หนี้เสน่หา ตอนที่ 7

    นราฮัมเพลงอย่างสุขใจขณะขับรถกลับ จนภารดีนึกขวางปนขัน
    “อารมณ์ดีจริงนะหล่อน”
    “อ๊ะ แน่นอน ก็วันนี้มีแต่เรื่องสนุก ๆ”
    “สนุกตรงไหนยะ แกล้งพี่ชายชั้นน่ะสนุกเหรอ”
    “ชั้นแกล้งตรงไหนยะ” นราละสายตาจากถนนมาตอบหน้าซื่อ “พี่ต้นน่ะยังไม่เห็นมีอะไรบุบสลาย”
    “โน่น หันไปโน่น” ภารดีจับหน้าเพื่อนสาวให้หันกลับไปถนนดังเดิม “ขับรถอยู่นะจ๊ะ แม่คุณ”
    “ทำไม กลัวเหรอ ถ้างั้นต้องอย่างนี้” นราถามก่อนจะหักพวงมาลัยเร่งเครื่องปาดหน้ารถข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เรียกเสียงกรีดร้องจากภารดีลั่นรถ
    “ยายนา ระวัง ข้างหน้ารถติดไฟแดง”
    ช้าไปแล้วเมื่อคนขับแตะเบรคไม่ทัน ทำให้รถคันเล็กของหล่อนไปจูบกันชนรถบี เอ็ม คันหน้า  ไม่เบานัก ทั้งที่คาดเข็มขัดนิรภัย แต่หน้าหล่อนก็ไปกระแทกกับพวงมาลัยอย่างแรง นรามึนงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันไปทางผู้ร่วมทางอย่างเป็นห่วง
    “ยายเล็ก ยายเล็ก เป็นอะไรรึเปล่า”
    “มะ ไม่ ไม่เป็นไร”
    ภารดีตบศรีษะอย่างงง ๆ ก่อนจะถามกลับ
    “แล้วตัวล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า”
    นรายังไม่ทันตอบก็เห็นคนขับรถคันหน้าเปิดประตูมาเคาะกระจกหน้าตาถ:-)ทึง
    “นี่คุณ ขับรถเป็นรึเปล่า รถติดไฟแดง ทำไมไม่แตะเบรค หา”
    นราเปิดกระจกเห็นคู่กรณีเขม้นมองก่อนจะร้องลั่น
    “เฮ้ย หัวคุณแตกนี่”
    อะไรนะ หัวแตกเหรอ หา  ใครหัวแตก หันไปหาเพื่อนก็เห็นนั่งหน้าซีดเพราะตกใจ เลยเผลอยกมือแตะหัวตัวเองตอนนี้เองที่นราเพิ่งจะรู้สึกถึงน้ำเหนียว ๆ ที่ศรีษะพร้อมกับอาการปวดตุบ ๆ แต่คนร้องกลับเป็นภารดี
    “โอ๊ยย ตายแล้ว ยายนา เลือดออกเต็มเลย เจ็บมากมั๊ย”
    “ผมว่าพาไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ คุณพอขับรถไปจอดตรงปั๊มข้างหน้านี้ได้มั๊ย แล้วไปรถผม”
    “ได้ค่ะ” ภารดีตอบก่อนจะเปิดประตูเพื่อจะข้ามไปประจำที่คนขับแทนนรา ซึ่งถูกประคองออกมาให้ย้ายไปนั่งเบาะหลังแล้ว เสียงคนเจ็บร้องครางเบา ๆ
    “โอย เจ็บเหมือนกันแฮะ ยายเล็ก นี่สมองชั้นจะโตเท่าลูกบอลรึเปล่าน่ะ”
    “นี่แม่คุณ หล่อนเจ็บอยู่นะยังจะทำเล่นอีก” ภารดีเอ็ด ก่อนจะหันไปขอบคุณ แต่เห็นอีกฝ่ายจ้องหน้าหล่อนเขม็ง
    “มีอะไรหรือคะ”
    “ยายเล็ก ยายเล็ก” เขาทวนชื่อหล่อนก่อนจะถาม “น้องนายภิวัฒน์ ใช่มั๊ย”
    “ค่ะ เอ๊ะ คุณรู้จักพี่ชายฉันหรือคะ”
    "ฮะ"
    “โอ๊ย จะมานับญาติอะไรตอนนี้” เสียงคนข้างหลังเริ่มโวยวาย “พาชั้นไปหาหมอเย็บแผลก่อนเถอะ โอ๊ย เลือดทั้งนั้นเลย จะเป็นลมอยู่แล้ว”
    นี่ขนาดจะเป็นลมนะเนี่ย เสียงเจ้าหล่อนยังดังอย่างนี้ ชายหนุ่มนึกค่อนในใจ แต่หันไปบอกภารดีก่อนจะกลับไปที่รถว่า
    “ขับตามไปนะ เดี๋ยวพี่จะไปรอที่ปั๊ม หวังว่านอกจากที่หัวแล้ว หมอคงไม่ต้องเย็บหลอดเสียงเพิ่มให้เพื่อนเธอหรอกนะ”


    ภารดีถลาไปหาเพื่อนรักทันทีที่เห็นเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
    “เป็นไงมั่ง ยายนา หมอเค้าว่ายังไง”
    “ไม่เป็นไรหรอก เย็บแค่สามสี่เข็มน่ะ ที่หัวนะ ไม่ใช่ที่หลอดเสียง” หล่อนว่าอย่างเจ็บแค้น มองคู่กรณีข้างหลังเพื่อนตาวาว
    “โธ่ ยายนา พี่ทิตเค้าพูดเล่นน่ะ” ภารดีแก้แทนเพื่อนพี่ชาย
    “พี่ทิตเค้าเป็นเพื่อนพี่ต้นน่ะ”
    “พูดเล่นอย่างงั้นเหรอ เป็นใครกัน”
    “ผมเป็นตำรวจครับ” วาทิตตอบนอบน้อมจนนราแทบกรี๊ด
    “เป็นตำรวจรังแกประชาชนได้งั้นสิ”
    “ตอนนี้หกโมงเย็นหมดเวลาราชการแล้วครับ” เขาบอกเสียงซื่อ หากดวงตาวาววับ เพิ่งจะเห็นว่ายายหนูนานี่ก็น่าเอ็นดู ปกติเขาจะชอบผู้หญิงผิวขาว หากผิวสีน้ำผึ้งอย่างแม่สาวคนนี้ก็ดูคมขำไม่หยอก ยิ่งเวลาโกรธ ๆ อย่างนี้ ตาวาววับ ท่าทางพยศเหมือนม้าเปรียว ๆ
    “นี่ พูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
    “หมายความว่าตอนนี้หมดเวลางานแล้ว คุณจะมากล่าวหาว่าผมเป็นตำรวจรังแกประชาชนไม่ได้น่ะสิ”
    “พอเถอะค่ะ พี่ทิต ยายนา” ภารดีรีบไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นว่าหน้าห้องฉุกเฉินกำลังจะกลายเป็นสนามรบย่อย ๆ
    “พี่ทิตเค้าก็แซวเล่นเท่านั้นเอง ก็เห็นตัวเจ็บ พูดให้โกรธจะได้ลืมเจ็บไงล่ะ”
    “อ๋อ เหรอ ยังงี้ต้องถือเป็นบุญคุณรึเปล่าล่ะ” นราเริ่มพาล
    “ไอ้ที่เจ็บตัวน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก แต่มันเจ็บใจต่างหากล่ะ”
    “เอาเถอะน่า ยังไงก็ผ่านมาแล้ว นี่พี่ทิตเค้าก็บอกว่าไม่เอาเรื่องที่ตัวเอารถไปชนท้ายเค้าน่ะ”
    “เชอะ” นราเชิดหน้า “กลัวที่ไหน ประกันก็มี”
    ภารดีสะกิดเบา ๆ “แล้วเรื่องเก่าที่หล่อนรับปากกับคุณพ่อคุณแม่ว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอะไรก่อนจะไปเมืองนอกน่ะ ลืมแล้วเหรอ”
    นราสะดุ้ง จริงสิ หล่อนดันรับปากว่าจะแสดงให้เห็นว่าดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่เกิดเรื่อง ขืนบิดารู้ล่ะก็ มีหวังโครงการเรียนต่อ ของหล่อนมีอันต้องพับไป แหง ๆ  แต่ขืนทำยอมแพ้ง่าย ๆ ก็กลัวน่ะสิ
    “ก็ได้ ก็ได้ งั้นไป ยายเล็ก กลับบ้าน” นราแกล้งทำสุ้มเสียงเบื่อ แบบไม่สนใจ เตรียมชิ่งหนีเพราะขืนอยู่นานเดี๋ยวตานี่เปลี่ยนใจ เอาเรื่องขึ่นมาล่ะยุ่งแน่ เพราะไอ้เรื่องรถบุบหล่อนยังโมเมว่าขับรถไปชนประตูหรือมีใครถอยหลังมาชนได้
    “ไปสิ เดี๋ยวพี่ทิตเค้าจะไปส่งให้”
    “เอ๊ะ ทำไมต้องให้เค้าไปส่งด้วย แท๊กซี่ก็มี” นราขัด พยายามส่งสายตากับเพื่อน ว่าอย่าไปยุ่งกับตานี่เลยนะ
    “ตามใจเค้าเถอะ ยายเล็ก พี่ไปส่งเราคนเดียวก็ได้ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องอ้อมไกล”
    ผู้กองหนุ่มตอบหน้าตาเฉย เมื่อเห็นน้องสาวเพื่อนรักทำหน้าหนักใจ นรากัดริมฝีปากตัวเอง เกือบจะเดินไปแล้ว แต่สะกิดใจว่าจะปล่อยให้เพื่อนรักไปกับนายตำรวจปากบอนนี้สองต่อสองเหรอ ไม่มีทาง
    “ได้ไง ยายเล็ก มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ ไม่ต้องไปรบกวนใครหรอก”
    “พี่ทิต เค้าจะไปหาพี่ต้นอยู่แล้วแหละ”
    “เฮอะ ร้อยวันพันปีไม่เคยมาหา จู่ ๆ ก็อยากจะเจอ ต้องคิดอะไรไม่ดีแน่ๆ”
    นราพูดลอย ๆ วาทิตหัวเราะก๊าก พอจะเดาความคิดได้ ท่าทางเจ้าหล่อนจะอ่านนิยายมากไปหน่อย คิดเรื่องราวเป็นตุเป็นตะเชียว
    “ผมน่ะ เพิ่งจะเจอไอ้ต้นมันเป็นประจำแหละครับ เพราะว่าที่แฟนผมน่ะ ทำงานที่เดียวกะมัน ไม่ต้องห่วงว่าผมจะคิดอะไรไม่ดีกับพวกคุณเลย อีกอย่าง ผมน่ะไม่ชอบควงเด็กหรอกครับ”
    ่“เด็ก”สองคนหน้าชา อ้อ มีแฟนแล้ว ก็ดี จะได้หมดห่วง นราคิดจึงยอมเดินตามมาแต่โดยดี ใครกันน๊า จะมาเป็นแฟนตานี่ โชคร้ายเหลือเกิน หล่อนทำยังไงดีล่ะชักอยากเห็นแล้วสิ สงสัยวันไหนคงต้องแอบตามไปดูที่บริษัทพี่ต้นซะแล้ว

    จากคุณ : wp - [11 เม.ย. 45 23:25:19]