ความคิดเห็นที่ 6 | MsgStatus(Msv[6], 6); | ^ ^ ขอพี่ปลาโอพุงแตกไปดำน้ำก่อน นะจ๊ะ นะจ๊ะ แล้วจะมาแถ-ลง เบี่ยงประเด็นด้วยการแปะลิงค์ยั้วเยี้ยตามถนัดจ้าาาาา | ^^^โผล่มาแล้วจ้า...น้องหญิง น่ารักจริง ทิงนองนอย... ^^^หัวข้อนี้ เรามุ่งเน้นไปที่ประเด็นการทำทานด้วยเงินเพียงเท่านั้นนะ ชัดเจนก่อน ตอบ>>ไม่ได้สอนให้ทำทานจนเป็นหนี้ แต่ไม่ห้ามถ้าใจถึงพอ ทำบุญจนเป็นหนี้ ถ้าใครทำแล้วมีความสุข ไม่เดือดร้อนตัวเอง และผู้อื่น มีปัญญาใช้คืน ก็ทำไป จากนั้นเราต้องช่วยกันหาเหตุผลต่อ ว่าทำบุญมากจนเป็นหนี้เนี่ย อยากรู้จริงๆว่า เหตุแห่งการเป็นหนี้มาจากไหน ไม่มีตังค์ แต่อยากได้บุญ เลยจำต้องกู้ไปทำบุญ ใหญ่ๆน่าจะมี 2 CASE 1. โดยธรรมชาติ มนุษย์ที่จะทำบุญต้องรู้ว่า ตัวเองทำไปแล้วจะสุขหรือทุกข์ ถ้าทุกข์แล้วยังทำ แสดงว่าผู้นั้นพร้อมที่จะทุกข์ทางกาย แต่สุขใจที่ได้ทำ ถ้าว่าแค่สุขใจได้แค่นี้ ฉันมีปัญญาใช้คืน มันเงินของฉัน อย่ายุ่ง ไม่แคร์ใคร อันนี้สนับสนุนทำเถิด.... 2. ถ้าทำแล้ว เมื่อเป็นหนี้ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่มีปัญญาใช้ หลังจากทำก็กลับมานั่งเอาพระบาท ก่ายหน้าผาก ทุกข์ทั้งกายทั้งใจ อันนี้ไม่สนับสนุน อย่าไปทำ CASE นี้คงจะน้อย เพราะไม่ใช่ทั้งกายทั้งใจ ส่วนใหญ่ประเภทนี้ ไม่ยอมเป็นหนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็มันทุกข์ตั้งแต่ก่อนทำแล้ว ใครจะยังทำอีก (แต่ถ้ามีก็จะให้ทำไงได้) CASE นี้สุดท้าย ถ้าท่านยืมไปทำบุญแล้วท่านไม่นำมาใช้เจ้าหนี้ ผลบุญนั้นท่านก็ได้ไม่เต็มที่ แถมยังได้บาปจากการโกงเจ้าหนี้ติดตัวไป... สังเกตุดีๆ ไม่ว่าคุณจะมีสภาวะอย่างไร ชื่อว่าทำทาน เราจะไม่มีการตำหนิ หรือคัดค้าน ในทำนองอย่าทำ หรือห้ามทำ เพราะเราเชื่อว่า ผลแห่งทาน จะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ จะตังค์ตัวเอง หรือยืมเค้ามา(โดยรู้ว่ามีปัญญาใช้) หรือทำด้วยความจำใจ ตัดรำคาญ แต่เมื่อทำทานแล้ว ยังไงยังไง ก็หนีผลของทาน นั้นไปไม่พ้น ส่วนเหตุแห่ง ความทุกข์ หรือความประสบเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆในชีวิต ถามคำเดียว มีพุทธพจน์ บทไหนบ้างที่กล่าวอานิสงส์ของ การทำทาน ทำให้เกิดทุกข์ แต่ช้าก่อน...ใครที่กำลังจะบอกว่า ทำทานจนเป็นหนี้ ทำให้เกิดทุกข์ ไม่ใช่นะดูให้ดีๆ คำว่าทำทานผลคือ สุข แต่คำว่าเป็นหนี้ นั่นคือทุกข์ อย่าไปเหมารวมกันนะ.... ปล. ที่กล่าวมานี้ มีข้อคิดเหมือนเดิม 1.ในชีวิตของคนบางคน ที่หลงทาง เป็นหนี้เพราะอบายมุข การพนัน ยาเสพติด นี้ไม่วันได้ทรัพย์กลับคืน แถมอาจเสียสิ้นชีวิต ตามทรัพย์นั้นไป 2.ที่ผ่านมา ผู้ที่ทำทานอย่างสุดกำลัง ไม่มีใครมาบ่น หรือด่าว่าวัด เจอแต่บอกว่าฉันปลึ้ม ฉันชนะแล้ว 3.ส่วนใหญ่ในข้อ 2 ที่ว่าหมดตอนทำ แต่เชื่อไม๊ ครั้งหน้าดันมีให้ทำเยอะกว่าเดิม เรื่องจริง ของจริง มีหลักฐาน 4.ประเภท ที่หลายท่านอ้างว่า หมดตัวต้องไปเดือนร้อนญาติพี่น้อง หรือที่บอกว่าไม่ยอมสงเคราะห์ญาติให้วัดจนหมด อันนี้ยอมรับว่า เคยแต่ได้ยิน แต่ถ้าใครมีตัวจริง เสียงจริง เอาเฉพาะที่เข้าวัดนะ ประเภทขาจร ทำไม่กี่บาท ขอฟาดหางซะให้เละ เอาไว้ก่อน...นอกนั้นขอความกรุณายืนยันให้ได้ไม๊ ความคิดเห็นที่ 7 | MsgStatus(Msv[7], 7); | คุณปาโอ อย่าลืมไปตรวจสอบด้วยนะว่า จบโครงการบวชอุบาสิกาแก้ว 1 ล้านคน ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2553 ที่พระ-ผู้นำบุญอู้ฟู้ๆๆ ขนาดออกรถป้ายแดง กันเลยน่ะ เขาเอาเงินมาจากไหนกัน!! แล้วก็ไปตักเตือนพระที่ขับรถเองด้วยนะ ว่าอย่าทำอย่างนี้นอีก มันไม่งาม ...... ทั้งหมดนี้นี่พระของวัดธรรมกายเล่าให้ฟังนะ ไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นเอง
....ถือว่ารักษาผลประโยชน์เงินทำบุญของญาติโยมที่ทำด้วยใจเถอะค่ะ....
ปล. ลืมบอกไปว่า อยู่ในภาคอิสาน จังหวัดที่ดึงคนบวชได้มากติดอันดับต้นๆน่ะ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 20:53:29 | ^^^^ ไม่มีใครทำแบบนั้นนะจ๊ะ พูดลอยๆแบบนี้ ถือว่าท่านโกหก ไว้ก่อน พูดลอยๆแบบนี้ใครจะไปรู้ว่าคนไหน ยิ่งบอกพระ ท่านรู้ไม๊ตอนนี้มีพระที่วัด พันกว่ารูป... เป็นไปได้ช่วยระบุชื่อพระ หรือเจ้าหน้าที่บอกว่า ออกรถป้ายแดงมา(จดเลขทะเบียนมาได้ยิ่งดี) ที่หลังไมล์รับรองจะเก็บเป็นความลับ หรือจะให้ไปถามพระวัดพระธรรมกาย ที่เล่าให้ท่านฟังก็ได้ หลังไมล์มา ไม่เกินพรุ่งนี้เย็นรู้ผล แต่ถ้าให้ดี "ท่านนั่นแหละ แฉได้ ช่วยแฉ ออกมาเลยขอทั้งภาพและเสียงด้วยถ้ามี จะได้ชัดๆ เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะ ถ้าทำจริงต้องเล่นให้ติดคุก ติดตารางกันไปเลย.." ประเภทฟังคนอื่นมา เพื่อนบอก เห็นมา(แต่ไกลๆ) ประเภทพวกนี้อย่าเอามาพูดเลย
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 22:11:51
จากคุณ |
:
รักทุกวัด นับถือพระทุกรูป (pa-o-toi-uan)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 พ.ค. 54 22:04:23
|
|
|
|