 |
ดาวประดับราตรี: บทกวีของพี่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว
เคยมั้ยคะ
เวลาที่คนที่คุณเคยรู้จักในอดีต ได้โคจรกลับมาพบกันอีก แล้วคุณรู้สึกว่า โลกนี้ช่างกลมจริง ฉันเองเป็นบ่อยๆ โดยเฉพาะตอนนี้...ตอนที่มีหนังสือบทกวี ดาวประดับราตรี ของพี่ประยอมอยู่ในมือ
ตอนสมัยฉันเรียนมัธยม และเป็นเด็กวิทย์ ที่เข้ามาพิชิตรางวัลขีดเขียนในเวทีประเทศ มักจะมีอาจารย์ประยอม ซองทอง เป็นหนึ่งในคณะกรรมการเสมอๆ ตอนนั้น จำได้ว่า รู้สึกปลาบปลื้มน่าดู เพราะได้รู้จักกับคนที่เขียน ธารทอง ในหนังสือแบบเรียน ไม่ว่าจะได้รางวัลอะไร คำแนะนำของกรรมการที่ชื่อประยอม ก็เป็นประโยชน์เสมอ และแน่นอนว่า ในวันที่มีพิธีรับรางวัล ทั้งผู้ประกวด และ กรรมการ ก็จะได้เข้าเฝ้าฯ เหมือนกัน และได้เจอกันอีกรอบ
เป็นแบบนี้ นับครั้งไม่ถ้วน
ที่จุฬาฯ ฉันได้มีโอกาสเจอะเจอพี่ประยอมอีกบ้าง ทั้งในงานประกวด (อีกแล้ว), งานของชมรมต่างๆ และที่จำได้ชัดเจน ก็คือภาพที่พี่เก่า (อย่างพี่ประยอม) กับน้องปัจจุบัน (อย่างฉัน) ร่วมโต้สักวาด้วยกันที่เรือนไทยจุฬาฯ สนุกมากๆ ชัดเจน เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน
วันหนึ่ง ที่ตึกออฟฟิศแถวรัชดา ฉันได้เจอพี่ประยอมอีกครั้ง ทักทายเฮฮาตามประสาพี่น้อง แล้วอีกไม่กี่วัน พี่ประยอมก็ส่งหนังสือ ดาวประดับราตรี มาให้น้องได้อ่านเล่น และมีข้อความกำกับว่า และถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์ก็ยินดี
วันนี้ ฉันอ่านดาวทุกดวง ในหนังสือดาวประดับราตรี บทกวีสไตล์พี่ประยอม บอกเล่าเรื่องราวที่หลากหลาย เด่นชัดเหนืออื่นใด คือ เราได้เห็นการเดินทางของความคิด ที่สอดรับกับประสบการณ์การเดินทางของชีวิต วัยเปลี่ยน ความคิดย่อมมีพัฒนาการ นั่นหละ สัจธรรม
บทกวีทั้งเล่ม แบ่งเป็น 5 ภาค ได้แก่ จินตนาการ, ปณิธาน, สุดสงวน, ลำนำแห่งอดีต, ชีวทัศน์ และ อุดมทัศน์ หลากเนื้อหา ผสมผสานเพื่อสะท้อนภาพที่เป็นหนึ่งเดียวของตัวคนเขียน ความถือเคร่งในฉันทลักษณ์กลอนสุภาพแบบสุนทรูภู่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ตกแต่งด้วยถ้อยภาษาอันวิจิตรปราณีตเน้น บ่งบอกความเป็น นักภาษา และ นายของภาษา ได้อย่างอหังการ เหมือนคำนำตอนหนึ่งที่พี่ประยอมเขียนไว้
แม้ว่ากลอนของข้าพเจ้าอาจไม่คมคายหรือเป็นที่นิยมมากเท่าเพื่อนๆ และน้องๆ ยุคใหม่
แต่ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่า ดาวทุกดวงต่างก็มีแววอหังการในตัวเอง
อย่างไรก็ดี บทกวีที่ใช้คำค่อนข้างประดิษฐ์ในแนวของพี่ประยอม อันเกิดจากอิทธิพลของวรรณคดี (โทนราชสำนัก) อาจจะไม่อินเทรนด์นัก สำหรับเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เอร็ดอร่อยกับภาษาง่ายๆ ออกแนวภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน แนวใครก็แนวใคร ไม่ว่ากัน สำหรับโลกของวรรณศิลป์ คนเราอาจชอบรส และสไตล์ของศิลปะที่แตกต่างกัน ก็เลือกบริโภคได้ตามอัธยาศัย
ลำนำคำร้อยแก้วแบบอิสระมีให้เห็นบ้างพอเบาๆ เพื่อกลั้วให้รสร้อยกรองไม่โดดจนเกินไป เปิดอ่านแบบสบายอกสบายใจ หนังสือเล่มนี้ มีบทกวีหลายๆ วรรค ที่อ่านแล้วคล้องจอง คล้องใจ ไม่เบา โดยเฉพาะการสะท้อนความคิดต่อชีวิตและภาพจริงในสังคม ณ ช่วงหนึ่งๆ อย่างงานชิ้น ประชาธิปไตย ที่ยังคงใช้ได้กับทุกสมัย
เสมอ ในความฝันอันนานที่ฝันถึง เราไขว่คว้า-ยื้อ-ดึง ถึงล้มคว่ำ ล้มและลุก-จุก-เจ็บ เกินเหน็บจำ ถูกเหยียบ-ย่ำ-เหยียด-กด-เกินอดทน
เขาและฉันต่างเห็นเธอเป็นรุ้ง ที่พวยพุ่งโพลงพลังเรืองหลังฝน ฉานแสงฉาย ศักดิ์ศรี ที่เป็นคน ภราดรภาพ อาบกมล หมายปรนเปรอ
เกินกว่าคาดเธออาจมาช้าไปบ้าง แม้เคว้งคว้างยังทำใจได้เสมอ หวังจักเป็นจริงได้
ใช่ละเมอ ฉันรักเธอนะ
ประชาธิปไตย
หรืออย่างบทกวี กว่าโลกร้อง ก็ค่อนข้างเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว แตกต่างจากงานส่วนใหญ่ที่ออกแนวหวาน
คนอย่างฉัน แม้โลกหันหลังให้ไม่ไหม้หมอง ทุกข์กลบทิศก็คิดฝ่า เชิดหน้ามอง กว่าโลกร้อง
อ๋อ
มันสู้อย่างผู้ชาย!
ชิ้น อยู่ไปไย
ถ้า
ก็เช่นกัน ที่มี บทจบ ที่ค่อนข้าง โดน ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกส่วนหนึ่งของงานพี่ประยอม
มีหูตารู้เห็นเป็นประจักษ์ มีปากทักสมองผูกใดถูกผิด เขาเฆี่ยนขวับทับถมจนจมมิด
จะอยู่ไยไร้ความคิดสิทธิ์เสรี!?
นอกจากนี้ ความผูกพันกับภาพในอดีต ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้บทกวีหลายๆ วรรค เกิดขึ้นอย่างมีสุนทรียะ และ อารมณ์
คนวัยหนึ่ง คิดถึงบ้านที่จากมา แต่เมื่อกลับไป กลับได้ความรู้สึกสะเทือนใจมาแทนที่ ชัดเจนมากๆ จากบทกวีชื่อ เส้นทางสายเก่า
กลับมาบ้านวันนี้มีคำถาม ควรถึงยามจะกลับมาหรือหาไม่ บ้าน นี้หรือ คือบ้านเรา เขา หรือใคร แล้วทำไมไม่อบอุ่นกรุ่นด้วยรัก
ถ้อยที่ว่า Theres no place like home คงเก่าโทรมสิ้นไปไร้น้ำหนัก หรือว่าเราหนีจากบ้านไปนานนัก นี่เราจักแบกหน้ามาหาใคร
ไม่มีแม่ ไม่มีพ่อ ไม่มีพี่ หลานมากมีจนจำหน้าชื่อหาไม่ โอ้เวลาเลยผ่านนานเกินไป ภาพใหม่ใหม่เหล่านี้
มิใช่เรา!!
ต่อเนื่องถึง ความฝันเด็กบ้านป่า
อยากจะเดินกลับไปในวันเก่า สู่วัยเขลาเคล้าความฝันเด็กบ้านป่า มิใช่แดดแผดระยิบไกลลิบตา ไร้ผักหญ้า
กลางนาแห้ง
แล้งฝนโปรย
และ ชิ้น ริมถนนแห่งน้ำใจ
สามสิบปีเด็กบ้านนากลับมาบ้าน ใต้ต้นจานริมถนนบนวิถี ไม่มีโอ่งน้ำใจคอยไยดี และไม่มีลุงป้าผู้น่ารัก!
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพความสุขและงดงามในอดีตไม่อาจหวนคืน ภาพเหล่านั้น ก็คือแรงบันดาลใจทำให้ชีวิตมีปัจจุบันอันภาคภูมิ บทกวี ดินสอ บอกเช่นนั้น
นี่คือมูลมังของแม่ ปรับแก้ลูกนี้มีความหมาย พลิกชีพจากเด็กเลี้ยงควาย กลายเป็นสมาชิกวุฒิสภา
ยังมีอะไรอีกมากมาย ในหนังสือเล่มเล็กๆ ความยาวไม่ถึงร้อยหน้านี้ (เท่าที่ทราบ พี่ประยอมไม่ได้ออกหนังสือรวมกลอนมา 15 ปีเต็มๆ ฉะนั้น งานนี้จึงรวมงานเขียนไว้ครบทุกรสจริงๆ) เรื่องประเทศ เรื่องสังคม การเมือง ครอบครัว พ่อ แม่ เด็ก ครู ช้าง ฯลฯ วาไรตี้เป็นที่สุด
ต้นตำหรับบทกวีหวาน ที่ชูหวัง ฉะนั้น ขอส่งท้ายด้วยบทกวีแห่งความหวัง ความหมายดีๆ จากหนังสือเล่มนี้ก็แล้วกัน
เพลงทิพย์ จุ่งขวัญจิบทิพย์สวรรค์อย่าขวัญหาย โลกจักมีสีสันเพริศพรรณราย รายรอบกาย
ถ้ารู้จักเลือก-รักเป็น
ท้องฟ้าผืนกว้าง ที่ประกอบไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง แต่ดาวประดับราตรีที่เกิดจากการเพาะบ่มร้อนหนาวดวงนี้ ยังส่องสว่าง เป็นแบบอย่างบนเส้นทางการเรียนรู้ของคนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี หากแต่การเรียนรู แล้วจะรับ หรือปรับแต่ง แตกต่างอย่างไร นั่นก็แล้วแต่วิสัยแห่งดาว
จากคุณ :
จันทร์เพ็ญ จันทนา
- [
22 ก.พ. 48 11:00:48
]
|
|
|
|
|