~รักครั้งแรก~ (เรื่องสั้นแบบจบในตอนจ้า..)

    หลายครั้งที่ผมมองขึ้นไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน น้ำตาก็พาลจะไหลโดยไม่รู้ตัว เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงติดอยู่ในใจผมตลอด และจะไม่มีทางลืมมันได้ จากวันนั้นผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะไม่รักใครอีกและจะไม่มีวันลืม ’เธอ’ตลอดไป.....
    “ สุขสันต์วันเกิดจ๊ะ ธัน ลูกรัก “ เสียงสุภาพสตรีผู้หนึ่งกล่าว เธอเข้าไปหอมแก้มเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จนใบหน้าขาวๆของเขาแดงไปหมด
    “ พอแล้วฮะแม่ “ เด็กชายขัดขืนนิดหน่อยแต่จริงๆ แล้วเขาก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
    “ ฮะ ฮ่า เจ้าหนูน้อย เขินด้วย “ เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งหยอก เธอแลบลิ้นใส่เด็กชายแล้วรีบวิ่งหนี
    “ พิม! “ เด็กชายตะโกนเรียกแล้วจึงรีบวิ่งตามไป
    ใช่แล้ว นั่นก็คือผมในงานครบรอบวันเกิดตอนอายุ 10 ปี และเด็กหญิงตัวเล็กๆ นั่นก็ไม่ใช่ใคร เป็นเพื่อนสนิทของผมเองเธอชื่อ “ พิม “ เรารู้จักกันตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ เนื่องจากคุณพ่อของผมและพิมร่วมหุ้นเปิดบริษัทขึ้นมาด้วยกัน ประกอบกับท่านทั้งสองยังเป็นเพื่อนสนิทกันมา นมนานแล้วอีกด้วย    แทบจะไม่ต้องบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างเรา  ผมกับพิมสนิทกันมาก เราคุยกันทุกเรื่องถึงขนาดสัญญากันว่าอีก 10 ปี เราจะแต่งงานกัน แม้ว่ามันจะเป็นสัญญาของเด็กๆ ก็เถอะ แต่สำหรับเราสองคนมันมีความหมายมากมายนัก พิมเป็นเด็กหญิงที่มีผมสีน้ำตาลแบบเปลือกไม้ ถักรวมกันเป็นเปียเดี่ยว ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มดูสดใส ผมชอบตาของเธอมาก มันสวยและมีประกายเหมือนกับพระจันทร์ยามค่ำคืน....
    “  พิม.. “ ผมกระซิบเบาๆ ระหว่างที่เรากำลังนอนแผ่อยู่บนสนามหญ้า ในบริเวณสวนหลังบ้านผม ค่ำคืนนี้ ท้องฟ้าโปร่งมาก เห็นพระจันทร์และดวงดาวอย่างชัดเจน ที่นี่ถือเป็นที่พิเศษที่เรารู้กันอยู่แค่สองคน
    “ หืม...” เธอทำมือบอกให้ผมพูดต่อ
    “ ถ้าเธอโตเป็นผู้ใหญ่ เธอจะทำอะไร “ ผมถาม คราวนี้พิมหันมามองผม ดวงตาสีน้ำตาลนั้นฉายแววสงสัย
    “ อืม.. ไม่รู้สิ แล้วเธอล่ะ ธัน “ พิมถามกลับบ้าง
    “ ฉันอยากแต่งงาน..“ ผมจับมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้ พิมมองตาผมนิ่ง “ กับเธอ... “
    “ ได้ไหม.. “ ผมจูบมือเธอเบาๆ พิมยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน เธอกระชับมือผมแน่นขึ้น จูบเบาๆ ที่มือแล้วจึงพูดว่า “ ฉันสัญญา “
    ผมรักช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน เรากิน เที่ยว นอน ด้วยกัน ไปมาหาสู่กันเสมอ อยู่ด้วยกันจนทุกคนอิจฉา นี่ก็ใกล้วันเกิดของผมอีกแล้ว อีกไม่กี่วัน เราก็กำลังจะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันทั้งสองครอบครัว... มันคงจะน่าสนุกมากเลยล่ะ ยิ่งได้ไปกับเธอด้วยแล้ว...
    “ นี่..ธัน ฉันอยากไปที่ร้านขายของที่ระลึกตรงนั้นจัง “ พิมเปรยกับผมตอนที่เรากำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดนี้    
    “ แต่มันอยู่ไกลนะ ติดถนนใหญ่ด้วย อันตรายออก “ ผมตกใจนิดหน่อยกับความคิดแผลงๆของเธอ เป็นที่รู้กันว่าพ่อแม่ของเราสองคนไม่ค่อยอนุญาตให้เราไปไหนกันเองลำพังแต่ในตอนนั้น ผมกับพิมก็ไม่ค่อยจะเชื่อฟังพวกท่านเท่าไหร่
    “ ใช่ ฉันอยากไปดูน่ะ เธอก็อยากไปไม่ใช่เหรอ “ พิมคะยั้นคะยอผม
    “ แต่พ่อแม่เราไม่มีทางอนุญาตให้ไปแน่ “ ผมรีบหาเหตุผลมาอ้าง พลางชี้มือไปยังพวกท่านที่กำลังยืนคุยกันอยู่ที่เคาท์เตอร์ของร้าน
    “ เธอก็อย่าให้ท่านรู้สิ เราบอกท่านว่าจะไปเดินเล่นหน่อยแล้วค่อยแอบไปกันไง “ พิมพูดเบาๆ ถึงแผนการณ์ของเธอ แต่ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ มันเสี่ยงไปนิด แต่ดูท่าเธอคงจะรู้ทันอย่างว่าแหละเรารู้ใจกันเกือบทุกเรื่อง ยกเว้นบางอย่างที่ผมไม่เคยบอกเธอและผมตั้งใจว่าจะบอกเธอในงานวันเกิดปีนี้....
    “ นะ ธัน นะ ฉันอยากไปจังเลย จะได้หาของขวัญให้เธอด้วยไง..น้า..” พิมอ้อนใหญ่ เธอเข้ามาเกาะแขนผม ให้ตายสิ ยัยนี่ชอบทำให้ผมใจเต้นอยู่เรื่อย “ ธัน... นะ ฉันรู้ว่าเธอใจดี นะจ๊ะ “
    ผมพยักหน้าอย่างเสียมิได้ เธอดีใจยกใหญ่แล้วจึงหอมแก้มผมฟอดนึง “ เธอน่ารักที่สุดเลย “ นี่แหละไม้ตายที่ทำให้ผมใจอ่อนกับเธอทุกที เฮ้อ....
    เราดำเนินตามแผนการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีใครสงสัยอะไร ในตอนนี้เราก็กำลังยืนอยู่ริมถนนที่ไกลจากร้านอาหารพอสมควร ผู้คนรวมถึงชาวต่างชาติมากมาย ผมรู้สึกหวาดๆ นิดหน่อยแต่พิมกลับมีท่าทางร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด
    “ นี่แสดงว่า วางแผนมานานแล้วล่ะซิ “ ผมพูดแทงใจดำเธอพอดีเป๊ะ พิมสะดุ้งแต่ก็ยิ้มแหยๆ ให้ผมเป็นอันรู้กัน  
    “ อย่าบอกพ่อกับแม่ล่ะ “ เธอพูดเบาๆ ผมขยี้หัวเธอเป็นเชิงตกลง พิมยิ้มกว้าง เธอพาผมเข้าร้านนู้น ร้านนี้ ที่มีแต่ของแปลกๆ พิลึกๆ มันไม่น่าสนใจเลยสำหรับผม แต่เธอกลับชอบเอาซะจริงๆ เลย
    “ นี่สวยไหม..” เธอหยิบแหวนเงินวงหนึ่งขึ้นมาดู มันเป็นแหวนรูปพระจันทร์ที่สวยมาก แต่ดูราคาแล้วคงแพงโขเพราะพิมทำหน้านิ่วแล้ววางมันลงที่เดิม
    “ เท่าไหร่เหรอ “ ผมถามอย่างสนใจ แต่เธอไม่ยอมตอบ
    “ มันไม่พอกับเงินที่ฉันมีตอนนี้ละกัน “ ว่าแล้วเธอก็เดินออกไปจากร้านโดยไม่หันกลับมาดูอีกเลย คงจะเสียดายละสิ อยากได้อะไรก็ไม่เคยปริปาก...ผมชักจะชินกับนิสัยนี้ซะแล้ว
    “ ขอโทษครับ แหวนวงนี้ราคาเท่าไหร่ครับ “ ผมเดินเข้าไปถามพนักงานสาวสวยคนหนึ่งที่ยิ้มอย่างเอ็นดู
    “ หนูซื้อไม่ไหวหรอกจ๊ะ มันแพงมาก “ เธอกล่าวยิ้มๆ ผมคิดหาหนทางนึกถึงสร้อยทองที่แม่ของผมซื้อให้ตอนวันเกิด เธอบอกว่ามันมีค่ามาก ผมไม่ลังเลใจถอดให้พนักงานทันที
    “ ผมอยากแลกกับสร้อยเส้นนี้ได้รึเปล่าครับ “ พนักงานคนนั้นมีสีหน้าแปลกใจ เธอหยิบสร้อยของผมไปพินิจดู
    “ เธอแน่ใจเหรอ สร้อยนี่มีราคาแพงมากนะ “ เธอมองหน้าผม พลางใช้กล้องส่องอย่างละเอียดถี่ถ้วน
    “ ครับ “ ผมยืนยันคำตอบเดิม เธอยิ้มอย่างพอใจ “ เอายังงี้แล้วกัน พี่จะแถมให้...” หญิงสาวคนดังกล่าวเดินเข้าไปหยิบกล่องเล็กๆ สีน้ำเงินเข้มมาจากหลังร้าน
    “ อันที่จริงแหวนเนี่ยมันมีเป็นคู่กัน สองวงรูปพระจันทร์และดวงดาว เอ้า...พี่ให้ทั้งสองวงเลยจ๊ะ  มันมีเรื่องเล่านะว่า หากคู่รักใดใส่แหวนทั้งสองนี่จะไม่มีวันพรากจากกัน “      
    “ จริงๆ เหรอครับ “ ผมมองแหวนทั้งสองวง ตอนนี้มันดูสวยขึ้นจับตาแต่คงจะเปรียบไม่ได้ถ้าเทียบกับรอยยิ้มของพิมเมื่อเห็นแหวนวงนี้
    พนักงานสาวกล่าวขอบคุณผมแล้วส่งออกจากร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมเก็บของนี้ไว้ในกระเป๋ากางเกงกะจะทำให้เธอประหลาดใจ ผมมองหาพิมแต็ไม่เห็นแม้แต่เงา  เธอไปไหนกันนะ ผมเดินหาเธอจนทั่ว แต่แล้ว...ใบหน้าของเธอมันสะดุดตาผม นั่น เธอกำลังยืนกอดอกอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้า สงสัยจะโกรธผมอีกแน่ๆ
    “ เธอหายไปไหนมาน่ะ อีตาบ้า “ พิมตะโกนลั่นจากอีกฟาก  ผมแกล้งทำหน้าสำนึกผิดและกำลังจะก้าวเท้าข้ามถนนไปหาเธอ ผมจำได้ว่าพิมเบ้ปากใส่ผมที่ทำให้เธอรอตั้ง 15 นาที ผมนึกถึงภาพเธอตอนกำลังยิ้มให้ผมเมื่อผมมอบของสิ่งนี้ให้ อีกไม่กี่นาทีนี่แหละ...ทว่ากลับมียานพาหนะขนาดใหญ่ ที่ทุกคนเรียกว่ารถยนต์ส่งเสียงดังแสบแก้วหู เมื่อผมหันไปดูปรากฏว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาในระยะกระชั้นชิด ผู้คนหวีดร้อง หนึ่งในนั้นผมจำได้ว่าเป็นเสียงเธอ พิม... ผมหลับตาลงเพราะแสงไฟที่สว่างจ้า  รู้สึกว่ามีบางสิ่งกระชากผมอย่างแรง จนผมล้มลง กล่องแหวนหลุดจากตัวผมกระเด็นไปไกล ผมลืมตาขึ้นในนาทีเดียวกับตอนที่ผมเห็นเธอเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมๆ กับเสียงรถกระแทก ร่างของเธอลอยไปไกลและตกลงตามแรงโน้มถ่วง.... ผมรีบวิ่งไปหาเธอทันที

    จากคุณ : Azure - [ 15 พ.ค. 46 17:16:49 A:202.47.247.130 X: ]