Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกร็ดประจำวัน ติดต่อทีมงาน

ต่อมาจากhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P11428782/P11428782.html

 

วาทะแห่งวัน

ยอมรับเถอะครับว่าพวกคุณไม่ได้กลัวทักษิณโกง
แต่คุณกลัวทักษิณไม่ยอมให้พวกคุณโกงมากกว่า
                                                       Lamerma

ทหารยุคนายกปู ประชาชนจึงได้รักพอๆ กับรักนายกปู
ส่วนยุคก่อนหน้าเป็นอย่างไรคงไม่จำเป็นต้องพูด
                                                       สุดยอดเซียน
***********************************************************

ภาระฟื้นฟูประเทศ

ปี 2554 มี 5 พายุเข้าประเทศไทย
ปลายเดือนมิถุนายน (ประมาณวันที่ 26)
พายุแรก “ไหหม่า” สลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเข้าประเทศไทย
ปลายเดือนกรกฎาคม
พายุสอง “นกเต็น” ลดระดับเป็นดีเปรสชั่นเข้าประเทศไทยหนึ่งวัน ถึงจังหวัดน่าน แล้วสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ
ระหว่างปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคม (ประมาณวันที่ 23 กันยายน-5ตุลาคม)
พายุสาม “เนสาด” ออกจากฟิลิปปินส์ไปทางตอนเหนือเกาะไหหลำแล้วพัดเลยเข้าจีนไป ไม่ได้เข้าประเทศไทยโดยตรง
พายุสี่ “ไห่ถาง” สลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำที่ลาวก่อนเข้าไทย
พายุห้า “นาลแก” สลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำที่ลาวก่อนเข้าไทย
ทั้งห้าพายุมีเพียงพายุสองคือ “นกเต็น” เท่านั้นที่ยังคงความเป็นพายุขณะเข้าประเทศไทย

ระยะเวลา 4 เดือน ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ปี 2552 และปี 2553
รัฐบาลอภิสิทธิ์ปล่อยน้ำจากเขื่อนประมาณ 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อเดือน รวม 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ปี 2554
รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนเหมือนสองปีที่ผ่านมา

การอภิปรายในสภาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554
มีการเปิดคลิปเกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์ขณะเป็นรัฐบาล
แสดงให้ทราบว่า นายอภิสิทธิ์สนใจ ติดตาม และศึกษา ข้อมูลปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ เป็นอย่างยิ่ง
วันที่นายอภิสิทธ์ประกาศยุบสภา 9 พฤษภาคม 2554
ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ต่ำกว่าระดับเก็บกักต่ำสุด
วันเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554
ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์สูงประมาณครึ่งเขื่อน
วันที่รัฐบาลใหม่แถลงนโยบายเสร็จสิ้น 25 สิงหาคม 2554 สามารถเริ่มปฏิบัติงานได้ตามรัฐธรรมนูญกำหนด
โดยที่มีการพยายามจะยื่นถอดถอนรัฐบาลใหม่ หากเริ่มปฏิบัติงานก่อนแถลงนโยบาย
ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เกือบเต็มเขื่อน
วันที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จัดตั้ง ศปภ. ในเดือนตุลาคม 2554
ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เต็มเขื่อน

โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
ในวันที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์แถลงนโยบายเสร็จสิ้น ระดับน้ำเก็บกักยังไม่ถึงระดับสูงสุด
และตามรัฐธรรมนูญ มีข้อยกเว้นว่าหากมีความจำเป็นอันสำคัญ
รัฐบาลสามารถปฏิบัติภารกิจไปพลางก่อนได้ แม้ยังแถลงนโยบายไม่เสร็จสิ้น

ด้วยมาตรฐานของประเทศดังที่เพิ่งผ่านมาในช่วงไม่กี่ปีนี้
หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ปฏิบัติภารกิจก่อนแถลงนโยบาย
จะรอดพ้นชะตากรรมถูกถอดถอนหรือไม่ ?

ปี 2554 เกิดวิกฤติประเทศอีกครั้ง เป็นวิกฤติน้ำท่วมปริมาณมหาศาลที่สุดที่เคยมีมา
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด จงใจ หรือผิดพลาด หรือฉวยโอกาสซ้ำเติมให้สถานการณ์หนักหนาสาหัส
อนาคตข้างหน้า สักวันหนึ่ง ความจริงจะปรากฏ

ในช่วงเวลาที่พรรคการเมืองหนึ่งไม่อาจอยู่เป็นรัฐบาลได้ วิกฤติครั้งนี้ก็เกิดขึ้น ก่อนพรรคการเมืองนั้นจะผละไป
พรรคเพื่อไทย โดยนายกรัฐมนตรีหญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องรับภาระหนักฟื้นฟูประเทศ
แต่เธอมีทีมงานและประชาชนเคียงข้าง
รวมถึงคนเสื้อแดงที่เป็นมวลมหาประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ
เป็นคนเสื้อแดงที่จะจารึกเกียรติประวัติไปในประวัติศาสตร์
จารึกไปในตำนานแห่งประเทศไทย
ที่อาจกลายเป็นสัญญลักษณ์แห่งการผนึกพลังประชาชนเพื่อชาติบ้านเมือง
สืบไปในกาลข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเคยเกิดวิกฤติจนล้มพังพาบ
ตามด้วยอาการของการที่จะค่อยๆตายซาก จนบางพรรคการเมืองอยู่เป็นรัฐบาลไม่ได้
พรรคไทยรักไทยได้เข้ามาฟื้นฟู จนธนาคารโลกยกฐานะประเทศไทย
ขึ้นสู่ประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัว อยู่ในระดับ “ปานกลางระดับสูง”
เนื่องจากหากนับจากปัจจุบัน ปี 2554 ย้อนหลังไปใน “ช่วงทศวรรษ” ที่ผ่านมา
คือในช่วงสิบปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2544 ที่รัฐบาลไทยรักไทยเริ่มบริหารประเทศ
เศรษฐกิจของไทยเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและอัตราความยากจนลดลงเป็นอย่างมาก

เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
เพิ่มขึ้นในทุกๆปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศ
จนเป็นอันดับที่ 13 ของโลกในสมัยรัฐบาลสมชาย
และคงอันดับที่ 13 ของโลกมาโดยตลอดจนปัจจุบัน
ดังนี้
33,048 ล้านดอลลาร์ ในปี 2544
38,924 ล้านดอลลาร์ ในปี 2545
42,148 ล้านดอลลาร์ ในปี 2546
49,832 ล้านดอลลาร์ ในปี 2547
52,066 ล้านดอลลาร์ ในปี 2548
66,985 ล้านดอลลาร์ ในปี 2549
87,455 ล้านดอลลาร์ ในปี 2550
111,008 ล้านดอลลาร์ในปี 2551
(เป็นอันดับที่ 13 ของโลกในสมัยรัฐบาลสมชาย)
138,418 ล้านดอลลาร์ ในปี 2552
172,129 ล้านดอลลาร์ ในปี 2553
(คงอันดับที่ 13 ของโลกมาโดยตลอด)

GDP Growth Rate
(อัตราการเติบโตของ ผลิตภัณฑ์ในประเทศเบื้องต้นซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของรายได้ประชาชาติ)
เพิ่มขึ้นในทุกๆปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศ
จนสูงสุดในปี 2546 มีผลให้ค่า GDPของประเทศไทยเป็นอันดับโลกที่ 31
แต่เริ่มเปลี่ยนเป็นอัตราลดลง เมื่อเกิดการก่อกวนความสงบ จนกระทั่งแย่งชิงอำนาจการเมือง
เปลี่ยนเป็นลดลงทุกๆปีอย่างต่อเนื่องหลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
มีค่าติดลบในปี 2552 ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์บริหารประเทศ
โดยที่ในปีต่อมา 2553 มีการพยายามหลอกลวงโดยบางสื่อ ว่าอัตราการเติบโตของ GDP พุ่ง
ให้เข้าใจสถานะเศรษฐกิจของประเทศผิดเพี้ยน ว่าเศรษฐกิจดี
แต่ประชาชนส่วนใหญ่โดยทั่วไปสัมผัสรับรู้ได้ด้วยตนเองว่าไม่ใช่
เพราะแท้จริงเป็นเพียงการเทียบจากค่าที่ทรุด ที่หดหาย ที่ติดลบ
ที่เกิดจากการพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด โงหัวขึ้นจากการทรุดของส่วนต่างๆ
และหนี้มหาศาลที่รัฐบาลก่อไว้พร้อมภาระหนักในดอกเบี้ยอยู่เบื้องหลัง
อันเป็นวิธีการของกลุ่มคนที่ ดีแต่พูด ที่พูดดูเหมือนดี แท้จริงแฝงความหลอกลวง
หรือไม่ ?
ดังนี้
2.2 % ในปี 2544
5.3 % ในปี 2545
7.1 % ในปี 2546
(สูงสุดในปี 2546 มีผลให้ค่า GDP ของประเทศไทยเป็นอันดับโลกที่ 31)
6.3 % ในปี 2547
4.6 % ในปี 2548
5.1 % ในปี 2549
(เปลี่ยนเป็นลดลงทุกๆปีอย่างต่อเนื่องหลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549)
4.9 % ในปี 2550
2.5 % ในปี 2551
-2.3 % ในปี 2552
(มีค่าติดลบในปี 2552 เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์เข้าบริหารประเทศ)
7.8 % ในปี 2553
(แท้จริงเป็นค่าเทียบจาก ค่าที่ติดลบ และเป็นค่าที่ หนี้มหาศาลอยู่เบื้องหลัง)

เปอร์เซ็นต์หนี้สาธารณะ
ลดลงในทุกๆปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศ
หลังจากลดลงจนต่ำ ก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
ดังนี้
57.5 % ในปี 2544
55.1 % ในปี 2545
50.7 % ในปี 2546
49.5 % ในปี 2547
47.3 % ในปี 2548
42.0 % ในปี 2549
38.3 % ในปี 2550
37.3 % ในปี 2551
(หลังจากลดลงจนต่ำ ก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์)
45.2 % ในปี 2552
44.1 % ในปี 2553

เงินคงคลัง
ภาษีที่เก็บมาจากประชาชน ที่ไม่ได้เอาไปใช้ จะเก็บเป็นเงินคงคลัง
สมัยรัฐบาลสมชาย ในเวลาที่ถูกรัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารขึ้นมาแทน
มีภาษีเก็บเป็นเงินคงคลัง 52,878 ล้านบาท
สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์เก็บภาษีจากประชาชนมาเก็บไว้โดยไม่ใช้ประโยชน์
เป็นเงินคงคลัง 301,044 ล้านบาท
แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์กลับกู้เงินมาใช้ ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมหาศาลโดยไม่จำเป็น
การกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นการไร้เดียงสาในการทำงานหรือบริหารประเทศอย่างโง่เขลา
หรือกระทำเล่ห์เหลี่ยมฉ้อฉลจากดอกเบี้ยเงินกู้ หรือสูบเลือดประชาชนทั้งประเทศ หรือเป็นอย่างอื่นใดกันแน่ ?

คุณูปการของรัฐบาลไทยรักไทย
ที่สร้างผลงานและศักยภาพต่างๆแก่ประเทศ
ยังคงค้ำจุนประเทศไว้ในเวลาต่อๆมา
แม้จะมีคนบางกลุ่มและบางพรรคการเมือง
กระทำการอันเป็นผลทำร้ายประเทศและประชาชนอย่างหนักหนาสาหัส

คนบางกลุ่มทำร้ายประเทศและประชาชนอย่างหนักหนาสาหัส
ยังอวดอ้าง เอาผลงานที่รัฐบาลไทยรักไทยและกลุ่มผู้สืบทอด สะสมเพิ่มขึ้นในแต่ละปีไว้ให้แก่ประเทศ
เปรียบเหมือนกับการที่มีการเก็บสะสมเงินจากเดิมที่แทบจะไม่มี ค่อยๆสะสมเพิ่มจนมีอยู่เป็นจำนวนมาก
แล้วถูกกล่าวอ้างจำนวนที่ออมเก็บมาจากอดีตโดยรัฐบาลไทยรักไทยและกลุ่มผู้สืบทอด
ลวงเป็นผลงานปัจจุบันของตน หรือไม่ ?
***********************************************************

สรุปผลการแก้ปัญหาน้ำท่วมระหว่างรัฐบาลอภิสิทธิ์กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์

รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้เวลากว่า 4 เดือน แก้ปัญหาน้ำท่วม
จนน้ำท่วมเกือบทั้งประเทศวิกฤติที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือน แก้ปัญหาน้ำท่วม
แม้บางส่วนจะยังคงไม่ แต่น้ำท่วมลดระดับหรือจนถึงกับแห้งสนิทในเกือบทุกพื้นที่อย่างประจักษ์ชัด
***********************************************************

เปรียบเทียบการแก้ปัญหาน้ำท่วมระหว่างรัฐบาลอภิสิทธิ์กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์

รัฐบาลอภิสิทธิ์ในปี 2553 เกิดน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบห้าสิบปี
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ให้ทำใจว่าเป็นปรากฏการณ์”
เมื่อสถานีทีวีช่องสามดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยไปแล้วหนึ่งสัปดาห์
แล้วมีการถามหารัฐบาลผ่านทางสื่อต่างๆ
การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยจึงเริ่มดำเนินการโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์
เวลาต่อมารัฐบาลอภิสิทธิ์ในปี 2554 ดูเหมือนว่าไม่ได้นำประสบการณ์น้ำท่วมจากปีที่แล้วมาใช้
เพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในปี 2554 แต่อย่างใด
กลับชวนเคลือบแคลงว่าถูกใช้ในทางตรงข้าม
คือสร้างปัญหาน้ำท่วมหรือทำให้ยิ่งเป็นปัญหาน้ำท่วม ในปี 2554 จนหนักยิ่งกว่าปีที่แล้ว
จากการกักเก็บและระบายน้ำที่มีความเคลือบแคลงในเจตนาที่ประสงค์
หรือไม่ ?

โดยที่ปัญหาน้ำท่วมได้เกิดขึ้นแล้วในช่วงเวลารับผิดชอบของรัฐบาลอภิสิทธิ์อยู่ประมาณสี่เดือน
ใช้จ่ายงบประมาณน้ำท่วมจำนวน 45,750 ล้านบาทจนเกือบหมดเหลืออยู่เพียง 3,500 ล้านบาท
โดยยังคงมีผู้ไม่ได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวนมากรวมถึงที่ตกค้างจากปีที่แล้วด้วย
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่สามารถเข้าบริหารประเทศได้หลังจากแถลงนโยบายต่อสภาเสร็จสิ้น
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554
ราวกับถูกวางเงื่อนเวลาให้เข้ารับผิดชอบจึงปะทะมวลน้ำที่ถาโถมเข้าหาอย่างเต็มที่
พร้อมกับการทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องจากพายุต่างๆ
ที่ถูกซ้ำเติมอย่างหนักด้วยการระบายน้ำจากเขื่อนที่เต็มล้น
ร่วมกับการโจมตีด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิติเตียนอย่างหนักของพรรคการเมืองหนึ่งและกลุ่มผู้สนับสนุน
ในทุกๆการขยับเคลื่อนไหวที่จะพยายามแก้ปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ปริมาณน้ำท่วมมหาศาลครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นจากพายุติดต่อหลายลูก รวมกับน้ำเก็บกัก
อาจเป็นน้ำท่วมปริมาณมหาศาลที่สุดของประเทศไทย
ที่ย่อมต้องไหลจากที่สูงลงต่ำ ไปสร้างชะตากรรมแก่ทุกพื้นที่ทางผ่าน
ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2554 ดูเหมือนว่าน้ำจะอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว
แม้ในบางพื้นที่จะยังไม่ แต่ระดับน้ำในพื้นที่จำนวนมากกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับการเตรียมการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเริ่มต้น

หนทางข้างหน้าแห่งความสำเร็จของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังห่างไกล
ด้วยเงาทมึนของอุปสรรคขวางหน้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากภัยของกลุ่มผู้เปรียบเทียบตนเองว่ามีความสามารถเหมือนแมลงสาบ
ที่แม้ดูราวกับด้อยสติปัญญาจากการไม่เคยสร้างสรร
กลับพิสูจน์ให้ประจักษ์ถึงความสามารถสูงยิ่ง
ในการฉวยโอกาสซ้ำเติมให้สถานการณ์ยิ่งหนักหนาสาหัส
***********************************************************

ยังไม่เชื่อว่า วางยาให้น้ำท่วมเกือบทั้งประเทศ
ไม่อยากเชื่อว่า พยายามซ้ำเติมสถานการณ์ให้ยิ่งหนักหนาสาหัส
ไม่อยากเชื่อว่าเผาเซ็นทรัลเวิล์ด โดยทหารยึดคุมพื้นที่อยู่อย่างแน่นหนาทำไมจับคนเผาไม่ได้สักคนเดียว
ไม่อยากเชื่อว่าสังหาร 91 ชีวิต
ไม่อยากเชื่อว่าปิดสนามบิน
ไม่อยากเชื่อว่า พิพากษาตัดสินคดีขัดกันเองไปมา แล้วแต่ว่า จะเอาโทษฝ่ายหนึ่งหรือละโทษอีกฝ่ายหนึ่ง
ไม่อยากเชื่อว่า วางระเบิดสถานที่ต่างๆในกรุงเทพ ให้ดูเหมือนว่าบ้านเมืองไม่สงบ
***********************************************************

ตั้งแต่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งผมเลือกพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งมาโดยตลอด
แต่เหตุการณ์ความเดือดร้อนวุ่นวายของประเทศที่เริ่มประมาณปี 2548 ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า
ทุกครั้งเมื่อพรรคเก่าแก่นี้ไม่ได้เป็นรัฐบาลประเทศจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย
หรือแท้จริงคือประเทศจะถูกทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย
จนกระทั่งพรรคการเมืองเก่าแก่นี้ได้เป็นรัฐบาล
ประเทศก็จะเริ่มปรากฏมีอาการของการที่จะตายซากไปจนถึงเกิดการล้มพังพาบ
จนพรรคนี้อยู่ไม่ได้ต้องมีผู้เข้ามาฟื้นฟู
และเมื่อพรรคเก่าแก่นี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล…
***********************************************************

จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นวิธีการอย่างที่เคยถูกใช้มาแล้วอาจกำลังจะกลับมาอีกครั้งในต่างรูปลักษณ์ คือ

ใช้นักวิชาการลวง กล่าวหา
ใช้สื่อโสมม กล่าวร้าย
ใช้ม็อบจัดและจ้างก่อกวน
ใช้ระเบิดลอบวาง สร้างสถานการณ์ไม่สงบ
ใช้หน่วยงานสวมแฝงคราบอิสระบิดเบือน
ใช้ตุลาการวิบัติ สองมาตรฐาน
ใช้ทหารไม่รู้หน้าที่ ยึดอำนาจ

จึงขอเตือนรัฐบาลของประชาชน
“พึงระวังสายน้ำหลั่งหลากเชี่ยวหวาดเสียวใจ”
คนชั่วต้องถูกปราบราบคาบสิ้น
ต้องอย่าให้ลงมือทำอย่างเดิมๆจนบรรลุผลได้อีก
***********************************************************

ขัดกันเองไปมาหรือไม่ ?

ยึดทรัพย์พ่อ โดยถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นเป็นของพ่อ ไม่ได้เป็นของลูก
ปรับเงินลูก โดยถือว่าหุ้นจำนวนส่วนนั้นเป็นของลูก ไม่ได้เป็นของพ่อ

ถือว่าเป็นการแจ้งของยามรักษาความปลอดภัย ซึ่งแจ้งเกินกำหนดที่ให้แจ้งโดยไม่ชักช้ากว่า 15 วัน
จึงตัดสินไม่เอาโทษโจรปล้นเงิน
ไม่ถือว่าเป็นการแจ้งของยามรักษาความปลอดภัย เพราะแจ้งโดยไม่ระบุว่าผู้แจ้งเป็นยามฯ
จึงตัดสินไม่เอาโทษโจรปล้นเงิน
***********************************************************

พูดโกหก หรือไม่ ?
กรณีไปเกาะมัลดิลฟ์ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
พูดว่าไม่ได้ไปแล้วพูดว่าไปพบกับประธานาธิปดีของมัลดิลฟ์ (ไม่มีในกำหนดการภารกิจของประธานาธิบดีของมัลดิลฟ์)
จากการที่น้ำท่วมเกือบทั้งประเทศ
จึงไปดูงานแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เกาะมัลดิล์ฟที่ซึ่งน้ำไหลลงทะเลเองทุกด้านในเวลารวดเร็ว
คนที่ไปทำอย่างนี้มา โง่บ้องตื้น หรือโง่มหันต์ หรืออย่างอื่นใดกันแน่ ?
กรณีตำรวจสากลออกหมายจับทักษิณชินวัตร ทั่วโลก
ปรากฏว่าตำรวจสากลไม่เคยออกหมายจับใดๆ
กรณียกเลิก MOU 2544 ที่ทำกับประเทศกัมพูชา ให้บรรดา พธม. ประกาศชัยชนะ
ปรากฏว่าไม่นำเรื่องเข้าสภาฯและไม่แจ้งเป็นทางการต่อประเทศกัมพูชาจึงไม่มีผลใดๆในทางนิติกรรม
กรณีพูดว่าการรับประกันราคาข้าวดีกว่าและการรับจำนำข้าวจะทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล
แต่การขาดทุนจากการรับประกันราคาข้าวในเวลา 2 ปี ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นเงิน 113,861 ล้านบาท
การขาดทุนจากการรับจำนำข้าวในเวลา 5 ปีของรัฐบาลไทยรักไทยและพลังประชาชน เป็นเงิน 63,232 ล้านบาท

พูดแอบอ้าง หรือไม่ ?
กรณีรถไฟฟ้า
http://topicstock.pantip.com/rajdumnern/topicstock/2011/10/P11157948/P11157948.html
กรณีอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ
อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำที่พรรคการเมืองหนึ่งทำการประชาสัมพันธ์ต่างๆ
เป็นโครงการที่เริ่มในสมัยนายสมัครเป็นผู้ว่า กทม.และเริ่มก่อสร้างในปลายสมัย
ขอบันทึกไว้เป็นเกียรติให้แก่ผู้ล่วงลับ
กรณีตัวเลขผลงานทางเศรษฐกิจ
พูดว่าตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆดี
แต่ไม่พูดว่า เริ่มเปลี่ยนเป็นดีเพิ่มขึ้นในทุกๆปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยเริ่มบริหารประเทศ
โดยที่บางตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนเป็นดีลดลงในรัฐบาลของตน

พูดไร้ยางอาย หรือไม่ ?
พูดบอกให้จัดสรรให้ฝ่ายตนออกรายการสื่อ
ซึ่งจากพฤติกรรมที่ผ่านมาทำให้ตระหนักได้ไม่ยากว่าจะเป็นรายการรังควานหรือสร้างสรรประโยชน์สังคมกันแน่
โดยที่ในสมัยตนเป็นฝ่ายรัฐบาล
(ที่ตั้งในค่ายทหารและพรรคชาติไทยพัฒนาเปิดโปงว่าถูกบังคับให้ร่วมสนับสนุนให้เป็นรัฐบาล)
องค์กรฟรีดอมเฮาส์จัดอันดับเสรีภาพสื่อของประเทศไทยลดต่ำเทียบเท่าประเทศพม่า
สื่อต่างๆถูกปิดหรือถูกพยายามปิดกั้นให้เหลือแต่เพียงฝ่ายตนหรือถูกกลั่นแกล้งก่อกวนด้วยวิธีการต่างๆ
บางคนได้ฉายาประจำปีจากสื่อทำนองนี้...“เอ๋งสิงสื่อ”

พูดให้เข้าใจคลาดเคลื่อน พูดให้เข้าใจผิด หรือไม่ ?
พูดพร่ำว่า “นิติรัฐ” แท้จริงเป็น “นิติรัฐประหาร”

พูดบิดเบือน หรือไม่ ?
คนไม่กี่คนไปก่อพิพาทประเทศกัมพูชาด้วยวาระซ่อนเร้น (ตามคลิปที่พวกสมคบกัน คุยโทรศัพท์ว่ามีรู้อยู่คนเดียว)
แล้วบิดเบือนว่าเป็นประเทศทั้งประเทศพิพาทกับประเทศกัมพูชา
พูดว่ารัฐบาลที่ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงของประชาชนอย่างท่วมท้นเป็นเผด็จการรัฐสภา
พูดว่ารัฐบาลที่จัดตั้งในค่ายทหารบีบให้พรรคอื่นสนับสนุนคะแนนเสียงเป็นรัฐบาลตามกติกาประชาธิปไตย

พูดเอาดีใส่ให้พวกตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น หรือไม่ ?
กรณีมีผู้เผยแพร่คลิปของการลอบปรึกษาหารือจะกระทำการมิชอบของคนกลุ่มหนึ่ง
กลับพูดว่าผู้ถ่ายคลิปมีความผิดโดยไม่สนใจการกระทำมิชอบของกลุ่มคนที่ถูกถ่ายคลิป
กรณีกล้องวงจรปิดไม่ติดตั้งให้ครบจำนวนที่ประกาศ
แต่มีกล่องเปล่ารวมด้วย (ไม่ใช่กล้องจำลองที่ควรเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมจากจำนวนที่ประกาศ)
กลับพูดว่าผู้เปิดโปงว่ากล้องวงจรปิดเป็นกล่องเปล่า ทำให้โจรผู้ร้ายรู้ว่าไม่มีกล้อง

พูดล้างสมอง หรือไม่ ?
พยายามปิดกั้นสื่อต่างๆ ให้เหลือแต่เพียงฝ่ายตนแล้วตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกต่างๆนานา
เช่น “เผาบ้านเผาเมือง”
โดยที่พื้นที่ราชประสงค์ถูกทหารยึดคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา
และอาคารเซ็นทรัลเวิลด์มีโครงสร้างเป็นคอนกรีตพร้อมระบบป้องกันเพลิงทันสมัย
การจะเผาอาคารอย่างนี้ให้เสียหายขนาดนั้นเป็นการดำเนินการที่ต้องใช้เวลา และไม่ง่าย
แต่อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผาจนวอดทำไมจับคนเผาไม่ได้สักคนเดียว ?

พูดครอบงำผีอำประเทศ หรือไม่ ?
พูดว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน
แต่มีคนปกติทั่วไปสักคนไหมบนโลกนี้
ที่ไม่ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ มีทรัพย์สิน มีครอบครัว มีญาติมิตร
ที่อำนาจการเมืองไม่มีผลมากระทบเกี่ยวข้อง
ต่ออาชีพ ธุรกิจ ทรัพย์สินครอบครัว ญาติมิตร ของบุคคลผู้นั้น
สำคัญอยู่ที่ว่าเกี่ยวข้องอย่างเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษแก่ประเทศชาติ
หากจะเชื่อคำกล่าวหากล่าวโทษ ของบางพรรคการเมืองต่อผู้อื่น ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยไม่แยกแยะว่า
ได้ประโยชน์จากการสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติหรือได้ประโยชน์จากการสร้างโทษให้ประเทศชาติ
คนปกติทุกคนบนโลกนี้ต้องเป็นเหยื่อข้อกล่าวหานี้จนหมดสิ้นยกเว้น
ต้องเอาผู้ “ไม่ทำอะไร” เท่านั้น ให้บริหารบ้านเมือง แต่ก็จะ “ไร้ผลงานคุณประโยชน์อันใด”
ซึ่งแท้จริงก็ได้แต่เพียง “ไม่ทำอะไร” ให้ดูขาวสะอาดเป็นหุ่นเชิด “บังหน้า” พรรคพวกเบื้องหลัง

พูดความจริงไม่ครบ หรือไม่ ?
พูดว่า ทักษิณ ชินวัตรมีความผิดร้อยแปดพันประการ
ไม่พูดว่าพิพากษาโดยกระบวนการผิดกฎหมายสูงสุดของประเทศ
คือ การรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2540 และวาระต่อเนื่อง
พูดว่า ทักษิณ ชินวัตร มีโทษร้อยแปดพันประการแล้วหลีกหนี
ไม่พูดว่า พวกตนต่างมีโทษหนักไปจนถึงมีโทษสูงสุดแล้วใช้เล่ห์กลหลบเลี่ยง
พูดว่ามีเงินคงคลัง 300,000 ล้านบาท
แต่ไม่พูดว่าเอาภาษีมาเก็บไว้เป็นเงินคงคลังอย่างสูญเปล่าโดยไม่เอาไปใช้
แต่ไปกู้เงินมาใช้แทนซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้โดยไม่จำเป็นอย่างไร้ประโยชน์เป็นจำนวนมาก
พูดว่าประเทศไทยมีเงินทุนสำรองมากเป็นอันดับ 13 ของโลก
แต่ไม่พูดว่ามีมากเป็นอันดับ 13 ของโลกมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมชายแล้ว
พูดว่าหนี้สาธารณะของประเทศเมื่อคิดเป็นสัดส่วนกับรายได้ประชาชาติมีค่าต่ำ
แต่ไม่พูดว่ามีค่าต่ำลดลงเรื่อยๆในทุกๆปีมาตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศแล้ว
โดยที่เริ่มเปลี่ยนเป็นเพิ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลของตน

พูดสองมาตรฐาน หรือไม่ ?
สส.ที่ย้ายพรรคไปเข้าร่วมกับพรรคอื่นนั้นเป็นพวกขายตัว
สส.ที่ย้ายพรรคมาเข้าร่วมกับพรรคเรานี้ เป็นผู้มีอุดมการณ์

พูดกล่าวหาว่าผู้อื่น แต่ตนเองทำเอง หรือไม่ ?
คนบ้าตีกลองที่ตลาดพลางชี้นิ้วกราดไปที่คนอื่นๆในตลาด
กล่าวว่า
ใครตีกลองคนนั้นบ้า…ๆๆๆๆ…
(ส่วนคนอื่นๆ ดูได้ที่ตอนท้ายของกระทู้นี้)

พูดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง หรือไม่ ?
ใครเป็นคนพูดอย่างนี้
“ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มันจะมีสิ่งที่เรียกกันว่าสำนึกรับผิดชอบของนักการเมืองที่ต้องสูงกว่าคนธรรมดา
กรณีประเทศเกาหลีแค่คิดนโยบายเอาเนื้อวัวจากอีกประเทศเข้ามาคนลุกฮือขึ้นมาเป็นแสน เขาลาออกทั้งคณะ
ประเทศประชาธิปไตยในสหรัฐในยุโรปบางทีมีเรื่องอื้อฉาวส่วนตัว ลาออกครับ ”
แล้วใครทำอย่างนี้
“ ตาย 91 คนบาดเจ็บสองพันกว่าคน ใช้กระสุนกว่าแสนนัด ”
***********************************************************

“ ดีแต่พูด” หรือไม่ ?

พูดความจริงไม่ครบ
พูดสองมาตรฐาน
พูดอย่างหนึ่งทำอีกอย่างหนึ่ง
พูดกล่าวหาว่าผู้อื่น แต่ตนเองทำเอง
พูดเอาดีใส่ให้พวกตัวเอาชั่วให้ผู้อื่น
พูดต้มตุ๋น พูดโกหก
พูดให้เข้าใจคลาดเคลื่อนพูดให้เข้าใจผิด
พูดบิดเบือน
พูดล้างสมอง
พูดครอบงำผีอำประเทศ
พูดไร้ยางอาย
พูดแอบอ้าง
***********************************************************

นายอนุสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง
ที่ปฎิบัติการกระชับพื้นที่ชุมนุมมีคนเสียชีวิต 91 คน บาดเจ็บกว่าสองพันคน
กล่าวว่า
“ประชาชนจะหนึ่งคนหรือแสนคน มาเรียกร้องความต้องการต่อรัฐบาล
ไม่ได้ผิดหลักการประชาธิปไตย
ต่อให้ทำความผิดรัฐบาลก็ไม่มีสิทธิทำร้ายประชาชน”

อดีตหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง
เป็นพรรคการเมืองที่แจกที่ดิน
จ่ายชดเชยราคาน้ำมันปาล์ม
อนุมัติงบประมาณให้ทหารเกินกว่าที่ทหารขอมา
รับเงินบริจาคจากกลุ่มทุน
ฯลฯ
กล่าวว่า
“นักการเมืองบางพรรค ทุจริตเชิงนโยบาย มีผลประโยชน์ทับซ้อนเอื้อประโยชน์พวกพ้อง”

นายไวรัส ผู้เป็น สส.และทีมกฏหมายของพรรคการเมืองหนึ่ง
เป็นพรรคการเมืองที่ประกาศนโยบาย 99 วันจะทำจริงๆ
กฏเหลว 9 ข้อ
และนโยบายชั่งขนมไข่นกกระทาขาย เป็นต้น
กล่าวว่า
“จะดำเนินการฟ้องคดีให้ยุบพรรคเพื่อไทยที่ชนะเลือกตั้งและกำลังจะเข้ามาเป็นรัฐบาล
ด้วยข้อหาที่หาเสียงเลือกตั้งด้วยนโยบายต่างๆแล้วไม่ทำและทำไม่ได้
ตามนโยบายที่ประกาศไว้ว่าจะทำเมื่อได้เข้ามาเป็นรัฐบาล”

นายเทพทิ้ง ผู้เป็น สส.และทีมโฆษกของพรรคการเมืองหนึ่ง
เป็นพรรคการเมืองที่เมื่อได้เข้าเป็นรัฐบาลด้วยการใช้วิธีการไม่ปกติ
ก็ทำเรื่องกู้ทันที 1.2 ล้านล้านบาท
ทั้งยังทำเรื่องใช้จ่ายที่ต้องกู้เพิ่มอย่างต่อเนื่องจนไม่ทราบว่าเป็นเท่าใด
กล่าวว่า
“พรรคเพื่อไทยที่กำลังจะเข้ามาเป็นรัฐบาลจะทำเรื่องกู้เงิน 8 แสนล้านบาท
จะเป็นรัฐบาลโคตรกู้”

นายบุญแย่ ผู้เป็น สส.และทีมโฆษกของพรรคการเมืองหนึ่ง
เป็นพรรคการเมืองที่บุคลากรระดับสูงจนถึงสูงสุดของพรรคอย่างน้อยสามคน
แต่งงานโดยไม่จดทะเบียนสมรส
กล่าวว่า
“ขอถามพรรคเพื่อไทยว่าทำไมผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยบางคน
แต่งงานแล้วไม่จดทะเบียนสมรส”

คนบ้าตีกลองที่ตลาดพลางชึ้นิ้วกราดไปที่คนอื่นๆในตลาด
กล่าวว่า
“ใครตีกลองคนนั้นบ้า…ๆๆๆๆ…”
***********************************************************

แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 54 16:01:35

จากคุณ : วษณ
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 15:33:28 A:182.232.138.216 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com