คริสตมาสนี้มีที่มา ภาคสอง

    ( ตอนที่ ๑๕ )

    .กษัตริย์ไร้บัลลังก์...(KING).

    ในประเทศไทย ทุกๆ ต้นเดือนธันวาคม พสกนิกรชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลดุลยเดชจะร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม อย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง

    แต่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันของเดือนเดียวกัน ประชากรโลกหลากหลายชาติพันธุ์ก็จะร่วมกันเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของกษัตริย์ (King) ไร้บัลลังก์บนแผ่นดินโลก นามว่า “เยซูคริสต์” อย่างพร้อมเพรียงกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันที่ 25 ธันวาคม ที่เรียกว่า วันคริสตสมภพ!

    ในวันที่พระเยซูคริสต์ทรงมาบังเกิดในโลกปรากฏมีดาวสุกใสเพื่อประกาศให้ทั่วพิภพได้รับรู้ข่าวนี้! และมีนักปราชญ์กลุ่มหนึ่งสังเกตเห็นหมายสำคัญนั้นได้เดินทางไกลมาจากทิศตะวันออกเพื่อเสาะแสวงหาองค์กษัตริย์ (King) ผู้ทรงบังเกิดใหม่นี้ ในพระธรรมมัทธิวบันทึกไว้ว่า “พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย ในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็มถามว่า “กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็น กษัตริย์ (King) ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน” (มัทธิว. 2:1-2)

    นี่เป็นครั้งแรกที่ปรากฏในพระคัมภีร์ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่พระองค์ยังทรงอยู่ในวัยทารก! จากนั้นพระเยซูคริสต์ก็ได้รับการกล่าวถึงในฐานะของกษัตริย์ ผู้ไร้บัลลังก์อีกครั้งเมื่อพระองค์ทรงอยู่ในวัยประมาณ 30 ปี เมื่อพระองค์ทรงเริ่มต้นกระทำพระราชกิจด้วยการออกประกาศสั่งสอนเรื่อง “แผ่นดินของพระเจ้า” (Kingdom of God) และเชิญชวนให้ประชาชนกลับใจมาหาพระเจ้าเข้าสู่แผ่นดินของพระองค์!

    นาธานาเอลผู้ต่อมากลายเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ ได้กล่าวยอมรับพระองค์ว่า “รับบี (อาจารย์) พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” (ยอห์น. 1:49)

    ครั้งหนึ่งพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มท่ามกลางการต้อนรับอย่างปรีดีของเหล่าสาวกและประชาชน ดังที่ได้บันทึกไว้ในพระธรรมลูกาว่า “แล้วเขาก็จูงลูกลามาหาพระเยซู และเอาเสื้อของตนปูลงบนหลังลาและเชิญพระเยซูขึ้นทรงลานั้น เมื่อพระองค์เสด็จไป เขาทั้งหลายก็เอาเสื้อผ้าของตนปูลงตามทาง เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ที่ซึ่งจะลงไปจากภูเขามะกอกเทศแล้ว เหล่าสาวกทุกคนมีความเปรมปรีดิ์เพราะบรรดามหากิจซึ่งเขาได้เห็นนั้น จึงเริ่มสรรเสริญพระเจ้าเสียงดังว่า “ขอให้พระมหากษัตริย์ผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ จงมีสันติสุขในสวรรค์และพระสิริในที่สูงสุด” (ลูกา 19:35-38)

    จากนั้นพระเยซูคริสต์เจ้าก็ถูกเรียกขนานว่า “กษัตริย์” อีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ดูถูกเหยียดหยามเมื่อพวกนักศาสนาและทหารจับพระองค์ไปให้ปีลาตผู้เป็นเจ้าเมืองไต่สวน ปีลาตถามพระเยซูที่ทรงยืนอยู่ต่อหน้าเขาว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ?” (มัทธิว 27:11)

    และครั้งสุดท้ายที่พระเยซูคริสต์ ทรงถูกเรียกว่า “กษัตริย์” ก็คือตอนที่ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน เมื่อพวกทหาร ขุนนางและคนทั้งปวงเย้ยหยันพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิว จงช่วยตัวเองให้รอดเถิด และมีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า ผู้เป็นกษัตริย์ของพวกยิว” (ลูกา 23:37-38)
    ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มีคำทำนายว่า วันหนึ่งกษัตริย์ไร้บัลลังก์ อย่างพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งอย่าง “กษัตริย์แห่งฟ้าสวรรค์”

     
     

    จากคุณ : X-Cross - [ 22 ธ.ค. 45 17:09:50 ]