คห.ที่ 352
ขอบคุณครับ ที่เห็นต่างกับผม
หากอีกฝ่าย คิดว่าทำถูก มีหลักฐาน
ความคิดไม่ประกอบด้วยอคติ เพราะเหตุต่างๆ แล้วก็
หากจะทำอะไร ก็ทำหน้าที่ชาวพุทธกันไปเถอะครับ
(แต่เรื่องอคติ นี่ห้ามกันไม่ได้ ก็จงทำหน้าที่กันไปเถิดครับ)
หากจะให้ดีที่สุด การฟ้องศาลก็เป็นวิธีการทางโลกที่ช่วยตัดสิน
เป็นมาตราฐานของสังคม ที่ทุกคนต่างยอมรับ
ในฐานะที่ยอมรับได้มากที่สุดแห่งหนึ่ง
หากพูดกันในเวบบอร์ด เราต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนี้แล้ว เราต่างก็มองว่า ความคิดต่างกัน เป็นศัตรูต่อกัน
ผมยอมรับในเรื่อง ความคิดเห็นที่ต่างกันได้
แม้คนนั้นจะเป็น เพื่อน หรือคนในครอบครัวกัน
แต่อยากขอให้ เข้าใจวิธีสื่อสารกันอีกรูปแบบหนึ่งครับ
คุยในเวบบอร์ดอย่างไรก็ไม่จบหรอกครับ ตราบใดที่
ทุก user ยังมีอคติกันอยู่ (รวมทั้งผมเองด้วย)
ผมไม่ได้นับถือ ความเห็นที่มีคนให้ give เยอะว่านั่นคือสิ่งที่ถูก
อัตตา, โลกา, ประชา, อนา, ธรรมาธิปไตย มีกันในทุกคน
หากเราอยากหาทางออกเรื่องนี้ ลองถามตัวเองว่า
พร้อมที่จะเปิดใจคุยกับคนที่เห็นต่างแล้วหรือยัง
พร้อมที่จะให้ความรัก ก่อนให้ความรู้หรือความเห็น
ต่อเพื่อนร่วมบอร์ดแล้วหรือยัง
อย่างน้อยเป็นวิธีที่อาจจะไม่ดีที่สุด แต่ก็ทำให้เข้าใจ
มุมมองและความรู้สึกของอีกฝ่ายกันมากขึ้น
ผมเข้าใจทุกๆ คนที่เห็นต่างกับผมนะครับ
(ถึงแม้ ผมจะนึกขำในใจ กับบางเหตุผล เพราะกิเลสผมเอง)
สรุปสุดท้ายว่า ผมจะไม่ต่อความเห็นใครครับ
แค่จะให้ความเห็นว่า
หากอยากจะหาทางออกดีๆ อย่างแรกที่ต้องทำคือ
เลิกมองคนที่คิดต่างเป็น ศัตรูเสียก่อน
เพราะนั่นคือ วิธีที่นักภาวนาทั้งหลายควรจะใช้
(ทำได้ยากมากๆ เพราะต่างมีความคิดกันว่า
เดิมพันครั้งนี้สูงส่งนักหนา .. : )
ส่วนในเรื่องการหาข้อเท็จจริง
ตำรวจ หรือศาลเค้ายังใช้หลักฐานและ
หลักการพิสูจน์กันนานครับ ดังนั้นความคิด
และความเห็นของผม และของพวกคุณ
ก็คงไม่ใช่บรรทัดฐานที่สังคมยอมรับกันที่สุด
แต่สิ่งที่เราจะได้จริงๆ คือ เห็นกิเลสตัวเองระหว่างคุย
และเห็นความรู้สึก เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายให้มาก
อย่างน้อยก็ลดความยึดติดในตัวบุคคล แม้ว่าบุคคลนั้น
จะเป็นบุคคลที่ประเสริฐ ดีเยี่ยมยังไงก็ตาม
ความคิดเห็นของผม เช่นนี้ จะไม่ชวนนำเสนอเพื่อปกป้อง
หรือโจมตีว่า ใครดี ใครถูกนะครับ
แค่อยากเป็น สติ ให้กับตัวเอง และเพื่อนนักภาวนา
ที่เห็นต่างกันทุกคน
ปล. พยายามจะให้ความรักกับทุกคนที่เห็นต่าง
ไม่ใช่เพื่อพวกคุณ แต่เพื่อตัวผมเองต่างหาก : )
ถึงคุณ คห.ที่ 352 และทุกๆ ความเห็นที่ต่างกัน
โทสะของผมหน่ะมีอยู่ แต่ไม่อยากเอาไว้นาน
เพราะศัตรูของเรา ไม่ใช่อีกฝ่าย แต่เป็น
นิสัยลบๆ ของทั้ง 2 ฝ่ายต่างหาก
หากอยากจะคุยกันดีๆ นัดกันไปกินข้าว เจอหน้ากัน
อย่างน้อยถ้าจะ ด่าสาดกัน ก็คงไม่มีแน่ๆ จริงมั้ย
เรื่อง หลวงพ่อ หลวงตา อะไรทั้งหลายเนี่ย
มันอาจจะ เป็นเรื่องเล็กไปเลยก็ได้
ที่เล็กเพราะ เข้าใจโลกมากขึ้นนั่นเอง