Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซรีญา The Dragon's Gate (11 ครึ่งแรก) ติดต่อทีมงาน

อาทิตย์นี้ขอปิดโรงงานแต่เพียงเท่านี้เน้อ

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10109516/W10109516.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10161148/W10161148.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/01/W10183691/W10183691.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/06/W10737872/W10737872.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/07/W10823758/W10823758.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/08/W10933375/W10933375.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11142234/W11142234.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11146239/W11146239.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11151078/W11151078.html
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11205594/W11205594.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11263974/W11263974.html

###

๑๑.

"เกจ" เซรีเอ่ยเรียกขึ้น

หัวหน้าโรงปลูกพืชแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน   ทว่าดูเหมือนจะไม่สำเร็จแต่อย่างใด  พอเรียกแล้วเจ้าหญิงที่ชำนาญการขี่ม้ามากกว่าเขาก็ตีคู่มา  เธอเป็นคนเดียวในคณะนี้ที่ควบคุมสัตว์พาหนะได้อย่างใจจริง ๆ   แม้ทหารม้าเร็วซึ่งจ้าวเกาะสิปาให้หัดไว้ก็สู้ไม่ได้เลย

"เกจ  ข้าจะถามเจ้า  ไม่มีโอกาสสักที" หญิงสาวเอ่ย "เมล็ดพืชนั้นที่ข้าให้ใช้ได้ไหม  ใช้แทนต้นแหได้หรือเปล่า"

...ยังไม่ลืมอีกหรือ...คนถูกถามสะดุ้งในใจ

เขาคิดเอาเองมาตลอดว่าเธอคงลืมแล้ว   เจ้าหญิงคนนั้น   เพราะมันง่ายกว่าที่จะลืมไม่ใช่หรือ  จริงอยู่ ตอนออกจากเกาะเสือเธอเป็นคนนำถุงเมล็ดพืชดังกล่าวมาให้  บอกว่าน่าจะใช้แทนพืชล้มลุกที่พ่อเขามักสูบจนขาดสติ  พืชนั้นแต่เดิมนอกจากเป็นยาสูบแล้วยังสามารถนำใยมาถักแหและทอเป็นผ้า  จึงไม่อาจเลิกปลูกได้  กระนั้นเกจก็คิดเสมอมาว่าเซรีหาเมล็ดพืชใหม่มาให้ ก็เพียงเพื่อตัวเองจะได้รู้สึกผิดน้อยลงจากการทำร้ายเขานั่นเอง

"ไม่ได้" ชายหนุ่มตัดสินใจกดเสียงให้กลายเป็นเนือย  "คนที่สูบต้นแหจนติดยังมีอยู่มาก  เนื้อผ้าก็ต่างกัน  เลิกปลูกต้นแหไม่ได้"

ยามคำพูดพ้นปากไปแล้ว  คนพูดเองก็รู้สึกแปลก ๆ  เขาตีหน้านิ่งอยู่   แต่หางตายังอดลอบชำเลืองเจ้าหญิงไม่ได้   เธอขรึมไปหน่อยหนึ่ง...ดูเหมือนกำลังคิดอะไร

ความรู้สึกที่ไม่คาดหมายมาเยือนเกจ...เขาเริ่มรู้สึกผิดอย่างไม่น่าเชื่อ  แม้หน้ายังเฉย  แต่ใจชักอดคิดไม่ได้ว่าควรเพิ่มอีกสักประโยคไหม  อะไรที่จะทำให้คำพูดเมื่อครู่เบาลง

แต่เซรีกลับเอ่ยขึ้นก่อนชายหนุ่มจะทันได้ทำอะไร

"ข้าคงต้องขอดูเนื้อผ้าของต้นแห" เธอว่า "ถ้าเห็นของจริงอาจนึกออกว่าอะไรน่าจะแทนได้  ส่วนยาสูบ...มีพืชอีกหลายอย่างที่ใช้เป็นยาสูบได้  ฤทธิ์อาจจะเบากว่า   ข้าจะลองไปคิดดู  ไม่อย่างนั้นจะถามท่านชาการ์  เขาน่าจะนึกอะไรได้"

เธอพูดจบแล้วก็พยักหน้า  ชักม้าออกนำไป

เทรมิสที่นั่งดูฉากไอ้หนุ่มเบิกตามองตามหลังท่านเซรีลอบถอนหายใจ  เขาไม่ใคร่แน่ใจว่าตนควรมีอารมณ์อย่างไรดี  แต่ที่แน่ ๆ เห็นทีการเดินทางคราวนี้คงสร้างความลำบากใจให้หัวหน้าโรงปลูกพืชไม่น้อยเลย

เมื่อเช้า  เจ้าหญิงกับพ่อมดไปพบจ้าวเกาะสิปา  ขออนุญาตร่วมเดินทางกับคณะที่จะไปยังวิหารงูขาว  ครั้นได้รับอนุญาตจึงกลับมายังเรือนพักเพื่อบอกเกจตามที่สัญญาไว้   ในคณะนั้นนอกจากทั้งสามแล้ว  ก็มีคนของจ้าวเกาะอีกสามคน  สองคนเป็นทหาร  อีกคนเป็นขุนนางมียศพอสมควร   พวกสิปานับถือเทพเจ้า  จะติดต่อวิหารก็ต้องส่งคนสำคัญไป

คนของจ้าวเกาะเป็นทหารสื่อสารพิเศษที่ได้ฝึกขี่ม้า  การเดินทางจึงถือว่าเร็วพอสมควร   พวกเขาขี่ม้ากึ่งวิ่งกึ่งเหยาะไปตามถนนดินของสิปา  เมื่อไรที่พบชาวบ้านก็มีหลายคนมองจนเหลียวหลัง  คนขี่ม้าก็แปลกอยู่แล้ว  ไหนจะมีผู้หญิงขี่ม้าได้  ผู้ชายต่างชาติ  กับคนไม่มีสี  เกจหน้าเฉยตลอดเวลา  เซรีสนใจนั่นนี่ขี่ม้าขึ้น ๆ ลง ๆ   ส่วนเทรมิสดูสบาย ๆ

"เทรมิสอารมณ์ดี" เจ้าหญิงตั้งข้อสังเกตตอนชักม้าลงมาเทียบข้าง ๆ "คิดแผนการอะไรได้หรือไง"

"ข้ารู้สึกดี" ชายหนุ่ม "เกาะนี้มีพลังโบราณไหลเวียนอยู่"

จริงของเขา  สิปาไม่ใช่เกาะใหญ่  แต่ยิ่งเดินทางไปเท่าไรก็ยิ่งเห็นว่ามีร่องรอยอารยธรรมเก่าแก่ปรากฏอยู่  ทำให้ทราบว่าก่อนนี้น่าจะมีอาณาจักร  ตามข้างทางยังเห็นซากเมืองเก่า  รูปแกะสลักของเทพเจ้า  วัดและวิหาร  สถานที่เหล่านั้นบางแห่งยังใช้จริง  บางแห่งก็ถูกทิ้งร้าง  คนสิปามีความเชื่อเรื่องเทพเจ้ากับวิญญาณของแผ่นดิน ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น พวกผู้หญิงจะจัดดอกไม้ใส่กระทงเล็ก ๆ ที่ทำจากใบไม้  นำไปตั้งไว้บูชาเทพเจ้าตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เชื่อกันว่าสำคัญ

สิปาเขียวกว่าอันเซลมา  ยามออกจากบริเวณชุมชน  พื้นภูมิส่วนใหญ่จะให้ความรู้สึกทึบครึ้มและชื้น  กระนั้นก็มีหลายครั้งหลายหนที่ต้นไม้ร่มครึ้มนำออกสู่ที่เปิดโล่งกว้าง   ยามชักม้าไต่ขึ้นที่สูงตามไหล่เขา  มองลงมายังเห็นนาขั้นบันไดไพศาล   เห็นทะเลสาบใหญ่และแม่น้ำ   สิปามีภูเขาก็เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำสั้น ๆ หลายสายทีเดียว

วิหารงูขาวต้องใช้เวลาเดินทางประมาณวันหนึ่ง  ทางที่ขี่ม้าไปนั้นมีแต่ไต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ  นายทหารที่ไปด้วยกันอธิบายว่าวิหารส่วนใหญ่ของสิปาอยู่บนเขา   คนสิปาเชื่อว่าเทพเจ้ามักอยู่บนที่สูง  ส่วนวิหารงูขาวนั้นตั้งบนชะง่อนผาใกล้กับยอดเขายอดหนึ่งในสามยอดของลาตา  ตัววิหารไม่ถึงกับใหญ่โต  แต่ก็มีอาณาบริเวณโดยรอบค่อนข้างกว้าง  ครอบคลุมยอดเขาและป่ารอบ ๆ เกือบทั้งหมด  ในพื้นที่นั่นเข้าใจว่ามีอาคารอื่น ๆ และที่อยู่นักบวชอีกจำนวนหนึ่งทีเดียว  

"วิหารงูขาวเป็นเขตของผู้หญิง   ผู้ชายจะต้องรอที่ปากทาง  ให้นักบวชผู้เฝ้าประตูนำเรื่องไปเรียนผู้ดูแลข้างใน" นายทหารบอกเซรี "ส่วนใหญ่หากไม่ใช่คนร้ายและมีหลักฐานยืนยันตามสมควรก็จะได้รับอนุญาต   แต่หากผู้ดูแลไม่ให้เข้า  เชื่อกันว่าถ้ายังขืนเข้าไปก็จะถึงตาย"

"ทำไมถึงเป็นผู้หญิง" เจ้าหญิงสงสัย

"ข้าไม่ทราบ  แต่เราเชื่อว่าเทพงูขาวไม่มีคู่มาแต่แรก  นางคงไม่ชอบผู้ชายจึงแช่งไว้" ทหารตอบ "ผู้หญิงบางคนมีปัญหาก็มาที่นี่  ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ปลอดภัย"

เซรีมองไปทางเทรมิสที่ฟังอยู่เช่นกัน   ยามเขาเห็นเธอมองมาก็แสร้งลูบคางมองท้องฟ้า

"หวังว่าคงไม่ถึงกับต้องให้ข้าปลอมตัวใส่กระโปรงเข้าไป"

เจ้าหญิงเลยย่นจมูกใส่อีกฝ่ายหนึ่งที

พวกเขาไปถึงเขตวิหารก็ใกล้ค่ำแล้ว   นายทหารจึงเสนอให้แรมคืนที่นี่เสียก่อน   ต่อจนเช้าตรู่ค่อยเดินทางสู่บริเวณประตู   คนอื่น ๆ ไม่มีความชำนาญก็ตกลงตามนั้นโดยดี

แต่แม้บอกว่าถึงเขตวิหาร   รอบด้านที่เห็นก็ยังคงเป็นป่า  ไม่มีสิ่งก่อสร้างและร่องรอยของมนุษย์ เว้นแต่ทางเล็ก ๆ ที่พวกเขาขี่ม้ามาเท่านั้น  นายทหารบอกว่านอกจากทางนี้แล้ว   ยังมีอีกทางหนึ่งที่ขึ้นถึงวิหารได้  เป็นทางไม้สร้างเลียบผาตั้งฉากอีกด้านหนึ่ง ใช้วิธีตอกโลหะเข้าไปในเนื้อหินทำเป็นฐาน  แล้วก่อโครงตอกแผ่นไม้ทำทางเดิน  สำหรับคนปรกติถือว่าแคบชันอันตรายมาก  แต่ดูเหมือนว่านักบวชทั่วไปจะใช้ทางนั้นเอง

"มันเร็วกว่ามาก" คนเล่าบอก "และเป็นชัยภูมิที่ดี   หากมีใครบุกขึ้นมา  นักบวชและผู้อยู่อาศัยในวิหารที่ขึ้นลงจนคุ้นก็จะหนีทางนั้น   และอาจเผาทำลายทิ้งเสียก่อนจะถูกไล่ตามทัน"

"มีคนบุกวิหารด้วยหรือท่าน" เกจแปลกใจ  เขามาจากเผ่าที่แทบเป็นหนึ่งเดียวกับคณะนักบวชของตน  นึกไม่ออกว่าใครจะทำร้ายนักบวชไปทำไม

"ในนั้นไม่ได้มีเพียงนักบวช  ยังมีผู้หญิงอื่น ๆ อีก  ในจำนวนนั้นก็มีบางคนเป็นคนสำคัญ...ถึงขั้นอันตราย" นายทหารกอดอก "คิดจะปกป้องคนอันตราย  ก็ควรต้องมีมาตรการป้องกัน"

"เวลานี้ยังมีอยู่ไหม" หัวหน้าโรงปลูกพืชสงสัย

พวกคนสิปามองหน้ากัน

"ยังมีคนสำคัญอยู่" คนที่เป็นขุนนางบอกในที่สุด "แต่หากว่าอันตรายไหม...คิดว่าไม่อันตรายกระมัง   ไม่ใช่ประเภทที่จะมีใครมารบราฆ่าฟันชิงตัวไป"

...

คืนนั้นคนอื่น ๆ นอนแล้ว  แต่เกจนอนไม่หลับจึงคาดอาวุธลุกออกไปจากกองไฟ   เขามองพระจันทร์บนท้องฟ้า   ก่อนจะมองป่าอันมืดมิดรอบกาย   อากาศบนที่สูงยามกลางคืนหนาวเย็นกว่าบริเวณพื้นราบด้านล่าง   ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมแล้วก็ย่ำเข้าป่าไป

เขาชอบอยู่คนเดียว   ชอบมานานแล้วตั้งแต่สมัยเป็นเด็กชาย   ก็ใช่ว่าเกจจะเป็นพวกตัดขาดจากสังคมอะไรนัก  ทว่าอาจจะเพราะก่อนนี้เคยท่องเที่ยวไปในรังงูน้ำตามลำพังหลายปี  จึงติดความรู้สึกว่าตัวเองจะปลอดโปร่งใจกว่าและคิดอะไรได้มากกว่าหากอยู่คนเดียว  นายทหารบอกว่าป่าแถบนี้ไม่มีสัตว์ร้าย   เกจเองรู้สึกได้อย่างนั้นเช่นกัน   แต่แม้มีสัตว์ใดมา  หัวหน้าโรงปลูกพืชก็เชื่อว่าตนจะสู้ได้ไม่น่าตึงมืออะไร

เขาเดินไปคนเดียวในความมืดและเงียบ  ในใจคิดเรื่องอะไรหลายอย่าง  แม้จะผิดต่อวิเทนอยู่บ้าง  แต่ชายหนุ่มกลับพบว่าตนคิดเรื่องเพื่อนและวิหารตรงหน้าน้อยเต็มที   ความคิดของเขาส่วนหนึ่งไปยังท่านเมราล...ท่านเมราลจะยังปลอดภัยอยู่ใช่ไหม   และอีกส่วนหนึ่งไปยังการงานของตน  นอกจากนั้นแล้ว  แม้ไม่อยากยอมรับเท่าไร  ชายหนุ่มก็พบว่าหากเผลอสติเมื่อไร   เขาจะนึกถึงเจ้าหญิงแห่งอันเซลมา

แวบแรกที่ปักษาเพลิงมาพูดจาเรื่องต้นแห  เขาไม่เข้าใจ  แต่ต่อมากลับคิดว่าไม่หรอก  เขาเข้าใจ  เธอไม่ได้ต่างจากหลายปีก่อนเท่าไร   สุดท้ายก็เป็นคนจริงจัง  และมีบางขณะที่บอกไม่ถูกเลยว่าที่จริงแล้วเป็นคนทื่อหรือไม่คิดมากกันแน่

จริงอยู่  พืชที่เธอให้ใช้แทนต้นแหไม่ได้   แต่ก็เช่นเดียวกับเรื่องทั้งปวงในโลก  ใช้ไม่ได้ไม่ได้แปลว่าเรื่องจะจบลงเพียงนั้นเสมอไป  ในความเป็นจริง คำว่าใช้ไม่ได้ดังกล่าวยังมีเรื่องยาวแสนยาว   เช่นว่าเมื่อแรกเกจแทบจะขว้างเมล็ดที่เจ้าหญิงให้ทิ้ง   แต่ท่านเมราลกลับบอกว่าหากเป็นพืชมีประโยชน์กับเผ่า เหตุใดไม่ปลูกเล่า  เขาจึงทำตาม   ยามมันงอกขึ้นเป็นพืชเส้นใยจริงตามคำสัญญา  เด็กชายเกจยังรู้สึกแปลกใจ  มันเป็นพืชที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และทำให้เกจตระหนักขึ้นทันทีมาว่าเผ่าของตนไม่ได้ปลูกพืชพันธุ์ใหม่มานานเพียงไรแล้ว

ความตระหนักนั้นนำไปสู่ความตระหนักต่อไป...พวกเขากำลังย่ำอยู่ที่เดิมหรือไม่ใช่   หากไม่เร่งดิ้นรนปรับเปลี่ยนบางอย่าง  ชีวิตคนทั้งเผ่าจะคงอยู่ตรงจุดเดิมตลอดไป  โคแรนนิอิดไม่ต้องการวีรบุรุษที่ลงไปยังถ้ำงูยักษ์หรอก  หากแต่ต้องการวีรบุรุษผู้มีความรู้ใหม่ ๆ ต่างหาก  อะไรก็ได้ที่จะทำให้พร้อมสำหรับชีวิตแบบใหม่ซึ่งไม่มีคำทำนายให้ยึดถืออีกแล้ว  

ภายหลัง เกจมักคิดเสมอว่าการตระหนักดังกล่าวช่วยเขา   นำเขาจากความสิ้นหวังที่เห็นตนเองกลายเป็นคนไม่มีสีไร้ความหมาย   พาเขาไปหาจุดประสงค์ใหม่  วิธีใหม่ที่จะได้เป็นคนมีค่า  การเพาะปลูก  พันธุ์พืช  การทอผ้า  การเลี้ยงสัตว์  และระบบชลประทาน  ความรู้เหล่านั้นสำคัญกับการขึ้นเกาะ  เป็นความรู้ใหม่ที่ต่างจากองค์ความรู้ที่สะสมกันมาบนเรือมากเหลือเกิน

เมื่อนึกถึงตอนนี้  ลึก ๆ แล้วเกจก็คิดว่าพืชนั้นใช้ได้  แม้ไม่อาจทดแทนต้นแห  มันก็ใช้ได้ในแบบของมันเอง  บางทีเรื่องทั้งปวงในโลกก็คาดเดาไม่ได้  จึงไม่มีความจำเป็นต้องเป็นอย่างที่หวังเสมอไป  และถึงไม่เป็นอย่างหวังก็ไม่เป็นไร  เหมือนชีวิตของเขา  เหมือนชีวิตของคนโคแรน   เขาเชื่อว่าหากพูดเช่นนี้  ปักษาเพลิงน่าจะเข้าใจ

แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดอยู่ดี

ตอนนั้นเอง เกจที่สัญชาตญาณดีก็ชะงัก  เขาสังเกตเห็นว่าอะไรบางอย่างผลุบโผล่ตามสุมทุมพุ่มไม้ไม่ไกล  ชายหนุ่มนิ่ง  กลบเกลื่อนกิริยาคล้ายไม่รู้ตัว  ต่างฝ่ายต่างสงบรอ  เกือบคล้ายนายพรานเฝ้าเหยื่อทีเดียว

แต่ดูเหมือนเกจจะอดทนมากกว่า เขาแสร้งเดินวนเวียนไม่มีจุดหมายหลายนาที  สิ่งในพุ่มไม้นั้นก็ดูจะเป็นฝ่ายรอเอาเถิดเจ้าล่อไม่ไหว  มันค่อย ๆ ขยับเข้าใกล้  ชายหนุ่มที่เบือนหน้าไปอีกทางก็เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของมันด้วยหางตา

ครั้นกะว่าสิ่งในพุ่มไม้เข้ามาระยะล่าเหยื่อของตนแล้ว  เกจที่นิ่งเฉื่อยราวกับงูก็ขยับวูบ  กระโจนพรวดเดียว  ฉกมือจ้วงลงกลางใบไม้  เขาคว้าดึงร่างของอีกฝ่ายลากขึ้นมาได้โดยแรง  อีกมือชักมีดเงื้อสูงไว้  พร้อมจะแทงทันที

แต่สิ่งที่ได้กลับไม่ใช่สิ่งที่เกจคาดหมายเลย

................................................................................................

แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 09:28:38

แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 54 09:17:21

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 21:23:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com