CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    “นิทานเรื่องนี้ ไม่มีตอนจบ” เรื่องสั้นชุด เจ็บให้เข้าใจ

    “นิทานเรื่องนี้  ไม่มีตอนจบ”

    “…เกือบ  1  ปีเต็มที่ฉันได้รู้จักผู้หญิงที่แสนบริสุทธิ์คนหนึ่งในใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้ ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเธอคนนี้  “ ฝ้าย”  ชื่อที่ฉันคิดว่าแสนเชยเมื่อครั้งแรกที่ได้ยินจากปากของเพื่อนสาวคนหนึ่ง      วันที่ฉันต้องหาห้องพักใหม่และฝ้ายเพิ่งจะย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ  กำลังหาคนมาแชร์ค่าห้องพักอยู่พอดี   เราต่างกันลิบลับ   หน้าตาเธอก็พอดูได้แต่นิสัยเธอน่ารักใคร ๆ ก็ชอบเธอ  ฉันเรียนมหา’ลัยภาคค่ำและต้องทำงานเลี้ยงตัวเองมาตลอด ช่วงแรก ๆ แทบไม่ได้คุยกันเพราะฝ้ายมีเรียนภาคเช้า แต่เธอก็ช่วยจัดการเรื่องความสะอาดของห้องพัก  ความคุ้นเคยเริ่มด้วยกาแฟอุ่น ๆ ตอนเช้า  บทสนทนาที่เรียบง่าย และคอยแนะนำเส้นทางในกรุงเทพฯ ให้ฝ้ายรู้จัก   เราสนิทกันมากขึ้นจนมีอะไรปิดบังแต่ที่ฉันห่วงคือความมองโลกในแง่ดีเกินไปของเธอ   ฉันอยากให้บริสุทธิ์อย่างนี้ตลอดไป    ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงไม่กล้าแตะต้องแม้ปลายเล็บ    กลัวเธอจะหมองหม่นแต่ใครเขาจะคิดอย่างฉันบางหรือเปล่า…
    เสียงขลุกขลักในครัวทำให้ฉันต้องวางมือจากโน้ตบุ๊กโกโรโกโส แล้วมองไปทางต้นเสียง รีบปิดหน้าจอเดสทอปทั้งที่เพิ่งพิมพ์ข้อความได้ไม่กี่บรรทัดนั่นออก
    “ ฝ้ายเองล่ะ ไม่ต้องรีบเก็บหรอก ”     เสียงฝ้ายดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาทางฉันพร้อมด้วยจานขนม
    “ฝ้ายมากวนจีนส์ตอนเขียนหนังสือหรือเปล่า”     เธอถามเมื่อเห็นฉันเก็บทุกอย่างลงลิ้น-ชักโต๊ะ แต่เจ้าโน้ตบุ๊กเพื่อนยากยังคงวางอยู่ที่เดิม   ฉันหยิบขนมในจานมากินก่อนแล้วจึงพูดกับเธอเป็นครั้งแรกของวันนี้
    “เปล่า  พิมพ์ไปเรื่อยเฉื่อย ยังไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร  ว่าจะเขียนเรื่องของฝ้าย แต่ไม่มีอะไรให้เขียน”    ฉันว่า    เธอค้อนแล้วนั่งลงที่เตียงของฉัน    ฉันเดินมาหยิบชุดนักศึกษาที่แขวนอยู่มาใส่ทับเสื้อยืดที่ใส่อยู่   จวนได้เวลาไปเรียนของฉันแล้ว   หมู่นี้ฝ้ายแปลกกลับห้องช้ากว่าที่เคย   แต่ก็ไม่กล้าถามเห็นเธอปลอดภัยก็ดีแล้ว
    “ คืนนี้ฝ้ายไม่ต้องคอยจีนส์นะ นอนแล้วล็อกห้องไปเลย เข้าใจมั้ย ”
    เธอเงียบจนฉันต้องหันไปมองเห็นใบหน้าซีดเซียวเหม่อมองไปที่หน้าต่าง  ต้องส่งเสียงเรียกอีกครั้งเธอถึงหันกลับมา
    “ไม่สบายหรือเปล่า”        ฉันถามแล้วเอามืออังที่หน้าผาก   เธอยิ้มแล้วยกนาฬิกาข้อมือให้ฉันดูมัน ทำให้ฉันต้องรีบออกจากห้อง   ควบสปอร์ตไบค์สีดำสนิทไปเรียนให้ทัน ไม่รู้ทำไมถึงเลือกเรียนบริหารทั้ง ๆ ที่ตัวเองน่าจะไปทางสายศิลป์ซะมากกว่า       เกือบสามทุ่มครึ่งฉันถึงพาตัวเองกับรถคู่ชีพไปที่ผับที่ทำงานอยู่    ฉันเดินเข้าทางประตูหลังร้านไปหา พี่แหม่ม  คนที่คอยดูแลแทนพ่อและแม่ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า     ฉันมีชีวิตอยู่ด้วยการทำงานในร้านเหล้าของที่นี่ตั้งแต่เด็ก ๆ จนตอนนี้เป็นนักดนตรีประจำให้กับที่ร้าน    แล้วก็มีอีกชิ้นงานหนึ่งที่พยายามทำอยู่คือการเขียนหนังสือส่งตามสำนักพิมพ์ต่าง ๆ    ทุกสิ่งทุกอย่างถือเป็นประสบการณ์กำไรชีวิต
    “ ว่าไงจีนส์ ”    เสียงพี่แหม่มทักทันทีที่เมื่อฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์แล้ว
    “ วันศุกร์คนเยอะดี ”   ฉันยิ้มทะเล้นก่อนกวาดสายตาไปรอบๆข้าง  หนุ่มสาวในวัยเดียวกับฉันกำลังโยกย้ายส่ายสะบัดเคล้าเสียงเพลง   อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ได้เวลาโชว์เสียงและการเล่นกีตาร์ของฉันแล้ว
    “Hi! จีนส์ ”      เพื่อนซี้ตบไหล่แล้วนั่งลงข้าง ๆได้แต่ยิ้มไม่รู้จะพูดอะไร   แล้วสายตาของฉันก็ไปสะดุดกับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของผับ   รู้สึกคุ้นหน้ามากจนเผลอมองเขาอยู่นานพี่เอมือเบสของวงมาเรียกฉันถึงหันกลับไป  
    “ เหม่ออะไร เดี๋ยวร้องเพลงเสร็จจะเอาเนื้อเพลงใหม่มาให้นะ”      พี่เอเอ่ยแล้วลูบหัวโยกไปมา   ฉันหลบแต่ไม่พ้น    พี่เอแก่กว่า3 ปี เป็นคนสอนฉันหัดกีตาร์มาตั้งแต่13ขวบเราสนิทกันเหมือนเป็นทั้งพี่ และเพื่อน    
    คืนนี้เสียงฉันเกือบแหบสนิท   นาฬิกาเพิ่งเดินมาตีสองกว่านิดๆหนุ่มหล่อสาวสวยต่างแยกย้ายกันกลับไฟในร้านเปิดสว่าง    น้ำมะนาวของโปรดถูกยกมาให้ตอนที่ฉันนั่งพักเหนื่อยมองดูเด็ก (พนักงาน) ในร้านเก็บกวาดร้าน พี่แหม่มนั่งยิ้มคนเดียวอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน   คนอื่น ๆ เก็บเครื่องดนตรีตามหน้าที่
    “ ขอโทษครับร้านเราปิดแล้วครับ”     เสียงพนักงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหันมามองทางต้นเสียง    คนแปลกหน้า 3  คนเดินมานั่งใกล้ ๆฉันโดยไม่ขออนุญาตยังไม่ทันเอ่ยอะไร พี่เอก็มานั่งข้างๆฉัน
    “ พวกเรามาจาก….”    เขายื่นนามบัตรให้พี่เอดู
    “ ไม่สนใจจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเองบ้างเหรอครับ”     หนึ่งในนั้นพูดออกมาทำเอาพวกเราที่นั่งตรงนั้นมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสักเท่าไหร่ (มันไม่น่าเชื่อจริง ๆ )
    …………………….

    “ ฝ้าย …..จีนส์มีข่าวดีมาบอก ”    
    ฉันตะโกนบอกเสียงดังทันทีที่เปิดประตูห้องแล้วโยนเป้ไว้ตรงที่วางรองเท้าเดินมาโอบเอวฝ้ายที่นั่งเท้าคางอยู่ริมหน้าต่างห้อง เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ฉัน
    “เรื่องอะไรที่ทำให้จีนส์ดีใจขนาดนี้”
    “ ก็เมื่อคืนมีคนติดต่อให้ฉันไปทำเทปนะสิ ”  
    ฉันบอกอย่างดีใจปล่อยแขนออกจากเอวฝ้ายเดินมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง  หลับตาพริ้มไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน       และไม่ได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละน้อยในช่วงที่ฉันยุ่งทำเรื่องเทป     เรื่องเรียนที่สัญญากับพี่แหม่มว่าจะไม่ทิ้ง    กลับมาถึงห้องก็หลับเลย   แม้ไดอารี่ที่เขียนประจำยังห่างหาย เหมือนวันนี้ที่ฉันกลับมาตอน 11  โมงกว่า ๆ      น้ำยังไม่ได้อาบมันเหมือนหมดไฟไปซะเฉย ๆ     หลับสนิทจนกระทั่งได้ยินเสียงกระแทกประตูแรง ๆ จนสะดุ้งตื่น
    สงสัยฝ้ายมั้ง!!
    ฉันบอกตัวเองอย่างนั้น    แต่ฝ้ายไม่เคยทำอะไรรุนแรงนี่   ฉันลุกจากเตียงเดินไปที่ห้องของฝ้ายกำลังจะเคาะประตูแต่ชะงักมือไว้เมื่อได้ยินเสียงสะอื้น    ฉันแนบหูกับประตูไม้ที่อยู่ตรงหน้า ประตูไม่ได้ล๊อค    ฉันค่อยๆผลักบานประตูเข้าไป   เห็นฝ้ายนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง  ฉันตกใจ    แต่เมื่อฝ้ายหันมามองฉันด้วยสายตาที่ปวดร้าว   เธอก็โผเข้ากอดฉัน จนเซถอยหลังมาก้าวหนึ่ง แต่ก็ทรงตัวอยู่   ฉันช๊อคอยู่ครู่หนึ่งนึกอะไรไม่ออกตัวฝ้ายเล็กเธอซบอยู่ที่อกฉัน ร้องไห้เสียงดังฉันกอดเธอไว้เบา ๆ ปล่อยให้เธอร้องอยู่อย่างนั้นนานจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร จนเธอคลายสะอื้น
    “ มีเรื่องอะไรฝ้ายบอกจีนส์ได้ไหม ”     ฉันถามอย่างสงสัยที่สุด
    “ ฝ้ายไม่รู้จะทำยังไงแล้วจีนส์  เขาได้ฝ้ายแล้วเขาก็ทิ้งฝ้ายไป เขาทิ้งฝ้ายไป”     เธอเริ่มจะร้องไห้อีก
    “ มันเรื่องอะไรกัน ”       ฉันยิ่งสับสนมากขึ้น
    “ เขา ..เขาบอกว่ารักฝ้ายจะมาขอฝ้ายกับพ่อแม่   แต่พอฝ้ายบอกว่าฝ้ายท้องเขาก็กลับคำ   เขามีคนอื่นอีก”
    เธอร้องไห้โฮเสียงดัง ทุกคำที่ออกมาจากปากของฝ้ายมันราวกับฝันร้ายที่ฉันกลัวมาตลอด เหมือนสมบัติล้ำค่าแตกละเอียดและยากที่จะนำกลับมารวมใหม่
    “ฝ้ายท้องกี่เดือน”    ฉันถามพยายามข่มอารมณ์
    “เมื่อเช้าฝ้ายไปให้หมอตรวจ หมอบอกว่าฝ้ายท้องได้สองเดือนแล้ว    ฝ้ายก็ไปหาเขาที่คอนโดของเขา แต่เขาอยู่กับผู้หญิงอื่น   เขาไม่สนใจฝ่ายแถมยังด่าว่าต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น”
    “ เขาเป็นใคร”      ฉันขบกรามจนเป้นสันนูนทั้งที่พยายามสงบสติอารมณ์
    “เขาเป็นช่างภาพอิสระชื่อแมน”
    ....

    อ่านต่อ

    จากคุณ : สายลมอิสระ - [ 4 ต.ค. 48 20:53:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป