CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    +++ กระบี่ มังกร พยัคฆ์ +++ ตอนที่ 1 ดรุณีน้อยผู้สูงส่ง

    ......

    กระบี่ มังกร พยัคฆ์...นิยายแนวยุทธจักรที่เขียนถึงตัวเอกหลายคน
    ซึ่งต่างบุคลิก ...
    ต่างนิสัยใจคอ ....

    หากมีสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน
    ก็คือ....จิตใจที่รักผูกพันต่อสตรีนางหนึ่ง
    แม้นางจะทำให้เกิดเรื่องราวบุญคุณความแค้นมากมาย
    แต่สุดท้ายนางก็ทำให้พวกเขาได้ค้นพบว่า.. ...

    โลกนี้..สุข-ทุกข์ไม่แน่นอน รัก-แค้นไม่จีรังค์
    ความงดงามที่ล้ำค่าที่สุดของมนุษย์

    นั่นคือ...การที่ทุกคนรู้จักให้การอภัย..

    ...................


    ตอนที่ 1.. ดรุณีน้อยผู้สูงส่ง

    ใต้อาทิตย์เจิดจ้า….
    ทะเลเขียวจรดฟ้าคราม….
    บนชายหาดโขดหินระเกะระกะ ….


    ดาบล่าบุปผา สั้นเฟย เพลงดาบอำมหิตคร่าชีวิตผู้คนมากมาย อุปนิสัยมักมากในกามคุณ ฐานะร่ำรวยมีอิทธิพล คราคร่ำด้วยสมุนบริวารรอบกาย

    แต่แล้วภายในเวลาครึ่งเดือน กิจการร้านค้าสิบกว่าแห่ง บ่อนพนันอีกสี่แห่งประสบการขาดทุนย่อยยับจนต้องล้มเลิกกิจการ ร้านแลกเงินสามแห่งถูกปล้น ทองคำหลายพันตำลึงถูกขโมยภายในชั่วคืน และเมื่อสามวันก่อนคฤหาสถ์หลังงามของมันก็ถูกไฟเผาไหม้เป็นจุณ ตัวสั้นเฟยหายสาปสูญอย่างลึกลับ

    มิคาดวันนี้มันพลันมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่….

    ในตอนนี้มันโดดเดี่ยว ในมือถือดาบยาว เสื้อผ้าขาดวิ่นมอมแมมเปื้อนโคลนสีเหลืองปนโลหิต สีหน้าขาวซีด ในใจประหวั่นพรั่นพรึง เร่งเท้าวิ่งหนีอย่างเร่งร้อน บางครั้งสะดุดล้มคลุกคลาน แต่ยังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต

    สั้นเฟยทุ่มเทพลังตัวเบาทั้งหมด พลิ้วกายอ้อมหน้าผามาอีกด้านหนึ่ง พอกวาดตามองไปข้างหน้า ถึงกับชะงักท่าร่าง สีหน้าผนึกค้างกับที่อย่างตื่นตระหนก

    ที่แท้บนโขดหินข้างหน้าเวลานี้ยืนไว้ด้วยคนชุดดำผู้หนึ่ง

    คนผู้นี้ร่างสูงโปร่งเด่นสง่า ชุดดำที่สวมใส่คลุมทับด้วยเสื้อตาข่ายไหมทองยาวอีกชั้น หว่างเอวคาดรัดด้วยสายคาดสีทองสะดุดตา ศีรษะสวมถุงโม่งสีทองเจาะรูบริเวณดวงตาและจมูกปากเพียงสี่ช่อง ปกปิดโฉมหน้าไว้

    " เฮอะ..เชลยของตำหนักบูรพา อย่าหมายคิดว่าจะหนีรอดพ้น…."

    " พวกท่าน..ยังต้องการอะไรอีก…"

    " มอบลายแทงออกมา…."

    " ข้าไม่มี…"

    ดวงตาคนชุดดำทอประกายเย็นยะเยียบขึ้นวูบ " งั้นเจ้าก็หมดประโยชน์สมควรตาย "

    " ท่าน..ท่านจะทำอะไร…." สั้นเฟยถดถอยกายพลางระล่ำละลักอย่างลนลาน

    คนชุดดำเคลื่อนไหวแทนคำตอบ ประกายดาบวูบขึ้นคราหนึ่งก็จ่อถึงลำคอฝ่ายตรงข้ามแล้ว สั้นเฟยขยับดาบยาวคิดต่อสู้ ทว่าไร้โอกาสแม้แต่จะขยับข้อมือ เพลงกระบี่ของคนชุดดำรวดเร็วถึงขั้นจู่โจมออกสัมฤทธ์ผลในพริบตา หากแต่กลับจงใจชะงักค้างไว้

    " ได้โปรด…" เสียงร้องของมันแทบไม่เป็นภาษาคน หอบหายใจถี่ สีหน้าขาวดุจกระดาษ "

    " ตกลง…ข้ามอบให้ก็ได้..แต่หากข้ามอบให้..ท่านจะละเว้นชีวิตข้าหรือไม่…."

    คนชุดดำถามเสียงราบเรียบ " ลายแทงอยู่ที่ใด…? "

    " ท่านต้องรับปากก่อน…"

    " ข้าไม่ชอบให้ใครมาต่อรอง..หากเจ้าไม่บอกมา…ก็มีแต่หนทางตายสถานเดียว…"

    " ตกลงข้าบอกแล้ว…" สั้นเฟยร้องเสียงหลง เมื่อเห็นคนชุดดำสูดลมหายใจเข้าลึกๆทำท่าจะขยับข้อมือที่จับกระบี่

    " ลายแทงซุกซ่อนอยู่ใต้ฐานของสิงโตหินตัวทางซ้ายมือที่บ้านของข้า ข้าบอกท่านแล้ว ท่านต้องไว้ชีวิต…."

    คำชีวิตกล่าวไม่ทันขาดคำ คนชุดดำก็ขยับข้อมือวูบ เลือดแดงฉานฉูดพุ่ง สั้นเฟยตาเหลือกค้าง ส่งเสียงคร่อกๆในลำคอ ค่อยหงายหลังแน่นิ่งจมกองเลือด

    " ไม่ว่าเจ้าจะยอมบอกหรือไม่ โทษเจ้ามีเพียงสถานเดียวก็คือตาย ข้าให้เจ้าตายโดยรวบรัดไม่ทรมาน จึงนับเป็นความกรุณาแก่เจ้าแล้ว ….."



    สี่ทุ่มคืนเดือนหงาย….

    หน้าซากปรักหักพังอันเงียบร้างของคฤหาสถ์สั้นเฟย….

    สิงโตหินสองตัวที่หน้าบ้านเพียงโดนไฟครอกดำมอมแมมไปแถบหนึ่ง ไม่ถึงกับถูกทำลายไปคนชุดดำหยุดยืนสำรวจเล็กน้อย ค่อยยื่นมือผลักใส่สิงโตหินตัวทางซ้ายมือ กระแทกพลังภายในเบาๆ

    ในเสียงดังครืนหนักๆ สิงโตหินถูกเลื่อนไปด้านหลัง เกร็งลมปราณขึ้นอีกอึด จากนั้นผลักสิงโตหินหงายล้มไปทอดหนึ่งอย่างง่ายดาย ค่อยแลเห็นบนฐานสิงโตขุดหลุมเล็กๆไว้ ภายในหลุมจัดวางกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมสีดำมะเมื่อมใบหนึ่ง

    คนชุดดำย่อกายลงคิดจะเปิดฝากล่อง แต่ความคิดชะงักเล็กน้อย ยืนขึ้นถอยห่างมาสี่ก้าวล้วงมีดสั้นออกมาเล่มหนึ่งซัดใส่ฝากล่อง ในเสียงดังคลิ๊กฝากล่องเปิดออกพร้อมกับมีเสียงพรึบสองครา ลูกดอกอาบยาพิษสามเล่มที่ซุกซ่อนอยู่ในกลไกของฝากล่อง ถูกยิงดีดออกมาปักใส่โคนเสาที่ด้านหลัง

    คนชุดดำแค่นเสียงเฮอะอย่างเย็นชาในลำคอ สืบเท้าเข้ามากวาดตามองค่อยพบว่าในกล่องเหล็กบรรจุม้วนกระดาษใบหนึ่งจริงๆ ย่อมเป็นลายแทงที่ยี่เก็งจู้ของมันต้องการแล้ว……..

    " มอบลายแทงออกมา…"

    เสียงหนึ่งดังเย็นชา เห็นเงาคนวูบวาบไม่ต่ำกว่าสิบสายทะยานออกมาจากแปดทิศรอบข้าง ผู้นำขบวนเป็นชายชราผมขาวโพลน ร่างผอมใบหน้าซูบผู้หนึ่ง

    " ท่านเป็นใคร…."

    ชายชราผู้นำขบวนยืดอกแค่นเสียงบอกอย่างภาคภูมิ

    " หัวหน้าสาขาที่สามแห่งบ้านเทพเจ้า เหยี่ยวมหากาฬหม่าจิ้ง…"

    " เฮอะ.. บ้านเทพเจ้ามีชื่อเสียงเกริกก้อง ที่แท้ก็รู้จักละโมภลายแทงเช่นกัน…"

    " เจ้าผิดแล้ว..ลายแทงเป็นสมบัติบู๊ลิ้ม สมควรให้บู๊ลิ้มตัดสินว่าใครเป็นเจ้าของ มิใช่จะให้ตกไปอยู่ในมือพวกมารเช่นเจ้า…."

    " เราเป็นพวกมาร ? "

    " เจ้าก่อคดีชิงทรัพย์ฆ่าคนวางเพลิง..นี่นับเป็นการกระทำของฝ่ายธรรมะหรือ…"

    " กับคนต่ำช้าสามานย์เช่นสั้นเฟยจะทำเช่นใดฟ้าดินย่อมไม่ตำหนิ เราทำเช่นนี้หรือมีใครคัดค้านว่าไม่ถูกต้อง ในความเห็นของข้า..เป็นคนของบ้านเทพเจ้ารู้จักแต่ชุบมือเปิบมากกว่า…"

    หม่าจิ้งถูกย้อนตอกกลับมาทุกถ้อยคำถึงกับอับจนวาจาจะตอบโต้ ถึงกับขุ่นแค้นอับอายจนหน้าเขียวคล้ำหนวดเคราชี้ชัน " บัดซบ…โจรชั่วไม่รู้จักที่ตาย…จัดการมัน…."

    ขาดคำร้องสั่งบริวารที่ด้านข้างจู่โจมเข้าหาคนชุดดำทันที คนชุดดำแม้มือเปล่าไร้อาวุธ ท่าร่างกลับแคล่วคล่องสง่างามไม่ลนลาน ยื่นมือช่วงชิงกระบี่จากคนบ้านเทพเจ้ามาเล่มหนึ่ง ตวัดวูบก็สังหารพวกมันสองคนล้มลง ฝีมือที่รวบรัดอำมหิต พอลงมือก็ประสบผล สร้างความหนักใจแก่หม่าจิ้งอยู่บ้าง ตวัดดาบง้าวยาวคู่มือโผเข้าสู้กลางวงต่อสู้อีกคน

    คนชุดดำหงายหลังตีลังกาไปทอดหนึ่ง ประกายสีขาวบาดตาสะท้อนแสงจันทร์วูบหนึ่ง ที่แท้กระบี่อ่อนที่ซุกซ่อนอยู่ในสายคาดเอวถูกชักออกมาแล้ว

    ศักดิ์ศรีบ้านเทพเจ้าถือว่าอยู่ในระดับผู้นำบู๊ลิ้ม ตำแหน่งหัวหน้าสาขานับว่ามีฐานะที่สูงไม่ธรรมดา เหยี่ยวมหากาฬหม่าจิ้งเป็นถึงหัวหน้าสาขาที่สามของบ้านเทพเจ้า มีชื่อเสียงในบู๊ลิ้มมาหลายสิบปีช่ำชองประสบการณ์ต่อสู้มาอย่างโชกโชน ดาบง้าวในมือมิทราบเอาชัยยอดฝีมือมานับเท่าใด เมื่อเป็นเช่นนี้คนชุดดำจึงมิอาจประมาทแม้แต่น้อย

    ใต้แสงจันทร์สุกสกาว เห็นดาบง้าวยาวทอประกายบาดตา กระบี่อ่อนเคลียคลออยู่ด้านข้างฉวัดเฉวียนวูบวาบใส่ดุจจงอางฉก หลายสิบกระบวนท่าพ้นไป กลับยังไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบแม้แต่น้อย

    ทันใด..กระบี่อ่อนของคนชุดดำพลันพลิกแพลงเปลี่ยนเป็นฟันเฉียงขึ้น ด้วยกระบวนท่าประหลาดอย่างเหนือความคาดคิด หม่าจิ้งอุทานออกมาอย่างลืมตัวคำหนึ่ง รีบสลับเท้าหลบไปหลังอย่างฉุกละหุก ค่อยรอดพ้นคมกระบี่มาอย่างเฉียดฉิว แต่แล้วกระบวนท่าของคนชุดดำยังคงเปลี่ยนแปรไม่สิ้นสุด กระบี่ตวัดวกเป็นวงโค้ง หม่าจิ้งตัดสินใจยกดาบง้าวขึ้นต้านรับตรงๆ เสียงดังคลิ๊กเมื่อด้ามดาบง้าวหักกลาง

    ด้ามดาบง้าวยาวหลอมขึ้นจากเหล็กกล้า ไหนเลยจะหักได้อย่างกระทันหัน คนชุดดำพอฉุกใจคิดว่าไม่ถูกต้อง ไม่ทันชักเท้าหลบควันขาวกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้ามดาบหัก ปะทะใส่ใบหน้าจนรู้สึกกลิ่นฉุนหายใจอึดอัด ทันทีที่สูดได้กลิ่น สมองก็เริ่มมึนงงขึ้นมาทันที

    คนชุดดำหงายร่างตีลังกาไปสองตลบ สองเท้าโงนเงนเล็กน้อยตวาดด้วยโทสะ

    " ฝีมืออันต่ำทราม..นี่หรือคือการกระทำของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้กล้าฝ่ายธรรมะ…"

    " เฮอะ..สำหรับโจรชั่วเช่นเจ้าจะใช้ฝีมือเยี่ยงไรก็ได้…"

    คนชุดดำขุ่นแค้นจนประกายตาวาววับ แต่ก็จนใจที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ได้แต่รีบรวบรวมลมปราณอีกอึดขึ้นต้านพิษในร่าง

    " เจ้าโดนพิษสลายพลังของข้า ยิ่งใช้โคจรพลังพิษก็จะออกฤทธิ์เร็วขึ้น ทางทีดีก็ยอมจำนนมอบลายแทงออกมาเถอะ…"

    " ก็ได้…" คนชุดดำขบกรามร้องขึ้น พลางล้วงมือเข้าไปในออกเสื้อล้วงของสิ่งของออกมาโยนลงบนพื้น ทว่าของที่โยนออกมากลับเป็นระเบิดควันลูกหนึ่งหาใช่ลายแทงไม่

    หม่าจิ้งพอฉุกใจคิด ควันขาวหนาทึบกลุ่มหนึ่งก็กระจายครอบคลุมไปทั่วบริเวณแล้ว

    เมื่อควันจางลง..คนก็หายสาปสูญ….


    --------------------------

    จากคุณ : หลานหลิง - [ 27 พ.ย. 48 20:24:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป