Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซรีญา The Dragon's Gate (6) ติดต่อทีมงาน

###

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10109516/W10109516.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10161148/W10161148.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10183691/W10183691.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10737872/W10737872.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10823758/W10823758.html

###

เป้ @ ก็ไม่แน่แฮะ  พี่แกออกจะชอบเอาชนะแถมยังดูถูกชาวบ้านปานนั้น - -''

น้อง Cororin @ เอาตะไบให้พี่สิงโตลับเขี้ยวเลย

อนิธิน @ นาน ๆ เขียนตัวร้ายแบบนี้ก็สนุกดีนะ

อม @ กำลังเร่งให้พวกมันไปถึงเร็ว ๆ กันอยู่เน้อ > <

คุณ Sudiarill @ สปีดอัพอยู่ค่า

พี่โร @ เชิญประทุษร้ายคับ (ยื่นไม้ให้)

คุณ chaiyanun @ ไม่ค่อยแน่ใจว่าทัคคุงจะกะชิงนาง  แต่ค่อนข้างแน่ใจมากว่าสิงโตจะมีเคืองขอรับ

เจรามี @ เชียร์ด้วยคน (โบกธง)

คุณ Canossa @ ขอรับกระผม!

น้องเฟย์ @ ใช่ละ  ตอนนี้มือซ้ายมีสองวงจ้า

ทินา @ เค้าก็รอดูอยู่เหมือนกันคับ

คุณซาลาสซา @ ลุ้นค่า > <

น้อง penwings @ ดีจัง -w- (ทำหน้าเคลิ้ม)

คุณ scottie @ อันนี้ต้องดูกันต่อไปนะขอรับ

คุณ river @ อ่านต่อไปเลยค่า

###

๖.

เมราลกลับเข้ามาในห้อง   เธอนั่งลงบนเตียง   ส่งผลให้มากาที่ขดอยู่ในตะกร้าแปลกใจ   มันชูหัวขึ้นหน่อยหนึ่ง  ถามว่ามีอะไรหรือ   แต่หญิงสีขาวไม่ได้ตอบ  เธอไม่ทราบจะตอบอย่างไร

บางทีเธอคงลืมคิดไปกระมัง

เธออยู่ในเผ่าปิด  แม้เปิดกว้างต่อโลกภายนอกมากกว่าคนอื่น ๆ อีกเป็นอันมาก  ก็ยังมีหลายอย่างที่ไม่ทันคิด  เธอนึกว่าตนเสมอกับทัคทวา  ต่างกันเพียงเป็นเผ่าเล็กและเผ่าใหญ่  ต่างกันเพียงเพราะเขาดูมีอำนาจมากกว่า  จึงต้องแสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้ด้อยแต่อย่างใด  ทว่าในความคิดของทัคทวา   เขาคิดว่าตนมาเผชิญภัย  ฝ่ายตรงข้ามเป็นราชินีแห่งเผ่าแปลกประหลาด  เขาเป็นพระราชา  ทั้งยังเป็นผู้ชาย  เมื่อถูกท้าทายก็โต้ตอบแบบนี้เอง

เธอถูหลังมือเช็ดปากตน

ความรู้สึกรังเกียจแล่นไปทั่วร่างกายเงียบ ๆ   ความรู้สึกว่าตนเปรอะเปื้อน  และประสงค์จะขัดล้างร่องรอยเหล่านั้นจนกว่าโลหิตจะหลั่งไหล  เมราลไม่เคยถูกแตะต้องอย่างหยาบคาย  เธออยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครทำเช่นนี้ได้   อีกอย่างหนึ่ง นับแต่คิดว่าตนเป็นของลอร์คาน  เธอก็ไม่เคยมองใคร  ไม่เคยคิดถึงเรื่องอะไรแบบนี้เลย

หญิงสีขาวมองกำไลที่ข้อมือตน

กำไลสีดำรัดรอบข้อมือแน่น   แม้พยายามเท่าไรก็ไม่อาจเอาออกได้  กำไลสีทองมีลายรูปนกทะเลของลอร์คานตกอยู่ใต้กำไลสีดำลงไป  ก่อนนี้มันเป็นทองเกลี้ยง  แต่เพราะเทรมิสนำดิโอมีเดียมาใส่จึงมีลายขึ้นมา  กำไลของลอร์คานถอดได้   แต่เมราลคิดแล้วว่าตนจะไม่ถอดไปจนตาย  มันก็แทบเป็นส่วนหนึ่งของเลือดเนื้อร่างกาย

เธอลูบกำไลของคนรัก  ปรารถนาอย่างยิ่งว่าจะสามารถได้กำลังใจ  ตั้งสติรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้  

แต่แล้วหญิงสีขาวก็ตกใจ

เธอเพิ่งนึกได้ว่าหากกำไลของทัคทวากักพลังของตนไว้  กำไลวงนี้จะทำให้เกิดสิ่งน่ากลัวได้อย่างไร

..................................................................................................................................................................

"มีพลังไหลย้อนมาจากทางท่านเมราล" เทรมิสอธิบาย "ร่างกายพี่ลอร์คไม่เคยฝึกฝนการใช้เวทมนตร์มาก่อน  ...ว่าไปหน่วยก้านก็ไม่เหมาะกับเวทมนตร์เท่าไรด้วย  จึงรับไม่ไหว"

"พลังไหลย้อนมาจากทางนั้นได้อย่างไร" เซรีถาม

"เพราะข้านำดิโอมาใส่ในกำไลของเขา  แล้วสร้างทางให้เชื่อมถึงกัน  ดิโอไปมาระหว่างทางนี้ได้อย่างไร  พลังก็ไปมาได้ในลักษณะเดียวกันนั้นเอง"

พ่อมดพูดจบแล้วก็มองไปทางพี่ชาย  ลอร์คานยังนั่งหลับตาอยู่  เมื่อครู่นี้เทรมิสเร่งร้อนแก้ไขตามสถานการณ์  พลังของเมราลไหลมามาก  เขาจะเอาไม่อยู่  ครั้นเอื้อมมือไปแตะกำไล ลอร์คานก็ถลึงตาใส่  พ่อมดจึงใช้วิธีฉีกแขนเสื้อของพี่  คว้าหมึกจากโต๊ะเซรีมาเขียนลวดลายตั้งแต่หลังมือของสิงโตทรายขึ้นไป  เขากดพลังเอาไว้ได้  ไม่ให้ลุกลามมากกว่านี้  กระนั้นก็ยังมีแสงส่องเรือง ๆ ออกมาจากบริเวณกำไลอยู่นั่นเอง

"พลังมันไหลอยู่ระหว่างสองคน  ข้าดึงออกมาไม่ได้  จึงได้แต่ผนึกให้กินตัวเองจนกว่าจะหมดไปเองตามธรรมชาติ" เทรมิสบอก "แต่ร่างกายไม่เคยฝึกฝน  จะเจ็บมากเอาการ"

"ข้าไม่เป็นไร" สิงโตทรายเอ่ยเรียบ ๆ ทั้งยังไม่ลืมตา "แต่มีอะไรเกิดขึ้นกับเมราล"

"ข้าไม่รู้จริง ๆ" เทรมิสบอกหลังจากเงียบไปนาน

"มีทางรู้ได้ไหม"

พ่อมดมองพี่  ที่จริงเขาคิดอะไรหลายอย่าง  เขาสร้างทางนี้ขึ้นมาโดยไม่นึกอะไรเป็นพิเศษ   แต่ครั้นถึงเวลานี้ ชายหนุ่มจึงรับทราบว่าตนอาจคิดน้อยเกินไป   มีความเป็นไปได้ที่เขาไม่คาดหมาย  เมราลอาจทำร้ายหรือฆ่าลอร์คานได้ง่าย ๆ แม้จะอยู่ห่างกันไกลแสนไกล   ต่อให้ตัวเมราลเองไม่ต้องการ   แต่หากถูกบังคับหรือบงการทางใดทางหนึ่งก็ยังมีความเป็นไปได้เช่นกัน  

เขาอยากบอกให้พี่ถอดกำไล  ถอดเสียแต่ตอนนี้   และให้เขาปล่อยดิโอมีเดียไป...อย่างน้อยก็สักระยะ  

ทว่าขณะชายหนุ่มจะพูด  แม้ไม่แน่ใจว่าพี่จะฟังหรือไม่นั่นเอง  แสงเรืองที่มือของลอร์คานก็จางหาย  สิงโตทรายลืมตาขึ้นด้วยความแปลกใจ

"ข้าไม่เจ็บแล้ว" เขาบอก "เกิดอะไร..."

ชายหนุ่มมองน้องชาย  และเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย  มันปะปนระหว่างความไม่อยากเชื่อ ความตกใจ และครั้นผ่านไปหลายวินาที ก็มีความกลัวเกิดขึ้นช้า ๆ

"ท่านเมราล..." เทรมิสว่า "ท่านเมราลถอดกำไล"

..................................................................................................................................................................

เมราลถอดกำไลแล้วจริง ๆ

เธอตระหนักว่ากำไลของทัคทวารัดตนไว้  ทำให้ใช้เวทมนตร์แทบไม่ได้  แต่หากพลังไม่ออกมา  มันย่อมกลับเข้าไปข้างใน   เมราลไม่ทันคิด  แต่บัดนี้ก็คิดแล้ว...พลังไหลย้อนเข้าในกายย่อมเจ็บปวด  แต่เธอไม่เป็นไร  ย่อมหมายความว่ามันไม่ได้ไหลกลับเข้าร่างกาย  ทว่าไหลออกไปทางเดียวที่ไหลได้   คือสายพลังที่เชื่อมเธอกับลอร์คาน

พอนึกได้อย่างนั้น หญิงสีขาวก็กระชากกำไลออกทันที

เธอดึงมันออกแล้วก็มอง  สายตาดูลายนกทะเล  และวงกำไลที่ทำขึ้นตามแบบสกุลช่างของชาวทราย   ในใจรู้สึกชา...ชาจนแทบไม่เข้าใจว่าตนกำลังทำอะไร   ครั้นแล้วจึงพบว่ามีน้ำตาไหล  ก็เร่งปาดเสีย  แม้ปาดแล้วยังไหลจึงไปล้างหน้า  เธอล้างด้วยความชา  แต่งตัวใหม่ด้วยความชา  ซุกกำไลใส่อกเสื้อไว้ใกล้หัวใจ   ความคิดเริ่มถอยห่างจากสิ่งที่เกิดขึ้น  ทั้งหมดนี้ยังเป็นเรื่องไกล...ไม่ใช่หรือ  ลอร์คานคงไม่เป็นไร...เขาคงไม่เป็นไรใช่ไหม   เขาอาจอยู่ใกล้เทรมิสก็ได้  เทรมิสคงช่วยได้   หรือแม้ไม่อยู่กับใครที่เป็นเวทมนตร์   ลอร์คานก็แข็งแรงยิ่งนัก   แบกลูกม้าขึ้นไหล่เดินเป็นโยชน์ ๆ ยังได้  เธอต้องคิดเรื่องอื่น   เรื่องเฉพาะหน้าสำคัญ   เธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้   จะรับมือทัคทวาอย่างไร   จะทำอะไรต่อไปอย่างไร

เธอแต่งตัวแล้วจึงกลับขึ้นสู่ดาดฟ้า   ยามพบทัคทวา   เธอก็ยิ้มให้เขาบาง ๆ

...

จ้าวเกาะลาตาออกจะแปลกใจ

เขาคิดว่าตนกำราบนางหญิงจองหองนั้นได้แล้ว   ที่จริงเขาคิดว่าเธอโดนถึงเพียงนี้   สมควรกลับห้องไปร้องไห้  ถึงแม้จะอายุมากสักหน่อย   แต่เมราลก็ดูไม่ใช่หญิงปราดเปรียว   ที่จริงแล้วดูเปราะบาง  ทั้งยังงดงามคล้ายไม่มีวัย   หากไม่มีใครบอกอายุจริงของเธอให้ฟัง   เขาคงคิดว่าอย่างมากก็สักยี่สิบสองยี่สิบสามปี

แต่แล้วทัคทวากลับพบว่าหญิงนั้นแกร่งกว่าที่ตนคิดมาก   เธอเพียงไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่   กลับขึ้นมายังดาดฟ้าคล้ายไม่มีเรื่องใด  เขามองข้อมือเธอ  ก็เห็นว่าใส่เสื้อแขนยาวบดบังไว้  ยามเห็นเขา เธอเดินเข้าใกล้  พูดจาให้ได้ยินกันเพียงสองคน

"ที่นี่เป็นเรือมังกรขาว" เธอบอกเขาทั้งไม่ได้มองหน้า "ท่านข่มขู่ข้าที่นี่  ทั้งไม่ได้นำอาวุธมา  ออกจะใจกล้าเกินไป"

"แต่ข้าก็ยังไม่ได้ลองฤทธิ์ของกำไลทั้งหมด" ทัคทวาเอ่ยตอบ  มองไปอีกทางเช่นกัน "หรือประสงค์จะให้ข้าลอง"

เมราลยิ้ม

"ลองทำก็ได้   แต่ก่อนข้าขึ้นมาบนดาดฟ้า  ข้าบอกพวกทหารและนักบวชไว้แล้ว  หากตัวข้าเป็นอะไร  ให้สงสัยทัคทวาแห่งลาตาเป็นคนแรก  จับเขาไว้ให้ได้  ข้าเข้าใจว่าท่านก็ไม่มีพลังเวทมนตร์คาถากระมัง  แม้สู้กับทหารได้หลายคน   แต่กับพวกนักบวชมีเวทมนตร์จะทำอย่างไร"

ทัคทวาหรี่ตาลง

เขามองเธอ  เมื่อแรกเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง   แต่แล้วหญิงสาวก็หันมา   ประสานสายตากับเขาโดยไม่หนี  ดวงตาของเธอสีแดง   ทั้งที่ควรน่ากลัวกลับน่าหลงใหล   เขาเพิ่งเห็น...รู้สึกได้  ว่าเธอมีบางสิ่งลึกลงไปกว่าที่เขาคิดไม่น้อยเลย

เขาไม่เคยพบผู้หญิงแบบนี้   ในโลกของเกาะลาตา   ผู้หญิงน้อยเหลือเกินที่จะได้รับโอกาสให้มีตำแหน่ง ฐานะ หรือความรับผิดชอบเทียบเท่าเมราล   อีกอย่างหนึ่ง  บางทีคงเพราะทัคทวาดูถูกคน  เขาจึงไม่นึกว่าคนจะโต้ตอบเขาได้  รอบกายเขา  เขารับไว้แต่ผู้หญิงที่เพียงบำเรอร่างกาย   เมราลไม่เหมือนกัน   เธอเป็นสิ่งประหลาดน่าสนใจ  ชวนให้โลหิตพลุ่งพล่านทีเดียว   ทัคทวาชอบเอาชนะ   เขาชอบเสี่ยงภัย

"อย่าได้บังคับข้าไปหาท่าน  ท่านเองจงค้างที่นี่   คืนนี้ข้าจะมาหาท่านเอง" เมราลแย้มริมฝีปากบอกต่อไป "ข้าจะนำทหารมา  เราจะเจรจากัน  ผลประโยชน์ต่อผลประโยชน์  ดีหรือไม่  ควรแจ้งให้ท่านทราบไว้   ข้าก็สนใจประตูมังกรนั้นเช่นกัน"

"ถูกพันธนาการแล้วยังกล้าต่อรองไม่เจียมกายอีกหรือ  ราชินีเกล็ดเงิน" จ้าวเกาะลาตายิ้มตอบ

"ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าข้าไม่เจียมกาย" อีกฝ่ายเอ่ยวาจาอ่อนหวาน "ท่านแน่ใจได้อย่างไร"

จริง เขาไม่แน่ใจ

เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเธอเพียงล่อลวงลดเลี้ยวหรือไม่   แต่เธอทำให้เขารู้สึกขึ้นมาแล้ว...รู้สึกมากกว่าเมื่อครู่   มากกว่ายามที่เขานึกว่าเอาชนะเธอได้   เธอเป็นยิ่งกว่านั้น   ยิ่งกว่าผู้หญิงที่สามารถเรียกเกณฑ์มาง่าย ๆ  ยิ่งกว่าจระเข้ร้ายที่เขาหลับตาก็ฆ่าได้แต่อายุสิบห้าปี   เธอเป็นเสือดาว...นางเสือเจ้าเล่ห์  นางงูพิษร้าย  เอาชนะยากเย็น   แต่คงทำให้ยิ่งสาสมใจ

...ก็ดีไม่ใช่หรือ  นางในความฝันไม่ควรได้มาง่ายเกินไป  ทัคทวารู้สึกตื่นเต้นจนเกือบใคร่ฆ่าหรือทำร้ายใครจริง ๆ

"ได้ คืนนี้ข้าจะไป" เขาบอก

ครั้นแล้ว  จ้าวเกาะก็แสร้งทิ้งมือลงปัดผ่านกำไลสีดำ  เอ่ยแผ่วเบา

"แต่จงประมาณตนไว้ให้ดี"

...

ทัคทวาได้ห้องหนึ่งในเรือมังกรขาว   ดูเหมือนจะเป็นห้องกว้างที่สุดห้องหนึ่ง  แต่สำหรับคนบกก็ยังถือว่าแคบอยู่นั่นเอง  การตบแต่งภายในประหยัดที่ทาง  เครื่องเรือนทั้งหมดถูกตอกยึดกับพื้น  กะทัดรัดเรียบง่าย  ทุกอย่างไม่มีอะไรขาดหรือเกิน  สีสันออกจะทึบทึมไปสำหรับรสนิยมลาตา  กระนั้นถ้าหากมองนานสักหน่อยก็จะเห็นว่าโคแรนนิอิดมีความหรูหราแบบของตนเองทีเดียว

พวกเขาชอบสีธรรมชาติ  ไม้เป็นไม้  ไม่มีการลงยา  ใช้สีน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้   ส่วนใหญ่เป็นสีเขียว  ภาชนะและเครื่องเรือนไม่มีรูปลักษณ์อลังการเป็นพิเศษ  หากแต่จัดทำอย่างประณีต  ลวดลายแม้น้อยก็ละเอียดละออ  นอกจากนั้น ในห้องยังมีฉากวาดด้วยมือ  ใช้เพียงสีขาวและดำจนแปลกตา  ดูเหมือนจะเป็นประวัติของเผ่า  เรื่องราวการเดินทาง   ทัคทวาทราบคร่าว ๆ มาว่าพวกโคแรนนิอิดเคยพยายามค้นหาดินแดน  ทั้งเคยเกือบยึดเกาะเกาะหนึ่งทางตะวันตกได้  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยึด  กลับเดินทางมาถึงที่นี่แทน

เขามองไล่ไป...มีการลงเรือ   ดูเหมือนจะมีการทำนาย  สัญลักษณ์นกไฟและภูเขาปรากฏอยู่ในภาพที่ไร้ข้อความนั้น   ชายใส่ชุดนักบวช  หญิงใส่เกราะเกล็ดสวมมงกุฏ  และแผ่นดินใหม่

"ท่านพบนกไฟกับภูเขาไหม" เขาเอ่ยถามขึ้น  มีเสียงเคาะและเสียงเปิดประตูเมื่อครู่  แม้ไม่หันก็ทราบว่าเป็นใคร

"พบในที่อื่น  เมื่อนานมาแล้ว" เมราลตอบ

"ที่แผ่นดินที่ท่านพยายามจะยึดนั้นหรือ   เหตุใดไม่ได้ยึดเล่า  ดูเหมือนเป็นคำทำนายเก่าแก่มากทีเดียว" ทัคทวาเบือนหน้า   เขาเห็นว่าข้างหลังเมราลมีนายทหารกับนักบวชติดตามอยู่   ทหารชื่อเคล  เขาจำได้   นักบวชชื่อซัคคา ทั้งสองคนกับคนสอดแนมชื่ออาสลาต่างเป็นแขนขาของเธอ

"เหตุใดต้องยึดถือคำทำนายเก่าแก่ด้วยเล่า"

ทัคทวาเลิกคิ้ว  เขาหันกลับมาเต็มตัวและเห็นว่าเมราลคิดเช่นนั้นจริง ๆ  ไม่มีการกระทบเสียดสีแต่อย่างใด  จ้าวเกาะเชื้อเชิญให้คนทั้งสามนั่ง  แต่เคลกับซัคคากลับยังยืนอยู่   หลังจากนั้น ทัคทวาจึงเรียกคนรับใช้ของตนให้ยกหีบที่เตรียมไว้เข้ามา  หีบดังกล่าวเขาเพิ่งสั่งทหารไปนำจากเรือส่วนตัวเมื่อตอนเย็น

มันเป็นหีบเล็ก  กว้างสองคืบ  ยาวสักคืบเศษเท่านั้น  ตัวหีบดูเก่าแก่  ไม่ถึงกับหรูหรา  สลักเก่าแล้ว  แม้จะมีการขัดทำความสะอาดอยู่บ้างก็ยังเห็นว่าเนื้อโลหะหมองคล้ำไป  ทัคทวารับมันมาไว้ในมือ  เขามองเมราลที่นั่งตรงข้ามตน

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 54 00:38:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com