ความคิดเห็นที่ 12
เดือนกันยายน 2002 ........ใจสั่งมา (ว่าต้องสู้)
3 กันยายน
หายป่วยแล้ว กำลังใจเริ่มมา ตอนนี้ใจฉันเริ่มเอนเอียงมาทางเยอรมันมากแล้วนับเป็นเปอร์เซนต์ก็ เยอรมัน: ออสเตรเลีย / 70:30 จากการค้นหาข้อมูลร่วมเดือนที่ผ่านมา....สำหรับฉันผู้ซึ่ง
- เกรดปริญญาตรีได้ประมาณ 2 ปลายๆ
- ทำงานในบริษัทเอกชน (ไม่ได้ส่วนไหนที่บ่งบอกความเป็นข้าราชการหรืออาจารย์เลย)
- ไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่บางทุนของ DAAD กำหนดไว้
- มีประสบการณ์ทำงานเกือบ 2 ปีหลังเรียนจบ (ไม่ครบ 2 ปีไป 10 วัน)
- และพำนักอยู่ในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา
- ตัวเลขในบัญชีตอนนี้ 38,499 บาท (เมื่อเดือนที่แล้วอยากได้กางยีนส์ใหม่ตัวหนึ่ง ขอโทษนะสมุดบัญชีธนาคาร... โทษฐานที่ทำให้ตัวเลขของแกไม่สวย T_T)
ดังนั้นฉันจะสมัครทุนนี้ ได้หนึ่งเดียวเท่านั้น....... และเอกสารที่ต้องส่งไปให้มหาวิทยาลัยที่เยอรมันพร้อมกับการขอทุน DAAD มีดังนี้ ( ที่จะเขียนต่อไปนี้อ้างอิงมาจาก www.daad.de นะจ้ะ)
1.* Application form 4 pages with photo , 4x, ส่ง 2. Biography- handwritten, 1x, ส่ง 3. Biography- typed , 4x, ส่ง 4. Study or research plan , 4x, ส่ง 5. High school transcript of records- certified, 3x,ไม่ส่ง เพราะหาไม่ได้ 6. B.A. or B.S. certificate and transcript of records- certified, 3x, ส่ง 7. M.A. or M.S. certificate and transcript of records- certified, 3x, ไม่ส่ง 8. German language certificate , 3x, ไม่ส่ง เพราะไม่มี 9. Confirmation of employment and approval of application by employing agency, 4x, ส่ง 10. 2 letters of recommendation, 4x each, ไม่ส่ง 11. Document of acceptance a Professor at German university , 3x , ไม่ส่งก็เขายังไม่รับฉันนี่นา ( x หมายถึง จำนวนสำเนา )
1. Application form 4 pages with photo อันนี้ฉันพริ้นมาจาก www.daad.de แล้วเอามากรอกรายละเอียดด้วยมือขวา ฉันใช้เวลาประมาณ 3 วันในการกรอก ก็คนมันฉลาดน้อยนี้นา บางคำไม่เคลียร์ก็ต้องไปเปิดภาษาเยอรมันว่า... จริงๆแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่.....มันมีช่องงานอดิเรกด้วย....ตอนแรกฉันกะว่าจะกรอกไปว่า ฉันสามารถต่อยมวยไทยได้...( Thai boxing) แต่ได้ไปคุยกับพี่ที่ฝ่ายบุคคล พี่เขาก็ประชดมาว่า
,, .. ระวังเขาจะรีบรับแกนะ... ไอ้เรือง... เอาไปต่อยไปหาเรื่องคนอื่นเขาเนี่ย ทำไมแกไม่กรอกว่าแก....เล่นบาสเกตบอลล่ะ ฉันเห็นแกเล่นออกบ่อย มันดีกว่า มันเหมือนกับการทำงานเป็นทีมนะ,,
ก็ฉันลืมไป ตอนแรก...แค่คิดว่ามวยไทยเป็นวัฒนธรรมไทย เราควรจะแสดงอะไรให้เขาเห็นเท่านั้นเอง ลืมตัวไปหน่อยเท่านั้นเอง ..เเง..เเง..เเง.....
5 กันยายน
ไปถ่ายรูป......ฉันใส่เสื้อเชิ้ตสีส้ม ตัวเก่ง ที่ใช้ถ่ายสมัครงานเมื่อสามปีที่แล้ว และมีหลายบริษัทหลวมตัวเรียกไปสัมภาษณ์ ถ่ายกับกล้องดิจิตอล
,, พี่ๆ ช่วยแต่งรูป ให้หน่อยนะจ๊ะ ...ตรงคิ้วน่ะมันบางไปหน่อย ..พี่ช่วยเขียนให้มันเข้มกว่านี้หน่อย .. ส่วนแก้ม...เติมบรัชออนสีชมพู ส่วนขนตาก็เติมมาสคาร่า...ให้หน่อยนะ อ้อ ตรงปกเสื้อสีมัน ซีดไปหน่อยพี่ช่วยเติมสีให้อีกหน่อยนะ...ส่วนผม และริมฝีปาก.......
,, เอ่อ ..น้องครับ...ให้พี่ตัดหน้าน้องทิ้ง..แล้วเอาหน้าคัทรียาหรือคลาวเดีย มาใส่ไหมครับ ..,,
,,เเฮ่ๆๆ พอเเล้วค่ะพี่ แต่เมื่อไรมารับรูปได้ล่ะค่ะ,,
,, อีก ชั่วโมงครึ่งมารับก็แล้วกันครับ ,,
,,ฺฮ้าาาาา......แต่พี่เขียนแปะหน้าร้านไว้ว่ารูปด่วน ครึ่งชั่วโมงรับได้เลยนี่นา,,
,,จากความต้องการของน้องเนี่ยะ พี่ยังไม่รู้เลยว่าชั่วโมงครึ่งที่พี่บอกจะพอหรือเปล่า ยังไงน้องก็แวะมาดูอีกทีก็แล้วกันนะครับ ,,,
สองชั่วโมงถัดมาฉันก็ได้รูปสวยเหมือนไปทำเบบี้เฟสมาก็ไม่ปาน..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
และในใบแบบฟอร์มมีอยู่ข้อหนึ่งซึ่ง ฉันมั่นใจเป็นอย่างมากก็กรอกไป คือ ประมาณว่าแปลได้ว่า...คุณสนใจอะไร....ฉันก็เติมลงไปทันทีเลย..ว่าไวโอลีน... ช่วงนั้นจะชอบฟังไวโอลีนที่เป็นไวโอลินที่เป็นเพลงบรรเลง โดยเฉพาะของ Mozart มากคือฟังแล้วมันหลับดี ไม่ฝันร้ายด้วย ตอนหลังพี่คนหนึ่งเขาอ่านแล้วเขาบอกว่า...ประโยคนี้เนี่ยมันแปลว่า.. ความสามารถพิเศษก็ได้นะ แล้วแต่คนจะตีความ.....แว้ก....ทำไงดี ...ตอนนั้นฟังเพลงบรรเลง ไวโอลิน แล้วฝันเห็น ... โปรเฟสเซอร์มาสัมภาษณ์แล้วถามถึงข้อนี้ ..แล้วให้เล่นไวโอลินให้ดู...พอฉันเล่นไม่ได้...โปรเฟสเซอร์ชี้หน้าด่าเป็นภาษาเยอรมัน ฟังไม่ออกหรอก..แต่ความหมายมันไปทางลบแน่ๆ,, แง..แง...แง..แง...
10 กันยายน
เริ่มใกล้เส้นตายที่ต้องส่งเอกสารไปที่มหาวิทยาลัยที่เยอรมันแล้ว (15 ตุลาคม 2002)... แว้ก.... ว้าก....ไอ้เรือง....คั้นสมองอันน้อยนิดของแกออกมาเร็วๆ... แกต้องเขียน Biography และ Study plan อีกทั้งจดหมายสมัครเรียน และจดหมายสมัครทุน.....
ทำไมสมองแกขี้เกียจ..ขี้เลื่อย..อย่างนี้เนี่ย., หัวใจเริ่มบ่น เฮ้ย...นี่ยังไม่ใช่เวลาที่แกจะมานั่งๆนอนๆขี้เกียจอยู่นะโว้ย....แกต้องเขียน Biography กับ Study plan อีกนะโว้ย.,,หัวใจเริ่มสำทับต่อ เออๆๆ ก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง อย่าเร่งซิวะ มันคิดไม่ออก
หลังจากฟังการทะเลาะเบาะแว้งของสมองทั้งสองข้างและหัวใจแล้ว ฉันก็รู้สึกเซ็งเล็กน้อย ประจวบกับช่วงนั้น มีเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันเสียสมาธิไปเล็กน้อย ใจไปริงโลดกับเรื่องอื่น คือมีพี่ที่โรงงาน จะแต่งงานสองงาน
- งานที่หนึ่ง ฉันได้รับการทาบทาม ให้มาเป็นผู้ช่วยเจ้าสาว ( ไม่รู้ว่าใช่คำนี้จะถูกต้องหรือเปล่า เพราะจากการอธิบายขอบเขตหน้าที่แล้ว จะไม่ใช่เพื่อนเจ้าสาว จะประมาณนี้ คือ ต้อนรับแขก และช่วยทำไงก็ได้ให้เจ้าสาวได้รับความสะดวกและดูสวยงามอยู่ตลอดเวลาในช่วงเวลางาน เช่น ซับหน้ามัน ซับเหงื่อ ถือช่อดอกไม้ ไปเอาของที่เจ้าสาวต้องการ ลากกระโปรง เป็นต้น ตอนแรกเกือบได้เป็นผู้ช่วยเจ้าบ่าว..โชคดีที่ยังมีคนเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิง...เฮ้ย..โล่งอก) - งานแต่งงานที่สอง ฉันได้รับการทาบทามให้มาเป็นพิธีกร คู่กับพี่ผู้ชายที่เป็นว่าที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่บริษัท ซึ่งตอนหลังฉันขอเปลี่ยนหน้าที่กับพี่อีกคนหนึ่งมาเป็นฝ่ายต้อนรับแขกเหรื่อ เนื่องจากจะทำให้มีโอกาสได้เกิดมากกว่า เอ้ย.......ไม่ใช่ช่วงนั้นอากาศเปลี่ยน ทำให้เสียงฉันไม่ใสเหมือนที่เคย....อีกอย่าง..... ฉันชอบทำงานที่ต้องติดต่อสื่อสาร และจัดการคนอื่นมากกว่า...และพี่เจ้าสาวมักจะมาเป่าหู ฉันอยู่เสมอ...
เนี่ย......บริษัทแฟนพี่เนี่ย......แทบไม่มีผู้หญิงเลย....เขาก็เลยอยากได้ผู้หญิงไปช่วยเป็นฝ่ายต้อนรับแขกคู่กับเพื่อนเขา... สักคน เรืองว่าให้พี่ติดต่อใครดีล่ะเนี่ย
ให้ตายซิ.....ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆนะ :-D และโชคดีที่งานแต่งงานที่แล้ว ฉันทำหน้าที่ได้เข้าตากรรมการ เจ้าบ่าวเจ้าสาวพอใจในผลงานทำให้เหมือนมีใบประกาศนียบัตรแปะอยู่ที่หน้า 5555 ตกลงฉันก็ได้เป็นฝ่ายต้อนรับของงานนี้
จากงานนี้ก็ได้รับคำชมในผลงานเช่นเคย แต่ได้ยินเสียงต่อว่าเล็กๆจากสาวๆบริษัทฉัน
,, ไอ้เรือง ทำไมแกต้องจัดคนนั่งโต๊ะเดียวกันเป็นคนบริษัทเดียวกันด้วยนะ แทนที่แกจะจัดผสมกัน ฉันจะได้เกิดกับเขาบ้าง....ก็ไม่ได้เกิดเลย,,
,, ขอโทษทีพี่ แต่มันเป็นนโยบายจากเบื้องบนนะพี่.......เรืองก็กะว่าจะทำแบบ..ที่พี่ว่าแหละ...เพราะเราก็หัวอกเดียวกัน,,
จากคุณ :
เรียมแม่เอ้ย
- [
29 ส.ค. 46 01:31:32
A:141.30.229.205 X:
]
|
|
|