" จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้าขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้า.."
อาขยานบทเก่ายังดังก้องอยู่ในหัวใจเสมอๆ ในคืนที่มีโอกาสแหงนมองฟ้าหาดวงจันทร์
ตอนเด็กๆในฐานะคนเป็นพี่ เวลาได้ยินใครท่องบทจันทร์เจ้านี่ทีไร
ฉันก็อดนึกอิจฉา 'น้อง' ไม่ได้
ดูทีรึ พี่ร้องขออยู่ตั้งนาน แต่อะไรๆน้องก็ได้เสียเป็นส่วนใหญ่
แล้วทำไมต้องให้น้องด้วย ?
นั่นแหละ ฉัน จอมเกเร พี่สาวในฝัน(ร้าย)ของน้อง
ยังดีที่กาลเวลาเปลี่ยนแปลงคนได้
เพราะเมื่อถึงวันนี้ คำอธิษฐานของเด็กน้อยค่อยๆซึมซับเข้าสู่หัวใจ
และทำให้ฉันได้รู้จักความสุขของการเป็นผู้ให้
ไม่เฉพาะกับน้อง แต่กับทุกๆคนที่อยู่รอบตัว
เคยเหมือนกัน มีวันที่เรียกร้อง อยากได้ ถ้าได้อย่างที่ร้องขอก็เป็นสุข
แต่ถ้าไม่ได้ก็เป็นทุกข์
ข้อแม้ของผู้รับที่เป็นสุข คือ ต้องมีผู้ให้
เป็นความสุขที่ยึดติดกับคนอื่น
ในทางกลับกัน ลองทำตัวเป็นผู้ให้ดูบ้าง
เรียนรู้ที่จะมอบสิ่งดีๆให้กับคนรอบข้างอย่างบริสุทธิ์ใจ
เมื่อเห็นเขามีความสุข เราก็พลอยสุขไปด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นการเป็นผู้ให้ก็ยังมีข้อแม้
ข้อแม้ของผู้ให้ที่เป็นสุข คือ ต้องไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
เป็นความสุขที่กำหนดได้ด้วยใจเราเอง
อาจจะฟังดูยาก และฉันเองก็ล้มเหลวอยู่บ่อยครั้ง แต่อย่างน้อยๆ
ก็เป็นความสุขที่หาได้ด้วยตัวเอง
ไม่ได้ไปบีบบังคับให้ใครเขาให้มา
สิ่งสำคัญในชีวิต ไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเป็นใคร มีใครรักเราหรือเปล่า
ที่สำคัญ คือ เราจะเป็นอย่างไร รู้จักรักใครๆ รักโลกที่เราอาศัยอยู่รึเปล่า.
จากคุณ :
เ จ้ า ห ญิ งน้ อ ย
- [
7 พ.ย. 46 20:13:31
]