เรื่องยาว...เพชรน้ำหนึ่ง ตอนที่ 52 คนสำคัญ

    คุณเพชรเรียกรถแท็กซี่หน้าศูนย์การค้าพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลทันที      และเมื่อไปถึงปรานต์ก็ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน    คุณเพชรนั่งรออยู่ด้านนอกด้วยใจกระวนกระวาย    

    ถึงกระนั้นก็ยังตั้งสติได้แล้วโทร.หากุศะ    บอกเขาว่าปรานต์ถูกยิงขณะนี้หมอกำลังผ่าเอากระสุนออก   และสั่งให้เขาโทร.บอกมณีมาลาด้วย   เพราะเธอไม่มีแก่จิตแก่ใจจะโทร.หาใครอีกแล้ว

    คุณเพชรรู้ว่าปรานต์จะไม่เป็นอะไรเพราะกระสุนฝังเข้าที่ไหล่จากด้านหลัง   และหมอจะช่วยให้เขาปลอดภัยได้     แต่ก็อดเป็นห่วงชายหนุ่มไม่ได้อยู่ดี    ขอแค่ได้เห็นหน้าเขาอีกสักครั้งและรู้ว่าเขาปลอดภัยจริง  ๆ  เธอก็คงจะสบายใจมากกว่านี้

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า…คุณเพชรนึกย้อนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   คะเนจากระดับที่คนร้ายตั้งใจยิง   มันกะยิงศีรษะเธอแต่พอปรานต์มาบังไว้กระสุนจึงฝังเข้าที่ไหล่ของเขาแทน  

    นึกครั้งแรกก็ยังงง  ๆ  อยู่ว่าคนร้ายมาดหมายชีวิตเธอเพื่ออะไรกัน   ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯได้สามเดือนกว่า   เธอไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน   เวลาทุกนาทีหมดไปกับงานมากกว่าความสุขส่วนตัว  

    จะว่าเป็นมณีมาลาโกรธแค้นที่ถูกเธอยึดอำนาจในบริษัทก็คงไม่ใช่   เพราะระยะหลังนี้มณีมาลาปฏิบัติกับเธอดีมากประเด็นนี้จึงตัดไป  

    หรือว่าทวีติยาโกรธแค้นที่เอาชนะเธอไม่ได้เรื่องปรานต์     ก็เลยส่งคนมาเก็บเธอ   เพื่อหวังจะกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ   ประเด็นนี้อาจเป็นไปได้    แต่เหตุผลก็อ่อนเต็มทีในความรู้สึกของคุณเพชร  

    คนที่คิดจะเอาชีวิตของเธอต้องเป็นคนที่บาดหมางกับเธออย่างมาก    จนถึงขั้นไม่อาจอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันได้   และคนเดียวที่คุณเพชรนึกออกก็คือกำนันกวน  !

    คุณเพชรตาวาวโรจน์ขึ้น   ชกกำปั้นกับฝ่ามืออีกข้างหนึ่งค่อนข้างหนัก   เมื่อนึกถึงศัตรูคู่อาฆาต…

    …นี่มันกล้าส่งมือปืนมาเก็บเราถึงกรุงเทพเชียวหรือ    มันจะมากเกินไปแล้วไอ้คนทรชาติ…

    นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเพชรคิดแค้นกำนันกวนอย่างจริงจัง   เพราะเขาบังอาจมาแตะต้องคนที่เธอรักและทำให้หัวใจของเธอเจ็บ

    เมื่อก่อนไม่ว่ากำนันกวนจะทำกับเธออย่างไรเธอทนได้   แต่ถ้าเขาบังอาจมาแตะต้องคนที่เธอรัก   โดยเฉพาะปรานต์     ปุลวัชร    เธอทนไม่ได้และจะไม่ทนอีกต่อไป

    “เราต้องได้เห็นดีกันแน่ไอ้กวน”    

    คุณเพชรเค้นเสียงอย่างแค้นหนักพลางมาดหมายตอบโต้ไว้ในใจ

    เมื่อกุศะมาถึงโรงพยาบาลเขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น    คุณเพชรจึงเล่าให้เขาฟัง…

    “รู้ไหมว่ามันเป็นพวกไหน?”   กุศะถามขึ้นเมื่อฟังนายสาวเล่าเรื่องราวจบ

    “ก็คงพวกไอ้กวนนั่นแหละ   ฉันมีศัตรูอยู่คนเดียวที่คอยจองล้างจองผลาญไม่สิ้นสุด”  คุณเพชรตอบหน้าเครียด

    “ผมว่าคุณเพชรน่าจะแจ้งความ”  กุศะไม่อยากยอมให้คนชั่วอีกต่อไป   เท่าที่ผ่านมาถ้าไม่ติดว่าคุณเพชรห้ามไว้    เขากับดอนคงเอาเรื่องคนชั่วนั่นให้รู้ดำรู้แดงกันไปนานแล้ว

    “ฉันแจ้งแน่แต่ขอให้แน่ใจก่อนว่าปรานต์ปลอดภัย”  คุณเพชรเอาเรื่องเต็มที่

    กุศะนึกสะใจที่นายสาวคิดจะตอบโต้ศัตรูบ้าง   หลังจากเป็นฝ่ายตั้งรับโดยไม่โต้ตอบมานาน    เพราะเธอเป็นห่วงสวัสดิภาพของพวกพ้อง   จึงไม่อยากมีเรื่องโรมรันจนทำให้ผู้อยู่ใต้การปกครองพลอยเดือดร้อนไปด้วย    

    แต่คราวนี้เธอคงไม่ยอมเพราะมันเล่นทำร้ายหัวใจของเธอจนเจ็บฉกรรจ์   หนทางใดที่จะตอบโต้ให้สาสมเธอทำแน่

    เมื่อนายแพทย์ศัลยกรรมออกจากห้องผ่าตัดเขาบอกว่าคนเจ็บปลอดภัยดี    แล้วร่างหมดสติของปรานต์ก็ถูกส่งเข้าห้องพักฟื้น

    หลังจากคนเจ็บซึ่งนอนอยู่บนเตียงเข็ญถูกนำเข้าห้องพักฟื้นได้สักครู่   มณีมาลา   สหเทพ  มุกตาภา   และลลิดาก็มาถึงโรงพยาบาล   มณีมาลาสอบถามพยาบาลจนทราบว่าลูกชายอยู่ที่ไหนจึงรีบตามขึ้นไปที่ห้องพักฟื้นทันที

    คุณเพชรกับกุศะยืนอยู่ข้างเตียงคนเจ็บคนละด้านเมื่อมณีมาลา  สหเทพ  มุกตาภาและลลิดาเปิดประตูหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง     ครั้นเห็นลูกชายนอนนิ่งไม่ไหวติงผู้เป็นมารดาก็ร้องไห้ฟูมฟายพลางซักคุณเพชรว่าเกิดอะไรขึ้น    ทำไมลูกชายของเธอถึงถูกยิง   คุณเพชรจึงเล่าให้ฟังคร่าว  ๆ  ว่าคนร้ายมันตั้งใจจะยิงเธอแต่ปรานต์ปกป้องเธอไว้  

    ได้ยินเพียงเท่านั้นลลิดาก็ใจหายวาบ   เธอเข้าไปกอดคุณเพชรอย่างตระหนก   คุณเพชรยกมือตบศีรษะเธอเบา  ๆ  อย่างปลอบโยน

    “ทำไมล่ะเพชร   ลูกไปมีศัตรูที่ไหน   ทำไมมันถึงต้องเอาชีวิตของเพชรด้วย”    มณีมาลาคาดคั้นทั้งน้ำตา

    คุณเพชรยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วตำรวจสองนายก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง

    “ขอโทษครับ   เราได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บมารักษาที่นี่   จึงอยากจะขอสอบปากคำสักเล็กน้อยครับ   ไม่ทราบว่าใครพอจะให้ข้อมูลได้บ้าง”      ร้อยตำรวจตรีนายหนึ่งแจ้งให้ทราบ

    “ฉันจะแจ้งความ   เราไปคุยกันที่โรงพักดีกว่าค่ะ”   คุณเพชรเห็นว่าปรานต์ปลอดภัยดีแล้วจึงแจ้งความประสงค์กับตำรวจไปอย่างนั้น   แล้วหันไปพูดกับมณีมาลาว่า   “คุณมาลาคะ   เพชรฝากปรานต์ด้วยนะคะ”

    “เพชรไปเถอะ  ไม่ต้องห่วงปรานต์   แม่จะดูแลเอง”

    คืนนั้นมณีมาลาอยู่เฝ้าลูกชายที่โรงพยาบาล   เธอบอกให้สหเทพพาน้องสาวกลับบ้านไปก่อนเพราะมุกตาภากำลังท้องไม่ควรมาเห็นภาพสะเทือนใจนาน  ๆ  

    ส่วนกุศะขับรถพาคุณเพชรและลลิดาตามตำรวจไปโรงพัก    แล้วคุณเพชรก็เกือบไม่ได้นอนทั้งคืนเมื่อเธอแจ้งความเอาเรื่องกำนันกวน    และร้อยตำรวจหนุ่มคนนั้นก็ซักเธอเสียละเอียดยิบ   คุณเพชรจึงเล่าให้เขาฟังตั้งแต่ต้นอย่างไม่บิดบังแต่ก็ไม่หวังว่าเขาจะช่วยอะไรเธอได้   แต่เธอก็ต้องทำหน้าที่ของพลเมืองที่อยู่ภายใต้กฎหมาย  

    เมื่อสอบสวนจนพอใจร้อยตำรวจหนุ่มก็กล่าวออกมาอย่างค่อนข้างหนักใจว่า    ตอนนี้ไม่มีหลักฐานอะไรจะสามารถเอาผิดกำนันกวนได้เลย   ทั้งมือปืนที่มาลอบยิงคุณเพชรนั้นก็ยังจับไม่ได้    เท่านั้นเองคุณเพชรก็บอกลา    แต่เขาก็ให้กำลังใจว่าจะพยายามจับตัวมือปืนให้ได้   ถ้ามีการซัดทอดถึงกำนันกวนคดีก็จะดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด   เท่าที่ทำได้ตอนนี้คือคงต้องออกหมายเรียกกำนันกวนมาสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะผู้ต้องสงสัยเท่านั้น

    ถึงแม้จะหวังอะไรไม่ได้มาก   ด้วยเข้าใจว่าคดีแบบนี้คงมีแจ้งเข้ามาทุกวัน   และตำรวจอาจดูแลไม่ทั่วถึง  แต่คุณเพชรก็เริ่มต้นประกาศศึกกับกำนันกวนอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว  

    คุณเพชรคิดถึงดอนจับจิตจับใจ   ไม่รู้ว่าป่านนี้เขารวบรวมหลักฐานไปถึงไหนแล้วเพราะมาระยะหลังเธอค่อนข้างยุ่งจึงไม่ค่อยได้โทร.คุยกับเขา    แต่จะโทร.ไปหาดอนตอนนี้ก็ดูจะผิดกาลเทศะอยู่   ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะหาเวลาโทร.ไปคุยกับเขา    เขาคงจะตกใจไม่ใช่น้อยถ้ารู้ว่าเธอถูกลอบทำร้าย

    กุศะขับรถพาคุณเพชรและลลิดากลับบ้านตอนตีสาม     นอนได้สี่ชั่วโมงคุณเพชรก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว   เธอใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวข้างในสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตยีนสีดำกับกางเกงยีนสีดำเข้าชุดกัน    หวีผมลวก  ๆ  แต่พอเห็นหน้าค่อนข้างซีดของตัวเองแล้วก็นึกถึงใครบางคนถ้าฟื้นขึ้นมาเห็นแล้วอาจจะไม่สบายตา   จึงหยิบตลับแป้งขึ้นมาผัดหน้าอย่างไม่พิถีพิถันนัก   ทาหยิบลิปสติกมันสีอ่อน  ๆ  พอให้ริมฝีปากดูชุ่มชื่น   ส่วนคิ้วนั้นไม่สนแล้วเพราะถูกแต่งได้รูปอยู่แล้วและคิ้วของเธอก็ค่อนข้างเข้มจึงไม่จำเป็นต้องเติมวาดให้ยุ่งยาก

    หญิงสาวเดินไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียงหยิบปืนพกขนาดกระทัดรัดมาเหน็บไว้ที่เอว    ดึงชายแจ๊กเก็ตมาปิดไว้    ถึงจะเป็นทำนองวัวหายล้อมคอก   แต่ก็ต้องทำเพราะเธอประมาทไม่ได้อีกแล้ว  

    คุณเพชรหันไปมองคนที่ยังหลับอยู่นิดหนึ่ง   แล้วยิ้มที่มุมปาก   ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามลลิดาก็ยังคงเป็นน้องสาวที่น่ารักสำหรับเธอเสมอ   ทว่าตอนนี้หัวใจของพี่สาวคนนี้ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียวเสียแล้ว   หากมีชายหนุ่มอีกคนที่เธอบูชาน้ำใจของเขายิ่งนัก   ในเมื่อเขายอมสละชีวิตปกป้องเธอได้     ก็ไม่มีอะไรจะมาทำให้คนหัวใจแกร่งลังเลอีกแล้ว     และไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องเลือกอยู่กับใคร    แต่เธอจะขออยู่กับทั้งสองคนโดยจะไม่ยอมเสียใครไปแม้แต่คนเดียว  !

    คุณเพชรเดินออกจากห้องไปหยิบถ้วยจานกับช้อนส้อมในครัวใส่ตะกร้าหวาย    ก่อนจะถือตะกร้านั้นไปเคาะประตูเรียกกุศะ     รู้ว่าผู้ช่วยหนุ่มยังไม่ตื่นเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้หลับกันก็เกือบสว่าง    พอเขาลุกมาเปิดประตูเธอก็บอกว่าสาย    ๆ   ให้ไปเอากุญแจรถของปรานต์ที่โรงพยาบาล    แล้วไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ในลานจอดรถของศูนย์การค้าไปส่งที่โรงพยาบาลด้วย   เขาก็ขานรับแล้วทักว่าคุณเพชรจะไปแต่เช้าเลยหรือ    หญิงสาวพยักหน้าตอบ…เดินออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน    กุศะตามออกไปเปิดประตูรั้วให้

    คุณเพชรแวะซื้อโจ๊กกับผลไม้ที่หน้าหมู่บ้านไปฝากคนเจ็บเผื่อว่าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะหิว   ที่จริงอาหารของโรงพยาบาลก็มี      แต่คุณเพชรอยากแสดงน้ำใจและอยากให้เขาได้เลือกรับประทานด้วย    แต่ก็ไม่ลืมซื้อไปเผื่อคนเฝ้าด้วย

    ครั้นไปถึงโรงพยาบาลก็เห็นมณีมาลากำลังออกจากห้องน้ำ   เช้านี้ผู้อาวุโสดูสำรวมขึ้นและไม่มีแววตระหนกหลงเหลืออยู่ในดวงตา    หากทราบในเวลาต่อมาว่าเป็นเพราะเมื่อเช้าคนเจ็บฟื้นขึ้นมารอบหนึ่งแล้ว   พอเห็นหน้ามารดาก็ถามหาคุณเพชรทันที   เมื่อได้รับคำปลอบโยนว่าหญิงสาวปลอดภัยดีเขาก็หลับไปอีก

    มณีมาลาปลื้มใจเมื่อว่าที่ลูกสะใภ้ซื้อโจ๊กมาฝาก   แล้วยังจัดแจงจัดใส่ถ้วยมาบริการเธอโดยไม่มีท่าทางเกี่ยงงอน   ก่อนจะเดินไปยืนมองคนเจ็บที่กำลังหลับอยู่ข้างเตียง    อดไม่ได้ที่จะเรียกเธอมาซักถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

    คุณเพชรเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วเล่าเรื่องราวที่เธอเคยบาดหมางกับกำนันกวน    จนกลายเป็นเรื่องขัดแย้งกันขั้นรุนแรงจนถูกลอบยิงมาสองครั้งแล้ว   ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่เขาส่งมือปืนมาลอบสังหารเธอ   แต่ปรานต์มารับเคราะห์แทน   และขอร้องมณีมาลาว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้มารดาของเธอฟัง   เพราะเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจจนเสียสุขภาพจิต    ซึ่งมณีมาลาก็เข้าใจและรับปากว่าจะไม่พูดให้แพรวรุ่งสะเทือนใจ    แต่ก็อดเป็นห่วงว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ได้จึงถามว่าคุณเพชรจะจัดการอย่างไรต่อไป    หญิงสาวพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่าเธอจะเอาคนชั่วเข้าคุกให้ได้   โทษฐานที่มันบังอาจทำให้หัวใจของเธอเจ็บ    ได้ฟังดังนั้นมณีมาลาก็รู้สึกตื้นตันในความรักที่คุณเพชรมีต่อลูกชายของเธอยิ่งนัก


    จากคุณ : นวจันทร์ - [ 11 ม.ค. 47 23:25:48 A:203.113.50.141 X: ]