CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อมาวสี...ปฐมภาคมณีมนตรา(37)

    37…

    อัสยุชตัดสินใจปัดดาบในมือออกไปสุดแรงเกิดพร้อมกับกลิ้งตัวหลบออกมาอย่างว่องไว แต่ยังมิทันจะได้ปะทะกับอัสเตยะต่อรามานนก็ก้าวเข้ามาขวางหน้าคนทั้งสองเสียก่อน

    “หรือเจ้าอยากจะช่วยมันอีกแรงข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ!” น้ำเสียงอัสเตยะไม่ยินดียินร้ายติดจะดีใจด้วยซ้ำหากรามานนคิดจะเข้าร่วมวงต่อสู้ด้วยอีกคน

    หากชายอาวุโสกว่ากลับยิ้มขำก่อนเอ่ยออกมาว่า

    “เจ้านี่ช่างกระหายในการต่อสู้ซะจริงนะ แต่ไม่ล่ะเพราะแค่เขาคนเดียวก็จัดการเจ้าได้อย่างสบาย ๆ อยู่แล้ว”

    บุตรแห่งราธาชักสีหน้ากับวาจานั้นก่อนจะกระชากเสียงถามออกมาดุดัน

    “แล้วไยเจ้าจึงเข้ามาขวางการต่อสู้ที่ยังไม่รู้ผลเช่นนี้เล่า?!”

    แม้คำถามของอัสเตยะจะตรงกับใจอัสยุชแต่เขาก็ยังคงเงียบอย่างรอดูท่าทีอยู่นั่นเอง

    สายตาของรามานนแลไปยังอัสยุชก่อนจะหันกลับมาที่อัสเตยะอีกครั้งแล้วกล่าวว่า

    “ข้าเพียงแต่เห็นว่าออกจะไม่ยุติธรรมที่เจ้ามีอาวุธส่วนเขากลับใช้อาวุธของตนที่มีอยู่ไม่ได้”

    คนสนิทแห่งท้าวติสสะก้าวเข้าไปใกล้อัสยุช และกล่าวสืบไปว่า

    “ข้าก็เลยอยากจะให้เจ้าใช้ดาบของเจ้าบ้างน่ะสิอัสยุช”

    คิ้วเข้มของอัสยุชขมวดมุ่นกับวาจาของอีกฝ่าย... ดาบของเขาเช่นนั้นรึ... แต่มันถูก...

    “หมายความว่าอย่างใด?” ถามตามสงสัยทันทีขณะยังหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้าเล็กน้อยซึ่งไม่ต่างจากอัสเตยะนักเพียงแต่อีกฝ่ายยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าเขามากนัก

    แทนคำตอบรามานนกลับยกมือขวาขึ้นมาระดับอกไม่ถึงอึดใจด้วยซ้ำก็ปรากฏบางสิ่งซึ่งเล็กเท่านิ้วมือขึ้นเหนืออุ้งมือหนานั้น สิ่งนั้นมันก็หมุนคว้างเหนืออุ้งมือเขาก่อนที่คนสนิทในท้าวติสสะจะขว้างมันไปที่อัสยุชพลางตะโกนบอกอย่างคึกคะนองว่า

    “ท่านจ้าวฝากข้าให้นำมาคืนเจ้าของ รับไปสิ!”

    ของสิ่งนั้นลอยละลิ่วแหวกอากาศมาขณะที่มันยังหมุนคว้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะขยายขนาด ใหญ่ขึ้น ๆ จนกลายมาเป็นดาบคมกริบยาวเกือบหนึ่งหลา และค่อย ๆ ลอยลงสู่อุ้งมือผู้เป็นเจ้าของอย่างรู้งาน... อัสยุชก้มลงดูดาบในมือที่คุ้นเคยซึ่งฝักดาบเป็นลวดลายของเทวาตนหนึ่งคู่เคียงกับนางอัปสรอย่างไม่อยากเชื่อสายตาด้วยมันคือดาบอัสนีที่เขาคิดว่าจะไม่มีวันได้เห็น และสัมผัสมันอีกแล้วนับแต่มันถูกยึดไปในวันที่เขาออกจากรสาตลมา

    “ดาบของข้า...” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองเบา ๆ ราวกับคนละเมอก่อนจะมองไปที่รามานนอย่างงุนงงแต่ยังมิทันที่เขาจะได้ชักถามสิ่งใดอัสยุชก็ต้องหันกลับมารับมืออัสเตยะซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาใกล้อีกครั้งพร้อมกับตวัดดาบในมือเข้าหาเป้าหมายทันใด...

    ฟ้าวว!!...

    “เมื่อพร้อมแล้วก็มารับข้ามือซะที!” อัสเตยะคำรามขณะกระหน่ำฟันอีกฝ่ายถี่ยิบ

    เคล้ง!... อัสยุชใช้ดาบอัสนีในมือรับคมดาบกล้าของอีกฝ่ายอย่างว่องไวปานกัน เปลวไฟจากดาบอัคคีลุกไหม้ลามเลียดาบอัสนีของอัสยุชทันทีที่ดาบทั้งสองปะทะกันหากดาบอัสนีจะเป็นเพียงแค่ดาบธรรมดามันคงถูกเพลิงกาฬสีแดงแผดเผาทำลายไปแล้วแต่ด้วยดาบเล่มนี้คือดาบสายฟ้าการณ์จึงมิเป็นเช่นนั้น เพลิงอัคคีจากคมดาบของอัสเตยะจึงถูกสายฟ้าสีน้ำเงินที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ดาบอัสนีขณะปะทะกันต้านทานเอาไว้ได้ซ้ำยังดูดกลืนพลังเวทจากดาบดัง

    กล่าวอีกด้วยส่งให้บุตรแห่งราธาชะงักงันไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ

    เปรี๊ยะ!!...

    “หึ... ค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย...”

    เสียงกราวของอัสเตยะดังมาอย่างรื่นเริง แววตาเย็นชาวาวโรจน์พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างพอใจที่การต่อสู้จะยังไม่จบลงง่าย ๆ ดังที่คาดไว้ในคราแรก

    “ข้าจะส่งเจ้าไปเป็นเพื่อนมายินที่ยมโลกเอง!” เขาคำรามลั่นตามแรงอารมณ์ แม่ทัพหนุ่มนำด้ามดาบทั้งสองของตนมาเชื่อมต่อกันเข้าด้วยพระเวทจนกลายเป็นศาสตราวุธอันทรงอานุภาพยิ่งนัก คนทั้งสองพุ่งทะยานเข้าห้ำหั่นกันและกันอย่างดุเดือด ผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่นานหลายชั่วยามแต่ก็มิอาจรู้ผลแพ้ชนะได้ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสารทิศเพราะฤทธาการรบพุ่งของคนทั้งสอง ป่าสนที่เคยสูงใหญ่ล้านเลี่ยนเตียนโล่งไปแค่เพียงไม่กี่อึดใจ และในขณะที่คนทั้งสองกำลังโรมรันประชิดติดพันกันอยู่ การปะทะกันของพวกเขาส่งให้เกิดลูกพลังเวทอันมหา ศาลจากดาบทรงอิทธิฤทธิ์เกินกว่าผู้เป็นเจ้าของจะควบคุมได้ และมันได้เบนเป้าพุ่งเข้าหา ณ จุดที่อมาวสีนั่งอยู่นั้นอย่างไม่ตั้งใจ

    “อมาวสี!!...” หัวใจของสองบุรุษกระตุกวาบ แม้พวกเขาจะทันมองเห็นลูกพลังดังกล่าวแต่ก็สายเกินการณ์เสียแล้ว!...

    “กรี๊ดดด!!!...” เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของอมาวสีดังลั่นแต่นางมิอาจขยับเขยื้อนหรือหลบหลีกจากพลังเวทนั้นไปได้จึงได้แต่นั่งรอรับชะตากรรมอยู่ ณ ที่แห่งนั้นนั่นเองทว่าการณ์หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เมื่อรามานนกระโดดเข้ามาขวาง และซัดกลุ่มพลังนั้นไปด้วยมือเพียงข้างเดียวส่งให้มันพุ่งเข้าปะทะหินยักษ์ก้อนหนึ่งเสียงดัง

    ฟ้าวว!!... ตูมมม!!!... ท่ามกลางความโล่งใจของชายอีกสองคน

    หินยักษ์มหึมาระเบิดกระจุยกระจายแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตาจนธิดาท้าวโมฆราชอดที่จะหนาวยะเยือกขึ้นมาในหัวใจไม่ได้เพราะหากนางต้องขุมพลังนั้นเข้าแม้แต่ซากก็คงไม่เหลือให้ใครได้พบเห็นเป็นแน่...

    “แล้วกันสิ!... พวกเจ้าเล่นสู้กันโดยมิคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเช่นนี้มีหวังรางวัลของพวกเจ้าก็ตายกันพอดี” รามานนเอ่ยขึ้นอย่างขี้เล่นแต่ดรุณีน้อยซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ กลับหันขวับมาถลึงตามองพร้อมกับตวาดแว้ดขึ้นมาเสียงดังอย่างไม่พอใจว่า

    “ข้าไม่ใช่รางวัลของใครทั้งนั้น!”

    แต่อีกฝ่ายจะใส่ใจก็หาไม่กลับมองไปยังร่างของคู่ต่อสู้ทั้งสองซึ่งเหาะจากไปยังบูรพาทิศด้วยความพอใจนิด ๆ

    “พวกเขาจะไปที่ใดกัน?!” อมาวสีเอ่ยถามอย่างสงสัยพลางลุกขึ้นหมายจะตามคนทั้งสองไปหากกลับถูกชายข้างกายห้ามเอาไว้

    “เจ้าอย่าได้ตามไปเลยรังแต่จะเกะกะเสียเปล่า ๆ ”

    แม้จะไม่พอใจคำกล่าวหาของอีกฝ่ายแต่นางก็ยอมนั่งลงตามเดิมเงียบ ๆ

    รามานนร่ายมนต์บทสั้นแล้วประกบนิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มือเข้าด้วยกันพลางเอ่ยกับดรุณีน้อยว่า

    “หากเจ้าต้องการดูการต่อสู้ก็มาดูที่นี่จะปลอดภัยกว่า” เอ่ยพลางพยักพเยิดลงบนช่องว่างระหว่างนิ้วมือของตนซึ่งประกบกันอยู่นั้น

    ธิดาท้าวโมฆราชก้มลงดูที่ช่องว่างดังกล่าวก็ปรากฏภาพการต่อสู้ระหว่างอัสยุช และอัสเตยะขึ้นมาทันที...

    จากคุณ : likitma - [ 1 ก.ย. 48 10:00:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป