายข้า   เขาชอบทำตัวน้ำเน่าเหมือนตัวเอกชะตากรรมรันทดในเทพนิยาย...พ่อมดเขียนต่อท้ายจดหมายลอร์คานดื้อ ๆ อย่างนี้...ภายหน้าท่านอยากทำอะไร  ขอให้ทำให้สมใจ  อยากเขียนจดหมายก็เขียน  หากต้องการให้พี่ข้าไปหา  ให้บอกมา   รับรองพี่ข้าจะโลดลิ่วไปหาท่านไวกว่าสายลม   เอาละ  ข้าจะเลิกยุ่งกับจดหมายของพวกท่านเท่านี้แล้ว   ท่านเมราลรักษาตัวให้ดี...

เทรมิสไม่ใช่คนโง่หรอก  เขาย่อมเข้าใจว่าเธอกับลอร์คานแบกอะไรไว้บนบ่า   แต่เพราะเป็นอย่างนี้  เขาจึงช่วยเท่าที่ทำได้   ไม่ต้องการให้บางสิ่งที่สำคัญต้องสูญเสียไป   นับแต่นั้นมา เมราลจึงติดต่อกับลอร์คานอย่างสม่ำเสมอ  เธอเขียนจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า   เล่าเรื่องราวทางฝั่งตน   เรื่องการเพาะปลูก  ปราบถางแผ่นดิน เรื่องงุนงงว่าสร้างบ้านแล้วก็ไม่ทราบจะเอาอะไรไปยัดให้เต็มได้   เรื่องน่าขำของคนเรือที่ต้องไปอยู่บนบก  เรื่องลำบากใจของการต้องต่อสู้ทางการเมือง

ลอร์คานตอบจดหมายเสมอ   นอกจากนั้น บางครั้งก็มีจดหมายของเทรมิสด้วย   และนาน ๆ หนถึงกับมีจดหมายของเซรี   เซรีฟ้องเมราลว่าเธอไม่มีเวลา   ไม่ใคร่ได้พบลอร์คานหรือเทรมิส  กว่าจะเจอหน้าพวกเขาก็ส่งจดหมายไปแล้ว   เธออยากเขียนหาเมราลบ้าง   แต่กว่าจะดักจับตัวคนส่งสารได้ก็ต้องวางแผนกันหลายชั้น  น่าหมั่นไส้เสียจริง

จดหมายฉบับแรก ๆ   ทั้งเมราลและเจ้าหญิงแห่งอันเซลมาต่างเกร็ง   ทว่าเมื่อติดต่อกันนานเข้า  ก็มีความรู้สึกเป็นมิตรสหาย   เซรีเป็นคนเปิดเผย   ข้อความในจดหมายก็เล่านั่นเล่านี่ตามแต่จะนึกออก   เธอบอกเมราลว่าเดี๋ยวนี้ถูกจับเข้าร่วมสภา   ต้องทำงานราชกิจเพิ่มขึ้น   ทำให้ชักหนีไปขี่ม้าหรือหาเพื่อน ๆ ยากขึ้นทุกที   พอบ่นกับท่านพ่อท่านแม่ท่านอา   ทุกคนก็พร้อมใจกันทำเป็นไม่ได้ยิน

...เขาบอกว่าข้าจะเป็นราชินี   ข้าฟังแล้วกลุ้มใจพิลึก...เซรีฟ้องมา...ข้าไม่เป็นได้ไหม  จะหนีไปอยู่กับท่านเมราล...

แต่เธอก็เพียงพูดเล่นเท่านั้น   เพราะที่จริงเซรียังคงเป็นคนจริงจัง   หากรับทราบแล้วว่าตนต้องรับผิดชอบสิ่งนั้นสิ่งนี้   เธอจะพยายามสุดกำลังปัญญา บางครั้งเมราลอ่านจดหมายแล้วก็รู้สึกว่าเซรีน้อยกับตนมีหลายอย่างคล้ายกัน  ยามเซรีเติบโตขึ้น   เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเมือง  ราชกิจ  การดูแลประชาชน   เมราลก็เติบโตไปในทางเดียวกัน   เซรีไม่ใช่เซรีน้อยแล้ว   เมราลก็ค่อย ๆ ได้รับความเชื่อถือจากคนในเผ่าเพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน

เธอไม่มี "เพื่อน" ในเผ่า   ไม่หรอก...ก็มีคนสนิท  มีผู้เฒ่าที่สนับสนุน  มีคนอย่างเกจที่จงรักภักดี   แต่เมราลไม่มีเพื่อนเสมอกัน   ไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้นเพราะแต่แรกมาเธอถูกมองว่าเป็นเทพเจ้า   บางครั้งเมราลก็รู้สึกโดดเดี่ยวมากเช่นคนเป็นหัวหน้าทั้งหลาย   ดังนั้นจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าของเพื่อนจากเกาะเสือจึงทำให้เธอมีกำลังใจ   พวกเขาพยายามแนะนำช่วยเหลือเสมอหากเธอมีปัญหา   ยามที่ผู้เฒ่าหลายคนลุกออกจากสภาไปดื้อ ๆ ไม่รับฟังเธอ   ยามที่คนทั้งหลายเรียกร้องรุมเร้าให้แก้ปัญหาให้    เมราลจะเขียนจดหมายหาลอร์คาน   เธอต้องการเพียงที่ระบาย   เพื่อตนจะได้ลุกขึ้นเดินต่อไปได้   บางทีเธอก็รู้สึกกลัวว่าจะทำให้ลอร์คานรำคาญใจ   แต่ลอร์คานว่าไม่เป็นไร   เขาดีใจ   เขาเองยามมีปัญหาก็เล่าให้เธอฟัง

...อย่าได้หวังพึ่งเพียงฐานะราชินีเกล็ดเงิน   ตำแหน่งนั้นจับต้องไม่ได้   ควรสร้างบารมี  ให้น้ำใจ...ลอร์คานบอกเธอ...ให้น้ำใจให้มาก   ทำงานให้หนัก   เห็นแก่คนของเจ้าก่อนคนอื่นใด   ถึงเวลานั้นคนทั้งปวงจะฟังเจ้าเพราะเจ้าเป็นเมราล เชอยิน  ไม่ใช่เพราะเป็นเทพเจ้าที่บางครั้งก็เลื่อนลอยเกินไป...

คนทั้งปวงว่าลอร์คานไม่มีสติปัญญา   แต่ที่จริงเขาก็รู้เรื่องบางเรื่องดีจริง ๆ   เธอเรียนจากเขา  และเรียนจากที่เคยสังเกตแชลลัมมา   พยายามทำงานเท่าที่ทำได้   พยายามคิดยิ่งกว่าเคยคิดมาก่อน   พยายามจะดีกับคนทั้งปวง   หลายปีผ่านไป เมราลจึงได้รับผลตอบแทน   เธอมีบารมี  ผู้คนเชื่อฟังไม่ใช่เพียงเพราะเป็นราชินีเกล็ดเงิน   จิตใจเธอเข้มแข็งขึ้นแม้ร่างกายจะยังอ่อนแอ   ปีหลังนี้แม้เด็กรุ่นใหม่อย่างเกจที่ช่วยงานเธอมาแต่ต้นจะเป็นห่วง  เมราลก็รู้สึกว่าตนยังไม่เป็นอะไร  เธอสามารถเล่นเกมการเมืองได้อย่างคมคาย   สามารถทนคำเสียดสีเหน็บแนมและเห็นเป็นสิ่งไร้แก่นสาร   เรียนรู้ที่จะเฉียบขาดและนุ่มนวลในกาละเทศะอันควร   เธอเป็นราชินี...บางทีคงดังที่แชลลัมฝันว่าเธอจะเป็น

กระนั้นบางครั้งบางคราว  เมราลก็คิดถึงลอร์คานอย่างสาหัส   ความคิดถึงจะทำให้เธอเฝ้ามองท้องทะเล  จะทำให้เธอเผลอมองกำไลที่ข้อมือซ้าย   และบางครั้งบางคราว   จะทำให้เธอใช้พลังของรัดเกล้าดาวเหนือที่ไม่ใคร่ได้ใช้แล้ว   สร้างรูปมายาของลอร์คานขึ้นมา   ราวเขามีเลือดเนื้อจริง ๆ ปรากฏตรงหน้า  ...เขาคงเปลี่ยนไปจากมายานั้นแล้วเพราะผ่านไปหลายปี   แต่ในความทรงจำของเมราล   เธอมีเพียงภาพของลอร์คานสมัยก่อนนี้เท่านั้นเอง

"ผ่านไปหลายปีแล้ว   ท่านจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม" เธอมักถามรูปเงานั้น   ผมยาวดำสนิทราวแผงคอสิงโต   ผ้าที่คาดหน้าผากไว้ลวก ๆ เพียงไม่ให้ผมเกะกะใบหน้า  หนวดเคราที่โกนบ้างไม่โกนบ้างตามความพอใจ   ดวงตาทรงอำนาจ  คิ้วเป็นพุ่มหนาเกือบต่อกัน    หลังไหล่แขนขาแข็งแกร่งราวเหล็กไหล   สามารถดึงม้าตื่นพยศให้หยุดได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว   ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้สบายใจ...ซื่อสัตย์อย่างยิ่ง  จริงใจอย่างยิ่ง  ไม่โกหกหลอกลวง

รูปเงาดังกล่าวมักเพียงยิ้มเล็กน้อยให้กับคำพูดของเธอ   ราวกับจะบอกว่า หากอยากรู้ว่าเปลี่ยนไปหรือไม่   เหตุใดไม่มาดู

"ยังไปไม่ได้หรอก" เธอบอกเขา "ยังไปไม่ได้"

แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไรจะไปได้   เมราลถูกพันรัดไว้ด้วยเรื่องราวมากมายที่เธอเองเป็นผู้ริเริ่มไว้   เธอไม่รู้ว่าจะวางมันได้เมื่อไรหรือตรงไหนจริง ๆ

"ท่านเมราลเจ้าคะ" เสียงนางกำนัลเรียกมา

เมราลสะดุ้ง   เพิ่งรู้ตัวว่ายืนเหม่อมองไปทางทะเลเป็นเวลานาน   เธอหันกลับไป   เห็นนางกำนัลคนสนิทยืนอยู่ตรงประตู   ท่าทางไม่ใคร่สบายใจ  เธอคงเคาะประตูหลายครั้งแต่ไม่ได้รับคำตอบ   เป็นห่วงมากจึงได้เข้ามา  บางครั้งเมราลก็ไม่สบาย   หลับสลึมสลือไปไม่ได้สติ   จึงอนุญาตให้นางกำนัลเข้ามาในห้องส่วนตัวได้หากเธอไม่ตอบรับจนน่าสงสัยว่าจะเป็นอะไร

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 21:49:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com