"ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้กลายมาเป็นผู้มี "อิทธิพลทางการเมือง" อย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ...วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
คุณยงยุทธแถลงโดยเน้นเรื่อง spirit และความรับผิดชอบทางการเมือง แม้จะเชื่อว่าตนบริสุทธิ์ แต่ไม่อยากให้มีข้อกังขา และยึดประโยชน์พรรคเหนือประโยชน์ส่วนตน จึงลาออก
คำอธิบายเช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีและควรชื่นชมสนับสนุน
ส่วนเรื่องแรงกดดันภายในพรรค (ที่คุณยงยุทธปฏิเสธ) นั้น หากจะมีอยู่จริง ก็ต้องถามต่อว่า ปัจจัยอะไร ที่มากดดันคนในพรรค ให้มากดดันคุณยงยุทธ ?
...
สิ่งที่ไม่ได้ถูกแถลงออกมา ก็คือ "อิทธิพลทางการเมือง" ที่ "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีต่อการลาออกครั้งนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ ไม่มีใครมาขย่มพรรคได้มากไปกว่า "ศาล" และเราไม่อาจปฏิเสธว่า ณ เวลานี้ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้กลายมาเป็นผู้มี "อิทธิพลทางการเมือง" อย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
แน่นอนว่า "ศาล" ยังไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพราะคดียังไปไม่ถึงศาลเสียด้วยซ้ำ แต่แนวการวินิจฉัยคดีหลายคดีที่ผ่านมา คงทำให้แกนนำพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ถ้าไปศาล ถึงไม่แพ้ ก็มีแต่เสีย
ก็ขนาด "รัฐสภา" ทั้งสภา จะแก้รัฐธรรมนูญ ศาลยังโยงกับเรื่อง "ประชามติ" ทั้งๆ ที่ไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราใดเขียนไว้เลย
แล้วกับแค่ลักษณะต้องห้ามของ "คุณยงยุทธ" คนเดียว หากใครจะกลัวถูกโยงกับเรื่อง "ยุบพรรค" ก็สมควรแล้วที่ควรกลัว.
.................................................................................
เป็นบทวิเคราะห์ของ
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
นิติศาสตรมหาบัณฑิต (รางวัลทุนฟุลไบรท์และวิทยานิพนธ์เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด.
นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
**************************************************************
คนไม่เห็นด้วยก็คงเป็นพวกที่ไม่ยอมรับความจริง เพราะ อะไร คงไม่ต้องบอก
.......................