คุณเพชรเรียกรถแท็กซี่หน้าศูนย์การค้าพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลทันที และเมื่อไปถึงปรานต์ก็ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน คุณเพชรนั่งรออยู่ด้านนอกด้วยใจกระวนกระวาย
ถึงกระนั้นก็ยังตั้งสติได้แล้วโทร.หากุศะ บอกเขาว่าปรานต์ถูกยิงขณะนี้หมอกำลังผ่าเอากระสุนออก และสั่งให้เขาโทร.บอกมณีมาลาด้วย เพราะเธอไม่มีแก่จิตแก่ใจจะโทร.หาใครอีกแล้ว
คุณเพชรรู้ว่าปรานต์จะไม่เป็นอะไรเพราะกระสุนฝังเข้าที่ไหล่จากด้านหลัง และหมอจะช่วยให้เขาปลอดภัยได้ แต่ก็อดเป็นห่วงชายหนุ่มไม่ได้อยู่ดี ขอแค่ได้เห็นหน้าเขาอีกสักครั้งและรู้ว่าเขาปลอดภัยจริง ๆ เธอก็คงจะสบายใจมากกว่านี้
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
คุณเพชรนึกย้อนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คะเนจากระดับที่คนร้ายตั้งใจยิง มันกะยิงศีรษะเธอแต่พอปรานต์มาบังไว้กระสุนจึงฝังเข้าที่ไหล่ของเขาแทน
นึกครั้งแรกก็ยังงง ๆ อยู่ว่าคนร้ายมาดหมายชีวิตเธอเพื่ออะไรกัน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯได้สามเดือนกว่า เธอไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน เวลาทุกนาทีหมดไปกับงานมากกว่าความสุขส่วนตัว
จะว่าเป็นมณีมาลาโกรธแค้นที่ถูกเธอยึดอำนาจในบริษัทก็คงไม่ใช่ เพราะระยะหลังนี้มณีมาลาปฏิบัติกับเธอดีมากประเด็นนี้จึงตัดไป
หรือว่าทวีติยาโกรธแค้นที่เอาชนะเธอไม่ได้เรื่องปรานต์ ก็เลยส่งคนมาเก็บเธอ เพื่อหวังจะกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ ประเด็นนี้อาจเป็นไปได้ แต่เหตุผลก็อ่อนเต็มทีในความรู้สึกของคุณเพชร
คนที่คิดจะเอาชีวิตของเธอต้องเป็นคนที่บาดหมางกับเธออย่างมาก จนถึงขั้นไม่อาจอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันได้ และคนเดียวที่คุณเพชรนึกออกก็คือกำนันกวน !
คุณเพชรตาวาวโรจน์ขึ้น ชกกำปั้นกับฝ่ามืออีกข้างหนึ่งค่อนข้างหนัก เมื่อนึกถึงศัตรูคู่อาฆาต
นี่มันกล้าส่งมือปืนมาเก็บเราถึงกรุงเทพเชียวหรือ มันจะมากเกินไปแล้วไอ้คนทรชาติ
นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเพชรคิดแค้นกำนันกวนอย่างจริงจัง เพราะเขาบังอาจมาแตะต้องคนที่เธอรักและทำให้หัวใจของเธอเจ็บ
เมื่อก่อนไม่ว่ากำนันกวนจะทำกับเธออย่างไรเธอทนได้ แต่ถ้าเขาบังอาจมาแตะต้องคนที่เธอรัก โดยเฉพาะปรานต์ ปุลวัชร เธอทนไม่ได้และจะไม่ทนอีกต่อไป
เราต้องได้เห็นดีกันแน่ไอ้กวน
คุณเพชรเค้นเสียงอย่างแค้นหนักพลางมาดหมายตอบโต้ไว้ในใจ
เมื่อกุศะมาถึงโรงพยาบาลเขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น คุณเพชรจึงเล่าให้เขาฟัง
รู้ไหมว่ามันเป็นพวกไหน? กุศะถามขึ้นเมื่อฟังนายสาวเล่าเรื่องราวจบ
ก็คงพวกไอ้กวนนั่นแหละ ฉันมีศัตรูอยู่คนเดียวที่คอยจองล้างจองผลาญไม่สิ้นสุด คุณเพชรตอบหน้าเครียด
ผมว่าคุณเพชรน่าจะแจ้งความ กุศะไม่อยากยอมให้คนชั่วอีกต่อไป เท่าที่ผ่านมาถ้าไม่ติดว่าคุณเพชรห้ามไว้ เขากับดอนคงเอาเรื่องคนชั่วนั่นให้รู้ดำรู้แดงกันไปนานแล้ว
ฉันแจ้งแน่แต่ขอให้แน่ใจก่อนว่าปรานต์ปลอดภัย คุณเพชรเอาเรื่องเต็มที่
กุศะนึกสะใจที่นายสาวคิดจะตอบโต้ศัตรูบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายตั้งรับโดยไม่โต้ตอบมานาน เพราะเธอเป็นห่วงสวัสดิภาพของพวกพ้อง จึงไม่อยากมีเรื่องโรมรันจนทำให้ผู้อยู่ใต้การปกครองพลอยเดือดร้อนไปด้วย
แต่คราวนี้เธอคงไม่ยอมเพราะมันเล่นทำร้ายหัวใจของเธอจนเจ็บฉกรรจ์ หนทางใดที่จะตอบโต้ให้สาสมเธอทำแน่
เมื่อนายแพทย์ศัลยกรรมออกจากห้องผ่าตัดเขาบอกว่าคนเจ็บปลอดภัยดี แล้วร่างหมดสติของปรานต์ก็ถูกส่งเข้าห้องพักฟื้น
หลังจากคนเจ็บซึ่งนอนอยู่บนเตียงเข็ญถูกนำเข้าห้องพักฟื้นได้สักครู่ มณีมาลา สหเทพ มุกตาภา และลลิดาก็มาถึงโรงพยาบาล มณีมาลาสอบถามพยาบาลจนทราบว่าลูกชายอยู่ที่ไหนจึงรีบตามขึ้นไปที่ห้องพักฟื้นทันที
คุณเพชรกับกุศะยืนอยู่ข้างเตียงคนเจ็บคนละด้านเมื่อมณีมาลา สหเทพ มุกตาภาและลลิดาเปิดประตูหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง ครั้นเห็นลูกชายนอนนิ่งไม่ไหวติงผู้เป็นมารดาก็ร้องไห้ฟูมฟายพลางซักคุณเพชรว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกชายของเธอถึงถูกยิง คุณเพชรจึงเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าคนร้ายมันตั้งใจจะยิงเธอแต่ปรานต์ปกป้องเธอไว้
ได้ยินเพียงเท่านั้นลลิดาก็ใจหายวาบ เธอเข้าไปกอดคุณเพชรอย่างตระหนก คุณเพชรยกมือตบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน
ทำไมล่ะเพชร ลูกไปมีศัตรูที่ไหน ทำไมมันถึงต้องเอาชีวิตของเพชรด้วย มณีมาลาคาดคั้นทั้งน้ำตา
คุณเพชรยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วตำรวจสองนายก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง
ขอโทษครับ เราได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บมารักษาที่นี่ จึงอยากจะขอสอบปากคำสักเล็กน้อยครับ ไม่ทราบว่าใครพอจะให้ข้อมูลได้บ้าง ร้อยตำรวจตรีนายหนึ่งแจ้งให้ทราบ
ฉันจะแจ้งความ เราไปคุยกันที่โรงพักดีกว่าค่ะ คุณเพชรเห็นว่าปรานต์ปลอดภัยดีแล้วจึงแจ้งความประสงค์กับตำรวจไปอย่างนั้น แล้วหันไปพูดกับมณีมาลาว่า คุณมาลาคะ เพชรฝากปรานต์ด้วยนะคะ
เพชรไปเถอะ ไม่ต้องห่วงปรานต์ แม่จะดูแลเอง
คืนนั้นมณีมาลาอยู่เฝ้าลูกชายที่โรงพยาบาล เธอบอกให้สหเทพพาน้องสาวกลับบ้านไปก่อนเพราะมุกตาภากำลังท้องไม่ควรมาเห็นภาพสะเทือนใจนาน ๆ
ส่วนกุศะขับรถพาคุณเพชรและลลิดาตามตำรวจไปโรงพัก แล้วคุณเพชรก็เกือบไม่ได้นอนทั้งคืนเมื่อเธอแจ้งความเอาเรื่องกำนันกวน และร้อยตำรวจหนุ่มคนนั้นก็ซักเธอเสียละเอียดยิบ คุณเพชรจึงเล่าให้เขาฟังตั้งแต่ต้นอย่างไม่บิดบังแต่ก็ไม่หวังว่าเขาจะช่วยอะไรเธอได้ แต่เธอก็ต้องทำหน้าที่ของพลเมืองที่อยู่ภายใต้กฎหมาย
เมื่อสอบสวนจนพอใจร้อยตำรวจหนุ่มก็กล่าวออกมาอย่างค่อนข้างหนักใจว่า ตอนนี้ไม่มีหลักฐานอะไรจะสามารถเอาผิดกำนันกวนได้เลย ทั้งมือปืนที่มาลอบยิงคุณเพชรนั้นก็ยังจับไม่ได้ เท่านั้นเองคุณเพชรก็บอกลา แต่เขาก็ให้กำลังใจว่าจะพยายามจับตัวมือปืนให้ได้ ถ้ามีการซัดทอดถึงกำนันกวนคดีก็จะดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด เท่าที่ทำได้ตอนนี้คือคงต้องออกหมายเรียกกำนันกวนมาสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
ถึงแม้จะหวังอะไรไม่ได้มาก ด้วยเข้าใจว่าคดีแบบนี้คงมีแจ้งเข้ามาทุกวัน และตำรวจอาจดูแลไม่ทั่วถึง แต่คุณเพชรก็เริ่มต้นประกาศศึกกับกำนันกวนอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
คุณเพชรคิดถึงดอนจับจิตจับใจ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขารวบรวมหลักฐานไปถึงไหนแล้วเพราะมาระยะหลังเธอค่อนข้างยุ่งจึงไม่ค่อยได้โทร.คุยกับเขา แต่จะโทร.ไปหาดอนตอนนี้ก็ดูจะผิดกาลเทศะอยู่ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะหาเวลาโทร.ไปคุยกับเขา เขาคงจะตกใจไม่ใช่น้อยถ้ารู้ว่าเธอถูกลอบทำร้าย
กุศะขับรถพาคุณเพชรและลลิดากลับบ้านตอนตีสาม นอนได้สี่ชั่วโมงคุณเพชรก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เธอใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวข้างในสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตยีนสีดำกับกางเกงยีนสีดำเข้าชุดกัน หวีผมลวก ๆ แต่พอเห็นหน้าค่อนข้างซีดของตัวเองแล้วก็นึกถึงใครบางคนถ้าฟื้นขึ้นมาเห็นแล้วอาจจะไม่สบายตา จึงหยิบตลับแป้งขึ้นมาผัดหน้าอย่างไม่พิถีพิถันนัก ทาหยิบลิปสติกมันสีอ่อน ๆ พอให้ริมฝีปากดูชุ่มชื่น ส่วนคิ้วนั้นไม่สนแล้วเพราะถูกแต่งได้รูปอยู่แล้วและคิ้วของเธอก็ค่อนข้างเข้มจึงไม่จำเป็นต้องเติมวาดให้ยุ่งยาก
หญิงสาวเดินไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียงหยิบปืนพกขนาดกระทัดรัดมาเหน็บไว้ที่เอว ดึงชายแจ๊กเก็ตมาปิดไว้ ถึงจะเป็นทำนองวัวหายล้อมคอก แต่ก็ต้องทำเพราะเธอประมาทไม่ได้อีกแล้ว
คุณเพชรหันไปมองคนที่ยังหลับอยู่นิดหนึ่ง แล้วยิ้มที่มุมปาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามลลิดาก็ยังคงเป็นน้องสาวที่น่ารักสำหรับเธอเสมอ ทว่าตอนนี้หัวใจของพี่สาวคนนี้ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียวเสียแล้ว หากมีชายหนุ่มอีกคนที่เธอบูชาน้ำใจของเขายิ่งนัก ในเมื่อเขายอมสละชีวิตปกป้องเธอได้ ก็ไม่มีอะไรจะมาทำให้คนหัวใจแกร่งลังเลอีกแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องเลือกอยู่กับใคร แต่เธอจะขออยู่กับทั้งสองคนโดยจะไม่ยอมเสียใครไปแม้แต่คนเดียว !
คุณเพชรเดินออกจากห้องไปหยิบถ้วยจานกับช้อนส้อมในครัวใส่ตะกร้าหวาย ก่อนจะถือตะกร้านั้นไปเคาะประตูเรียกกุศะ รู้ว่าผู้ช่วยหนุ่มยังไม่ตื่นเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้หลับกันก็เกือบสว่าง พอเขาลุกมาเปิดประตูเธอก็บอกว่าสาย ๆ ให้ไปเอากุญแจรถของปรานต์ที่โรงพยาบาล แล้วไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ในลานจอดรถของศูนย์การค้าไปส่งที่โรงพยาบาลด้วย เขาก็ขานรับแล้วทักว่าคุณเพชรจะไปแต่เช้าเลยหรือ หญิงสาวพยักหน้าตอบ
เดินออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน กุศะตามออกไปเปิดประตูรั้วให้
คุณเพชรแวะซื้อโจ๊กกับผลไม้ที่หน้าหมู่บ้านไปฝากคนเจ็บเผื่อว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะหิว ที่จริงอาหารของโรงพยาบาลก็มี แต่คุณเพชรอยากแสดงน้ำใจและอยากให้เขาได้เลือกรับประทานด้วย แต่ก็ไม่ลืมซื้อไปเผื่อคนเฝ้าด้วย
ครั้นไปถึงโรงพยาบาลก็เห็นมณีมาลากำลังออกจากห้องน้ำ เช้านี้ผู้อาวุโสดูสำรวมขึ้นและไม่มีแววตระหนกหลงเหลืออยู่ในดวงตา หากทราบในเวลาต่อมาว่าเป็นเพราะเมื่อเช้าคนเจ็บฟื้นขึ้นมารอบหนึ่งแล้ว พอเห็นหน้ามารดาก็ถามหาคุณเพชรทันที เมื่อได้รับคำปลอบโยนว่าหญิงสาวปลอดภัยดีเขาก็หลับไปอีก
มณีมาลาปลื้มใจเมื่อว่าที่ลูกสะใภ้ซื้อโจ๊กมาฝาก แล้วยังจัดแจงจัดใส่ถ้วยมาบริการเธอโดยไม่มีท่าทางเกี่ยงงอน ก่อนจะเดินไปยืนมองคนเจ็บที่กำลังหลับอยู่ข้างเตียง อดไม่ได้ที่จะเรียกเธอมาซักถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
คุณเพชรเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วเล่าเรื่องราวที่เธอเคยบาดหมางกับกำนันกวน จนกลายเป็นเรื่องขัดแย้งกันขั้นรุนแรงจนถูกลอบยิงมาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เขาส่งมือปืนมาลอบสังหารเธอ แต่ปรานต์มารับเคราะห์แทน และขอร้องมณีมาลาว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้มารดาของเธอฟัง เพราะเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจจนเสียสุขภาพจิต ซึ่งมณีมาลาก็เข้าใจและรับปากว่าจะไม่พูดให้แพรวรุ่งสะเทือนใจ แต่ก็อดเป็นห่วงว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ได้จึงถามว่าคุณเพชรจะจัดการอย่างไรต่อไป หญิงสาวพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่าเธอจะเอาคนชั่วเข้าคุกให้ได้ โทษฐานที่มันบังอาจทำให้หัวใจของเธอเจ็บ ได้ฟังดังนั้นมณีมาลาก็รู้สึกตื้นตันในความรักที่คุณเพชรมีต่อลูกชายของเธอยิ่งนัก
จากคุณ :
นวจันทร์
- [
11 ม.ค. 47 23:25:48
A:203.113.50.141 X:
]