ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง (๒๕)
กลางไพร
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ เมื่อคราวที่แล้ว กระผมได้เล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟังไว้ว่า ขุนแผนได้ เชิด นางวันทองออกจากบ้านขุนช้างได้อย่างลอยนวล แต่จริง ๆ แล้ว เขาก็ยังมีอาลัยอาวรณ์กันอยู่เหมือนกัน
เช่นตอนที่ผ่านต้นไม้ต้นไร่ในบ้านขุนช้าง ที่คุณครูเพลงไทยท่านนำมาบรรจุไว้ในเพลง แขกลพบุรี อันลือชื่ออย่างไรเล่าขอรับ
ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว
ทั้งเกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี
จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี
จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ
ที่มีกลิ่นก็จะคลายหายหอม
จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกลิ่นตรลบ
ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ
จะเหี่ยวแห้งเซาซบสลบไป
ต้นน้อยน้อยลูกย้อยระย้าดี
ตั้งแต่นี้จะไปชมต้นไม้ใหญ่
จะทิ้งเรือนไปร้างอยู่กลางไพร
ยุงร่านริ้นไรจะตอมกาย
รากไม้จะต่างหมอนนอนอนาถ
ดาวดาดจะต่างไต้น่าใจหาย
ลงบันไดใจเจียนจะขาดตาย
น้ำตาตกกระจายพรั่งพรายลง ฯ
หรือเพลงที่สำคัญยิ่งอีกเพลงหนึ่งคือเพลง เชิดจีน ของคุณครู
พระประดิษฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกูร) ที่ว่า
ว่าพลางทางจูงสีหมอกม้า
เบาะอานพานหน้าดูงามสม
ดังจะปลิวลิ่วลอยไปตามลม
อย่าปรารมภ์เลยนะเจ้ามาขี่ม้า
ปลอบพลางทางกอดกระซิบบอก
ม้าสีหมอกตัวนี้มีสง่า
เนื้ออ่อนงอนง้อขอษมา
อย่าให้สีหมอกม้ากระเดื่องใจ
วันทองสองมือประนมมั่น
พรั่นพรั่นกลัวม้าไม่เข้าใกล้
พี่สีหมอกของน้องอย่าจองภัย
จะขอขี่พี่ไปทั้งผัวเมีย
ขุนแผนพานางมาใกล้ม้า
ลูบหลังอาชาให้เชื่องเสีย
หยิบมือลูบม้าว่าปลอบเมีย
ม้าเลียมือหวีดประหวั่นกลัว ฯ
และขออนุญาตบันทึกเพลง แขกบรเทศ (เถา) ต่ออีกสักเพลงหนึ่งเถิดขอรับ
อย่าเพิ่งเบื่อกันเลย ดนตรีไทยเรานี้มีคุณค่าออกจะเหลือประมาณได้
นี่อะไรตกใจไปเปล่าเปล่า
นิจจาเจ้าช่างไม่เชื่อน้ำใจผัว
โดดขึ้นหลังม้าเถิดอย่ากลัว
ประคองตัววันทองย่องเหยียบโกลน
นางหวั่นหวั่นครั่นคร้ามไม่ขึ้นได้
ขุนแผนกดสีหมอกไว้มิให้โผน
ม้าดีฝีเท้าไม่ก้าวโจน
นางกลัวตัวโอนเข้าแนบชิด
สองมือกอดผัวให้ตัวแน่น
ขุนแผนยิ้มหยอกศอกสะกิด
เบือนหน้าว่าเจ้าเข้ามาให้ชิด
ขอจูบนิดหนึ่งแล้วจะรีบไป ฯ
ความในช่วงนี้นั้นถ้าจำไม่ผิด กระผมรู้สึกว่าจะเคยอ่านในหนังสือ หรือนิตยสารฉบับหนึ่งว่า มีคณะนักปราชญ์คณะหนึ่งท่านเคยถกเถียงกัน (เล่น ๆ)ว่าที่ขุนแผนขี่ม้าตัวเดียวกันกับนางวันทองนั้น นางวันทอง นั่งข้างหน้า หรือ นั่งข้างหลังขุนแผนกันแน่...?
เออ...? ก็เป็นข้อสังเกตที่น่าคิดอยู่เหมือนกันนะขอรับ แต่กระผมดูเหมือนว่าคณะนักปราชญ์คณะนั้นท่านจะไม่มีข้อสรุป ฉะนั้น กระผมจึงขออนุญาตยกคำตอบลอยตัวไว้ให้พ่อแม่พี่น้องไปคิดดูเล่นสนุก ๆ กันเองก็แล้วกันนะขอรับ
ก็ขี่ม้าผ่าน วัดตะลุ่มโปง พ้นสุพรรณไปได้ จนถึงลำน้ำบ้านพลับก็ได้จ้าง มะถ่อ ธะบม มอญเรือจ้างด้วยราคาที่แพงมากคือแหวนประดับก้อยของขุนแผนเอง แต่ก็ยังอุตส่าห์หลอกมอญว่ามีพระราชโองการให้ไปหาข่าวโขลงช้างเสียอีกแน่ะ
ตกลงว่าก็ข้ามน้ำกันไปได้ โดยต้องยอมให้พี่สีหมอกม้าว่ายน้ำแต่ผ่านไปได้ด้วยดี พอถึงฝั่งก็ใส่อานผูกบังเหียนให้อย่างเดิม แล้วก็ขับขี่กันต่อมาจนถึง บ้านกล้วยยุ้งทะลาย
พ่อขุนแผนก็เกิดนึกห่ามอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบชักม้าเข้าหาต้นไม้แล้วก็ถากไม้จารึกข้อความท้าทายอันดุเด็ดเผ็ดมันไว้เสียอีก
เอาดาบถากต้นไม้ถ่านไฟเขียน
อ้ายหัวเลี่ยนตามมาจะฉิบหาย
ให้มันซ้อนกันมาตาขี่ยาย
กูจะป่ายลงให้ใจริกริก
ไม่ครือดาบห้ำหั่นจะฟันฟาด
ฉะฉาดขาดสิ้นลงดิ้นดิก
จะผ่าอกยกกายหงายพลิก
จิกสับฟันซ้ำให้หนำใจ
ถึงจะเป็นความกันก็ไม่กลัว
เมื่อตัวมันตายแล้วทำไม่ได้
ฟันเล่นเป็นไรก็เป็นไป
ปู่ย่าอยู่ที่ไหนไปขุดมา
อ้ายพี่น้องชายทรามทั้งสามคน
ผีขอดตลอดกำด้นอ้ายชาติข้า
แสนขลาด ราทยา ศรพระยา
พี่จะฆ่าคนเดียวเจ้าคอยดู ฯ
จากคำท้าทายของขุนแผนนี้ทำให้เราได้รับความรู้ใหม่อย่างหนึ่งก็คือ ขุนช้างนั้นมีพี่น้องอยู่อีกสองคนคือ ราทยา และ ศรพระยา
พอถึง เขาพระ ก็ดึกดื่นมากแล้ว ก็มีการเกี้ยวกันตอนกลางคืนเป็นที่โรแมนติคยิ่งนัก
รื่นรื่นชื่นรสเสาวคนธ์
ปนกับกลิ่นแก้มเกษมสันต์
หอมกลิ่นบุปผาสารพัน
พระจันทร์ดั้นหมอกออกแดงดวง
ส่องต้องบุปผชาติสะอาดช่อ
อ่อนละออเกสรขจรร่วง
น่ารักโกสุมเป็นพุ่มพวง
โน้มหน่วงกิ่งเก็บให้วันทอง
ทัดหูชูชมภิรมย์จิต
ขอดมดอกไม้นิดอย่าปิดป้อง
พี่สูดแต่น้อยน้อยค่อยประคอง
ไฮ้อย่าต้องของฉันจะชอกช้ำ
พี่ต้องแต่เบาเบาดอกเจ้าพี่
พอยินดีหายระหวยเมื่อยามค่ำ
อันตัวพี่ไม่มีจะหยามทำ
นั่นช้ำเก่าเจ้าแกล้งพาโลกัน ฯ
และก็ยังมีสำนวนกลอนที่ไว้ฝีมืออีกสำนวนหนึ่งขอรับ
ฝูงลิงไต่กิ่งลางลิงไขว่
ลางลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง
ลางลิงชิงค่างขึ้นลางลิง
กาหลงลงกิ่งกาหลงลง
เพกากาเกาะทุกก้านกิ่ง
กรรณิกากาชิงกันชมหลง
มัดกากากวนล้วนกาดง
กาฝากกาลงทำรังกา
เสือมองย่องแอบต้นตาเสือ
ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า
อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา
สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน
เขาคุ่มกระลุมพูคูขันจ้อ
นกกระทาปักก้อในไพรสิณฑ์
คิริบูนบ่นบ้ากระพือบิน
ขมิ้นจับโมงหมายอยู่ชายไพร ฯ
แล้วก็ยังมีฉากน่ารัก ๆ อีกฉากหนึ่งขอรับ
มาถึงเนินผาท่าต้นไทร
น้ำเปี่ยมสระใสสะอาดหนัก
ที่ธารแก่งแรงไหลมาคักคัก
เป็นชะงักชะง่อนผาน่าสำราญ
บัวใสใบบังระบุดอก
เผยออกกลิ่นชวยห้วยละหาน
ต้นไม้สูงสะพรั่งบังริมธาร
ที่ดอกบานแล้วก็หล่นละอองลง
พระพายชายพัดมาเชยชื่น
หอมรื่นรอบในไพรระหง
จักจั่นสนั่นเสียงเสนาะดง
รับวันทองน้องลงจากหลังม้า
ปลดปล่อยสีหมอกให้กินน้ำ
ขัดสีเสกซ้ำแล้วสาดหน้า
ชักชวนวันทองน้องยา
ผลัดผ้าโผลงในท้องธาร
ว่ายกระทุ่มเที่ยวท่องในท้องน้ำ
ผุดดำปรีดิ์เปรมเกษมสานติ์
หัวระริกซิกซี้กันสำราญ
บัวบานเกสรอ่อนละออ ฯ
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
28 ก.ค. 48 16:07:29
]