นิทานเรื่องนี้ ไม่มีตอนจบ
เกือบ 1 ปีเต็มที่ฉันได้รู้จักผู้หญิงที่แสนบริสุทธิ์คนหนึ่งในใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้ ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเธอคนนี้ ฝ้าย ชื่อที่ฉันคิดว่าแสนเชยเมื่อครั้งแรกที่ได้ยินจากปากของเพื่อนสาวคนหนึ่ง วันที่ฉันต้องหาห้องพักใหม่และฝ้ายเพิ่งจะย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ กำลังหาคนมาแชร์ค่าห้องพักอยู่พอดี เราต่างกันลิบลับ หน้าตาเธอก็พอดูได้แต่นิสัยเธอน่ารักใคร ๆ ก็ชอบเธอ ฉันเรียนมหาลัยภาคค่ำและต้องทำงานเลี้ยงตัวเองมาตลอด ช่วงแรก ๆ แทบไม่ได้คุยกันเพราะฝ้ายมีเรียนภาคเช้า แต่เธอก็ช่วยจัดการเรื่องความสะอาดของห้องพัก ความคุ้นเคยเริ่มด้วยกาแฟอุ่น ๆ ตอนเช้า บทสนทนาที่เรียบง่าย และคอยแนะนำเส้นทางในกรุงเทพฯ ให้ฝ้ายรู้จัก เราสนิทกันมากขึ้นจนมีอะไรปิดบังแต่ที่ฉันห่วงคือความมองโลกในแง่ดีเกินไปของเธอ ฉันอยากให้บริสุทธิ์อย่างนี้ตลอดไป ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงไม่กล้าแตะต้องแม้ปลายเล็บ กลัวเธอจะหมองหม่นแต่ใครเขาจะคิดอย่างฉันบางหรือเปล่า
เสียงขลุกขลักในครัวทำให้ฉันต้องวางมือจากโน้ตบุ๊กโกโรโกโส แล้วมองไปทางต้นเสียง รีบปิดหน้าจอเดสทอปทั้งที่เพิ่งพิมพ์ข้อความได้ไม่กี่บรรทัดนั่นออก
ฝ้ายเองล่ะ ไม่ต้องรีบเก็บหรอก เสียงฝ้ายดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาทางฉันพร้อมด้วยจานขนม
ฝ้ายมากวนจีนส์ตอนเขียนหนังสือหรือเปล่า เธอถามเมื่อเห็นฉันเก็บทุกอย่างลงลิ้น-ชักโต๊ะ แต่เจ้าโน้ตบุ๊กเพื่อนยากยังคงวางอยู่ที่เดิม ฉันหยิบขนมในจานมากินก่อนแล้วจึงพูดกับเธอเป็นครั้งแรกของวันนี้
เปล่า พิมพ์ไปเรื่อยเฉื่อย ยังไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร ว่าจะเขียนเรื่องของฝ้าย แต่ไม่มีอะไรให้เขียน ฉันว่า เธอค้อนแล้วนั่งลงที่เตียงของฉัน ฉันเดินมาหยิบชุดนักศึกษาที่แขวนอยู่มาใส่ทับเสื้อยืดที่ใส่อยู่ จวนได้เวลาไปเรียนของฉันแล้ว หมู่นี้ฝ้ายแปลกกลับห้องช้ากว่าที่เคย แต่ก็ไม่กล้าถามเห็นเธอปลอดภัยก็ดีแล้ว
คืนนี้ฝ้ายไม่ต้องคอยจีนส์นะ นอนแล้วล็อกห้องไปเลย เข้าใจมั้ย
เธอเงียบจนฉันต้องหันไปมองเห็นใบหน้าซีดเซียวเหม่อมองไปที่หน้าต่าง ต้องส่งเสียงเรียกอีกครั้งเธอถึงหันกลับมา
ไม่สบายหรือเปล่า ฉันถามแล้วเอามืออังที่หน้าผาก เธอยิ้มแล้วยกนาฬิกาข้อมือให้ฉันดูมัน ทำให้ฉันต้องรีบออกจากห้อง ควบสปอร์ตไบค์สีดำสนิทไปเรียนให้ทัน ไม่รู้ทำไมถึงเลือกเรียนบริหารทั้ง ๆ ที่ตัวเองน่าจะไปทางสายศิลป์ซะมากกว่า เกือบสามทุ่มครึ่งฉันถึงพาตัวเองกับรถคู่ชีพไปที่ผับที่ทำงานอยู่ ฉันเดินเข้าทางประตูหลังร้านไปหา พี่แหม่ม คนที่คอยดูแลแทนพ่อและแม่ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า ฉันมีชีวิตอยู่ด้วยการทำงานในร้านเหล้าของที่นี่ตั้งแต่เด็ก ๆ จนตอนนี้เป็นนักดนตรีประจำให้กับที่ร้าน แล้วก็มีอีกชิ้นงานหนึ่งที่พยายามทำอยู่คือการเขียนหนังสือส่งตามสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างถือเป็นประสบการณ์กำไรชีวิต
ว่าไงจีนส์ เสียงพี่แหม่มทักทันทีที่เมื่อฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์แล้ว
วันศุกร์คนเยอะดี ฉันยิ้มทะเล้นก่อนกวาดสายตาไปรอบๆข้าง หนุ่มสาวในวัยเดียวกับฉันกำลังโยกย้ายส่ายสะบัดเคล้าเสียงเพลง อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ได้เวลาโชว์เสียงและการเล่นกีตาร์ของฉันแล้ว
Hi! จีนส์ เพื่อนซี้ตบไหล่แล้วนั่งลงข้าง ๆได้แต่ยิ้มไม่รู้จะพูดอะไร แล้วสายตาของฉันก็ไปสะดุดกับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของผับ รู้สึกคุ้นหน้ามากจนเผลอมองเขาอยู่นานพี่เอมือเบสของวงมาเรียกฉันถึงหันกลับไป
เหม่ออะไร เดี๋ยวร้องเพลงเสร็จจะเอาเนื้อเพลงใหม่มาให้นะ พี่เอเอ่ยแล้วลูบหัวโยกไปมา ฉันหลบแต่ไม่พ้น พี่เอแก่กว่า3 ปี เป็นคนสอนฉันหัดกีตาร์มาตั้งแต่13ขวบเราสนิทกันเหมือนเป็นทั้งพี่ และเพื่อน
คืนนี้เสียงฉันเกือบแหบสนิท นาฬิกาเพิ่งเดินมาตีสองกว่านิดๆหนุ่มหล่อสาวสวยต่างแยกย้ายกันกลับไฟในร้านเปิดสว่าง น้ำมะนาวของโปรดถูกยกมาให้ตอนที่ฉันนั่งพักเหนื่อยมองดูเด็ก (พนักงาน) ในร้านเก็บกวาดร้าน พี่แหม่มนั่งยิ้มคนเดียวอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน คนอื่น ๆ เก็บเครื่องดนตรีตามหน้าที่
ขอโทษครับร้านเราปิดแล้วครับ เสียงพนักงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหันมามองทางต้นเสียง คนแปลกหน้า 3 คนเดินมานั่งใกล้ ๆฉันโดยไม่ขออนุญาตยังไม่ทันเอ่ยอะไร พี่เอก็มานั่งข้างๆฉัน
พวกเรามาจาก
. เขายื่นนามบัตรให้พี่เอดู
ไม่สนใจจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเองบ้างเหรอครับ หนึ่งในนั้นพูดออกมาทำเอาพวกเราที่นั่งตรงนั้นมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสักเท่าไหร่ (มันไม่น่าเชื่อจริง ๆ )
.
ฝ้าย
..จีนส์มีข่าวดีมาบอก
ฉันตะโกนบอกเสียงดังทันทีที่เปิดประตูห้องแล้วโยนเป้ไว้ตรงที่วางรองเท้าเดินมาโอบเอวฝ้ายที่นั่งเท้าคางอยู่ริมหน้าต่างห้อง เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ฉัน
เรื่องอะไรที่ทำให้จีนส์ดีใจขนาดนี้
ก็เมื่อคืนมีคนติดต่อให้ฉันไปทำเทปนะสิ
ฉันบอกอย่างดีใจปล่อยแขนออกจากเอวฝ้ายเดินมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง หลับตาพริ้มไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน และไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละน้อยในช่วงที่ฉันยุ่งทำเรื่องเทป เรื่องเรียนที่สัญญากับพี่แหม่มว่าจะไม่ทิ้ง กลับมาถึงห้องก็หลับเลย แม้ไดอารี่ที่เขียนประจำยังห่างหาย เหมือนวันนี้ที่ฉันกลับมาตอน 11 โมงกว่า ๆ น้ำยังไม่ได้อาบมันเหมือนหมดไฟไปซะเฉย ๆ หลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงกระแทกประตูแรง ๆ จนสะดุ้งตื่น
สงสัยฝ้ายมั้ง!!
ฉันบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ฝ้ายไม่เคยทำอะไรรุนแรงนี่ ฉันลุกจากเตียงเดินไปที่ห้องของฝ้ายกำลังจะเคาะประตูแต่ชะงักมือไว้เมื่อได้ยินเสียงสะอื้น ฉันแนบหูกับประตูไม้ที่อยู่ตรงหน้า ประตูไม่ได้ล๊อค ฉันค่อยๆผลักบานประตูเข้าไป เห็นฝ้ายนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง ฉันตกใจ แต่เมื่อฝ้ายหันมามองฉันด้วยสายตาที่ปวดร้าว เธอก็โผเข้ากอดฉัน จนเซถอยหลังมาก้าวหนึ่ง แต่ก็ทรงตัวอยู่ ฉันช๊อคอยู่ครู่หนึ่งนึกอะไรไม่ออกตัวฝ้ายเล็กเธอซบอยู่ที่อกฉัน ร้องไห้เสียงดังฉันกอดเธอไว้เบา ๆ ปล่อยให้เธอร้องอยู่อย่างนั้นนานจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร จนเธอคลายสะอื้น
มีเรื่องอะไรฝ้ายบอกจีนส์ได้ไหม ฉันถามอย่างสงสัยที่สุด
ฝ้ายไม่รู้จะทำยังไงแล้วจีนส์ เขาได้ฝ้ายแล้วเขาก็ทิ้งฝ้ายไป เขาทิ้งฝ้ายไป เธอเริ่มจะร้องไห้อีก
มันเรื่องอะไรกัน ฉันยิ่งสับสนมากขึ้น
เขา ..เขาบอกว่ารักฝ้ายจะมาขอฝ้ายกับพ่อแม่ แต่พอฝ้ายบอกว่าฝ้ายท้องเขาก็กลับคำ เขามีคนอื่นอีก
เธอร้องไห้โฮเสียงดัง ทุกคำที่ออกมาจากปากของฝ้ายมันราวกับฝันร้ายที่ฉันกลัวมาตลอด เหมือนสมบัติล้ำค่าแตกละเอียดและยากที่จะนำกลับมารวมใหม่
ฝ้ายท้องกี่เดือน ฉันถามพยายามข่มอารมณ์
เมื่อเช้าฝ้ายไปให้หมอตรวจ หมอบอกว่าฝ้ายท้องได้สองเดือนแล้ว ฝ้ายก็ไปหาเขาที่คอนโดของเขา แต่เขาอยู่กับผู้หญิงอื่น เขาไม่สนใจฝ่ายแถมยังด่าว่าต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น
เขาเป็นใคร ฉันขบกรามจนเป้นสันนูนทั้งที่พยายามสงบสติอารมณ์
เขาเป็นช่างภาพอิสระชื่อแมน
....
อ่านต่อ
จากคุณ :
สายลมอิสระ
- [
4 ต.ค. 48 20:53:16
]