ค่ายฤดูหนาว ณ หมู่บ้านพลัม

    flower ค่ายฤดูหนาว ณ หมู่บ้านพลัม flower

    "เป็นไงบ้างครับ...อิ่มบุญไหม??"
    เสียง เอ๊ย ข้อความจากน้องที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ตเมล์ถามมา
    พร้อมกับสวัสดีปีใหม่ ว่าแต่ฉันไปเข้าค่ายนะ แล้วทำไมถามแบบนี้
    ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะเขียนความเรียงนี้ขึ้นมา

    (ขอยกความดีที่เขียนบทขึ้นต้นความเรียงนี้ได้ ให้แก่น้องชายคนนี้
    นาย Noppy B. Good ค่ะ)

    บ้าน

    ใกล้ถึงวันหยุดยาวช่วงคริสต์มาส ฉันยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปเที่ยว
    ที่ไหนดี ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมเพื่อน ๆ จากมหาลัยเดียวกัน
    ที่อังกฤษ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเพียงรุ่นพี่และรุ่นน้องแค่ ๒ คนเอง ส่วน
    รุ่นพี่และเพื่อนอีกหลาย ๆ คนที่รู้จัก พวกเขาก็จบและกลับบ้านกันไป
    หมดแล้ว คงปล่อยให้ฉันต้องผจญกรรมต่อไปเพียงลำพัง อ้อ นอกจาก
    เพื่อน ๆ ร่วมสถาบันเดียวกันแล้วก็ยังมีเพื่อน ๆ ที่รู้จักกันจากห้องนี้
    อีก เช่น คุณน้อง Clear Ice และศิษย์น้องไร้นาม เป็นต้นค่ะ

    ความที่ฉันยังตัดสินใจไม่ได้ และความที่ขี้เกียจไปขอวีซ่า กอปรกับ
    ความที่ได้เกริ่น ๆ กับหลวงพี่ (พระภิกษุณี นิรามิสา หรือซิสเตอร์
    ลินเงียม) ว่าฉันจะหาเวลาว่างไปเยี่ยมท่านที่วัดบ้าง ทำให้ฉัน
    ตัดสินใจไปฉลองคริสต์มาส เอ๊ย ไปปฏิบัติธรรมที่หมู่บ้านพลัม
    (Plum Village) เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

    ฉันจึงตัดสินใจติดต่อจองเที่ยวบิน พร้อมทั้งติดต่อลงทะเบียนไปที่
    วัดใหม่  (New Hamlet) พร้อมชำระค่าที่พักและอาหาร

    หลวงพี่ได้ตอบรับการลงทะเบียนและส่งกำหนดการกิจกรรมในแต่ละวัน  
    รวมทั้งสิ่งของที่จะต้องนำติดตัวไปด้วย ที่จำเป็นก็มีหูฟัง ไว้สำหรับ
    ฟังหลวงพ่อเทศน์ เพราะถ้าเกิดหลวงพ่อเทศน์เป็นภาษาเวียดนาม
    หรือฝรั่งเศส ก็จะได้เอาไปเสียบกล่องเครื่องแปลที่เป็นภาษา
    อังกฤษได้ ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ก็มีให้เลือกเหมือนกัน
    (แต่ไม่ยักกะมีภาษาไทยหรอก ฉันแอบคิดในใจ) นอกจากหูฟังแล้ว
    ก็มีไฟฉาย เผื่อไว้เวลาหลังสี่ทุ่มหรือห้าทุ่ม ในห้องพักจะปิดไฟ
    แต่ถ้าเรายังทำธุระไม่เสร็จ ก็จะได้ใช้ไฟฉายได้ แต่สรุปแล้ว
    ฉันแทบจะไม่ได้ใช้ไฟฉายเลย ไว้ถึงตอนนั้น แล้วฉันจะเล่าว่า
    เพราะเหตุใด
    (แต่ตอนนั้นก็ยังมาไม่ถึง เพราะฉันยังเขียนไม่ถึงตอนนั้นสักกะทีค่ะ)    

    นอกจากนี้ก็มีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ฉันเป็นคนขี้หนาวและขี้ร้อน
    ด้วย จึงเตรียมถุงนอนไปด้วย ซึ่งความจริงก็ไม่ต้องก็ได้ เพราะ
    สามารถขอผ้าห่มเพิ่มจากทางวัดได้ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ
    รองเท้าแตะที่เดินบนบ้าน และรองเท้าแตะที่ไว้เดินข้างนอกบ้าน
    บนหญ้าเปียกหรือดินโคลน เอาไว้เดินสมาธิ (เดินจงกรม) สาเหตุ
    ที่ต้องเป็น รองเท้าแตะ เพราะเราต้องถอดและใส่รองเท้าวันหนึ่ง
    ไม่รู้กี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว เนื่องจากเข้าห้องสวดมนต์ หรือห้องพระ
    ก็ต้องถอดรองเท้า ห้องสวดมนต์ที่นี่ก็คล้าย ๆ อุโบสถในวัดบ้านเรา
    นั่นเอง แต่ที่นี่เป็นวัดในชนบทฝรั่งเศส คงจะไม่มีช่อฟ้าใบระกา
    เหมือนวัดในบ้านเราเป็นแน่ วัดนี้ชื่อหมู่บ้านพลัม เพราะปลูกไร่พลัม
    ไว้รอบวัดนั่นเอง พลัมก็คือลูกพรุนหรือบ๊วยเมื่อเอามาตากแห้ง
    วัดนี้เป็นวัดพุทธ แต่นิกายมหายาน กฎระเบียบข้อบังคับ พระวินัย
    จึงแตกต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง

    เอาเถอะฉันตัดสินใจแล้ว ลองไปดูหน่อยเป็นไร ว่าฉันจะได้อะไร
    จากนิกายมหายานบ้าง เนื่องจากฉันอยู่ห่างบ้านต่างเมือง คงไม่มี
    เวลาไปเข้าวัดไทยถึงเมืองไทยเป็นแน่ และถ้าจะให้ไปวัดไทย
    ในเยอรมัน ก็ไม่ได้มีหลักสูตรปฏิบัติธรรมตรงกับช่วงที่ฉันว่าง

    แต่เมื่อไปแล้วฉันก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะฉันได้อะไรกลับมามากมาย
    ฉันจะค่อย ๆ เล่าให้เพื่อน ๆ ฟังไปเรื่อย ๆ แล้วกันค่ะ

    smile

    ตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนให้เสร็จก่อน แล้วค่อยแปะ แต่ก็ผลัด
    ตัวเองเรื่อยมา นี่ก็ปาเข้าไปกว่า ๒ อาทิตย์แล้ว ก็ยังเขียนไม่เสร็จ
    เสียที ก็เลยตัดสินใจว่า เขียนสด คือเขียนไป แปะไป
    ตามที่จะนึกได้ ดังนั้น อาจจะไม่ต่อเนื่อง และก็อาจอ่านสะดุดบ้าง
    ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ เพียงแต่อยากนำประสบการณ์ที่ดีที่ตัวเองได้
    ประสบมา นำมาเล่าสูกันฟัง เผื่อเพื่อน ๆ อาจจะนำไปใช้เป็น
    ข้อคิดในชีวิตประจำวันได้ค่ะ

    ด้วยความปรารถนาดี

    flower

    หมายเหตุ หมู่บ้านพลัม สามารถเยี่ยมชมโฮมเพจได้ที่นี่ค่ะ

    http://www.plumvillage.org/

     
     

    จากคุณ : รสา รสา - [ 24 ม.ค. 46 22:17:35 ]