ขออนุญาตตั้งกระทู้ที่มีหัวข้อย่อยหลายอัน แต่จะพยายามให้กระชับ ดังต่อไปนี้นะครับ
1.ขอท้วงติงคุณ SassyKate อีกสักนิดเรื่องสัญชาติ
ข้อมูลในกระทู้ P10248717 ที่คุณยกมาเป็นคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ข่าวสดที่เห็นได้ชัดคนเขียนไม่ใช่นักกฎหมายหรือ คนที่พอจะมีความรู้ทางกฎหมายเลย เพราะไปยกข้อความในวิกิพีเดียมาอ้างอิง ไม่ได้มีการอ้างอิงหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หรือบทกฎหมายใดๆ ไม่รู้จักแยกแยะระหว่าง citizenship ที่กฎหมายกำหนดให้มาร์คมีสิทธิได้ กับสถานะสัญชาติ หรือ Nationality ซึ่งมาร์คมีสิทธิจะขอ (ทางกฎหมายถือว่าเป็นคนละส่วนกัน) อีกประการคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์แบบนั้นนะ มีอคติทางการเมืองแฝงอยู่ จะ เขียนไปอย่างไรก็ได้ หากคนอ่านไม่มีวิจารณญาณก็จะเกิดความเข้าใจผิดได้
คอลัมน์แบบนั้น จึงไม่สามารถเอาไปอ้างอิงที่ใดๆเพื่อใช้งานที่ใดๆได้ ส่วนบทความที่ผมเคยยกมานั้นไม่ทราบได้ไปอ่านดูหรือยังครับ หากอ่านแล้วคุณจะเห็นได้ว่าเป็นบทความทางวิชาการกฎหมาย ที่มีลงไว้สำหรับคนที่สนใจกฎหมายโดยลงไว้นานแล้วตั้งแต่ปี 2551 ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น และเป็นการบรรยายทางกฎหมายในเรื่องสัญชาติ ในกรณีทั่วไป จึงถือได้ว่าเป็นกลางไม่มีอคติทางการเมือง และสามารถนำไปใช้อ้างอิงต่อได้อย่างแท้จริงครับ บทความนี้บรรยายไว้ชัดว่าสัญชาติเป็นสิทธิที่คนจะเลือกถือ (คลิก) หรือ อ่านของดร.พันธุ์ทิพย์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ก็ได้ ใจความๆได้แบบเดียวกัน (คลิก)
ในความเป็นจริง มีชาวต่างชาติมาคลอดในเมืองไทยทั้งฝรั่งยุโรป ฝรั่งอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ฯลฯ อย่างถูกกฎหมายปีละไม่น้อย ดังจะมีตัวอย่างคนที่เขาคลอดถกกันในตัวอย่างฟอรั่มฝรั่งคลอดเมืองไทยเขามาถก กันคลิกอ่านดูสิครับ ไม่มีใครที่มาคลอดในไทยแล้ว พบว่ามีการบังคับให้ลูกเขาต้องถือสัญชาติไทยเพราะมาเกิดเมืองไทยสักคน ( คลิกอ่าน) แม้กฎหมายไทยก็เหมือนกับกฎหมายอังกฤษปี 1948 คือเกิดบนผืนแผ่นดินไทยก็จะได้สัญชาติไทย ดังนั้น หากสัญชาติเป็นสิ่งที่รฐประทับให้คนได้โดยไม่ต้องให้เขาขอ ฝรั่งหรือคนต่างชาติเหล่านี้ เกิดมีลูกในเมืองไทยจะโดนประทับตราว่ามีสัญชาติไทยไปหมดแล้ว
แต่หลักกฏหมายระหว่างประเทศและสหประชาชาติบัญญัติว่า "สัญชาติเป็นสิทธิของบุคคล" เป็นสิทธิพื้นฐานที่บุคคลมีเสรีภาพจะเลือกถือเอาหรือไม่ก็ได้ รัฐไม่สามารถบังคับประทับตราเอาได้ หากสัญชาติเป็นสิ่งที่รัฐประทับเอาได้อย่างที่พวกคุณเข้าใจกันผิดๆ ปานนี้ชาวต่างชาติที่มาคลอดลูกเป็นผู้ชายในเมืองไทยคงต้องมารับการเกณท์ทหาร เป็นแถว ตามพระราชบัญญัติ รับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่บัญญํติว่า มาตรา ๗ ชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมาย มีหน้าที่รับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน
หากการประทับสัญชาติเกิดโดยอัตโนมัติ ตามที่เชื่อกันผิดๆแบบนั้น ปานนี้ คงมีฝรั่ง อินเดีย ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ มาเป็นทหารเกณท์ในไทยกันตรึมไปแล้วครับ
อนึ่ง เหตุที่สัญชาติถือเป็นสิทธิให้บุคคลเลือกนั้น เพราะการใช้สิทธิเลือกสัญชาติใด ย่อมจะก่อให้เกิดความผูกพันต่อรัฐนั้นและมีหน้าที่ต่อรัฐที่ตนขอใช้สิทธิสัญชาติ แต่รัฐต่างๆมีหน้าที่และกฎเกณท์ให้บุคคลในสัญชาติของตนแตกต่างกันไปตาม กฎหมายภายในของตน ดังนั้น บุคคลจึงต้องเลือกเอาเองว่าจะเข้าไปอยู่ในสัญชาติใดเพื่อรับหน้าที่ที่รัฐนั้นจะมีมอบให้
2. ขอแย้งคุณ NemoAtlantis เรื่องสัญชาติอังกฤษ
เกรงว่าในกระทู้ของคุณนั้น ตีความแบบชาวบ้านไปหน่อย ตีความกฎหมายเรื่องสัญชาติแบบผิดไปจากหลักกฎหมายระหว่างประเทศแบบนั้น แต่ก็เป็นสิทธิของคุณครับ แต่หลักของสหประชาชาติก็ดี กฎหมายยุโรปก็ดี หรือจากหลักของกฎหมายระหว่างประเทศที่มีมานานแล้วก็ดี "สัญชาตินั้นถือเป็นสิทธิ"ของบุคคลที่จะใช้ หากคุณยังจะเถียงว่าไม่ใช่สิทธิ ก็กรุณาแจ้งมาสักหน่อยมันเป็นอะไรตามกฏหมาย เป็นหน้าที่หรือครับ ?
ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตย รัฐย่อมไม่สามารถบังคับบุคคลให้ใช้ หรือไม่ใช้สิทธินั้นได้ และเรื่อง"สัญชาติเป็นสิทธิ"ที่บุคคลจะเข้าใช้นั้น ผมไม่ได้ว่าเอาเองนะครับ มันมีในบทความวิชาการทางกฎหมายปี2551ที่ผมยกมาให้อ่านเมื่อวานนี้ (คลิก) หรืออ่านจากความเห็นของนักกฎหมายอีกท่านคือ ดร.พันธุ์ทิพย์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ผมแจ้งคุณSassykate ไว้ข้างบนก็ได้
อนึ่ง ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง สิทธิ นี้เป็นพื้นฐานความรู้ทางกฎหมาย หาก คุณไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง สิทธิ แล้ว ก็ป่วยการที่จะถกกันในกฎหมายครับ เพราะแสดงว่าวุฒิทางกฎหมายของคุณ คงไม่พอเพียงเสียแล้ว
3.ตอบกระทู้ หนี้IMF ก่อนทักษิณจะมาเป็นนายก โดย คุณก๊อต29 (P10249762)
เกรงว่าที่คุณทราบมาจะไม่ใช่เรื่องจริงครับ เพราะตามข้อเท็จจริงรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ขอกู้เงินไอเอมเอฟมาเพื่อชดเชยเงินสำรองระหว่างประเทศที่หมดไปในช่วงปี 2539 โดยขอกู้ไอเอมเอฟไว้ 2.9 พันล้าน SDR หรือเท่ากับ 4 พันล้านเหรียญ สรอ. เงินที่ขอกู้นี้ทยอยเข้ามาตั้งแต่สมัยปลายรัฐบาลพล.อ.ชวลิต เข้ามาถึงรัฐบาลชวน (คลิกรายละเอียด) ปรากฏว่าการบริหารงานรัฐบาลชวนทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เกือบจะติดลบไม่พอใช้จ่าย กลับพลิกมาเพิ่มสูงขึ้น ภาระหนี้ในตลาดเงินล่วงหน้าได้รับการบริหารจัดการจนลดลงจาก 18,005.80 ล้านเหรียญสรอ. เหลือ 485 ล้านเหรียญสรอ. เท่านั้น (รายละเอียดเงินสำรองระหว่างประเทศ และภาระหนี้ผูกพันในตลาดล่วงหน้าดาวน์โหลดได้จากลิงค์นี้ คลิก )
ในเวลานั้น รัฐบาลชวนจึงหยุดการนำเงินไอเอมเอฟที่พล.อ.ชวลิตไปขอกู้ไว้ และมีการนำเงินไอเอมเอฟเข้ามาจริงๆแค่ 2.5 พันล้านSDR หรือ 3.5 พันล้านเหรียญสรอ.ไม่ถึง 4 พันล้านตามที่แจ้งขอสมัยชวลิต ในปลายปี2543 ในรัฐบาลชวนนั้น ไทยมีเงินทุนสำรองถึง 31,933.20 -2,078 หรือเท่ากับ 29.855 พันล้านเหรียญสรอ. ในขณะที่หนี้เงินกู้ไอเอมเอฟในเวลานั้นมี 3.5 พันล้านเหรียญสรอ. ดังนั้น เงินทุนสำรองระหว่างประเทศในปลายสมัยรัฐบาลชวนจึงเพิ่มเติมเต็มจากปี 2539-2540 ที่เงินทุนสำรองไม่พอเพียง มาเป็นมีมากเหลือเฟือ พอจะชำระหนี้ไอเอมเอฟได้สบาย และในปลายปี 2543 รัฐบาลชวนก็ทยอยชำระหนี้งวดแรกไปให้ไอเอมเอฟ 200 ล้านเหรียญสรอ.
ส่วนกำหนดการชำระเงินไอเอมเอฟตามสัญญากู้นั้น คือภายในปี 2547 แต่รัฐบาลทักษิณชำระให้หมดก่อนในปี 2541 เร็วไปราว 1 ปีเท่านั้น ไม่ใช่ เร็วไป 20 ปีครับ
4. ตอบคุณ iamdanai
ผมเคยทราบมาจากกระทู้เมื่อเร็วๆนี้คือ P10197735 และ P10197421 ว่าคุณโดนแบนไป 30 วัน ผมเพิ่งมาเห็นกระทู้คุณเมื่อคืนก่อนที่ P10246151 ผมยังสงสัยเลยว่าคุณมาตั้งกระทู้ถามผมทำไม เพราะผมไม่ได้สนใจถกเรื่องในกระทู้ของคุณ อนึ่ง ผมคงไม่ได้ว่างมาเฝ้าหน้าจอคอยเฝ้าบอร์ดการเมืองอย่างคุณกระมังครับ ผมเข้ามาอ่านและโพสต์ได้เป็นครั้งเป็นคราวเมื่อว่างจากงานประจำของผม อยากการโพสต์ก็ต้องให้เสร็จงานประจำ หรือบ้างวันก็ต้องเคีลยร์งานที่บ้านก่อน ดังนั้น เอาเป็นว่าหากคุณตั้งกระทู้ก็ช่วยส่งข้อความมาเชิญก็จะดีมาก เพราะผมอาจจะไม่เห็นกระทู้ของคุณก็เป็นได้ หากผมได้รับข้อความแล้วและผมเห็นว่ากระทู้น่าสนใจใน ผมก็จะตอบให้
5. ข่าวดีสำหรับคนไทย
คาดว่ารายงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยในไตรมาส ที่สี่ ปี 2553 และสรุปสภาวะเศรษฐกิจทั้งปี 2553 น่าจะออกมาในสัปดาห์หน้า เพราะปกติจะออกมาในราววันที่ 20 กว่าๆของเดือนกุมภาพันธ์ ในเวลานี้ข่าวเศรษฐกิจการเมืองที่ยังมีปัญหาน่าจะเป็นเรื่อง น้ำมันปาล์มขาดตลาดและมีราคาแพง ซึ่งตามข่าวแจ้งว่าสุเทพกำลังเข้าไปดูแก้ไข ส่วนเรื่องการชั่งไข่ขายแม้ในเวลานี้จะดูไม่ได้ผลมากนักแต่คงต้องรอดูผลการ ตอบสนองของตลาดอีกสักพัก หากไม่ได้รับการตอบสนองก็คงต้องยกเลิกไปและรัฐคงต้องหามาตรการทางการตลาด อื่นๆมาเสริมเพื่อลดราคาไข่ไก่
ในเวลานี้ ทีข่าวดีทางเศรษฐกิจสำหรับคนไทยบางข่าวขออ้างอิงถึงคือ สอท. เผย ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน มค. 54 เพิ่มขึ้น แตะ 112.7 ต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน จาก ราคาสินค้าเกษตร ตรึงดีเซล ฯลฯพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้น ที่ ระดับ 112.7 จากระดับ 109.7 ในเดือนธันวาคม 2553 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน โดยค่าดัชนีอยู่ในระดับสูงกว่า 100 แสดงว่าผู้ประกอบการ มีความเชื่อมั่นในระดับที่ดี.....อ่านต่อเองครับ คลิก
คงจบอภิปรายไว้เท่านี้ ขอสรุปอีกทีครับว่า เรื่องมาร์คนะ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศหรือของสหประชาชาติ หากมาร์คไม่ได้ใช้สิทธิ์ถือสัญชาติอังกฤษมาร์คย่อมไม่มีสัญชาติอังกฤษครับ เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงตามหลักกฎหมาย และอธิบายได้ว่าทำไมมาร์คและคณะที่ปรึกษากฎหมายจึงไม่เดือดร้อนใจอะไรในเรื่องนี้ เพราะคงได้มีการทวนเช็คข้อกฎหมายระหว่างประเทศกันไปแล้ว แต่สมาชิกท่านใดไม่สบายใจ อยากจะเชื่ออย่างที่ฝรั่งเขาหลอกเอาไว้ ก็เชิญได้ครับ เพราะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของท่านครับ ที่เต็มใจจะให้เขาหลอกนะครับ
คงเท่านี้แหละครับ

เข้ามาแก้คำผิด และเพิ่มเติมรายละเอียด
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 54 20:35:46
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 54 20:26:38
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 54 19:30:56
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 54 19:23:01