CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    [ควันหลงสงกรานต์] กล่องใบนั้นกับความหลัง

    "กี้ กล่องนี้เอาไปด้วยไหมลูก" เสียงแม่ถามขึ้น ทำให้ฉันเงยหน้าจากการยัดสัมภารกของฉันลงไปในกระเป๋าใบใหญ่


    "เดี๋ยวกี้ดูก่อนค่ะ" ฉันตอบเสียงใส แล้วพยายามรูดซิบประเป๋าให้เรียบร้อย ก่อนเดินไปที่กล่องใบนั้น และทันทีที่เปิดกล่องออก ความทรงจำเก่าๆ ก็ไหลวนเข้ามา


    ....
    ............
    ...................
    ........................
    ...............................


    เดือนเมษาปีนั้นก็เหมือนกับทุกปีที่มีการคาดหมายว่าจะร้อนที่สุดในรอบ 10 ปี แต่สำหรับฉัน มันก็ร้อนทุกปีเหมือนกัน ก็เหมือนกับฉันที่มาบ้านยายเหมือนเดิมทุกปี ฉันทำอย่างนี้มา 7 - 8 ปีแล้ว พอฉันโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องลำบากยายมาดูแลฉัน พ่อกับแม่ก็ส่งฉันมาอยู่บ้านยายเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งเป็นเวลาที่ฉันชอบที่สุดในรอบปีทีเดียว


    บ้านยายอยู่ในชนบทออกห่างออกไปจากตัวเมือง มีรถสองแถวขนาดใหญ่วิ่งผ่าน 3 ชั่วโมงต่อคัน แต่ที่น่าสนใจก็คือ หน้าบ้านยายมีคลองเล็กๆ น้ำใสๆ ไหลผ่าน พอร้อนๆ เบื่อๆ ก็กระโจนลงไปเล่นน้ำให้เย็นฉ่ำ โดยไม่มีการกลัวดำ งมหอยมาให้ยายแกง ตกปลามาให้ยายทอด พายเรือเก็บสายบัว หรือว่าจะวิ่งวนไปรอบๆ หมู่บ้านก็เป็นความเพลิดเพลินที่หาไม่ได้ในเมือง


    แน่นอนว่ามีเด็กในหมู่บ้านอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันอยู่มาก แต่ก็มีตัวดำเขื่องๆ จะหาขาวจั๊วแบบเด็กชาวกรุงนั้นหาไม่ได้สักคน และเขาก็เป็นหนึ่งเป็นเด็กที่ผิวสีแทน


    "ยายทองๆ แม่ให้เอาแกงมาให้" เสียงเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยพูดขึ้น ทำให้ฉันโผล่หน้ามาดูด้วยความดีใจ


    "พี่แทน" ฉันยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ไม่ให้ฉันอารมณ์ดีได้ยังไง ก็ยายบอกว่าแก๊งเก่าของฉันที่เคยอยู่ที่นี่ไปเรียนกรุงเทพกันหมดแล้ว หรือไม่ก็แต่งงานแต่งการไม่ว่างมาเล่นกับฉัน ไม่เหมือนกับพี่แทนที่ยังเรียนที่นี่ แล้วก็โสดสนิท


    "นึกว่าปีนี้จะมาเฉพาะช่วงสงกรานต์เสียอีก" เขายิ้มให้ฉัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นยิ้มของความหนักใจ หรือว่าเป็นยิ้มของความดีใจกันแน่


    "เออ ไอ้แทน เอ็งพาน้องไปเที่ยวหน่อยสิ เห็นว่าอยากไปเดินรอบหมู่บ้านนี่"


    "งั้นขี่จักรยานไปแล้วกันขี้เกียจเดิน" เขาเสนอ เพราะเขารู้ว่าฉันไม่ชอบรถมอเตอร์ไซด์ แหม ฉันเบื่อพวกเรื่องยนต์เต็มแก่แล้วนี่นา ขอบ้างเถอะ ไอ้พวกไร้มลพิษเนี่ย "แล้วขี่เป็นหรือยัง" ฉันส่ายหัวดิก ทำให้เขาต้องส่ายหัวตาม แต่ของเขาเป็นด้วยความระอาใจ เขามักจะบอกฉันบ่อยๆ ว่า ทำไมเด็กกรุงเทพถึงทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง และบทสรุปสุดท้ายเขาก็ต้องเป็นคนขี่ให้ฉันซ้อน


    ปีนี้ฉันรู้สึกว่าเขาเงียบขรึมขึ้นมาก ฉันยังจำตอนเด็กๆ ที่เขากับฉันเอาไม้มาฟันกันเพื่อเล่นหนังจีนได้เลย ตอนนั้นเขาขี้เล่น และสนุกสนานกว่านี้เยอะ กาลเวลาช่างเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง รวมทั้งคนด้วย



    .................................
    .....................
    .............
    .......
    ..

    "กี้ตกลงว่าไงลูก เอาไปไหม" แม่ถามฉันขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นฉันนั่งมองของในกล่องนิ่ง


    "เดี๋ยวกี้จัดการเองค่ะ แม่ไปทำกับข้าวเถอะ" จังหวะที่แม่กำลังลุกขึ้นไปนั่นเอง ฉันก็ตัดสินใจพูดออกไป "เอ่อ....แม่คะ กี้อยากไปบ้านยาย ได้ไหมคะ"





    บ้านยายตอนนี้ถูกทิ้งร้างให้มีแต่ฝุ่น เป็นสัญลักษณ์ให้เห็นว่าไม่มีใครอยู่มานาน ฉันเปิดประตูไม้ที่ร้างราการใช้งานมานาน บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นชื่อของฉัน เพราะก่อนยายตายยายแกบอกยกบ้านหลังนี้ให้ฉัน เพราะเป็นลูกหลานเพียงคนเดียวที่ทำท่าติดใจอยากจะอยู่บ้านหลังนี้เป็นที่สุด ฉันเคยถึงขนาดร้องไห้ดิ้นๆ ไม่อยากจะกลับบ้านที่กรุงเทพ เพราะอยากจะอยู่ต่อ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่แทน เพื่อนเล่นวัยเด็กของฉัน


    ฉันวางกระเป๋า และเปิดผ้าที่คลุมเครื่องเรือนออก อย่างที่แม่บอกจริงๆ ถ้าคิดจะมาค้างคงต้องทำความสะอาดยกใหญ่ ฉันเดินวนในบ้านที่อบอวลไปด้วยความทรงจำต่างๆ ฉันลูบไล้ไปตามเครื่องเรือนต่างๆ เพื่อให้มันซึมซับอยู่ทุกอณูของจิตใจ ก่อนที่จะลาจากมันไปไกล


    สภาพบ้านตอนนี้ไม่ต่างกับตอนที่ฉันเด็กๆ เลยสักนิด ทุกอย่างยังถูกจัดวางเอาไว้ที่เดิม เหมือนกับตอนที่ยายยังอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน


    "ขอโทษครับ" ระหว่างที่ฉันกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองนั้นก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในบ้าน ฉันมองเขาด้วยสีหน้าเหรอหรา



    .......
    ............
    ..................
    ........................
    ...............................



    หน้าของฉันตอนนี้คงตลกสุดๆ เลยมั้ง ก็ตั้งแต่เดินออกจากวัด โดนปะแป้งไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เซ็งจริงๆ แล้วเวลาที่ปะแป้งแต่ละทีใช่ว่าจะน้อยๆ มีเท่าไหร่ก็โปะไปเท่านั้น เซ็งชีวิต ชีช้ำจริงๆ ส่วนยายก็ได้แต่หัวเราะเอิ้กอ้าก ก็ใช่สิ กับยายใครเขาจะไปสาด ก็มีแต่เดินมารดน้ำดำหัวขอพร


    "แหมยายทอง หลานมาเยี่ยมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ" เสียงป้าสายแซวขึ้นระหว่างทางกลับวัด ทำให้ย่ายิ่งหัวเราะชอบใจใหญ่ กว่าจะกลับถึงบ้าน ฉันก็เปียกปอนไปทั้งตัว อาบน้ำให้ไม่พอแถมปะแป้งให้อีกต่างหาก


    ฉันขึ้นไปอาบน้ำ โดยคิดว่าจะไม่ยอมออกไปไหนแล้ววันนี้ ก็เปียกมาจนพอแล้วนี่นา ตอนสายๆ น้าไข่ก็เดินมาหายายที่บ้าน น้าไข่เป็นน้องสาวของแม่ฉันเอง หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็เป็นลูกอีกคนนึงของยายนั่นแหละ แกแต่งงานกับหนุ่มข้างบ้าน แม่ก็เลยวางใจระดับหนึ่งว่ายายมีคนดูแล แม่เคยพายายไปอยู่กรุงเทพครั้งนึง อยู่ได้ไม่ถึง 3 วันยายก็เผ่นแน่บกลับบ้าน ยายคงเบื่อ ก็สำหรับยายแล้ว เมืองกรุงไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจสักนิดเดียว


    ฉันมานั่งร้อยดอกไม้ให้ยายได้สักพักพี่แทนก็โผล่หน้ามา ตัวงี้เปียกโชกเชียว หน้าตาก็ดูไม่ได้พอๆ กับฉันเมื่อเช้าเลย ฉันถึงกับต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะขืนปล่อยก๊ากออกไปต้องโดนดีแน่ๆ เพราะพี่แกถือขันน้ำมาด้วย


    "ยายทองฉันมาดำหัว" เขายิ้มแฉล้มบอกยาย ทำให้ฉันโล่งอกไประดับนึง อย่างน้อยก็ไม่ได้มาแกล้งฉัน


    "พ่วงด้วยๆ" เขากระโดดลงไปนั่งกับพี่แทนทันที แหม จะพลาดได้ยังไง ของไม่ต้องลงทุนอย่างนี้


    "โหกี้ เอาอย่างนี้เลยน้า เดี๋ยวพี่ต้องไปอีกหลายบ้านนะ" พี่แทนพูด แต่ฉันไม่ใส่ใจหรอก


    "ไม่สน" เขาลอยหน้าลอยตาพูด ยายก็หัวเราะชอบใจ


    จากนั้นยายฉันกับพี่แทนก็รดน้ำดำหัวยายจากนั้นยายก็อวยพรให้เราทั้งสอง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคู่บ่าวสาวเลย แต่คำอวยพรของยายนี่สิมีแต่เรื่องเรียน


    "โห.....กี้ พวงมาลัยก็มาเอี่ยวด้วยเหรอเนี่ย" พี่แทนพูดพลางผลักหัวฉันเบาๆ แต่ฉันไม่สนใจ ก็บอกแล้วว่าขอพ่วงๆ


    "กี้มันไม่เคยลงทุนอะไรหรอกแทน เหมือนแม่มัน งก" ยายพูดว่าฉันยิ้มๆ


    "โธ่ ยาย กี้ไม่ได้งกสักหน่อย" ฉันพูดงอนๆ ทำให้ยายหัวเราะร่วนได้อีกครั้ง


    "อ้าวแล้วนี่ไม่ไปเที่ยวที่ไหนเหรอแทน" ยายถามอย่างรู้ทัน


    "บ่ายๆ ไปครับ ไปเล่นในเมืองกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน" พี่แทนตอบเสียงใส ฉันทำหน้าสนใจขึ้นมาทันที เมื่อสนใจแล้วก็ต้องสะกิด ตอนนี้ฉันพับแผนนอนตลอดบ่ายเอาไปเรียบร้อยแล้ว ก็ในเมืองน่ะ ได้ไปบ่อยเสียที่ไหน


    "จะไปด้วยล่ะสิ อย่าเลยไปก็ไม่สนุกหรอก มีแต่เพื่อนพี่ทั้งนั้น แล้วพี่คงไม่มีเวลามาดูแล[b]เด็ก[/b]" โห ดูถูกกันมากมาย ฉันไม่ใช่เด็กที่ใครจะต้องดูแลเสียหน่อย อายุมากกว่า 2- 3 ปีทำมาเป็นใหญ่โต


    "กี้โตแล้ว ไม่ต้องให้ใครดูแล แค่ขอติดรถไปในเมืองแค่นี้เอง เดี๋ยวนั่งรถกลับมาเอง" คราวนี้ฉันงอนจริง ไม่ได้แกล้งงอนเหมือนที่ผ่านๆ มา


    "เหลวไหลกี้ จะทำอย่างนั้นได้ยังไง" ยายพูดเสียงดุ แต่ตอนนั้นฉันไม่สนขี้ร้าข้าอีเรือแล้ว


    "กี้ไม่ใช่เด็กแล้วนะยาย ตอนอยู่กรุงเทพกี้ก็ไปไหนมาไหนคนเดียวออกจะบ่อย" ฉันเถียงคอเป็นเอ็น เมืองกรุงที่เขาว่าอันตรายฉันยังตะลอนไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำแล้วเลย นับประสาอะไรกับเมืองที่ดูสงบสุขเช่นนั้น


    "เฮ้อ หลานคนนี้ ถ้าไม่ให้ไปก็คงจะแอบไปใช่ไหม แทนฝากน้องหน่อยได้ไหมล่ะ"


    "ครับ" เขารับปากอย่างเสียไม่ได้ เชอะ ไม่อยากให้ไปเพราะกลัวจะจีบสาวไม่ได้นะสิ น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด



    ..........มีต่อ.......

    จากคุณ : mrs_ricken - [ 19 เม.ย. 48 18:03:16 A:61.91.125.209 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป