 |
หุ้นขึ้น เงินบาทแข็ง จุกอกใครกันแน่?{แตกประเด็นจาก P9803896}
|
 |
คุณคนชาย เราไม่อยากจะเชื่อว่า คุณจะดีใจขนาดนี้ คุณเล่นหุ้นเหรอคะ? ถ้าเล่นหุ้นและไม่ใช่ผู้ส่งออก บอกได้เลยว่า แมงเม่าอย่างพวกคุณ นอกจากจะรอวันตายแล้ว ยังเห็นแก่ตัวแบบสุดๆ
หุ้นขึ้น เงินบาทแข็ง (โป๊ก) ขนาดนี้ มันไม่ได้จุกอกใครหรอกค่ะ มันจะจุกอกรัฐบาลอภิสิทธิ์ นั่นแหละคนแรกเลย มัวแต่ปิดหูปิดตา ประชาชนด้วยตัวเลข GDP สวยๆ หรูๆ ตัวเลข ดีๆ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงๆ อยู่ได้
ลองสิ ลองปล่อยให้ทะลุพันจุดสิ....แล้วจะหนาว... ชาวบ้าน ชาวเมือง นักวิชาการ ประธานสมาคม ที่เกี่ยวกับการส่งออกเขาเริ่มเต้นกันแล้ว บางคนพูดยาวเลยเถิด ตกอกตกใจไปถึงขั้นจะเป็นวิกฤติต้มยำกุ้งโน่น...
คุณยังจะมาตั้งกระทู้เยาะเย้ยใครอยู่เหรอคะ? คุณไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้วง...เพราะถ้ารัฐบาลมัวแต่โกหกประชาชนด้วยตัวเลขอยู่แบบนี้ รัฐบาลชุดนี้ ก็เตรียมจอบเตรียมเสียม ขุดหลุมฝังตัวเองไปได้เลย.. หรือไม่แน่ จอบกับเสียอาจไม่พอ เพราะขุดได้ไม่ลึก ต้องใช้รถขุดรถตักมาขุดหลุมเพื่อกลบตัวเองเลยทีเดียว บอกได้เลยว่า ถ้าแก้ปัญหา หุ้นขึ้น เงินบาทแข็งไม่ได้อยู่แบบนี้... "อย่าได้หวังจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ"
ไม่อยากจะเชื่อ อะไรกันเนี่ย หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ คุณยังไม่ดูตาม้าตาเรือ มานั่งดีใจกับหุ้นขึ้น บาทแข็ง กันอยู่อีก รักก็รักให้ถูกทางหน่อยค่ะ มันจะล่ม จะจมอยู่แล้วก็อย่าหน้ามืด ตามัว ปรบมือเชียร์กันอยู่เลย... สงสารเพื่อนร่วมชา่ติ คนอื่นๆ ที่เขาต้องมาฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุนี้ด้วยเถิด
ขอร้องล่ะค่ะ เห้นใจกันบ้าง..... มันจะพังกันทั้งหมดอยู่แล้วนะ รู้บ้างหรือเปล่า??
โอ๊ย ตั้งแต่ปฏิวัติมาเนี่ย มันมีอะไรดีขึ้นกันบ้าง บ้านเมืองเราผิดพลาดกันตรงไหนคะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ ทำไมมันแย่ ถอยหลังลงคลอง ลงเหว ไปกันแบบนี้....
เรียนทั่นนายก..เห็นหรือยังคะว่า ถ้าคุณรู้จักวางแผนการใช้เงิน ดอลล่าร์เท่าไหร่ บาทเท่าไหร่ ถ้าคุณรู้จักคิดนโยบายใหม่ๆ โปรโมทโครงการหาเงิน ถ้าคุณหัดทำงานบ้าง... เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดการใช้เงินบ้าง ไรบ้าง เงินมันคงไม่กองอยู่ในประเทศมากมายขนาดนี้.. จะทำไงล่ะทีนี้ ฮึคุณรมต. ดีเด่นของโลก คุณนายกคนดี หุ้นพันจุด บาทลงไปจะ 28 อยู่แล้ว...
เฮ้อ ว่าแล้วก็นะ....ไปเที่ยวเมกาประชดเงินบาทกันดีไหมพวกเรา....ฮิ้ว......
คุณหมูกระแทก ถ้าผ่านทางมา รบกวนชี้ทางสว่างปัญญา ให้กับแมงเม่าและผองเพื่อนด้วยนะคะ ดิฉันละเหี่ยใจจะเคลียร์ เพราะพูดหมดไปแต่แรกที่ถกกันเรื่อง GDP แล้วว่า ที่มันโต ฮวบๆ อยู่นี่ มันโตเพราะส่งออก ซึ่งเป็ฯส่งออกแบบเราใช้จมูกคนอื่นหายใจ แล้วเป็นไงล่ะทีนี้.. ญี่ปุ่นเขาเชี่ยว เขาเก่ง เขารู้จักจัดการเงินของเขา เขารู้ว่าต้องซื้อของยังไง จ่ายเงินยังไง ตรงไหนดอลลาร์ ตรงไหนบาท เขาเอาตัวรอดได้ ืเขาไม่เดือดร้อน.... แต่คนเดือดร้อนคือใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ผู้ประกอบการไทยที่ส่งของไปขายให้อ้ายกัน..... นั่นต่างหากคนเดือดร้อนตัวจริง...
หึหึ บาทแข็งโป๊ก อ้ายกันก็ไม่อยากปล่อยดอลลาร์ เพราะของมันแพงขึ้น รัฐบาลก็เพิ่งคิดได้มาลดภาษีการนำเข้าเครื่องจักร (น่าจะทำตั้งนานแล้ว) แต่มาลดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ไม่มีออร์เดอร์เข้ามาแล้ว ใครเขาจะมาเพิ่มเครื่องจักร
คุณคนชาย.... เราก็เห็นพวกเสื้อเหลืองหรือคนตรงข้ามแดง หรือคนที่เชียร์รัฐบาล เขาอ้างอิงจาก OKnation blog อยู่เรื่อย ทำไมก่อนตั้งทู้นั้น คุณคนชายไม่อ่าน Blog นี้บ้าง....นะ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=72116 เขียนไว้ตั้งแต่สองปีก่อน มาตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน... ทำไมเขาจึงต้องระวัง...เคยคิดบ้างไหม
เราว่าพวกคุณนั่นแหละที่จะจุกอกกันเสียเองจากวิกฤต หุ้นขึ้น บาทแข็ง ครั้งนี้... รู้ไว้เลย
บาทแข็ง-หุ้นขึ้น ใครได้...ใครเสีย?
Posted on Thursday, October 14, 2010 | ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนและระบบเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่ม ดังนั้นการรับมือกับเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามา และการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชีย จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย แต่ต้องดูแลภาคเศรษฐกิจจริงให้พร้อมรองรับกับความผันผวน ด้วยแผนการปรับตัวในระยะยาว เพราะเชื่อว่าแนวโน้มของเงินทุนต่างชาติจะยังคงทยอยไหลเข้ามาในเอเชียต่อ เนื่องอีกนานนับ 10 ปี
การปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นจำเป็นต้อง มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งรองรับและเติบโตควบคู่กันไป เพราะหากหุ้นขึ้น แต่เงินบาทแข็งค่า ผลเสียย่อมวกกลับมาทำร้ายภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงได้ ทั้งนี้รัฐจำเป็นต้องหาจุดสมดุล ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรองรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ยังเป็นการพิสูจน์ถึงความร่วมมือของภูมิภาคในการแก้ ปัญหาระดับโลก เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาเป็นตัวสะท้อนถึงทิศทางการลงทุนของประเทศได้ อย่างชัดเจน และไทยจำเป็นต้องหันไปลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปของธุรกิจหรือการลงทุนส่วนบุคคล
ไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย บอกว่า รู้สึกน้อยใจ เพราะได้พยายามสะท้อนให้รัฐบาลเห็นปัญหาเรื่องเงินบาทแข็งค่ามานานนับ 6 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจ พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า แม้มูลค่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวมากกว่า 20% แต่หากพิจารณาลงไปในรายละเอียดแล้วจะพบว่า กลุ่มที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไม่ได้ขายสินค้าได้มากอย่างที่เข้าใจกัน และทุกวันนี้พยายามประคองตัวให้ขาดทุนน้อยที่สุด
ไพบูลย์ย้ำว่า เงินทุนที่ต่างชาตินำเข้ามาลงทุนในประเทศไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์กับภาค เศรษฐกิจที่แท้จริง และมั่นใจว่าในไม่ช้าผลกระทบจะถูกส่งผ่านไปยังกลุ่มต้นน้ำในกระบวนการ ผลิตอย่างแน่นอน เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่เพียงแค่ผู้ส่งออกทำกำไรได้น้อยลง แต่อยู่ที่ภาพรวมของการลงทุนของประเทศ ที่กฎระเบียบยังไม่เอื้ออำนวยต่อการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไปลงทุนต่าง ประเทศ อีกทั้งไทยยังการขาดกำลังในการต่อรองในเวทีโลก และยังไม่สามารถใช้กลไกการต่อรองในฐานะประชาคมอาเซียนได้อย่างมีพลังเพียงพอ ดังนั้นจึงอยากเห็นรัฐบาลเข้ามาช่วยนำร่องในการแก้ปัญหาแก้ไขอุปสรรคทางการ ค้าและปกป้องผู้ส่งออกให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน |
=======================
อ่ะ เข้ามาแก้ไขครั้งที่ 3 ไปเอาที่เคยเขียนไว้มาแปะ http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2010/08/P9600728/P9600728.html
มาดูที่ตัว I (INVEST Value of Expenditures on Investment) คือ การลงทุนภาคเอกชน ถ้าหากใครได้เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เมื่อราวอาทิตย์ที่แล้วที่บอกว่า ทุกวันนี้แบงก์ไม่มีลูกค้าใหม่เลย สินเชื่อที่ปล่อยอยู่นี้ก็เป็นลูกค้าเก่าที่มาเบิกเงิน OD หรือเงินหมุนเวียนธรรมดา มันสามารถสะท้อนได้ว่า ทั้งลูกค้าและแบงก์ต่างก็ไม่มั่นใจด้วยกันทั้งคู่ แม้แต่นายแบงค์กรุงเทพฯ เองก็เถอะ (อ่านเพิ่มเติมข่าวใกล้เคียงจากที่นี่ “แบงก์ ชี้สินเชื่อโตแต่ลงทุนใหม่ไม่ฟื้น ธุรกิจแห่ใช้"working capital"ดันยอดปล่อยกู้พุ่ง” )
สำหรับนักลงทุนต่างชาติเขายังสนใจประเทศไทยอยู่หรือไม่? แน่นอน ว่า ดัชนีตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นเพราะนักลงทุนต่างชาติขนเงินเข้ามาก็พอจะสะท้อนการ ลงทุนจากต่างประเทศได้บ้าง แต่ถ้าเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์คงที่อย่างเช่นการตั้งโรงงานหรือการตั้ง กิจการแล้ว การเติบโตของตลาดหุ้นไม่ได้สะท้อนถึงการจ้างงานของประเทศที่ส่งผลกระทบต่อ เงินในกระเป๋าที่จะมาจับจ่ายใช้สอยต่อไป
ส่วนอันนี้ จากทู้นี้ http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2010/08/P9608873/P9608873.html
เราไม่ควร พึ่งพาการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะหันมากระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ในประเทศเพื่อเฉลี่ยน้ำหนักระหว่าง อะไรที่เป็นของตัวเราเอง กับอะไรที่ต้องพึ่งพาคนอื่น
อ่านแล้วจุกไหมคะ???
แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 53 19:13:49
แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 53 18:56:56
แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 53 18:50:10
จากคุณ |
:
SassyKate
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ต.ค. 53 18:34:15
A:115.87.20.123 X:
|
|
|
|  |