เรื่องยาว...เพชรน้ำหนึ่ง ตอนที่ 68 เคราะห์ร้ายของลิลลี่

    “อะไรกันคะคุณมุก   ลิลลี่ไปไหน?”    ร้อยแก้วร้องถามใจคอไม่ดี    พอมุกตาภายื่นจดหมายมาให้อ่านก็ตกใจอย่างแรงกับเนื้อความในจดหมาย   รู้สึกสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนรักกันแน่ลิลลี่ถึงต้องจากไปโดยไม่ร่ำลาใครสักคนแม้แต่เธอซึ่งสนิทกันมากที่สุดในเวลานี้   “ลิลลี่ไปแล้วจริง  ๆ  ด้วย  ทำยังไงดีคะคุณมุก”

    “รีบไปบอกคุณเพชร”   มุกตาภาพูดโดยไม่ต้องหยุดคิด

    “ค่ะ  ๆ   แก้วจะรีบไปบอกคุณเพชรเดี๋ยวนี้”

    ร้อยแก้ววิ่งออกจากห้องไปก่อนกำลังจะผ่านหน้าห้องของคุณเพชรก็ฉุกคิดได้ว่าคุณเพชรอาจจะอยู่ในห้อง      จึงลองเคาะประตูเรียกพร้อมกับเปิดเข้าไปอย่างถือวิสาสะ      เพราะร้อนใจเรื่องลลิดาหนีออกจากบ้านแต่ไม่พบจึงวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง    พบพวกผู้ชายนั่งคุยกันเรื่องม้าอย่างติดพันอยู่ที่มุมรับแขกในห้องโถงก็รีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับร้องบอกว่า

    “แย่แล้วค่ะ     ลิลลี่หนีไปแล้ว”

    “อะไรนะ?”   ดอนเป็นคนแรกที่ลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมกับร้องถามเสียงดังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    “เป็นไปได้ยังไงแก้ว   ลิลลี่จะหนีไปทำไม   คงอยู่แถว  ๆ  นี้แหละ”   กุศะไม่เชื่อ

    พ่อเลี้ยงศิวัชกับสหเทพมองหน้ากัน

    “ลิลลี่เขียนจดหมายลานายแม่วางทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง   แก้วกับคุณมุกเพิ่งไปเจอเดี๋ยวนี้เองค่ะ”   ร้อยแก้วพูดเร็วพลางยื่นจดหมายให้คนรัก

    กุศะรับจดหมายไปอ่านแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

    ดอนก้าวไปดึงจดหมายจากมือคู่หูมาอ่านอย่างรวดเร็วแล้วก็ถึงกับอึ้งไปครู่ใหญ่    ก่อนจะโวยวายขึ้นว่า

    “เป็นไปไม่ได้   ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ลิลลี่จะต้องหนีออกจากบ้าน   แล้วนี่คุณเพชรรู้เรื่องหรือยัง?”

    “คงยังค่ะ   แก้วหาคุณเพชรไม่เจอไปดูที่ห้องก็ไม่มี”    ร้อยแก้วพูดเร็ว

    มุกตาภาค่อยเกาะราวบันไดเดินลงมา    พ่อเลี้ยงศิวัชลุกไปรับหญิงสาวที่เชิงบันได    

    “เจอคุณเพชรไหมแก้ว?”   มุกตาภาร้องถามด้วยความร้อนใจรู้สึกเป็นห่วงลลิดาจริงจังเป็นครั้งแรก

    “ไม่เจอค่ะ”  ร้อยแก้วหันไปตอบ

    “อาจจะอยู่กับน้าแพรวก็ได้   ผมจะไปตามให้”    สหเทพอาสาแล้ววิ่งออกจากห้องโถงไปทางระเบียงหลัง  

    เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณเพชรและปรานต์เปิดประตูออกมาจากห้องทำงานเพราะได้ยินเสียงเอะอะดังอยู่ข้างนอก    พ่อเลี้ยงศิวัชเหลือบไปเห็นก็อุทานขึ้น

    “อ้าว   เพชรอยู่นี่เอง”

    ทุกคนในห้องโถงหันไปมองคุณเพชรเป็นจุดเดียว

    “มีอะไรกันหรือคะ?”    คุณเพชรถามพลางมองหน้าแต่ละคน

    “ลิลลี่หนีออกจากบ้านไปแล้ว”   กุศะตอบ

    “อะไรนะ?”   คุณเพชรอุทานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง   หันไปสบตากับปรานต์รู้สึกใจหายวูบ  

    “ลิลลี่เขียนจดหมายลานายแม่ไว้   บอกว่าจะไม่กลับมาอีกตลอดชีวิต   มันหมายความว่ายังไงกันแน่คุณเพชร”   ดอนคาดคั้นเอากับคุณเพชรเพราะปักใจเชื่อว่าคุณเพชรจะต้องเป็นต้นเหตุของการจากไปโดยไม่ลาของลลิดาอย่างแน่นอน

    คุณเพชรก้าวไปดึงจดหมายจากมือของดอนมาอ่านอย่างรวดเร็วแล้วส่งต่อให้ปรานต์   หน้าผู้นำสาวเคร่งเครียดระคนหนักอึ้งในจิต  

    ปรานต์อ่านแล้วก็ถอนใจอย่างกังวล

    “ลิลลี่คงโกรธที่ฉันจะแต่งงานกับปรานต์    ก็เลย…”   คุณเพชรพูดไม่จบรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ

    “ทำไมลิลลี่จะต้องโกรธด้วย?”   ดอนถามเสียงดังจนเกือบเป็นตะคอก

    “ใจเย็น  ๆ  ดอน”  กุศะก้าวไปตบไหล่ปลอบเพื่อนใจร้อน

    มาถึงขั้นนี้แล้วคุณเพชรก็ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องปิดบังใคร  ๆ  อีกต่อไป  

    “คือ…ฉันเคยสัญญากับลิลลี่ไว้ว่าฉันจะไม่แต่งงานกับปรานต์   แต่ฉันก็รักษาสัญญาไว้ไม่ได้   เธอโกรธที่ฉันตระบัดสัตย์จนถึงกับประกาศตัดพี่ตัดน้องกับฉันเมื่อเช้านี้    ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าลิลลี่จะมาหนีไปแบบนี้”  

    “แล้วทำไมจะต้องไปสัญญากับลิลลี่แบบนั้นด้วย?”   กุศะถามกึ่งเอ็ดนึกเคืองว่าผู้นำสาวทำอะไรไม่เข้าท่า

    “ลิลลี่หวงฉัน     ไม่อยากให้ฉันแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือรักใครมากกว่าเธอ”    คุณเพชรตอบเสียงแห้งต้องหยุดกลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อว่า  “ลิลลี่ก็เลยมาขอสัญญาไม่ให้ฉันแต่งงาน  ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรจึงรับปากลิลลี่ไปอย่างนั้น”

    “บ้าที่สุด  !  มีเรื่องบ้า  ๆ  แบบนี้ได้ยังไง   แล้วทำไมถึงไม่บอกเรา”    ดอนฉุนเฉียว

    “เป็นความผิดของฉันเอง”   คุณเพชรยอมรับผิดทุกอย่าง  

    ปรานต์ยกแขนโอบไหล่คนรักกระชับมั่น   เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา…นัยน์ตาของเธอแดงก่ำ    ภายในกายอัดอวลไปด้วยความทุกข์ถาโถม    เธอกำลังเสียใจอย่างสุดห้วงจนนึกอยากจะร้องไห้แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาแสดงความอ่อนแอจึงได้แต่เก็บกดมันไว้อย่างยากลำบาก

    ดอนทั้งโกรธและเคืองให้คุณเพชรจนใจไม่ปรกติที่ทำอะไรแผลง  ๆ  จนเป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องร้าวฉาน   นึกอยากจะเอาเรื่องน้องสาวตัวดีแต่ยังไม่ทันพูดอะไร   นายแม่ก็ก้าวเข้ามาในห้องอย่างร้อนรนพร้อมกับมณีมาลาและสหเทพ

    “เพชร   มันเกิดอะไรขึ้นลูก   ลิลลี่ไปไหน?”   แพรวรุ่งถามทันทีที่เห็นหน้าลูกสาวซึ่งยืนสลดอยู่ข้างบุตรของปารัช

    คุณเพชรสูดลมหายใจเข้าปอดแรง   หยุดความรู้สึกทั้งมวลที่ทำให้เธอไม่มั่นคงอยู่ในเวลานี้   เดินไปจับมือมารดาพูดปลอบใจท่านว่า

    “แม่ใจเย็น  ๆ  ก่อนนะคะ   เดี๋ยวเพชรจะเล่าให้ฟัง”  

    แต่ดอนเสียงดังขึ้นอย่างใจร้อนว่า

    “ผมจะไปตามลิลลี่”  

    “นายรู้หรือว่าลิลลี่ไปไหน?”   กุศะถามคู่หู

    “ไม่รู้   แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉย   ๆ”    ดอนประชดใครบางคน

    “ใจเย็น  ๆ  ก่อนเถอะดอน     ฉันรู้ว่าลิลลี่จะไปไหน    นายได้ไปตามลิลลี่แน่   แต่ตอนนี้ฉันอยากให้ทุกคนฟังเรื่องราวจากฉันก่อน”   คุณเพชรปรามพี่ชายอารมณ์ร้อนอยู่ในที

    แม้ในยามคับขันเช่นนี้คุณเพชรก็ยังคงเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี     ใช่ว่าใจเธอจะไม่รู้สึก   ใครจะรู้บ้างว่าตอนนี้เธอใจร้อนยิ่งกว่าดอนเสียอีก   แต่จะวู่วามไปก็ไม่มีประโยชน์

    ดอนฮึดฮัดขัดใจแต่ก็ยังเชื่อฟัง    เพราะคุณเพชรเพียงคนเดียวที่จะบอกได้ว่าเขาจะไปตามหาลลิดาได้ที่ไหน

    คุณเพชรประครองมารดาพาไปนั่งที่เก้าอี้    แล้วเธอก็นั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้ามารดาก้มหน้าพูดเหมือนกำลังสารภาพบาปด้วยความสำนึกผิดและเสียใจอย่างใหญ่หลวง

    “เพชรผิดเองค่ะแม่    เพชรไปสัญญากับลิลลี่ไว้ว่าเพชรจะไม่แต่งงานกับปรานต์    แต่เพชรก็รักษาสัญญาไว้ไม่ได้    ลิลลี่มาทวงสัญญาจากเพชรเมื่อเช้าแต่เพชรกลับทำร้ายจิตใจของน้องด้วยการขอถอนคำสาบาน   ลิลลี่โกรธเพชรมากจนถึงกับประกาศตัดความสัมพันธ์    แต่เพชรก็นึกไม่ถึงว่าน้องจะจากไปเร็วแบบนี้    คิดเอาไว้ว่าถ้าเธออารมณ์เย็นลงเพชรก็จะไปปรับความเข้าใจกับเธออีกครั้ง”

    “แล้วมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงเพชร   ทำไมลูกจะต้องไปสัญญาแบบนั้นกับลิลลี่ด้วย”   แพรวรุ่งรู้สึกสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก

    “แม่ขา    เราสี่คนพี่น้องถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน    แต่เราก็รักและผูกพันกันมาก   มากเสียจนเรายอมตายแทนกันได้…ลิลลี่รักและภักดีกับเพชรจนหมดหัวใจ  มันมากเกินกว่าที่น้องสาวคนหนึ่งจะรักและหวงแหนพี่สาวร่วมสาบาน   ความผูกพันบวกกับความรักและความศรัทธาทำให้ลิลลี่ไม่อาจทนเห็นเพชรปันใจให้คนอื่นได้    เธอจึงคิดจะเหนี่ยวรั้งเพชรไว้   แต่พี่สาวคนนี้ก็เลวเสียยิ่งกว่าสัตว์    เห็นแก่ตัวจนยอมแม้กระทั่งทำร้ายจิตใจของน้องสาวได้อย่างเลือดเย็น   เพชรมันไม่ใช่คนค่ะแม่   เพชรไม่ควรได้รับการอภัย…”

    “พอแล้วเพชร   อย่าด่าตัวเองอีกเลย”   ปรานต์ทนเห็นคนรักลงโทษตัวเองอีกต่อไปไม่ไหว      เขาก้าวไปคุกเข่าลงข้างหลังคนรักยกแขนกอดเธอไว้จากด้านหลังในขณะที่คุณเพชรนั่งก้มหน้า   เขาพูดกับผู้อาวุโสว่า  “ถ้าจะมีคนผิดก็ผิดที่ผมคนเดียวครับแม่   อย่าไปโทษเพชรเลย   ถ้าผมไม่ก้าวเข้ามาวุ่นวายแต่แรกก็คงจะไม่มีใครเดือดร้อน   ถ้าใครอยากจะลงโทษก็โปรดมาลงโทษที่ผมเพียงคนเดียวเพชรไม่เกี่ยวอะไรด้วย”

    ทุกคนในที่นั้นต่างพูดอะไรไม่ออกไปตาม  ๆ  กัน   ในที่สุดผู้อาวุโสของบ้านก็กลับสั่งการด้วยเสียงเฉียบขาด    เปี่ยมไปด้วยพลังของผู้นำที่เข้มแข็งชนิดที่ใครต่างก็ไม่เคยเห็นและคิดว่าเธอจะทำได้มาก่อน


    จากคุณ : นวจันทร์ - [ 28 ก.พ. 47 13:43:22 A:203.113.50.141 X: ]