ตอนที่ยังไม่ได้ฌาน หลายคนก็อยากได้ฌาน บางคนก็สงสััยว่าในฌานจะรู้สึกอย่างไร จะเป็นสภาวะแบบไหน และหลายคนก็หวาดกลัวฌาน หวาดกลัวสมาธิ กลัวจิตตั้งมั่น ทั้งที่อยากตั้งมั่น อยากมีสติอัตโนมัติ อยากมีมหาสติ เหมือนคนในยุคกลางที่อยากค้นพบโลกใหม่ ทวีปใหม่ แต่กลัวแล่นเรือไปแล้วตกขอบโลก เพราะมีคนเล่าลือกันว่า อย่าแล่นเรือออกไปไกลกว่าเสาแห่งเฮอคิวลิส (ช่องแคบยิบรอลต้า) ประเดี๋ยวจะไม่ได้กลับมา ประเดี๋ยวจะตกขอบโลก
ที่หวาดกลัว เพราะความไม่รู้ ไม่เคยได้ และมีการบอกต่อกันมาแบบผิดๆ จึงเข้าใจฌานคลาดเคลื่อนไป บางทีก็ปรามาสฌาน เป็นการปรามาสดูหมิ่นฌานซึ่งเป็นกุศลธรรม เข้าทำนองไม่ประกอบกุศลกรรมแต่กลับสร้างอกุศลกรรมให้เพิ่มพูน
ฌานเป็นอจินไตย ใช้ความคิดแบบคนทั่วไปเทียบเคียง เปรียบเทียบได้ยาก อยากทราบต้องถึงเอง ถ้าไม่อยากถึงก็เท่ากับปฏิเสธมรรคผล เพราะแม้แต่พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก วินาทีสุดท้ายแห่งการเจริญวิปัสสนาขณะที่มรรคจิตและผลจิตเกิด ก็ยังเกิดปฐมฌาน
เรื่องติดปีติ ติดสุข ในฌาน ต่างจากปีติ สุข อันเกิดจากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
เอามาเทียบกันไม่ได้ เพราะเป็นจิตที่อยู่กันคนละภูมิ
ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้ฌาน ไม่ใคร่ติดในปีติ สุข นานนัก ถ้าติดปีติ สุข ก็จะติดอยู่ ณ ทุติยฌาน กับตติยฌาน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
หากไม่ติดปีิติ สุข ก็จะยกระดับจิตขึ้นสู่จตุตถฌานได้เป็นไปตามเหตุตามผล
ถ้าท่านใดรักสติ ชอบการเจริญสติ สรรเสริญสติ ก็พึงรู้เถิดว่า ฌานนั่นแหละมีสติอันบริสุทธิ์ปราศจากนิวรณ์ เป็นทางเดียวกับการเจริญสติ เป็นผลอันเกิดจากการเจริญสติ เป็นการภาวนาด้วยการรู้ ไ่ม่ใช่การหลงไม่รู้
ตติยฌาน นี้ พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข
ส่วน จตุตถฌานนั้นไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่
จากคุณ |
:
คืนวันอันแสนดี
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ก.ค. 54 13:21:41
|
|
|
|