Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซรีญา The Dragon's Gate (9) ติดต่อทีมงาน

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10109516/W10109516.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10161148/W10161148.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10183691/W10183691.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/06/W10737872/W10737872.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/07/W10823758/W10823758.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10933375/W10933375.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11142234/W11142234.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11146239/W11146239.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11151078/W11151078.html

###

ติดตอบกระทู้ไว้ก่อนเน่อ

###

๙.

นั่นคือสัตว์ร้าย

เกจคิดเช่นนั้น  ขณะมองชายที่อยู่เบื้องหน้าตน   สมัยเมื่อสัตว์ร้ายบุกขึ้นเรือมังกรขาว  หัวหน้าโรงปลูกพืชไม่เคยมีโอกาสได้เห็นเขาเต็มตา  เวลานั้นเกจป่วยหนักจนสู้แสงไม่ได้   เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างสัตว์ร้ายกับท่านแชลลัม   การเจรจาระหว่างท่านเมราลกับเจ้าหญิงเซรี  ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้อื่นเล่าให้เขาฟัง

เขาเคยมีจินตนาการเกี่ยวกับสัตว์ร้าย...จากคำบรรยายเหล่านั้น   สิ่งมีชีวิตทรงพลังจนเรืองแสงขาว  ปีศาจที่ประหารญาติ  ผู้กลืนกินสรรพสิ่งเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังบำรุงตน   เรื่องราวที่เล่าขานมาทำให้เกจนึกไม่ใคร่ออกว่าเจ้าหญิงเซรีพอใจอะไรสัตว์ร้ายตัวนั้น   ทว่ายามเขาพบสัตว์ร้ายจริง ๆ  ได้อยู่ใกล้และฟังคำเจรจา  ความไม่เข้าใจเรื่องหนึ่งก็กลับกลายเป็นความไม่เข้าใจอีกเรื่องหนึ่งแทน

สัตว์ร้ายไม่ได้น่าเกลียดชัง  แม้ไม่ถึงกับรูปงามหล่อเหลา  ก็ไม่มีทางระคายตาผู้หญิง  เขาไม่มีลักษณะโหดเหี้ยมป่าเถื่อน  หรือชั่วร้ายมากเล่ห์ดังฆาตกร  ที่จริงชายหนุ่มกลับดูเป็นคนมีอารมณ์ขัน ช่างเล่นและใจเย็น  แต่คงเพราะทราบว่าคนโคแรนเห็นตนเป็นสัตว์ร้าย  จึงสงบปากสงบคำไว้  ปล่อยให้เจ้าหญิงเซรีเจรจาเรื่องต่าง ๆ แทน

แต่โดยแท้จริง ชายคนนั้นเป็นอย่างไร  เกจก็ยังไม่แน่ใจนัก   ความไม่แน่ใจนี่เองที่ทำให้เขาสังเกตเห็นเจ้าหญิงเซรีกับสัตว์ร้ายพูดคุยกันเมื่อออกจากวังจ้าวเกาะ   และเห็นว่าสัตว์ร้ายนำม้าไปคืน  ก่อนจะเลี่ยงออกจากขบวน  ความไม่แน่ใจอีกเช่นกันที่ทำให้เกจออกสะกดรอย   เพื่อจะพบสัตว์ร้ายยืนรออยู่ตรงทางแพร่งไม่ไกลจากวัง   เขาคงไหวตัวว่ามีคนตามมา

"เหตุใดแยกจากขบวน" เกจที่นิ่งขึงไปชั่วอึดใจเร่งถามก่อน  ชิงเป็นฝ่ายกล่าวหาดีกว่ายอมเป็นจำเลย

"ข้าจะไปตลาด  และคงต่อไปท่าเรือ" สัตว์ร้ายตอบง่าย ๆ "ไปไหม"

"ทำไมต้องไปตลาดกับท่าเรือ"

"หาข่าวแถวนั้นคงง่ายที่สุดกระมัง"

หัวหน้าโรงปลูกพืชแปลกใจเล็กน้อย  เขาทราบว่าอีกฝ่ายเป็นพ่อมด  ดูเหมือนพ่อมดแม่มดแห่งทิศเหนือในเกาะเสือจะไม่สนใจการเมือง  เป็นพวกอยู่กันเป็นตระกูล ๆ  ส่วนใหญ่ก็คิดเพียงเรื่องศึกษาเวทมนตร์  และเรื่องปกป้องประตูโลกสัตว์ภูตที่กำแพงขวางฟ้าเท่านั้นเอง

"เจ้าหญิงสั่งให้เจ้าทำอย่างนั้นหรือ" ชายหนุ่มถาม  ไม่ทราบเพราะอะไร   เขาก็รู้สึกว่าต้องข่มอีกฝ่ายไว้ก่อน  เขาคือหัวหน้าโรงปลูกพืชแห่งโคแรนนิอิด  แม้สัตว์ร้ายจะไม่ได้ฆ่าท่านแชลลัม  แต่ก็ถือว่าเป็นศัตรูกันตามคำทำนาย

"นั่นสิ  สั่งหรือเปล่านะ" อีกฝ่ายยิ้มแยกเขี้ยว  ...ซึ่งชวนให้นึกถึงเสือเจ้าเล่ห์อย่างประหลาด "ไปไหมเล่า  จะเลี้ยงข้าว ไปคนเดียวก็ปอด ๆ อยู่เหมือนกัน"

"ไปกับคนโคแรนอย่างข้า  จะไม่ได้ข่าวอะไร" รอยยิ้มของเกจเย็นชา

"ได้หรือไม่ได้เดี๋ยวคงรู้"

หัวหน้าโรงปลูกพืชลังเลอยู่อีกชั่ววินาที   ครั้นแล้วด้วยความอยากลองดีอีกฝ่าย  ประกอบกับความสงสัย  ชายหนุ่มจึงออกก้าวตามไป   พวกเขาเป็นคู่ค่อนข้างประหลาดทีเดียว   เกจไม่มีสี  สวมหมวกและเสื้อผ้าค่อนข้างมิดชิดแม้อากาศจะร้อน   ส่วนชายที่เดินข้างตัวเขาไว้ผมยาวอย่างยากจะเห็นได้ในหมู่เกาะลาตา ผิวคล้ำแต่ไม่ได้เป็นสีน้ำผึ้งอย่างชาวเกาะ   นอกจากนั้น เกจก็เชื่อว่าสีผมสีตาแบบคนเหนือเกาะเสือแบบนั้นคงสะดุดตาชาวบ้านไม่น้อยทีเดียว

...เจ้าจะได้ข่าวอะไร...เขานึกปรามาสในใจ

หัวหน้าโรงปลูกพืชไม่เริ่มบทสนทนา  ไม่คิดจะผูกมิตรด้วย  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับรู้รังสีคุกคามที่แผ่ออกมา  เดินไปไม่เท่าไร  เขาก็เริ่มพูด

"เจ้าชื่อเกจหรือ"

"อืม"

"ข้าชื่อเทรมิส นิ รูฮาห์" พ่อมดบอก "อย่าได้เรียกว่าสัตว์ร้ายอย่างคนอื่นเลย  ข้าไม่ได้เป็นสัตว์ร้ายมานานปีเต็มที"

"หากว่าทำบาปของสัตว์ร้าย  แม้ชดใช้เท่าไรก็ยังคงเป็นสัตว์ร้ายอยู่ดี"

ผิดคาด  คนฟังไม่ได้โกรธหรือละอายใจ  กลับหัวเราะออกมา

"เจ้าเห็นเป็นเช่นนั้นหรือ  เกจแห่งเผ่าโคแรน"

เกจเจอแบบนี้ก็มีแต่ต้องนิ่ง  เขารู้สึกชัดเจนว่าตนใช้วิธีเด็ก ๆ ไปหาเรื่องมากเกินไป  จึงถูกอีกฝ่ายตอกหน้ากลับมา

แต่เทรมิสไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น  เขาก็เพียงเดินต่อไป  ถนนดินที่เฉอะแฉะอยู่บ้างเพราะอากาศร้อนชื้นนำไปสู่ย่านตลาด  สิปาเป็นเกาะเล็ก  ตึกรามบ้านช่องจึงไม่มากมาย  ส่วนใหญ่ทุกอย่างจะสร้างจากไม้  ทั้งไม้เป็นท่อน ๆ เป็นแผ่นกระดาน  มีบ้างที่ขัดตอกจากไม้ที่คล้ายไผ่  ในหมู่เกาะลาตา  มีเพียงวิหารหรือสถานที่สำคัญที่สร้างจากหิน   คนสิปาบูชามังกร  ก็มีวิหารมังกร   ดูเหมือนที่เกาะอื่น ๆ จะมีวิหารอย่างอื่นตามแต่ใครจะนับถืออะไร

เกจเพิ่งนึกได้ตอนนั้นเองว่าพวกตนไม่มีใครมาสืบข่าวสักคน ...น่าจะทำอย่างนี้เสียแต่ตอนมาถึงเกาะสิปาใหม่ ๆ แทนที่จะปล่อยให้แต่ละคนวิ่งหาทางเกี้ยวผู้หญิงวุ่นวายไม่เป็นกระบวน  ความจริงคือพวกที่มายังหนุ่มกันอยู่มาก  ทั้งไม่มีใครเป็นคนของท่านอาสลา   นอกจากนั้นยังขาดการติดต่อกับคนต่างเผ่ามาเป็นร้อย ๆ ปีจึงอ่อนเชิงไป  พอคิดอย่างนี้แล้ว  ชายหนุ่มก็รู้สึกเจ็บใจ  เขารู้สึกคล้ายถูกสัตว์ร้ายสอนมวยทีเดียว

ทว่าเทรมิสเองดูจะไม่ได้คิดสอนมวยใคร  เขาเดินชมตลาดไปเรื่อย ๆ  พ่อมดเป็นคนผูกมิตรได้ไวอย่างยิ่ง   คงเพราะท่าทางสบาย ๆ   เขามีเศษทองติดตัวเหมือนนักเดินทางทั่วไป   ยามแลกเศษทองเป็นเงินเหรียญที่ใช้ในหมู่เกาะแล้วก็ซื้อของทั่วไปพวกเสื้อผ้าและอาหาร   ยืนดูตัวสัตว์ของเล่นที่สานจากใบมะพร้าว   ซื้อนกเกาะไม้ตัวหนึ่ง  แล้วก็เร่ไปดูแผงของกิน

เขาชอบชวนคนคุย  และไม่เคยปิดบังถ้ามีผู้ถามว่าตนเป็นใคร   รวมทั้งไม่ปิดเรื่องเกจด้วย   ใครที่แสดงท่าทีไม่ไว้ใจ  ชายหนุ่มก็ถอยให้   แต่ใครที่ยินดีพูด  พ่อมดก็พูดด้วยเช่นกัน   สำหรับเกจที่ฟังอยู่ข้าง ๆ   พ่อมดค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว  เขาถามไปเรื่อย ๆ เหมือนไม่มีอะไร   แต่ครั้นคำถามต่อคำถาม   ข้อมูลก็ไหลมา   เขารวบรวมข่าวสารได้ค่อนข้างง่ายและไวทีเดียว

"ข้าเห็นเจ้าขี่ม้าไปวังจ้าวเกาะกับผู้หญิงคนนั้น" มีคนตั้งข้อสังเกต

"ใช่  เธอชื่อเซรี  เป็นเจ้าหญิงแห่งอันเซลมา"

"อันเซลมาคือที่ไหนกัน"

เทรมิสเล่าถึงดินแดนห่างไกลนั้นคร่าว ๆ   ครั้นแล้วเขาก็ยิ้ม   บอกว่าคืนนี้จ้าวเกาะจะจัดงานเลี้ยงรับรอง   ธรรมเนียมในหมู่เกาะลาตา   ใครเป็นเศรษฐีมีทรัพย์หรือเป็นคนใหญ่คนโต  จัดงานเลี้ยงขึ้นมาแล้วก็มักให้คนทั่วไปเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องมีการเชิญ  เพราะยิ่งเลี้ยงคนมากเท่าไรยิ่งถือว่าใจกว้างมีหน้ามีตา  พ่อมดทราบธรรมเนียมดังกล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว  ก็พูดอธิบายเรื่องเจ้าหญิงกับเกาะเสือไปเรื่อย ๆ หยอดนั่นหยอดนี่ให้คนฟังสนใจ

"สวยมากหรือ  เจ้าหญิงคนนี้"

"เธอเป็นคนน่าสนใจ" พ่อมดบอก "เธอมีแหวนวงหนึ่ง  สามารถเรียกเสือไฟออกมาได้   นอกจากนั้น ก่อนนี้ไม่กี่ปี  เธอยังเคยเดินทางผจญภัยทั่วเกาะเสือแต่ลำพัง"

"เหตุใดเธอจึงทำอย่างนั้น" คนฟังเริ่มถูกสะกดจิต

"เหตุใดไม่ไปร่วมงาน   เธอเป็นคนคุยง่าย  ใครถามก็เล่าทุกที"

เกจเห็นคนมามุงฟังแล้ว  ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าพ่อมดคงล่อลวงแขกเข้าไปในงานได้อีกหลายสิบ...อาจจะถึงร้อยคน  และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าในจำนวนนั้นจะมีสาว ๆ ไม่น้อยเลย

ตอนกลับที่พัก  เขาก็ไม่ได้ชอบสัตว์ร้ายเพิ่มขึ้นสักเท่าไร   แต่ถ้าถามว่านับถือไหม  ก็ต้องว่านับถือขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน

...

"ดูเหมือนเกาะนี้จะเป็นเกาะแรกที่มีคนมาตั้งรกราก" เทรมิสบอกเซรี

เขาเล่าเรื่องอื่น ๆ เช่นกัน  จำนวนประชากรกับขนาดของเกาะ  รายละเอียดทางกายภาพอื่น ๆ   ความเชื่อทั่วไป  ข่าวใหม่ ๆ ที่คิดว่าน่าจะสำคัญ  นอกจากนั้น พ่อมดก็ทราบเรื่องการปกครองคร่าว ๆ ในหมู่เกาะแถบนี้  และผลกระทบที่เกิดจากการมีเผ่าโคแรนนิอิดมาตั้งรกราก

"คงลำบากไปพักหนึ่ง  จู่ ๆ เป็นคนละเผ่ามาอยู่แบบนี้" ชายหนุ่มว่า "แต่ยังดีที่ชาวเกาะส่วนใหญ่ค่อนข้างรักสงบ  มีไม่รักเท่าไรคงเป็นจ้าวเกาะใหญ่ที่สุด  ชื่อเกาะลาตา  ได้ยินว่าเป็นคนเก่งทะเยอทะยาน  ปราบเกาะเล็กเกาะน้อยมาเป็นเมืองขึ้นหมด   ว่าไป...เหมือนผู้เฒ่าซีเกจะพูดว่าท่านเมราลจะตามมาพร้อมกับจ้าวเกาะคนนั้นด้วย"

เซรีก็ได้ยินคำนั้นเช่นกัน  ผู้เฒ่าพูดเหมือนจ้าวเกาะอาจคิดสนใจเมราล   พอได้ยินแล้ว ทั้งเทรมิสทั้งเธอต่างนึกขึ้นพร้อมกันว่า ท่าทางต้องรีบหาตัวลอร์คานให้เจอแล้วจับไว้  คนที่คิดจาบจ้วงล่วงเกินเมราลมีสิทธิ์ประสบชะตากรรมโหดร้ายเอาเรื่องทีเดียว

"เพราะเป็นเกาะแรก  จึงน่าจะมีความเชื่อเก่าแก่มากกว่าเกาะอื่น ๆ" พ่อมดบอกต่อไป "ความเชื่อพวกนี้จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่ามีพลังแบบไหนไหลเวียนอยู่  เหมือนที่ทางเหนือจะมีความเชื่อเรื่องสัตว์ภูตมาก  ความเชื่อเรื่องสัตว์ภูตกระจายไปในเมืองทรายกับอันเซลมาเหมือนกัน   แต่ที่เมืองทรายก็มีตำนานอีกแบบหนึ่ง  ส่วนอันเซลมาจะมีเรื่องของฟินน์กับเซยาร์ตมากกว่า"

"แล้วเทรมิสเห็นว่าพลังแถวนี้เป็นอย่างไร"

"ข้าไม่แน่ใจ" ชายหนุ่มถูคางคล้ายกำลังตรึกตรอง "ระบบของที่นี่ต่างจากที่ข้าคุ้นเคยมากเกินไป  ถ้าหากพอมีพลังเหลือบ้างคงหยั่งตรวจสอบได้โดยตรง   แต่รวม ๆ แล้วคิดว่าเพราะเป็นเกาะเริ่มต้น  ก็คงมีเบาะแสของประตูมิติที่เกาะมังกรขาวเหมือนกัน   ในงานเลี้ยงต้อนรับท่านน่าจะมีคนสำคัญมาบ้าง  ข้าจะลองคุยกับคนพวกนั้นดู"

เทรมิสนิ่งไปครู่หนึ่ง   ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

"เกจสะกดรอยตามข้ามา  เลยชวนไปสืบข่าวที่ท่าเรือกับตลาดด้วยกัน" เขาว่า "ระแวงข้าน่าดูทีเดียว"

"เขาเป็นอย่างไรบ้าง" เซรีได้ยินชื่อเกจก็หน้าเสียไปเล็กน้อย  แต่ยังอดอยากรู้ไม่ได้

"พองขนใส่ข้าเป็นการใหญ่" พ่อมดบอกยิ้ม ๆ "นิสัยถือดีอย่างนั้นคงต้องเสียหน้าอีกหลายครั้งกว่าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว  แต่เขาไม่เป็นไรหรอก ท่านเซรี  เขาเป็นคนฉลาด  เรียนรู้ไวมาก  ยิ่งผิดพลาดก็จะยิ่งแข็งแกร่ง"

...

งานเลี้ยงคืนนั้นน่าสนใจทีเดียว

เมื่อแรกจ้าวเกาะสิปาออกจะกลุ้มใจอยู่มาก   ข้อแรกคือเขาเกรงใจเจ้าหญิงต่างแดน  เธอก็ไม่ได้ร้องขออะไรพ้นวิสัย  แม้จะมีนัยอย่างอื่นที่เห็นได้ชัด   และอีกข้อหนึ่ง เขาก็เกรงใจลูกเมียบวกกับผู้หญิงอื่น ๆ ในวัง  พวกนั้นแสดงตนไว้นานแล้วว่าจะไม่มาให้คนโคแรนนิอิดเห็น  แต่คราวนี้เจ้าหญิงขอร้องมา  จะให้ทำอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ในชั่วเวลาไม่นาน  จ้าวเกาะก็พบว่าเรื่องที่เขากังวลไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย   พวกผู้หญิงสนใจแขกที่มาเยือนคนใหม่มากจนเต็มอกเต็มใจมาปรากฏตัวในงาน  ยิ่งไปกว่านั้น  ที่จริงแล้วพวกเธอก็สนใจพวกโคแรนมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน   แต่ปรกติวิสัยของผู้หญิงส่วนใหญ่  เวลาไม่แน่ใจก็จะท่ามาก  พวกเธอจำนวนไม่น้อยสนใจขนาดไปที่ท่าเรือตอนพวกโคแรนมาเทียบ   และแม้จะรีบหลบลี้หนีหายอย่างรวดเร็ว  หัวเราะคิกคักวิจารณ์กันเซ็งแซ่ว่าคนต่างชาติหน้าตาพิลึกกึกกือ   แต่ต่อมา สาว ๆ ก็ยังค่อนข้างสนใจคนโคแรนนิอิดอยู่ดี  ถึงออกจากบ้านมาให้เห็นตัวไม่ได้กลับยังแอบดู  ดูแล้วก็วิพากษ์วิจารณ์สนุกปากไป

"น่าเกลียดเสียจริง  ผิวซีดพิลึก  ตาก็แปลก  คิ้วก็แปลก"

พอคนหนึ่งตั้งต้นพูดขึ้นมา  คนที่เหลือก็เออออตามไปด้วย  แสร้งทำเป็นเชิดจมูกเหนือกว่า  ไม่เห็นพวกโคแรนนิอิดอยู่ในสายตา   ทว่าเอาเข้าจริง  บางทีปากพูดคะนองไป  ใจก็ไม่ได้คิดตามหรอก  คนโคแรนนิอิดไม่ได้น่าเกลียดอะไร  ที่จริงหากตั้งใจดูกลับจะพบว่าพวกเขาค่อนข้างรูปร่างหน้าตาดี...ในแบบของพวกเขาเอง  ยิ่งเมื่อคำนึงว่าเผ่าโคแรนนิอิดมีคนอย่างเมราล  ซึ่งอยู่ที่ไหนก็ยังถือว่างาม  ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามาตรฐานหน้าตาปรกติของคนในเผ่าไม่ได้แปลกจนถึงขั้นอัปลักษณ์แต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ จ้าวเกาะจึงพบว่าตนไม่ต้องลำบากอย่างที่คิดไว้เลย   เพียงเอ่ยคำว่าจะจัดพิธีต้อนรับเจ้าหญิงจากต่างแดน  พวกผู้หญิงก็พากันเต็มอกเต็มใจรับเชิญ  แถมยังมีผู้หญิงนอกวังสนใจจะร่วมอีกจำนวนมาก  ไม่ให้มีใครติว่าอาจต้องพบพวกผู้ชายโคแรนนิอิดที่ติดตามมาด้วยสักคนเดียว

"อา...สวรรค์" วิเทนเพ้อตอนก้าวเข้าถึงบริเวณงาน

ก็ควรเป็นสวรรค์จริงอย่างเขาว่า  เพราะสาว ๆ ที่ไม่รู้หายหัวไปไหนตลอดหลายวันนี้  จู่ ๆ ก็โผล่มารวมกันเสียละลานตา   ก่อนหน้านั้น...ตลอดบ่ายวันดังกล่าว  สาว ๆ พากันแต่งตัวยกใหญ่  รื้อเอาผ้านุ่งสีสดมีเชิงออกมาจากหีบ  ค้นหาเครื่องประดับต่าง ๆ   และเร่งไปเก็บดอกไม้   ผู้หญิงหมู่เกาะลาตาชอบทัดดอกไม้เวลาออกงาน   มีบางคนที่เก็บดอกไม้เล็ก ๆ มาร้อยห้อยคอ  หรือทำเป็นพวงคล้ายกำไลข้อมือ

แน่นอนว่าสาวมาแบบนี้  ย่อมต้องมีพวกญาติพี่น้องของเธอมาแยกเขี้ยวกันท่าด้วย   แต่นั่นยังไม่ถึงกับเป็นปัญหาของพวกโคแรนเท่าไรนัก   หลังจากหลายวันอันแสนจะเหี่ยวแห้ง   ได้เห็นหน้าสาวบ้างก็ออกจะเป็นบุญเป็นคุณมากแล้ว   พวกผู้หญิงแต่งตัวมา   พวกผู้ชายก็แต่งตัวเหมือนกัน   แม้ว่าชุดของโคแรนนิอิดจะค่อนข้างเรียบมากเมื่อเทียบกับแบบลาตา  ทุกคนก็แต่งเต็มที่เท่าที่คิดว่าหล่อเหลาที่สุดแล้ว  ยิ่งไปกว่านั้น เพราะเจออุปสรรคกันมาจนเครียด   จึงมีการหาที่พึ่งทางใจแบบพิลึก ๆ เหมือนกัน

"อันนี้เครื่องรางแม่ข้าหามาให้" คนหนึ่งว่าพลางชักท่อนไม้ดำ ๆ หงิก ๆ งอ ๆ ออกมาจากกระเป๋าเหน็บเอว "แม่บอกว่าพกไว้แล้ว  ผู้หญิงจะชอบมาก"

"ข้าว่าเจ้าก็พกอยู่ทุกวัน  ไม่เห็นมีใครโผล่หัวมารักเจ้าสักคน" เพื่อนเขาทนไม่ไหว  ว่าเข้าให้

"เฮ้ย  นั่นเพราะสถานการณ์ไม่อำนวยหรอกโว้ย  วันนี้เถอะ  ข้าจะอวดอิทธิฤทธิ์เครื่องรางแม่ข้าให้เจ้าดู"

"เออ ถ้าไม่ได้  เจ้าก็เอาเครื่องรางมารดาไปผูกคอถ่วงน้ำตายเสียแล้วกัน"

ที่อยู่ในงาน  ส่วนใหญ่ก็ได้แต่มองกันไปมองกันมา  คนจะโชคดีมีโอกาสพูดกับสาวบ้างก็คงต้องเป็นคนคล่องปราดเปรียวหน่อยอย่างวิเทนเท่านั้น   แต่มาเจอกันอย่างนี้  พวกผู้หญิงก็พอจะเห็นเหมือนกัน...พวกโคแรนนิอิดหน้าตาแปลก  แต่ที่จริงล้วนหน้าตาดี  นอกจากนั้นยังรูปร่างดี  และมีความสามารถอีกด้วย  จากบทสนทนาที่ได้คุยบ้าง  แอบได้ยินบ้าง  พวกเธอก็ทราบว่าชายเหล่านั้นแต่ละคนล้วนใช้เวลาเกินครึ่งชีวิตไปกับการบุกเบิกแผ่นดินใหม่  ความยากลำบากบ่มเพาะให้กระตือรือร้น  สนใจจะเรียนรู้  ยินดีทำงานหนัก  มีความรับผิดชอบ  จัดว่าเป็นคนประเภทที่ไว้วางใจได้ทีเดียว

คนที่ไม่ชอบก็ย่อมไม่ชอบต่อไป   แต่คนอีกจำนวนหนึ่ง...แม้ไม่มากนัก ที่ยินดีรับความท้าทาย ย่อมชักรู้สึกว่าอาจจะน่าลองเข้าใกล้กว่านี้อีกสักนิด

"เป็นอย่างไรบ้าง" เซรีที่หลบคนมาได้ในที่สุดพบเทรมิสยืนอยู่รอบนอกของงาน  เขากำลังสังเกตการณ์  จึงไม่พยายามทำตัวให้โดดเด่นออกมา

"พรุ่งนี้ข้าจะไปวิหารใหญ่ของเกาะ" พ่อมดบอก "มีอีกสองสามที่ที่ควรไปเหมือนกัน  แม้ว่าตรวจสอบด้วยพลังไม่ได้  แต่คิดว่าคาดเดาไม่ผิดหรอก"

"ไปด้วย" เจ้าหญิงชูมือ

"ไปได้หรือท่านเซรี" อีกฝ่ายถามยิ้ม ๆ  เห็นแล้วว่ามีคนอื่นทำท่าจะเลียบเคียงเข้ามาใกล้เธอ
"ไปได้  ข้าจะไป" เจ้าตัวยืนยัน

ทั้งสองคนไม่ทันรู้สึกตัว  แต่เกจก็มองและได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดอยู่เหมือนกัน

................................................................................................

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 54 08:45:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com