ผมว่าคุณตติกานต์ เดชชพงศ ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในแถลงการณ์ฉบับนี้ (จิ้ม) และเป็นคอลัมนิสต์เขียนบทความลงในหนังสือพิมพท์ไทยรัฐ ในความเข้าใจของผม(พยายามสลัดอคติออกไปเต็มที่) ตัวผู้เขียนคุณตติกานต์น่าจะเขียนบทความ "คราบเลือดใต้ท็อปบูต" (จิ้ม) ในเชิงตีวัวกระทบคราด เป็นการหยิบเอาเหตุการณ์ประเทศอื่นมาตีแสกหน้านาย(ก)...เฮ้ย ไม่ใช่!...มาเขียนเพื่อเทียบเคียงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยซะมากกว่า
ยิ่งผมดูหัวข้อเรื่อง "คราบเลือดใต้ท็อปบูต" คำๆ นี้ไม่ต้องบรรยายให้เมื่อยตุ้ม ร้อยทั้งๆร้อยก็ต้องรู้ว่าผู้เขียนไม่พิศมัยกับการปกครองภายใต้เผด็จการทหาร ถ้าให้ผมหยิบยกเหตุการณ์ของสาธารณัฐกินีในบทความนำมาเทียบเคียงวาดเป็นตารางแบบคร่าวๆ ก็จะได้ผลดังต่อไปนี้
สาธารณรัฐกินี
| ประเทศใคร(ไทย) | ... |
- | 19 ก.ย.49 รัฐประหารยึดอำนาจ และตั้งพล.อ.สุรยุทธ์เป็นนรม - มีการฉีกรัฐธรรมนูญ ยกเลิกองค์กรของรัฐ มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งคตส. ฯลฯ
| ประชาชน(พันธมิตร)ออกมาให้ดอกไม้ทหาร |
| มีการเลือกตั้ง โดยพรรคพลังประชาชนได้รับเลือกมากที่สุด
| |
ประธานาธิบดีเสียชีวิต 22 ธ.ค. 51
| มีการใช้ตุลาการธิไตย*(*อ.ชาญวิทย์)ล้มอำนาจบริหาร | ข้อเท็จจริงประเทศใคร 1. ตะหลิวพ่นพิษ 2. การปิดสนามบินพ่นพิษ
|
มีการยึดอำนาจ Christmas coup 24 ธ.ค. 51 - มีการประกาศยุบสภา ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยกเลิกสถาบันสำคัญของรัฐ และตั้งสภาแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยและการพัฒนา (National Council for Democracy and Development) ขึ้นแทน โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง
| พรรคพลังประชาชนถูกยุบ 2 ธ.ค. 2551
| ประชาชนกินีส่วนหนึ่งออกมาแสดงความยินดีที่มีการยึดอำนาจ
ประชาชน(พันธมิตร)ที่ยึดสนาบินโล่งใจมีคนมาพาดบันไดให้ลง ผู้สนับสนุนพันธมิตรอย่างเป็นทางการโล่งใจ ยิงทีเดียวได้นกสองตัวมากอดกัน
|
ทหารผู้นำยึดอำนาจแต่งตั้งคนของตนเองเป็นประธานาธิบดี | มีการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร | ประชาชนฝ่ายที่ไม่พอใจออกมาประท้วง |
28 ก.ย. 52 ทำการสลายการชุมนุม
| 13-14 เม.ย. 52 มีการสลายการชุมนุม 10 เม.ย.-19 พ.ค. 53 มีการขอคืนพื้นที่และกระชับวงล้อม
| มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก |
มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน
| มีการตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ โดยส่วนใหญ่แต่งตั้งพวกที่สนับสนุนตนเอง โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อความปรองดองแห่งชาติ
| ผลไม่มีความคืบหน้าใดๆ |
นายพลเซโกบายังดำรงอำนาจสูงสุดในกองทัพ และเป็นผู้มีอำนาจชี้ขาดตัวจริงในการปกครองประเทศ ซึ่งเซโกบาอ้างกับผู้แทนยูเอ็นว่าทหารที่ก่อเหตุเข่นฆ่าประชาชน "กระทำความผิดโดยพลการ" ไม่เกี่ยวกับคำสั่งสลายการชุมนุมของตัวเองแต่อย่างใด | นาย(ก)และผบ.ทบ.ออกมาปฏิเสธไม่มีการสั่งการสลายการชุมนุม
| คนสั่งลอยหน้า หุ่นเชิดลอยนวล
|
ฯลฯ | ฯลฯ | ฯลฯ |
ผมก็ได้แต่แปลกใจนะครับ ที่คุณเด็กรู้ทันหยิบยกบทความนี้มาเพื่อใช้กล่าวโจมตีคนเสื้อแดง แต่ผมว่าถ้าผู้อ่านที่มีใจเป็นกลาง การหยิบบทความนี้มานำเสนอมันจะย้อนไปเข้าตัวรัฐบาลนาย(ก)เต็มๆ
* ข้อความตัวเอน(เอียง) เป็นข้อความของคุณเด็กรู้ทันจากกระทู้ P9750581
ซึ่งผมเชื่อว่า หากเป็นจริงตามนั้น เหตุใดจนป่านนี้กลับไม่มีองค์กรณ์ระหว่างประเทศใดๆตื่นเต้นที่จะเข้ามากดดัน ให้รัฐบาลต้องรับโทษ ในความผิดการสังหารหมู่ เหมือนกับตัวอย่างในประเทศกินี ทั้งๆที่มีการจ้างทนายระดับโลกให้คอยโจมตี และล้อบบี้ตัวแทนนาๆชาติ มานานหลายเดือนแล้ว แต่กลับหน้าแตก และคว้านำเหลว ไม่เคยมีองกรใดๆโลกใส่ใจที่จะกล่าวถึงเหตุการณ์ในประเทศไทย จนทำได้เพียงแค่เสนอบทความด้านเดียวบิดเบือนไปเรื่อยๆ (มีคนเอามาให้อ่านในนี้บ่อย)
หลังเหตุการณ์ใหม่ๆ วันที่ 20 พฤษภาคม สภายุโรปประฌามความรุนแรงในไทย <<< คุณเด็กรู้ทันถ้าตกข่าว ผมก็ขอให้คุณเด็กรู้ทันลองใช้ google search keyword คำที่ขีดเส้นใต้ (link ไหนถ้าดูไม่ได้เพราะถูก ict block ก็ให้ทำการกดดู cache เอานะครับ มีทั้งคลิปและคำแปลไทย) ไหนจะเป็นแถลงการณ์ขององค์กรปกป้องสื่อ CPJ ไหนจะแถลงการณ์ขององค์กรสิทธิมนุษยชนที่เป็นของต่างประเทศรวมถึงของ UN ที่มีมากมายก่ายกอง (มีเยอะต้อง search เลือกดูเอาเอง)
ถ้าให้เลือกเอาแบบเนื้อๆ เน้นๆ ก็รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นที่บินมาเมืองไทย และรมต.กต.ญี่ปุ่นได้แวะมาเคารพศพนักข่าวญี่ปุ่นกันถึงสถานที่ที่นายฮิโรยูกิ มุราโมโต้ถูกยิงจนเสียชีวิตหน้ารร.สตรีวิทย์ถนนดินสอ (จุดนี้ไม่มีภาพกองกำลังชุดดำ) ดังนั้นข้อเขียนของคุณเด็กรู้ทันที่บอกว่าไม่มีองค์กรใดๆ ในโลกใส่ใจ จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องนะครับ
ส่วนกรณีนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัมส์ คุณทักษิณจ้างนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัมส์มาเป็นทนายความและทีมกฎหมายเพื่อปกป้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณทักษิณเองนะครับ สาเหตุหลักก็เพราะรัฐบาลนาย(ก)ได้ตั้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับในข้อหาที่ว่าคุณทักษิณเป็นผู้ก่อการร้าย นอกจากมีนายกษิตเป็นหัวหอกทีมไล่ล่าเดินทางไปประสานงา(ไม่มีน.หนู)กับประเทศต่างๆ ทางรัฐบาลก็ได้ส่งหมายจับคุณทักษิณไปยังหน่วยตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล กว่า 200 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นคุณทักษิณก็ย่อมมีอันชอบธรรมในการที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
และอีกหน้าที่หนึ่งของนายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัมส์ ที่ได้รับมอบหมายก็คือ การติดตามหาข้อเท็จจริงในกรณีที่รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุม ขั้นตอนนี้ก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกประเทศทำงานประสานงานกัน มีการตั้งทีมสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการดำเนินการต้องใช้ระยะเวลา ไม่ใช่ใช้ระบบกล่าวหาลอยๆ เร่งรีบรวดรัดสรุปในทันทีทันใด เหมือนที่รัฐบาลและศอฉ.หรือ DSI มักทำให้เห็นเสมอ อาทิ เกิดเหตุการณ์ปุ๊บก็กล่าวหาไว้ก่อน ตั้งธงก่อนแล้วหาหลักฐานมาประกอบทีหลัง จับใครได้ก็แถลงว่ารับสารภาพ ทั้งที่เจ้าตัวผู้ต้องหาก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย
1. การชุมนุมไม่ได้อยู่ในความสงบ ลุกล้ำสิทธิคนอื่น ทั้งปิดถนน บุกรุกสถานที่ราชการ ข่มขู่คุกคาม จนถึงทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ทำตัวอยู่เหนือกฏหมาย ผิดกับเหตุการณ์ในประเทศกินี ที่มีการจัดชุมนุมในสนามกีฬาอย่างสงบ
ผมก็ยอมรับว่าการชุมนุมโดยการปิดถนนได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น และผิดกฎหมาย แต่ผิดกฎหมายอะไรเราก็ต้องไปดูบทลงโทษตามกฎหมายนั้น ไม่ใช่การใช้กำลังทหารเข้าสลายด้วยอาวุธปืนสงคราม กรณีการบุกรุกสถานที่ราชการ (รัฐสภา) แม้จะมีที่มาที่ไปฝ่ายแกนนำจะอ้างว่ามีการโยนระเบิดแก๊สน้ำตาออกมา ผมก็ยังเห็นว่า สิ่งที่แกนนำอ้างนั้น "ฟังไม่ขึ้น" และผมเห็นด้วยที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย และผมก็ตั้งกระทู้เรียกร้องให้ยุติการชุมนุมก่อนที่จะเกิดความสูญเสียตามที่ผมคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าด้วย (จิ้ม1, จิ้ม2)
ในอดีตในปี 2550 ยุครัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ก็เคยมีตัวอย่างม็อบบุกรัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมาย (จิ้ม) ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องออกเป็นพรก.ฉุกเฉินร้ายแรง แล้วอาศัยข้ออ้างนี้มาใช้ในการกำจัดผู้ที่เห็นต่าง ทำการปราบปรามสลายการชุมนุม ซึ่งทำให้เห็นชัดว่ารัฐมีเจตนาที่จะใช้ความรุนแรงมาเป็นแนวทางในการจัดการตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นการประกาศพรก.ฉุกเฉินที่ไม่มีความชอบธรรมโดยรัฐบาลที่มีที่มาในการขึ้นสู่อำนาจที่ไม่ชอบธรรม (จิ้ม)
ส่วนการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ผมไม่ทราบว่าคุณเด็กรู้ทันหมายถึงเหตุการณ์ไหน ถ้าหมายถึงการชุมนุมแล้วทำให้ประชาชนเดือดร้อนที่เกิดจากผลกระทบที่มีการปิดถนนเพื่อชุมนุมผมก็คงไม่ขอแก้ตัวและยอมรับความจริง แต่ถ้าหมายถึงคนเสื้อแดงอยู่ดีๆ มีการใช้กำลังประทุษร้ายคนบริสุทธิ์ ผมก็อยากให้คุณเด็กรู้ทันมีการหยิบยกเหตุการณ์มาถกเป็นกรณีไป เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์มีที่มาที่ไปแตกต่างกันพอสมควร และต้องแบ่งแยกในเรื่องของเวลาให้ถูกก่อนว่า สิ่งไหนเกิดขึ้นก่อน สิ่งไหนเกิดขึ้นหลัง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ อาทิเช่น การปราบปรามสลายการชุมนุมไม่ว่าจะเรียกชื่อโก้เก๋อย่างไรก็ทำให้มีคนตายเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการเผาบ้านเผาเมืองเป็นต้น
เรื่องมีคนเสื้อแดงทำตัวอยู่นอกเหนือกฎหมายคงไม่ใช่ ใครทำผิด คนนั้นก็สมควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนใหญ่ผมก็เห็นคนเสื้อแดงมีแนวคิดแบบนี้ ถ้าชุมนุมแล้วผิดกฎจราจร หรือกฎหมายรักษาความสะอาดก็ว่ากันไป กระบวนการทางศาลก็มีทำไมไม่ใช้ให้ถึงที่สุดก่อน ไม่ใช่กล่าวหาว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย มีผู้ก่อการร้ายติดอาวุธ 500 คน แล้วทำการใช้กำลังทหารเข้าสลาย
2. มีกองกำลังติดอาวุธปะปน และคอยสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม ข้อนี้สำคัญ ปฏฺเสธไม่ได้ นอกจากภาพหรือคลิปที่มีให้ดู ที่ชัดๆก็คือตัวเลขเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตรวมกว่าร้อยนาย ทำให้เห็นว่า มีกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มีแค่มือเปล่าหรือหนังสติ้ก แต่มีการจับอาวุธสงครามเข้าต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าประเทศไหนก็คงไม่ยอมให้เกิดขึ้น
คุณเด็กรู้ทันมีหลักฐานตรงไหนที่ชี้ชัดว่ากองกำลัง(ไม่ทราบฝ่าย)ติดอาวุธปะปนและคอยสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นพวกเดียวกับคนเสื้อแดง ไม่ใช่มือที่สามพวกชุดเขียวที่เป็นปฏิปักษ์กับกองทัพเพราะเกิดความขัดแย้งภายใน หรือเป็นคนของรัฐที่มาวิ่งสร้างภาพให้สื่อถ่ายตามที่เสธ.แดงพูดไว้ และภาพชายชุดดำติดอาวุธสงครามและออกมาทำการปฏิบัติการมีการยิงปืนจริงใส่ทหารโผล่มาแค่วันที่ 10 เมษายน หนเดียว
ซึ่งเหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษาครั้งนั้นเอง ถึงเป็นเหตุที่ทำให้ทหารเสียชีวิตห้านายและบาดเจ็บเกือบร้อย(ตามข่าว) ส่วนเหตุการณ์ในช่วงระหว่าง วันที่ 13 พฤษภาคม - 19 พฤษภาคม คุณเด็กรู้ทันมีภาพชายชุดดำที่ยืนฝั่งผู้ชุมนุมและกำลังเล็งยิงอาวุธปืนสงครามไปทางฝั่งทหารเหมือนเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนหรือเปล่าครับ? ถ้ามีผมขอชมภาพนั้น ซึ่งตามปรกติกระทู้ที่พูดถึงเรื่องเหตุการณ์เมษาพฤษภาผมมักจะไม่พลาด ทำการขอชมภาพที่ว่ามาหลายกระทู้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครจัดให้ได้สักที
3. การปฏฺบัติการของเจ้าหน้าที่ ทีพยายามทำตามมาตรฐานสากล จะเห็นได้ว่าในช่วงแรก เจ้าหน้าที่ใช้แค่กระบองกับโล่ห์มาตลอด และเจ้าหน้าที่ก็หลีกเลี่ยงการปะทะ และความรุนแรงตลอดเช่นกัน แม้ทางผู้ชุมนุมจะพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงตลอดเวลา มีการทำงานจากเบาไปหนัก แต่ไม่เป็นผล จนมีเจ้าหน้าที่โดนผู้ชุมนุมทำร้าย ยึดอาวุธ ลามไปถึงมีการสังหารเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติ ทั้งยังมีการใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆทั้งอาวุธสงคราม ทั้งระเบิด ยุทธวิธีจึงจำเป็นต้องเพิ่มความรัดกุมขึ้นตามลำดับ จนสุดท้ายจำเป็นต้องใช้แม้กระทั่งรถหุ้มเกราะ เพื่อป้องกันการสูญเสียของทหารในการควบคุมความสงบ
ผมขอไล่เรียงลำดับเวลาตามข้อเท็จจริงแบบย่นย่อนะครับ
- ช่วงแรกๆ ที่ไม่มีการประกาศพรก.ฉุกเฉิน ทางฝ่ายรัฐก็มีการใช้ตำรวจมาดันกับผู้ชุมนุม ก็โอเคดี ไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ดันกันเสร็จ ต่างคนต่างยิ้ม แบ่งน้ำแบ่งท่าให้กันกิน พูดคุยโอภาปราศรัยกัน
- หลังจากการประกาศพรก.ฉุกเฉินความรุนแรงก็ทยอยตามมาทันที
- 9 เม.ย. เมื่อทหารเข้าไปที่สถานีไทยคมและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตัดสัญญาน คนเสื้อแดงก็เคลื่อนกำลังไปกดดัน เมื่อมีการปะทะกันดุเดือดเป็นครั้งแรก แม้จะมีเหตุการณ์เลือดตกยางออกบ้างเล็กน้อย แต่ภายหลังเหตุการณ์ก็ยังมีการจับมือ แบ่งน้ำแบ่งท่าให้กันกินระหว่างทหารกับผู้ชุมนุมเหมือนเดิม ส่วนอาวุธที่ยึดได้ในวันนั้น ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำอาวุธทุกชิ้นมาแสดงและทำการส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ เหตุการณ์ที่ไทยคมนี่มักมีการบิดเบือนข้อมูลโดยการบอกความจริงครึ่งเดียวว่า เสื้อแดงยึดอาวุธ แต่ไม่ยอมบอกว่าเสื้อแดงได้ทำการส่งมอบอาวุธคืน และการบิดเบือนก็ชอบอ้างว่า เสื้อแดงนำอาวุธนั้นมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่เป็นความจริง
- หลังจากเหตุการณ์ที่ไทยคม นาย(ก) ที่ออกมาพูดจะไม่ยอมแพ้ ต้องการเอาชนะออกอากาศทุกช่อง และทำให้เป็นที่มาของปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ด้วยอาวุธปืนสงครามและรถหุ้มเกราะในวันที่ 10 เมษายน ในวันรุ่งขึ้นในทันที
- เมื่อมีการสูญเสียจากการปะทะในค่ำคืนวันที่ 10 เมษายน นาย(ก) นายสุเทพ ศอฉ. ต่างโกหกว่าพอถึง 6 โมงเย็น ทหารได้หยุดปฏิบัติการแล้ว (ใน vcd ชี้แจงของศอฉ.ก็มีพูดเรื่องนี้) พอถูกจับได้เพราะจำนนต่อหลักฐานว่า หลัง 6 โมงเย็น ทหารยังคงปฏิบัติการต่อ ตอนที่นาย(ก)ตอบคำถามสนนท.ถึงค่อยเปลี่ยนเวลามาเป็นหนึ่งทุ่ม
- ตลอดวันที่ 10 เมษายน รถหุ้มเกราะโผล่มาตั้งแต่หัววันแล้ว ไม่ใช่ทหารเกิดความสูญเสียขึ้นก่อน และข้อเท็จจริงจากการปะทะ นายเกรียงไกร คำน้อยก็เป็นศพแรกที่ถูกยิงตั้งแต่ช่วงบ่ายจากการปะทะที่มัฆวาน การปะทะรอบค่ำ ก็ส่งผลให้คนเสื้อแดงทยอยกันเสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะมีระเบิดลงกลางวงทหาร จนเป็นเหตุให้มีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บ ชายชุดดำออกมาในช่วงนั้นเอง
- อาวุธที่ยึดได้ในวันที่ 9 เมษา มีการส่งคืนตามข่าว อาวุธที่ยึดได้ในวันที่ 10 เมษา ช่วงปะทะก็มีการทยอยลำเลียงไปที่หน้าเวที ไม่ใช่นำอาวุธที่ยึดได้ไปใช้ถล่มทหารตามที่ศอฉ.เคยชี้แจง หรือตามที่ DSI เคยแถลงจากคำให้การของนายเมธี ซึ่งนายเมธีเองก็มาหยิบอาวุธบนเวทีไปในภายหลังท่ามกลางเสียงห้ามปรามของผู้ที่พบเห็นเช่นกัน และจากข่าวที่ตำรวจสันติบาลนอกเครื่องแบบสามารถทำการจับเครื่องยิง M79 ได้ แต่ไม่สามารถจับผู้กระทำผิดได้ พร้อมกับเห็นหน้าชายชุดดำที่เตรียมอาวุธปืนมาเองนั่นเป็นเครื่องยืนยันว่า กลุ่มชายชุดดำมีอาวุธปืนเองอยู่แล้ว กรณีชายชุดดำเป็นใคร ทหารหรือพลเรือน เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงหรือไม่ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องพิสูจน์สืบสวน สอบสวน หาตัวมาดำเนินคดีลงโทษและขยายผล
4. ความจริงใจและความพยายามในการเปิดเจรจาของนายกรัฐมนตรี กับผู้ชุมนุม ชัดเจนว่านายกพยายามฟังข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ยอมลดทอนอายุรัฐบาลเพื่อให้ประเทศชาติกลับสู่ความสงบ ยอมลดลงเรื่อยๆ หลายๆครั้ง แม้จะมีสิทธิ์ในการบริหารต่ออย่างเต็มที่ จนต่างชาติชื่นชมในความเสียสละ ยกเปรียบว่าเป็นดังรัฐบุรุษ แต่ผู้ชุมนุมกลับก่อความไม่สงมากขึ้น คุกคามสิทธิ์ผู้อื่น ก่อความเสียหายต่อประเทศชาติมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถรอเวลาให้เนิ่นนานไปกว่านี้ได้
นั้น เป็นสิ่งที่ต่างชาติและองค์กรระดับโลก หรือผู้นำในเวทีโลกเห็น และเข้าใจต่อเหตุกาณ์ ทำให้นานาประเทศ ร่วมกันสนับสนุนแนวทางปรองดองภายใต้การนำของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่มีการกดดัน ไม่มีการโจมตี แถมกรัฐมนตรีก็ยังได้รับเกียรติจากนานาประเทศ ได้มีโอกาสได้ชี้แจงและทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์ในประเทศอยู่เสมอ จนฝ่ายค้านต้องออกมาเต้นหลายต่อหลายครั้ง
เหตุการณ์ ยังต้องหาข้อเท็จจริงต่อไป ทุกคนเชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตเพราะการปฏฺบัติหน้าที่ของทหาร แต่ผมก็เชื่อว่า ไม่ใช่ทั้งหมด และมีบุคคลบางกลุ่มมุ่งหวังล้มรัฐบาลด้วยการกระทำที่โหดเหี้ยม
ที่ สำคัญกลุ่มแกนนำที่พยายามถามหาความรับผิดชอบ น่าจะถามตัวเองด้วย เพราะคนที่ยุยงปลุกปั่นให้มีการกระทำนอกกฏหมาย แต่ตัวเองกลับหดหัวอยู่หลังโล่ห์มนุษย์ คอยเสพสุขด้วยตำแหน่งทางการเมืองหลักซากศพหากประสบความสำเร็จ คงจะต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่าจ่ายให้ศพละ 100,000 นะครับ
ความจริง เรื่องการปรองดอง เรื่องการยุบสภา ถ้ามีความตั้งใจจริง จะต้องไม่ใช่การยื่นคำขาด กำหนดเงื่อนเวลา ขีดเส้นใต้ นั่นไม่ได้เรียกว่าการเจรจา นั่นเรียกว่า การข่มขู่ มันก็เหมือนการบอกว่า ถ้านายไม่รับฉันก็จะปราบ และถ้าให้ถามหาความจริงใจของนาย(ก) ยังไม่นับรวมเรื่องความอดทนอดกลั้น ทีอย่างนี้ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลกลับเชื่อโดยบริสุทธ์ใจและสนิทใจว่า นาย(ก) จะทำตามคำพูดที่ให้ไว้จริง
พอทักษิณ พรรคเพื่อไทย หรือคนเสื้อแดงพูดเรื่องปรองดองพวกที่สนับสนุนรัฐบาลนี้กลับเชื่อว่าสร้างภาพ บลาๆๆ มิน่าไม่ว่าเรื่องโกหกบิดเบือนของรัฐบาลและศอฉ.เรื่องใด พวกก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ถ้ากระบวนการยุติธรรมในบ้านเรามันมีจริง การบริหารราชการแผ่นดินของนาย(ก)ขาวสะอาด บริสุทธ์ผุดผ่องจริง ซาอุคงไม่เล่นแรงถึงขนาดออกแถลงการณ์มาฉีกหน้าหน้ารัฐบาลและฉีกหน้านาย(ก)อย่างเนื้อๆ เน้นๆ ไปหนึ่งฉบับหรอก ว่างๆ คุณเด็กรู้ทันก็หัดไปอ่านบทความต่างประเทศที่เขาแปลเป็นภาษาไทยดูบ้างว่า คนต่างประเทศถ้าไม่มีเรื่องของมารยาททางการทูตเข้ามาเกี่ยวข้อง คนบ้านเขามองคน(ที่ไม่ใช่เสื้อแดง)บ้านเราอย่างไร
ปล. 1.เรื่อง อัลกออีดะห์ ถ้าเกิดพวกอัลกออีดะห์เขาได้ยินได้ฟังแล้วรู้สึกไม่ขำด้วย ไอ้ที่ตูมตามเป็นของเล่นสร้างสถานการณ์ในกรุงเทพโดยไม่มีใครบาดเจ็บหรือล้มตาย ระวังจะกลายพันธุ์เป็นของจริงจากผู้ก่อการร้ายตัวจริง เสียงจริง อย่างอัลกออีดะห์แล้วจะหนาว
2. เห็นเพื่อนสมาชิกที่ยืนอยู่คนละข้างตั้งกระทู้บางท่าน แล้วทำให้ผมนึกถึง log in เด็กแนวหนอน (เชียร์เหลืองแต่หัวใจแดง) แต่ก็มีหลายท่านที่เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลจริง (เหลืองทั้งตัวและหัวใจ) จึงทำให้ผมคิดไม่ถึงว่า ผู้สนับสนุนรัฐบาลกลับทำตัวเป็นเด็กแนวหนอน แนวร่วมมุมกลับ ที่ตั้งกระทู้เปิดช่องโหว่ เหมือนจงใจเสียบสะกัดในเขตโทษเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้ลูกจุดโทษ และรอให้ฝ่ายตรงข้ามวิ่งเข้ามาซัดเต็มเหนี่ยวทำสกอร์
3. เรื่องเหลือบหากินกับคนตาย ยิ่งมีการเปิดเผย ผมยิ่งชอบครับ ความจริงอะไรที่มันสกปรก ก็สมควรที่จะได้รับการชำระทำความสะอาดกำจัดทิ้งฉันใด เหลือบที่มันเกาะกินกับประชาชนและประเทศไทย เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องชำระล้างทำความสะอาดกำจัดทิ้งไปเช่นเดียวกันฉันนั้น