........
แสงแดดของเวลาเช้าที่แสนเร่งรีบของกรุงเทพ
กระทบใบหน้าผมทันทีที่เบียดร่างกายออกมาจากรถเมล์ได้
หลากหลายชีวิตที่เบียดเสียดแตกกระจายออกจากกลุ่ม คล้ายหยดน้ำที่ไหลลงกระทบพื้นแล้วแตกออก
บ้างก็ไปทางป้ายรถเมล์ บ้างก็รีบวิ่งขึ้นรถตู้ที่จอดเรียงกันเป็นตับ
ผมขยับกระเป๋าสะพายในเข้าที่ หลังสภาพมันยับเละในรุถเมล์ แล้วเดินขึ้นบันไดเลื่อนตรงหน้า
เป้าหมายคือ ยานพาหนะที่เรียกว่า "รถไฟฟ้า"...ครั้งหนึ่งคนไทยเคยสบประมาทว่า
อีกร้อยปีก็สร้างไม่เสร็จบ้าง บ้างก็บอกในชั่วอายุขัยของเด็กมหาลัยอย่างผม ไม่มีทางได้เห็น
แต่สุดท้ายมันก็สร้างเสร็จ ตั้งเด่นสง่างาม ท้าทายคำสบประมาทดังกล่าว
กรุงเทพได้เครื่องประดับอีกชิ้นให้ดูเป็น เมืองทันสมัย
เป็นเมืองที่เจริญแล้ว..
บันไดเลื่อนทุกขั้นไม่มีขั้นใดที่ว่าง...ทุกคนยืนเรียงกันขึ้นสู่ด้านบน
ผมหยิบบัตรรถไฟฟ้ามาเตรียมไว้
บรรยากาศคุ้นตาที่เห็นจนเคยชิน กลิ่นอายของความเร่งรีบตลบอบอวน
ท่ามกลาง กลิ่นเครื่องสำอางของสาวออฟฟิต หรือ นักศึกษาสาวเสื้อฟิตๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือ...เสียงคนต่างชาติยืนเถียงกันหน้าเครื่องขายตั๋ว
...เสียงผู้คน...เสียงพนักงานประกาศประโยคซ้ำๆเกี่ยวกับการใช้บัตร
ผมไม่ตื่นเต้นเลย
..บัตรเสียบเข้าไปทางรูหนึง..แล้วออกที่อีกรูหนึ่ง
...ส่วนตัวผม ก็เข้าไปกลมกลืนกับกระแสมนุษย์ข้างหน้า..ตรงไปยังบันไดเลื่อน
ทีละขั้น...ละขั้น...ที่เลื่อนขึ้นไป...ค่อยๆปรากฏภาพรถไฟฟ้าจอดประตูเปิดอยู่
พร้อมสัญญาณไฟเตือนว่าประตูจะปิด
มนุษย์เงินเดือนผู้ถูกตารางเวลาล่ามโซ่ไว้ นับสิบรีบกรูจากบันไดเลื่อนเบียดแย่งกันขึ้น
ไปยังรถไฟฟ้า แม้ว่าประตูจะค่อยๆเลื่อนเข้ามาปิด
ผมยืนเกาะราวบันไดเลื่อนนิ่งๆ..พวกเขาเบียดเสียดผมไป บ้างโชคร้ายไม่ทัน
ที่ขอบเส้นเหลืองของชานชลา ผู้คนค่อยๆก่อนตัวขึ้น...แต่ละคนก็คอยระแวดระวังกันอย่างเกรงใจ
แต่ก็ดูออกได้โดยง่ายๆ
เนื่องจากนี่ไม่ใช่การต่อคิวเรียงหนึ่งซื้อตั๋วหนัง มันเป็นแค่เส้นเหลืองๆที่ทันทีที่ประตูรถไฟเปิด
ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถแต่ละคนเองว่าจะเป็นใครที่ได้ตำแหน่งที่ดีในนั้น
ผมเดินเลี่ยงมายืนยังที่ประจำของผม
ด้านหลังสุด..ใกล้ๆป้ายโฆษณา ที่ซึ่งไม่มีใครสนใจ
ผมยืนมองกลุ่มคนที่ก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆหลังเส้นเหลือง พลางคิดไปเมื่อรถไฟฟ้าเทียบ
เราจะมองเห็น สัณชาติญาน ของมนุษย์ ที่จะเอาตัวรอด คนที่ยืนริมจะรีบขยับมาใกล้ๆประตู
ไอ้คนที่ยืนตรงหน้า ก็จะทำหน้ามุ่งมั่นอย่างผิดสังเกต คนหลังๆก็จะรีบเล็งเก้าอี้ที่จะนั่ง
และเมื่อประตูเปิดมันคือสงคราม
แต่ สงครามนี้จบลงในเวลาไม่นาน ก็จะกลายเป็น วิกฤต สำหรับผู้แพ้
เมื่อคุณต้องแย่ง เสาเกาะ ซึ่งอาจจะมีคุณป้ายืนพิง ทำให้คนอีก7คนไม่มีที่เกาะ
หรือ ห่วงที่ไม่พอดีกับจำนวนคน เมื่อคุณคลายมือจากห่วงมาเปิดหนังสือพิมพ์ คุณก็จะเสียห่วงไปแล้ว
ตรงหน้าผม...กลุ่มมนุษย์อัดกันแน่น อยู่หลังเส้นเหลือง
นักธุรกิจชายลงพุงยืนคุยโทรศัพท์มือถือ เด็กออฟฟิต สาวออฟฟิตอีกสองสามคน กำลังกระวนกระวาย
นักศึกษาชายมองนาฬิกาหลายครั้ง เด็กนักเรียนม.ปลาย ท่องคำศัพท์ โดยการพึมพัมคนเดียว
คุณป้าในชุดทำงานสีหน้าเคร่งเครียด นักศึกษาสาวสองคนกำลังคุยกันเสียงดัง หนุ่มผมทรงสกินเฮด
ใส่เสื้อวงดนตรีที่เขาเกิดไม่ทันอย่างthe beatles แต่เสียงเพลงที่ลอดจากหูฟังเขากลับเป็นเพลง อินดิ้ๆ
เพลงหนึ่งที่ฮิตอยู่ในคลื่นวิทยุ
...มีมาสมทบอีก
...ผู้ชายใส่แว่น ถือ..ถือ...เขาเรียกว่าอะไรนะ คอมพิวเตอร์เล็กๆเท่ามือถือนะ นั่นแหละ เขากดมัน
ฝรั่งผิวขาวตัวใหญ่ในชุดสูท เดินประกบมากับ หญิงท่าทางมาดมั่น คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เป็นที่สนใจ
ของ คนใกล้ๆทั้งที่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตเขาเลย นักศึกษาชายหญิงอีกคู่เดินโอบ กันเข้ามาต่อคิว
กลุ่มคนทำงาน อีกหลายคน ค่อยๆกระจายไปตามแถวเรื่อยๆ
..เรื่อยๆ
ท่าทางกังวลของแต่ละคนเริ่มออก ผมก็รู้สึก
เพราะ รถไฟฟ้า มันยังไม่มา มันช้าจนผิดปรกติ
ผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ...จนผมรู้สึกว่า ที่ที่ผมยืนประจำ ซึ่งปรกติจะเป็นที่ๆแสนโล่งเพราะคนจะ
ไปออ กันหน้าเส้นเหลือง
แต่ตอนนี้คนสุดท้ายของกลุ่มคนหน้าเส้นเหลือง อยู่ห่างกับผมไม่กี่ก้าว เสียงคนเริ่มสับสนมากขึ้น
ตามความหนาแน่นของคน มันดังกลบเสียงโฆษณาละครจากทีวีที่แขวนอยู่เหนือหัวแทบสิ้น
พนักงานสองสามคนถือ ว. วิ่งผ่านหน้าผมหายไปอีกทาง
ครั้นมองผมเหล่ตามอง..ก็มองไปเห็นบันไดเลื่อนพอดี
...ผู้คนทยอยขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างน่าขนลุก มันดูเหมือนรางเลื่อนในโรงงานที่เลื่อนสินค้าไปเรื่อยๆ
ก็น่าคิด คล้ายที่นี่เป็นโรงงาน ส่งคนไปทำหน้าที่ต่างๆ ตามกลไกในระบบของเมืองนี้ จับคนใส่รางเลื่อน
เสร็จบรรจุเข้าไปในรางรถไฟ เสร็จแล้วก็กระจายไปตามหน่วยงาน
ผมคิดมากไปรึเปล่า?
...ผมหันกลับมาที่เดิม ผู้คนแน่นจน กลุ่มคนสองกลุ่มใกล้ๆกันกำลังจะรวมเป็นกลุ่มคนใหญ่ๆได้เลย
ตอนนี้ผมขยับตัวได้ไม่ถึงก้าวหนึ่ง กลุ่มคนมันก่อตัวมากขึ้นจนจะมาถึงจุดที่ผมยืนอยู่แล้ว
เสียงในทีวีดับลง..กลายเป็นเสียงพนักงานแทน
"ขณะนี้รถไฟฟ้ามีการปัญหา ขอให้ ผู้โดยสารอย่าพึ่งขึ้นบันไดเลื่อนมาขอบคุณค่ะ"
บันไดเลื่อนหยุดทำงาน แต่ก็ไม่วายมีคนเดินขึ้นมาเข้าสู่ความหนาแน่นตรงนี้อีก
อาจเพราะพวกเขาไม่มีทางเลือก จะให้ตายยังไง การไปทำงานสายคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
การผิดนัดลูกค้า เป็นสิ่งที่แย่ที่สุด การเข้าเรียนสายไปครึ่งชั่วโมง คือ ความผิดพลาดที่สุด
(เพราะไม่ได้เช็คชื่อ หาใช่ไม่ได้ความรู้) ด้วยที่ว่ามีโซ่ตารางเวลาคล้องคออยู่พวกเขาจึงยอม
เบียดเสียดเข้ามาอีก
ที่น่ากลัวคือ...หลายคนพยายามเข้าไปใกล้เส้นเหลืองที่สุด แม้คนจะเบียดกันแค่ไหน
ผมอยากจะออกจากที่นี่เหลือเกิน...ตอนนี้ผมขยับไม่ได้แล้ว ตัวผมถูกคนดันจนติดป้ายโฆษณา
ผมมองไม่เห็นอะไรด้านหน้าเลยนอกจากหัวคน
ผมไม่ได้ยินเสียงประกาศเลย ได้ยินแต่เสียงคนคุยกัน บ้างก็บ่น บ้างก็โทรศัพท์
ด้านข้างที่ผมมองเห็น..ผมเห็นคนยังคงขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
มองขึ้นไปด้านบน มองดูผู้คนจากมุมสูงที่สะท้อนจากป้ายอะไรซักอย่างที่แขวนอยู่
รู้สึกเหมือนเป็นภาพ การส่องสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเลย หัวคนดิ้นหยุบหยับอยู่มีทิศทางไหล
ไปทางเส้นเหลือง
พนักงานพยายามเป่านกหวีดเนื่องจากจำนวนคนกำลังจะล้นออกจากเส้นเหลือง
เช่นเดียวกับอีกทาง...ผมกำลังถูกดันชนป้ายโฆษณา บ้างๆก็ถูกดันไปติดราวเกาะ
เสียงร้องดังไม่ได้ศัพท์ เสียงโทรศัพท์ เสียงประกาศเสียงนกหวีด
ตอนนี้ไม่มีเส้นเหลืองแล้วคนยืนไปสุดขอบของชานชลา ทับเส้นเหลืองจนหมด
ผมหายใจไม่ออก....พยายามเงยหน้าสูงๆ ก็เห็นใบหน้าตัวเองสะท้อนกระจก
น่าขำ...พวกเราเหมือนสินค้าจริง พอเครื่องเสีย สินค้าก็จะมาออกันเพราะไหลไปไม่ได้
ทำไมเราต้องไหล??...มันเป็นคนคำสั่ง มันเป็นหน้าที่ เราเป็นทาส
ไม่ทันที่ผมจะฟุ้งซ่านกว่านี้...รถไฟมาแล้ว....
ผมรู้สึกได้จากการเคลื่อนไหว้ของกลุ่มคนเริ่มมีทิศทางหนีออกจากผม หรือ เรียกว่าการขยับไป
ด้านหน้าแย่งกันจับจองตำแหน่งดีๆในรถไฟฟ้า
แรงของคนแล้วคนเล่า กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ดันพร้อมๆกันจนการเป็นแรงอันน่ากลัว คล้ายมีคนกระตุ้น
โมเลกุลตัวหนึ่ง แล้วมันก็กระทบไปทั้งเซลล์
คนดันด้วยความเร็วมาก จนแรงกระแทกแถวหน้า
คนทั้งตกลงไปด้านล่างบริเวณราง เสียงกรี๊ดร้องดังขึ้น
เนื่องจากแรงที่ต่อเนื่อง คนแถวต่อไปไม่อาจหยุดได้ค่อยๆหล่นลงไปอีก
ต่อมาก็อีกแล้ว ก็พยายามต้านแรงแต่ก็มีตกลงไปหลายคน
ผมมองอยู่อย่างตกใจ คนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนผมหายอึดอัด
ได้ยินแต่เสียงกรี๊ดร้อง
แต่ก็ไม่นาน รถไฟฟ้าสร้างเพื่อตอบสนองความต้องการของคนกรุงเทพ ความเจริญของกรุงเทพ
มันเคลื่อนทับร่างคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว แล้วเสียร้องก็เงียบกริบ
ทุกคนก็เบียดแย่งกันเข้าไปด้านใน ตามวิถีชีวิตปกติ
ผมบิดร่างกายเล็กน้อยให้หายเมื่อย
แล้วเดินเข้าไป เสียงร้องเตือนว่าประตูใกล้ปิดดังขึ้น
วูบเดียวนั้น
ผมโดนเบียดจนล้ม แล้ว ชายในชุดทำงานเบียดตัวแทรกตัวเข้าไปในรถไฟทัน
ประตูปิด..
แล้วรถไฟฟ้าก็เคลื่อนออกไป รางรถไฟฟ้าเคลือบด้วยสีแดงของเลือดยาวไปเรื่อยๆ
พนักงานรีบจัดการทำความสะอาดกันยกใหญ่....
ผมลุกขึ้น
ผมเดินถอยมารอที่เดิม...
มองดูคนค่อยขึ้นมาจากบันไดเลื่อน
เรื่อยๆ
เรื่อยๆ
.......................................
แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 46 01:59:04
จากคุณ :
nmanz
- [
17 ต.ค. 46 01:52:22
]