ก๊อกๆ นี่เค้าต้มมาม่าในบ้านตัวเอง คงปลอดภัยดี ไม่ต้องกลัวแก๊สระเบิดใช่ป่าว
เตรียมชามกับตะเกียบรึยัง จะตักมาม่าแจกแล้วนะจ๊ะ แจกทั้งคนในบ้านและเสือซุ่มด้วย จะได้เข้าใจตรงกัน
...หลังจากได้ออกไปสูดอากาศนอกบ้านหมากมาบ้าง ขอต้มมาม่าโดยใส่เครื่องปรุงดังนี้
แต่ละงานที่พวกเราไปส่องน้อง ไม่เคยมีใครรู้ว่าน้องจะมาถึงงานกี่โมง กลับกี่โมง ทุกคนรู้จากตารางงาน และจะรู้กันเองว่าควรไปก่อนเวลา (ถ้าสะดวก) ใครไม่สะดวกก็ตามไปสมทบทีหลัง
(เกิดมาเพิ่งเคยตามส่องดารา เพิ่งรู้ว่าชีวิตต้องดิ้นรนขนาดนี้ก็ตอนนี้นี่เอง)
บ้านเราถึงแม้จะเป็น "บ้านหมาก" แต่ก็ไม่เคยได้อภิสิทธิ์ในการเข้างานใดๆ ทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดิ้นรนหามาด้วยตัวเองเหมือนกัน รวมถึงบ้านปริญด้วย (กลัวบางคนที่มาซุ่มจะคิดว่าบ้านหมากและเว็บแฟนคลับจะมีสิทธิพิเศษ ...ไม่เลย) เพราะบางงานบ้านหมากและบ้านปริญยังต้องไปยืนเม้าท์รอน้องด้วยกันเลย แล้วก็ถามกันว่าน้องมารึยัง น้องจะมากี่โมง(ฟระ) พี่ต้องรีบกลับไปทำงานนะ เมื่อไหร่น้องจะมาซะที
ถ้าเป็นงานเปิด เราก็รู้จากตารางงานอยู่แล้วว่างานจัดที่ไหน เริ่มกี่โมง ใครสะดวกไปก่อนก็ไปเล็งก่อนเลยว่าจะจองที่ถ่ายรูปมุมไหน อะไร ยังไง เพราะเรื่องแบบนี้ "ถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน" จริงๆ
แต่ละงานก็แบ่งหน้าที่กัน คนนี้ถ่ายรูปมุมนี้ อีกคนถ่ายรูปอีกฝั่ง คนนั้นถ่ายคลิป คนนู้นคอยมองตามน้องไว้นะ ฯลฯ เรียกว่าทำงานกันเป็นทีมจริงๆ (ทีมเวิร์คเหนียวแน่นยิ่งกว่าทำงานอีกนะเนี่ย)
หากงานไหนเป็นงานปิด แล้วมีคนในบ้านเราเข้าไปได้ ขอให้รู้ไว้ว่าเค้าไปหาบัตรเข้างานได้เอง และจำนวนคนที่เข้างานก็น้อยนิด แค่ไปเก็บรูปเวลาที่น้องทำงานมาฝากกัน
บ้านเราจะคอยเตือนกันเสมอว่าถ้าเป็นงานปิดแล้วหาบัตรได้ จะต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับงาน และห้ามแสดงท่าทีว่าเป็นแฟนคลับ เพราะเป็นการให้เกียรติงานและให้เกียรติน้องด้วย เพราะน้องไปทำงานย่อมต้องการความน่าเชื่อถือจากเจ้าของงาน พวกเราเองก็ไม่อยากให้น้องเสียหายเพราะแฟนคลับ
ในส่วนผู้จัดการของน้อง ก็มีหน้าที่ดูแลน้องให้ดีที่สุด แล้วก็อย่างที่พวกเราก็เห็นๆกันอยู่ว่าน้องเป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง พูดอะไรตรงๆ และเป็นตัวของตัวเองมากๆ เราว่าผู้จัดการเห็นแฟนคลับรักน้องที่ตัวตนของน้องก็ย่อมดีใจ
พวกเราเป็นกลุ่มคนกลุ่มนึงที่รักน้อง ก็ต้องเชื่อฟังและให้เกียรติผู้จัดการเหมือนกัน เพราะเค้าเป็นคนที่คอยดูแล "คนที่เรารัก" ...น้องจะดีได้ ผู้จัดการต้องดีด้วย... น้องมีวันนี้ได้ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้ผู้จัดการเหมือนกัน
บางครั้งถ้าน้องพอจะมีเวลาเหลือ ไม่ต้องรีบไปทำงานต่อ ผู้จัดการก็มีจัดเวลาให้น้องได้พบปะกันบ้าง (ที่ว่าพบปะนี่คือเป็นการเดินคุยกันไประหว่างทางเลยนะ ไม่ใช่มีโต๊ะเก้าอี้พร้อม) แล้วนอกจากบ้านปริญและบ้านหมาก บางทีมีใครก็ไม่รู้เดินตามมาด้วย ประมาณว่าเดินผ่านแล้วเห็นหมากพอดี อยากตามมาดูด้วยจัง ผู้จัดการก็ไม่เคยกีดกัน ...ตรงนี้ขึ้นกับว่าใครคว้าโอกาสไว้ได้มากแค่ไหน แล้วบางงานมีคนตามน้องเยอะมาก คนนั้นก็อยากคุย คนนี้ก็อยากให้ของ แต่เวลามีเท่าเดิม พวกเราเข้าไม่ถึงตัวน้องก็มี ก็ได้แต่มองตาปริบๆ แล้วซารางเฮโยหรือบ๊ายบายน้องก็แค่นั้น
แต่ช่วงหลังวันๆนึงน้องมีหลายงาน เสร็จจากงานนี้ ก็ต้องไปทำงานต่อ ผู้จัดการก็จะบอกเลยว่า ...น้องมีงานต่อ ต้องรีบไปจริงๆ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ...
คือน้องทำงานตรงนี้ ก็มีหน้าที่ มีวินัยที่ต้องรักษา ถ้าเราอยากเห็นผลงานน้องไปนานๆ เราก็ต้องให้เวลาน้องไปทำงานเหมือนกันค่ะ
ยกตัวอย่างงานท็อปอวอร์ด พวกเราก็รู้ว่าน้องยังไม่หายป่วยเต็มร้อย ผู้จัดการก็ให้เวลาประมาณนึง ก็ได้แค่ถามไถ่อาการป่วย แล้วก็ถ่ายรูปหมู่นิดหน่อย พอบ้านปริญถ่ายรูปหมู่ บ้านหมากถ่ายรูปหมู่ น้องเตรียมขึ้นรถกลับ อ้าว...มีอีกกลุ่มมาจากไหนไม่รู้ เหวี่ยงพี่สาวเราออกมาหน้าทิ่มเลย แล้วกลุ่มนั้นทั้งกลุ่มก็ผลัดกันถ่ายรูปคู่(ล็อคแขน ซบไหล่) ขอลายเซ็นต์ กะประมาณเวลาแล้วนานใช้ได้เลย โดยมีบ้านหมากและบ้านปริญยืนรอส่งน้องอยู่ขอบนอกจักรวาล ส่วนผู้จัดการก็ได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วบอกว่า เอ่อ...น้องต้องไปแล้วนะคะ น้องยังไม่หายป่วยดี แต่กลุ่มนั้นไม่มีใครสนใจเลย จนน้องต้องพูดเองว่าขอโทษด้วย ต้องไปแล้ว
มาถามไถ่กันทีหลัง กลุ่มนั้นไม่ได้เป็นแฟนหมากจากที่ใดทั้งสิ้น เพราะพี่สาวที่โดนเหวี่ยงออกมานั้น ได้เล่าให้ฟังว่าพอหมากกลับไป กลุ่มนี้ก็ยังไม่ไปไหน ยังดักรอกรี๊ดและขอถ่ายรูปคู่กับดาราอีกเยอะแยะมากมาย (น้องตรู ปวดท้องแล้วยังต้องอดทนอีกนะ)
ตัวน้องเองได้เห็นหน้าแฟนคลับบ่อยๆ ก็พอจะคุ้นๆแหละ ถึงน้องจะไม่รู้จักชื่อ ไม่เคยคุยด้วย แต่น้องก็ดีใจทุกครั้งเวลามีคนเข้ามาทักทาย หรือมีของมาฝาก น้องรับรู้ถึงความรัก ความหวังดีที่บรรดาแฟนคลับ (ไม่ว่าบ้านไหนก็ตาม) มีให้เสมอ แต่แสดงออกไม่เก่ง
และด้วยธรรมชาติของน้องที่เป็นผู้ชาย และดันเป็นผู้ชายที่ขี้อายอีกตะหาก ถ้าไม่ชวนคุย น้องก็จะเฉยๆ ดูเหมือนเก๊กๆ แต่ถ้าใครชวนคุย น้องก็คุยด้วยนะ ใครถามอะไร น้องก็ตอบตลอด แล้วถ้าได้ชวนคุยบ่อยๆ น้องยิงมุกด้วยอ่ะ เริ่มเป็นกันเอง (แต่น้องไม่รู้หรอก อิป้าที่ตรูคุยด้วยคนนี้ชื่ออะไร มาจากบ้านไหน เว็บไหน)
อย่างเราเองส่องน้องมา 6 งาน เพิ่งได้คุยกับน้องไปประโยคเดียว "น้องหมากครับ กินไก่ทอดของพี่รึยังครับ" แค่น้องตอบกลับมาว่า "กินแล้วครับ อร่อยดี หมดแล้วด้วย" แค่นี้เราก็ดีใจแล้วค่ะ (แต่อย่าท้องเสียอีกนะน้อง เดี๋ยวพี่เสียเซ้ลฟ์) ...ถึงน้องจะคุยกับเรา แต่เรายังไม่คิดว่าน้องจะจำหน้าเราได้ 55555 ไม่เป็นไรนะจ๊ะ หมาก พี่จะพยายามเจียดเวลาโผล่หน้าไปให้น้องเห็นบ่อยๆเอง
และการที่ทีมส่องหมากกลับมาเล่าเหตุการณ์ที่ไปเจอน้องให้คนที่ไม่ได้ไปรู้ถึงบรรยากาศว่ามันเป็นยังไง บอกได้เลยว่ามันเป็นโอกาสที่พวกเราไขว่คว้ากันเอง ไม่ได้มีใครมาคอยจัดให้ เพียงแต่ผู้จัดการก็จะคอยดูแลว่าไม่ให้เกินเวลาที่น้องต้องไปทำงานต่อ หรือกลับไปพักผ่อนแค่นั้นเองค่ะ
น้องเซอร์วิสพวกเราได้ประมาณนึง ที่เหลือพวกเราก็ต้องปล่อยให้น้องไปมีชีวิตส่วนตัวบ้าง
จนถึงวันนี้ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า "ยอมรับในตัวตนของหมากและรักหมากที่หมากเป็นแบบนี้"
พวกเราจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่อคอยส่งน้องไปให้ถึงฝั่งฝันที่น้องต้องการเสมอ
หมากครับ รูปเบลอๆรูปนี้ จะชัดเจนในใจเจ้ตลอดไป ว่ะฮ่ะฮ่า